ลานธรรมจักร
http://www.dhammajak.net/forums/

อยาก
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=42059
หน้า 1 จากทั้งหมด 3

เจ้าของ:  ปัตติปิตา [ 11 พ.ค. 2012, 19:24 ]
หัวข้อกระทู้:  อยาก

ธรรมดา ความอยากเป็นตัณหา ไม่ว่าจะอยาก ในกาม ในภวะ หรือวิภวะ
ถามว่า การอยากได้บุญจัดเป็นตัณหาหรือไม่ เพราะอยากได้บุญก็เป็นความอยากมีอยากเป็น(ภวะ)
ถามว่า ถ้าเช่นนั้นแล้ว การอยากได้บุญเป็นบาปหรือไม่??

เจ้าของ:  ปัตติปิตา [ 11 พ.ค. 2012, 19:25 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: อยาก

เอ่อ... อยากได้บุญในความหมายที่ว่า อยากเกิดบนสวรรค์ชั้นนั้นชั้นนี้ อยากสวยอยากรวยชาติหน้า เป็นต้นว่า การทำบุญหวังผลนั่นเอง

เจ้าของ:  ปลงซะ [ 11 พ.ค. 2012, 19:41 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: อยาก

ปัตติปิตา เขียน:
ธรรมดา ความอยากเป็นตัณหา ไม่ว่าจะอยาก ในกาม ในภวะ หรือวิภวะ
ถามว่า การอยากได้บุญจัดเป็นตัณหาหรือไม่ เพราะอยากได้บุญก็เป็นความอยากมีอยากเป็น(ภวะ)
ถามว่า ถ้าเช่นนั้นแล้ว การอยากได้บุญเป็นบาปหรือไม่??


อ๋อเหรอ เจ้าคารม เป็นนักประพันธ์เหรอ ว่าไป

ฮาฮ๊าฮาาา :b12:

เจ้าของ:  ปลงซะ [ 11 พ.ค. 2012, 19:45 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: อยาก

ปัตติปิตา เขียน:
เอ่อ... อยากได้บุญในความหมายที่ว่า อยากเกิดบนสวรรค์ชั้นนั้นชั้นนี้ อยากสวยอยากรวยชาติหน้า เป็นต้นว่า การทำบุญหวังผลนั่นเอง


แล้วคุณปิดหูปิดตา อยากให้เจ้านายขึ้นเงินเดือนหรือเปล่าล่ะ ทำงานดี หวังอัพเงินเดือนล่ะซี๊ มีแผนๆ
หรือทำธุรกิจส่วนตัว แล้วอยากได้กำไรล่ะป่าวล่ะ หรือเอาเท่าทุนก็พอหรือป่ะ หวังผลล่ะซี๊ มีแผนๆ
มันก็เหมือนกันล่ะว๊าาาา สวงสวรรค์อะไรก๊านนนน เพ้อเจ้อ กิเลสหนอ กิเลสหนอ หลงทางหนอ

ฮานะเจ้าฆ่ะ :b13:

เจ้าของ:  ปฤษฎี [ 11 พ.ค. 2012, 21:01 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: อยาก

ก็เป็นตัณหาครับ
จิตประกอบด้วยตัณหา ก็เป็นอกุศลจิตครับ

เจ้าของ:  ปฤษฎี [ 11 พ.ค. 2012, 21:15 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: อยาก

ปัตติปิตา เขียน:
เอ่อ... อยากได้บุญในความหมายที่ว่า อยากเกิดบนสวรรค์ชั้นนั้นชั้นนี้ อยากสวยอยากรวยชาติหน้า


กามตัณหา นั่นเทียว

เจ้าของ:  คนธรรมดาๆ [ 12 พ.ค. 2012, 00:51 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: อยาก

อยากในอะไร เป็นกิเลสทั้งนั้นครับ

คุณถามว่า การอยากได้บุญเป็นบาปหรือไม่?? ก็ต้องถามคุณกลับว่า บุญในความคิดของคุณคืออะไร บาปในความคิดของคุณคืออะไร คนเราอยากได้บุญ บางครั้งก็เพราะฟังๆคนอื่นมาว่าบุญเป็นของดีของประเสริฐ แต่จริงๆแล้วเราเคยเห็นเคยรู้สึกถึงบุญจริงๆหรือเปล่า

บุญคือความสุข ความสงบสบาย ความสมบูรณ์ของใจ
บาปคือความทุกข์ ความหม่นหมอง ความเดือดเนื้อร้อนใจ

คุณถามว่า การอยากได้บุญเป็นบาปหรือไม่?? ก็ลองพิจารณาดูว่า ความอยากได้บุญทำให้ใจเป็นสุขหรือเป็นทุกข์

ตอนทำบุญสำเร็จเราได้รับความสุขก็จริงอยู่ แต่ก่อนหน้านั้นละ ตอนที่เราคิดอยากทำบุญ ขณะนั้นใจมีความสุขหรือเปล่า

เพราะมันมีทั้งคนที่อยากทำบุญ แล้วได้บุญ และคนที่อยากทำบุญ แล้วได้บาป

คนที่อยากทำบุญ คิดถึงความสุขความสงบที่ตัวเองจะได้จากการทำบุญนี้ ขณะทำเขาก็มีความเย็นกายเย็นใจ ใจเป็นสุข ยินดีที่จะได้ทำบุญนั้น ถ้าการอยากทำบุญของคุณเป็นแบบนี้ บุญคือความสุขก็เกิดกับคุณ

คนที่อยากทำบุญ แล้วใจรุ่มร้อน สับสนปริวิตกกระวนกระวาย กระหายจะได้บุญได้ความดี ได้ความเด่นดัง ได้ลาภยศสรรเสริฐเข้าหาตน แบบนี้ใจก็หาความสงบสุขไม่ได้ ถ้าการอยากทำบุญของคุณเป็นแบบนี้ บุญ ความสุขที่จะได้ก็ย่อมลดน้อยลดหลั่นลงไป

การทำบุญหวังผล เป็นเรื่องปกติครับ คนเราทำอะไรลงไป จะต้องได้รับผลของการกระทำนั้น ไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้ ดังนั้นทำอะไรเราก็ควรต้องคิดถึงผลที่จะได้อยู่แล้ว จะได้ระมัดระวังการกระทำเพื่อให้เกิดผลอย่างที่เราต้องการ หรืออย่างน้อยก็อยู่ในขอบเขตที่ไม่นำไปสู่ความเดือดร้อน แต่อย่าไปคิดหวังกับอนาคตมากเกินไปเลยครับ เพราะผลที่เกิดที่นี่ เดี๋ยวนี้ ก็มีอยู่

บุญคือความสุขใจ บุญ ความสุข ในอนาคตมี อันนั้นจริงอยู่ แต่บุญและความสุขก็มีในปัจจุบันเช่นกัน หากตอนนี้เดี๋ยวนี้เรายังเอาเอาบุญ เอาความสุขไม่ได้ แล้วในอนาคตเราจะแน่ใจได้อย่างไรว่าเราจะเอาความสุขมาเป็นของเราได้

ก็คล้ายการเล่นเครื่องดนตรี หากตอนนี้เล่นไม่เป็น แต่เราไม่หัดไม่ทำอะไรเลย ควรหรือที่เราจะคาดหวังว่าต่อไปในอนาคต เราจะอยู่ๆเล่นเป็นขึ้นมาได้เอง

ผิดถูกอย่างไรโปรดพิจารณาครับ

เจ้าของ:  wic [ 12 พ.ค. 2012, 06:23 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: อยาก

อยากให้บ้านเมืองสงบสุข อยากให้เขาพ้นทุกข์ อยากให้เขาเป็นสุข อยากหมดกิเลส

อยากอย่างนี้เป็นวิภวะ ไม่บาปครับ

เจ้าของ:  วิริยะ [ 12 พ.ค. 2012, 20:18 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: อยาก

ตัณหา แปลว่า ความทะยานอยาก อยากได้ อยากเป็น อยากมี
ตัณหา มีทั้งหยาบและละเอียด

ตัณหาอย่างหยาบ คือ ตัณหาที่ถูกบังคับด้วยกิเลส ควบคุมลำบาก
ตัณหาอย่างละเอียด เรียก ฉันทะ ความทะยานอยากในทางที่ดี

ถามว่า ถ้าเช่นนั้นแล้ว การอยากได้บุญเป็นบาปหรือไม่??
อยากได้บุญ จัดเป็น ฉันทะ คือทะยานอยากในทางที่ดี หวังเลิกลดละ
สิ่งอันจะนำไปสู่อบายภูมิ


"ฉันทะ" หนึ่งในอธิบาทสี่ "ธรรมที่จะนำไปสู่ความสำเร็จ"

:b12:

เจ้าของ:  กบนอกกะลา [ 12 พ.ค. 2012, 22:13 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: อยาก

FLAME เขียน:
ก็เป็นตัณหาครับ
จิตประกอบด้วยตัณหา ก็เป็นอกุศลจิตครับ

s006 s006

อยากทำบุญ...อยากได้บุญ...ไปสวรรค์....

เป็นตัณหาหรือ?...เป็นอกุศลหรือ?

ใคร่ไปในทางต่ำ..มีผลเป็นทุกข์...จึงควรเรียกว่าตัณหา

รู้ว่าอะไรดี..อะไรไม่ดี....แต่ไม่ทำดี...จึงควรเรียกว่าไม่ฉลาด....เป็นอกุศล

ก็เมื่อเห็นว่าเป็นมนุษย์เล้วทุกข์ยากลำบากทำมาหากิน...เป็นเทวดาไม่วุ่นดี...ก็รู้เท่านี้...จึงอยากไปสวรรค์...แบบนี้เรียกว่าคนฉลาด...อยากไปสวรรค์ก็ไม่ควรเรียกว่าตัณหา

แต่ถ้า..รู้ว่า...นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง...แล้ว...แต่ก็ไม่ทำ....แบบนี้จึงเรียกว่า...คนไม่ฉลาด...เป็นอกุศล...ความอยากในวัฎฎะของเขาจึงควรเรียกว่าตัณหา

เจ้าของ:  ปฤษฎี [ 12 พ.ค. 2012, 22:51 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: อยาก

[
อ้างคำพูด:
quote="กบนอกกะลา"]
FLAME เขียน:
ก็เป็นตัณหาครับ
จิตประกอบด้วยตัณหา ก็เป็นอกุศลจิตครับ

s006 s006

อยากทำบุญ...อยากได้บุญ...ไปสวรรค์....

เป็นตัณหาหรือ?...เป็นอกุศลหรือ?

ใคร่ไปในทางต่ำ..มีผลเป็นทุกข์...จึงควรเรียกว่าตัณหา

รู้ว่าอะไรดี..อะไรไม่ดี....แต่ไม่ทำดี...จึงควรเรียกว่าไม่ฉลาด....เป็นอกุศล

ก็เมื่อเห็นว่าเป็นมนุษย์เล้วทุกข์ยากลำบากทำมาหากิน...เป็นเทวดาไม่วุ่นดี...ก็รู้เท่านี้...จึงอยากไปสวรรค์...แบบนี้เรียกว่าคนฉลาด...อยากไปสวรรค์ก็ไม่ควรเรียกว่าตัณหา


แม้ปรารถนาในกามอันเป็นทิพย์ ก็เป็นกามตัณหา ยังสัตว์ให้เกิดอีก
ตัณหาเป็นอุปกิเลส เป็นอกุศลครับ เป็นเหตุให้เกิดอีก แล้วก็ไม่พ้นไปจากชราและมรณะ
สัตว์ทั้งหลายมีตัณหาเป็นเพื่อนสองย่อมท่องเที่ยวไปตลอดกาลนาน
แม้เทวดาจะได้เสวยสุขอันเป็นทิพย์ เพราะผลแห่งกุศลกรรมที่ได้กระทำไว้ แต่ก็ยังไม่ชื่อว่าพ้นไปจากบ่วงมัจจุราช ภพแม้เป็นทิพย์ก็ยังไม่ยั่งยืน



อ้างคำพูด:
แต่ถ้า..รู้ว่า...นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง...แล้ว...แต่ก็ไม่ทำ....แบบนี้จึงเรียกว่า...คนไม่ฉลาด...เป็นอกุศล...ความอยากในวัฎฎะของเขาจึงควรเรียกว่าตัณหา


ก็อาศัยตัณหาเพื่อละตัณหาครับ เบื้องต้นก็อาศัยตัณหา สุดท้ายก็ต้องหมดตัณหา ถ้ายังมีตัณหาอยู่ก็ไม่พ้นทุกข์ไปได้ครับ

เจ้าของ:  กบนอกกะลา [ 13 พ.ค. 2012, 01:03 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: อยาก

จริงอยู่....มีภพอยู่...ก็ยังทุกข์อยู่

แต่เขารู้มาแค่นี้....เขาก็ทำเท่าที่เขารู้....แล้วก็ได้สูงสุดเท่าที่เขารู้....ทุกข์เขาน้อยลง...ก็นับว่าเขาฉลาดพอตัว...เป็นกุศลแล้ว...แม้ยังไม่สูงสุดถึงความไม่เปลี่ยนแปลงย้อนกลับ....บุญทานของเขาก็ยังควรแก่การอนุโมทนาสาธุ...สั่งสมสัมมาทิฏฐิเพื่อกาลข้างหน้าต่อไป

เจ้าของ:  ปัตติปิตา [ 13 พ.ค. 2012, 10:01 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: อยาก

ปลงซะ เขียน:
ปัตติปิตา เขียน:
เอ่อ... อยากได้บุญในความหมายที่ว่า อยากเกิดบนสวรรค์ชั้นนั้นชั้นนี้ อยากสวยอยากรวยชาติหน้า เป็นต้นว่า การทำบุญหวังผลนั่นเอง


แล้วคุณปิดหูปิดตา อยากให้เจ้านายขึ้นเงินเดือนหรือเปล่าล่ะ ทำงานดี หวังอัพเงินเดือนล่ะซี๊ มีแผนๆ
หรือทำธุรกิจส่วนตัว แล้วอยากได้กำไรล่ะป่าวล่ะ หรือเอาเท่าทุนก็พอหรือป่ะ หวังผลล่ะซี๊ มีแผนๆ
มันก็เหมือนกันล่ะว๊าาาา สวงสวรรค์อะไรก๊านนนน เพ้อเจ้อ กิเลสหนอ กิเลสหนอ หลงทางหนอ

ฮานะเจ้าฆ่ะ :b13:



เอาจริงๆผมยังไม่จบม.๖เลยครับ แต่ผมก็อยากสอบได้มหาวิทยาลัยดีๆนะ

เจ้าของ:  ปัตติปิตา [ 13 พ.ค. 2012, 10:03 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: อยาก

[/quote]ก็อาศัยตัณหาเพื่อละตัณหาครับ เบื้องต้นก็อาศัยตัณหา สุดท้ายก็ต้องหมดตัณหา ถ้ายังมีตัณหาอยู่ก็ไม่พ้นทุกข์ไปได้ครับ[/quote]

สุดยอดครับ ชอบๆ smiley

เจ้าของ:  ธรรมโชติ [ 13 พ.ค. 2012, 14:02 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: อยาก

วิริยะ เขียน:
ตัณหา แปลว่า ความทะยานอยาก อยากได้ อยากเป็น อยากมี
ตัณหา มีทั้งหยาบและละเอียด

ตัณหาอย่างหยาบ คือ ตัณหาที่ถูกบังคับด้วยกิเลส ควบคุมลำบาก
ตัณหาอย่างละเอียด เรียก ฉันทะ ความทะยานอยากในทางที่ดี

ถามว่า ถ้าเช่นนั้นแล้ว การอยากได้บุญเป็นบาปหรือไม่??
อยากได้บุญ จัดเป็น ฉันทะ คือทะยานอยากในทางที่ดี หวังเลิกลดละ
สิ่งอันจะนำไปสู่อบายภูมิ


"ฉันทะ" หนึ่งในอธิบาทสี่ "ธรรมที่จะนำไปสู่ความสำเร็จ"

:b12:

:b8:

หน้า 1 จากทั้งหมด 3 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/