ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
นั่งกรรมฐานแล้วหูอื้อ http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=41703 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 3 |
เจ้าของ: | nongkong [ 08 เม.ย. 2012, 19:48 ] |
หัวข้อกระทู้: | นั่งกรรมฐานแล้วหูอื้อ |
ดิฉันนั่งกรรมฐานแล้วหูอื้อเกิดจากอะไรหรือค่ะ ดิฉันนั่งไปสักครู่และพิจารณากายกับจิตแล้วซักพักก็เพ่งจิตไปที่ปลายจมูก ซักพักจิตก็เหมือนถูกดูดเข้าไปในหลุมดำเหมือนมีเกลียวสีม่วงวนลงไปคล้ายๆน้ำวนแล้วหูดิฉันก็ดังหวี่..แล้วหูอื้อไปเลย แล้วก็เกิดสภาวะเงียบไม่เห็นอะไร แต่หูก็ได้ยินเสียงรถแล่นไปมา(บ้านติดถนน)ดิฉันนั่งอยู่ในสภาวะนั้น ประมาณ 30 นาที แล้วออกจากสมาธิ อยากรู้ว่าสภาวะนี้มันคืออะไรหรอค่ะ มีใครเป็นบ้างไหม |
เจ้าของ: | nongkong [ 08 เม.ย. 2012, 21:12 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: นั่งกรรมฐานแล้วหูอื้อ |
ไม่รุ้ว่าตัวเองเข้าถึงกระแสธรรมหรือยังเห็นท่านจ่าพูดเกี่ยวกับฉัพพรรณรังสี เลยไปหาดูในgoogle แล้วตกลงไอ้หลุมดำสีม่วงๆ ใช่ฉัพพรรณรังสีหรือป่าว เลยคัดลอกเอาข้อความเวปแห่งหนึ่งมาเทียบเคียงดู ใครเข้าถึงโสดาบัน แล้วบ้าง ช่วยอธิบายให้เข้าใจหน่อยเจ้าค่ะ ดวงวิญญาณที่มีรัศมีสีเหลืองอ่อน หมายถึง เจ้าของวิญญาณมีความเมตตากรุณา ยิ่งมีมาก สีก็จะเหลืองแก่มากขึ้น 2.สีขาว หมายถึง ผู้มีศีล ถือพรตพรหมจรรย์บริสุทธิ์ จึงมีความผ่องใสเป็นประกายรัศมีสีขาว 3.สีเขียวอ่อน หมายถึงผู้บำเพ็ญทาน ศีล ภาวนา มีเมตตาต่อสัตว์และมนุษย์ทั่วไป เป็นผู้ยึดภูมิอันประเสริฐ บำเพ็ญทางโพธิสัตต์ เมื่อบารมีแก่กล้าขึ้น สีเขียวก็จะแก่ขึ้นและมีประกายรัศมีมาก 4.สีแดงอ่อน แดงแก่ หมายถึงอิทธิฤทธิ์มากน้อย 5.สีม่วงอ่อน ม่วงแก่ หมายถึงบุญฤทธิ์ปนอิทธิฤทธิ์และหมายถึงปัญญา 6.สีน้ำเงินแก่ ไม่เลวนักแต่ไม่ดี 7.สีดำ สีคล้ำ สีมัวๆ ยังมีกรรมชั่วหนักอยู่ หรือกรรมเก่าทางชั่วร้ายกำลังตามทัน |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 10 เม.ย. 2012, 15:26 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: นั่งกรรมฐานแล้วหูอื้อ |
nongkong เขียน: ไม่รุ้ว่าตัวเองเข้าถึงกระแสธรรมหรือยังเห็นท่านจ่าพูดเกี่ยวกับฉัพพรรณรังสี เลยไปหาดูในgoogle แล้วตกลงไอ้หลุมดำสีม่วงๆ ใช่ฉัพพรรณรังสีหรือป่าว เลยคัดลอกเอาข้อความเวปแห่งหนึ่งมาเทียบเคียงดู ใครเข้าถึงโสดาบัน แล้วบ้าง ช่วยอธิบายให้เข้าใจหน่อยเจ้าค่ะ ดวงวิญญาณที่มีรัศมีสีเหลืองอ่อน หมายถึง เจ้าของวิญญาณมีความเมตตากรุณา ยิ่งมีมาก สีก็จะเหลืองแก่มากขึ้น 2.สีขาว หมายถึง ผู้มีศีล ถือพรตพรหมจรรย์บริสุทธิ์ จึงมีความผ่องใสเป็นประกายรัศมีสีขาว 3.สีเขียวอ่อน หมายถึงผู้บำเพ็ญทาน ศีล ภาวนา มีเมตตาต่อสัตว์และมนุษย์ทั่วไป เป็นผู้ยึดภูมิอันประเสริฐ บำเพ็ญทางโพธิสัตต์ เมื่อบารมีแก่กล้าขึ้น สีเขียวก็จะแก่ขึ้นและมีประกายรัศมีมาก 4.สีแดงอ่อน แดงแก่ หมายถึงอิทธิฤทธิ์มากน้อย 5.สีม่วงอ่อน ม่วงแก่ หมายถึงบุญฤทธิ์ปนอิทธิฤทธิ์และหมายถึงปัญญา 6.สีน้ำเงินแก่ ไม่เลวนักแต่ไม่ดี 7.สีดำ สีคล้ำ สีมัวๆ ยังมีกรรมชั่วหนักอยู่ หรือกรรมเก่าทางชั่วร้ายกำลังตามทัน ไม่รุ้ว่าตัวเองเข้าถึงกระแสธรรมหรือยัง เห็นท่านจ่าพูดเกี่ยวกับฉัพพรรณรังสี เลยไปหาดูในgoogle แล้วตกลงไอ้หลุมดำสีม่วงๆ ใช่ฉัพพรรณรังสีหรือป่าว เลยคัดลอกเอาข้อความเวปแห่งหนึ่งมาเทียบเคียงดู ใครเข้าถึงโสดาบัน แล้วบ้าง ช่วยอธิบายให้เข้าใจหน่อยเจ้าค่ะ เห็นคุณ nong ว่ารู้โดยปัจจัตตังว่า ตนเองเป็นสกทาคามีแล้ว ![]() อนึ่งสกทาคามีนั้นเล่า ก็เลยโสดาบันไปขั้นหนึ่งแล้ว แล้วคุณnong ยังมองไม่ออกอีกหรอขอรับว่านั้นเป็นอะไร เป็นฉัพพรรณรังสีหรือไม่หรือเป็นสัตตพรรณรังสี ![]() พุทโธไว้ๆ แม่ชีออกคำสั่ง |
เจ้าของ: | nongkong [ 10 เม.ย. 2012, 16:47 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: นั่งกรรมฐานแล้วหูอื้อ |
กรัชกาย เขียน: nongkong เขียน: ไม่รุ้ว่าตัวเองเข้าถึงกระแสธรรมหรือยังเห็นท่านจ่าพูดเกี่ยวกับฉัพพรรณรังสี เลยไปหาดูในgoogle แล้วตกลงไอ้หลุมดำสีม่วงๆ ใช่ฉัพพรรณรังสีหรือป่าว เลยคัดลอกเอาข้อความเวปแห่งหนึ่งมาเทียบเคียงดู ใครเข้าถึงโสดาบัน แล้วบ้าง ช่วยอธิบายให้เข้าใจหน่อยเจ้าค่ะ ดวงวิญญาณที่มีรัศมีสีเหลืองอ่อน หมายถึง เจ้าของวิญญาณมีความเมตตากรุณา ยิ่งมีมาก สีก็จะเหลืองแก่มากขึ้น 2.สีขาว หมายถึง ผู้มีศีล ถือพรตพรหมจรรย์บริสุทธิ์ จึงมีความผ่องใสเป็นประกายรัศมีสีขาว 3.สีเขียวอ่อน หมายถึงผู้บำเพ็ญทาน ศีล ภาวนา มีเมตตาต่อสัตว์และมนุษย์ทั่วไป เป็นผู้ยึดภูมิอันประเสริฐ บำเพ็ญทางโพธิสัตต์ เมื่อบารมีแก่กล้าขึ้น สีเขียวก็จะแก่ขึ้นและมีประกายรัศมีมาก 4.สีแดงอ่อน แดงแก่ หมายถึงอิทธิฤทธิ์มากน้อย 5.สีม่วงอ่อน ม่วงแก่ หมายถึงบุญฤทธิ์ปนอิทธิฤทธิ์และหมายถึงปัญญา 6.สีน้ำเงินแก่ ไม่เลวนักแต่ไม่ดี 7.สีดำ สีคล้ำ สีมัวๆ ยังมีกรรมชั่วหนักอยู่ หรือกรรมเก่าทางชั่วร้ายกำลังตามทัน ไม่รุ้ว่าตัวเองเข้าถึงกระแสธรรมหรือยัง เห็นท่านจ่าพูดเกี่ยวกับฉัพพรรณรังสี เลยไปหาดูในgoogle แล้วตกลงไอ้หลุมดำสีม่วงๆ ใช่ฉัพพรรณรังสีหรือป่าว เลยคัดลอกเอาข้อความเวปแห่งหนึ่งมาเทียบเคียงดู ใครเข้าถึงโสดาบัน แล้วบ้าง ช่วยอธิบายให้เข้าใจหน่อยเจ้าค่ะ เห็นคุณ nong ว่ารู้โดยปัจจัตตังว่า ตนเองเป็นสกทาคามีแล้ว ![]() อนึ่งสกทาคามีนั้นเล่า ก็เลยโสดาบันไปขั้นหนึ่งแล้ว แล้วคุณnong ยังมองไม่ออกอีกหรอขอรับว่านั้นเป็นอะไร เป็นฉัพพรรณรังสีหรือไม่หรือเป็นสัตตพรรณรังสี ![]() พุทโธไว้ๆ แม่ชีออกคำสั่ง ก็บอกไปแล้วตั้งแต่บรรลุธรรมไม่ค่อยอยากนั่งกรรมฐาน แต่ทำสมาธิอย่างอื่นแทน เอาความจริงมั้ย คุนน้องนั่งกรรมฐานไม่เกิน10ครั้งด้วยซ้ำท่านพี่กรัชกาย ![]() |
เจ้าของ: | nongkong [ 10 เม.ย. 2012, 16:51 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: นั่งกรรมฐานแล้วหูอื้อ |
อีกอย่างคุนน้องก็เลี้ยงลูกจะเอาเวลาที่ไหนนั่งกรรมฐาน คุนน้องรุ้ตัวเองนะว่ามีสติแต่ยังไม่เป็นสมาธิคือมันยังนิ่งไม่พอ ![]() ไม่อยากปฏิบัติเอง เด่วปฏิบัติผิดอาจจะกู่ไม่กลับ ![]() |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 10 เม.ย. 2012, 17:12 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: นั่งกรรมฐานแล้วหูอื้อ |
nongkong เขียน: ก็บอกไปแล้วตั้งแต่บรรลุธรรม ไม่ค่อยอยากนั่งกรรมฐาน แต่ทำสมาธิอย่างอื่นแทน เอาความจริงมั้ย คุนน้องนั่งกรรมฐานไม่เกิน 10 ครั้งด้วยซ้ำท่านพี่กรัชกาย ![]() ก็บอกไปแล้วตั้งแต่บรรลุธรรม ไม่ค่อยอยากนั่งกรรมฐาน แต่ทำสมาธิอย่างอื่นแทน พูดเหมือนว่า การบรรลุธรรม (สกทาคามีอย่างว่า) มีสองแบบ คือ ทำสมาธิอย่างอื่น (อย่างที่บอก) แล้วบรรลุธรรมนี่แบบหนึ่ง แบบนั่งกรรมฐานแล้วบรรลุธรรม นี่อีกแบบหนึ่ง ยังงั้นแหละ เข้าใจถูกไหมครับเนี่ย งงเล็กๆ ![]() |
เจ้าของ: | nongkong [ 10 เม.ย. 2012, 17:25 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: นั่งกรรมฐานแล้วหูอื้อ |
กรัชกาย เขียน: nongkong เขียน: ก็บอกไปแล้วตั้งแต่บรรลุธรรม ไม่ค่อยอยากนั่งกรรมฐาน แต่ทำสมาธิอย่างอื่นแทน เอาความจริงมั้ย คุนน้องนั่งกรรมฐานไม่เกิน 10 ครั้งด้วยซ้ำท่านพี่กรัชกาย ![]() ก็บอกไปแล้วตั้งแต่บรรลุธรรม ไม่ค่อยอยากนั่งกรรมฐาน แต่ทำสมาธิอย่างอื่นแทน พูดเหมือนว่า การบรรลุธรรม (สกทาคามีอย่างว่า) มีสองแบบ คือ ทำสมาธิอย่างอื่น (อย่างที่บอก) แล้วบรรลุธรรมนี่แบบหนึ่ง แบบนั่งกรรมฐานแล้วบรรลุธรรม นี่อีกแบบหนึ่ง ยังงั้นแหละ เข้าใจถูกไหมครับเนี่ย งงเล็กๆ ![]() คือวิธีบรรลุธรรม ของคุนน้องคือ อิทธิบาท4+อินทรี5 แต่พอดีเป็นคนไหวพริบปัญญาดีเลยหัวไว แต่เรื่องกรรมฐานต้องใช้สมาธิเพื่อขจัดกิเลศที่มันจะเข้ามากระทบกระทั่งเราได้ทุกเมื่อ การบรรลุธรรม ไม่จำเป็นต้องนั่งกรรมฐานเสมอไปถ้าคนนั้นมีสติปัญญาดี พอบรรลุธรรมเราต้องตัด อวิชชาไป คือกิเลศ คือการนั่งกรรมฐาน หรือ ทำสมาธิอย่างอื่น เจ้าค่ะ ![]() |
เจ้าของ: | nongkong [ 10 เม.ย. 2012, 19:26 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: นั่งกรรมฐานแล้วหูอื้อ |
ช่วยอธิบายได้ไหมว่าการนั่งกรรมฐานทำไมแต่ละคน มีอาการแตกต่างกัน เพราะอะไรหรอเราก็ไม่เคยเป็นแบบนั้น เค้าเห็นนิมิตอาไรหนอ ![]() |
เจ้าของ: | ลูกพระป่า [ 10 เม.ย. 2012, 19:50 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: นั่งกรรมฐานแล้วหูอื้อ |
สวัสดีครับคุณ nongkong ![]() ขอฝากข้อคิดอะไรไว้สักนิดในฐานะกัลยาณมิตร เอาไว้สอบทานภูมิจิตภูมิธรรมของตนเองดู...1.ถ้ามีคนเอามีดเอาปืนมาจ่อขู่บังคับให้คุณทำผิดศีลไม่เช่นนั้นจะฆ่าคุณ...คุณจะทำอย่างไร...หรือ2.ถ้าพ่อแม่ของคุณขอร้องให้คุณทำผิดศีลเพื่อพวกท่าน...คุณจะทำอย่างไร...หรือ3.เวลาที่มีคนนินทาว่าร้าย ดุด่าดูถูกเหยียดหยามคุณหรือคนที่คุณรักและเคารพ...คุณรู้สึกเช่นไรในขณะนั้นและหลังจากนั้น...และสุดท้าย4.ตอนนี้คุณกลัวผีสางนางไม้รึเปล่า... **ข้อคิดที่ผมฝากไว้คุณไม่ต้องตอบผมแค่ตอบตัวเองตามความจริงก็พอ...ข้อ1-2 ถ้าคำตอบของตัวคุณคือยอมทำหรือไม่รู้ไม่แน่ใจ...ให้รู้ไว้ว่าเรายังไม่บรรลุธรรมของพระอริยะ ข้อ3 ถ้าคุณเกิดความโกรธความขุ่นข้องหมองใจแล้วดับมันไม่ได้ทันที...ให้รู้ไว้ว่าเรายังไม่บรรลุธรรมของพระอริยะ ข้อ4 ถ้าคุณยังกลัวผีสางนางไม้หัวใจเต้นไม่ป็นปกติในบรรยากาศที่ชวนขนลุก...ให้รู้ไว้ว่าเรายังไม่บรรลุธรรมของพระอริยะ...ถ้าถามผมว่าตัวผมเป็นยังไง ผมตอบได้เลยว่าข้อ 1-2 ผมก็ยังไม่รู้ไม่แน่ใจครับ ปล.ที่ผมยกมาเป็นการสอบทานตัวเองอย่างหยาบๆนะครับ มันไม่ 100% ถ้าจะให้ชัวร์ต้องให้พระอริยะเจ้าท่านสอบทานอารมณ์กรรมฐานครับ ขอบคุณครับ ![]() |
เจ้าของ: | nongkong [ 10 เม.ย. 2012, 20:43 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: นั่งกรรมฐานแล้วหูอื้อ |
ที่คุณลูกพระป่าพูดมามันเป็น บารมี 30 ทัศใครทำได้ก็เป็นพระโพธิสัตย์เป็นของทางมหายานเน้นบารมีไม่ต้องละขันธื5 นะเจ้าค่ะ แนวทางเถรวาทคือเข้าถึงกระแสธรรม ศีลบริสุทธ์ ตัดกิเลศออกไปจากจิตใจให้หมด โดยละ ขันธ์5 อริยะ บุคคลขั้น โสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี ยังมีกิเลศ อยู่เจ้าค่ะ ยังงัยก็ตอบไม่ได้อยู่ดีเจ้าค่ะ อริยะบุคคลจะเฝ้าดูกายและจิตตัวเองนะเจ้าค่ะว่าหวั่นไหวไปกับอารมณืนั้นแค่ไหน ซึ่งดิฉันก็ปฏิบัติอยู่ |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 10 เม.ย. 2012, 21:16 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: นั่งกรรมฐานแล้วหูอื้อ |
nongkong เขียน: ดิฉันนั่งกรรมฐานแล้วหูอื้อเกิดจากอะไรหรือค่ะ ดิฉันนั่งไปสักครู่และพิจารณากายกับจิตแล้วซักพักก็เพ่งจิตไปที่ปลายจมูก ซักพักจิตก็เหมือนถูกดูดเข้าไปในหลุมดำเหมือนมีเกลียวสีม่วงวนลงไปคล้ายๆน้ำวนแล้วหูดิฉันก็ดังหวี่..แล้วหูอื้อไปเลย แล้วก็เกิดสภาวะเงียบไม่เห็นอะไร แต่หูก็ได้ยินเสียงรถแล่นไปมา (บ้านติดถนน) ดิฉันนั่งอยู่ในสภาวะนั้น ประมาณ 30 นาที แล้วออกจากสมาธิ อยากรู้ว่าสภาวะนี้มันคืออะไรหรอค่ะ มีใครเป็นบ้างไหม วันใดหรือขณะใด คุณ nong มีคำตอบ จากคำถามนี้ วันนั้นหรือขณะนั้นคุณ nong ก็บรรลุธรรมหรือเห็นธรรมได้ระดับหนึ่ง ![]() ![]() |
เจ้าของ: | nongkong [ 10 เม.ย. 2012, 21:21 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: นั่งกรรมฐานแล้วหูอื้อ |
กรัชกาย เขียน: nongkong เขียน: ดิฉันนั่งกรรมฐานแล้วหูอื้อเกิดจากอะไรหรือค่ะ ดิฉันนั่งไปสักครู่และพิจารณากายกับจิตแล้วซักพักก็เพ่งจิตไปที่ปลายจมูก ซักพักจิตก็เหมือนถูกดูดเข้าไปในหลุมดำเหมือนมีเกลียวสีม่วงวนลงไปคล้ายๆน้ำวนแล้วหูดิฉันก็ดังหวี่..แล้วหูอื้อไปเลย แล้วก็เกิดสภาวะเงียบไม่เห็นอะไร แต่หูก็ได้ยินเสียงรถแล่นไปมา (บ้านติดถนน) ดิฉันนั่งอยู่ในสภาวะนั้น ประมาณ 30 นาที แล้วออกจากสมาธิ อยากรู้ว่าสภาวะนี้มันคืออะไรหรอค่ะ มีใครเป็นบ้างไหม วันใดหรือขณะใด คุณ nong มีคำตอบ จากคำถามนี้ วันนั้นหรือขณะนั้นคุณ nong ก็บรรลุธรรมหรือเห็นธรรมได้ระดับหนึ่ง ![]() ![]() แล้วท่านพี่กรัชกายไม่บอกสภาวะตอนกรรมฐานให้ฟังบ้างละ จะได้รู้ว่าที่ตัวเองปฏิบัติมันผิดหรือถูก |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 10 เม.ย. 2012, 21:25 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: นั่งกรรมฐานแล้วหูอื้อ |
nongkong เขียน: กรัชกาย เขียน: nongkong เขียน: ดิฉันนั่งกรรมฐานแล้วหูอื้อเกิดจากอะไรหรือค่ะ ดิฉันนั่งไปสักครู่และพิจารณากายกับจิตแล้วซักพักก็เพ่งจิตไปที่ปลายจมูก ซักพักจิตก็เหมือนถูกดูดเข้าไปในหลุมดำเหมือนมีเกลียวสีม่วงวนลงไปคล้ายๆน้ำวนแล้วหูดิฉันก็ดังหวี่..แล้วหูอื้อไปเลย แล้วก็เกิดสภาวะเงียบไม่เห็นอะไร แต่หูก็ได้ยินเสียงรถแล่นไปมา (บ้านติดถนน) ดิฉันนั่งอยู่ในสภาวะนั้น ประมาณ 30 นาที แล้วออกจากสมาธิ อยากรู้ว่าสภาวะนี้มันคืออะไรหรอค่ะ มีใครเป็นบ้างไหม วันใดหรือขณะใด คุณ nong มีคำตอบ จากคำถามนี้ วันนั้นหรือขณะนั้นคุณ nong ก็บรรลุธรรมหรือเห็นธรรมได้ระดับหนึ่ง ![]() ![]() แล้วท่านพี่กรัชกายไม่บอกสภาวะตอนกรรมฐานให้ฟังบ้างละ จะได้รู้ว่าที่ตัวเองปฏิบัติมันผิดหรือถูก กรัชกายมิบังอาจแนะนำหรือบอกพระอริยบุคคลขั้นสกทาคามีดอกขอรับ ![]() |
เจ้าของ: | ลูกพระป่า [ 10 เม.ย. 2012, 21:26 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: นั่งกรรมฐานแล้วหูอื้อ |
สวัสดีครับ คุณ nongkong ![]() บางครั้งบางทีความรู้ของเราที่เป็นปัตจัตตัง มันก็เป็นปัตจัตตังที่โดนกิเลสอวิชชามันหลอก...ที่เรียกว่าวิปัสนูปกิเลส จึงต้องสอบทานอารมณ์กับครูบาอาจารย์ที่ท่านสำเร็จมาก่อนแล้ว ในอดีตพ่อแม่ครูอาจารย์องค์หลวงตามหาบัวเองท่านยังโดนกิเลสตัวนี้เล่นงาน ทำให้หลงสมาธิขั้นละเอียดอยู่หลายปี จนท่านพระอาจารย์ใหญ่หลวงปู่มั่นท่านสอบทานและแสดงอุบายธรรมแก้ให้ หลวงตาจึงหายหลง...แต่ถ้ายังหาครูบาอาจารย์ที่เป็นที่พึ่งไม่ได้ เราก็ต้องมีหลักเอาไว้สอบทานตัวเราเอง เพื่อจะได้ไม่หลง...หลักหยาบๆ 4 ข้อที่ผมยกมามีความเกี่ยวพันกับสังโยชน์เบื้องต่ำ ข้อ 1-3 เป็นหลักนะครับ...ผมไม่ได้มีเจตนาจะป่วนหรือทำลายความมั่นใจของคุณ nongkong นะครับ แค่อยากฝากข้อคิดเอาไว้เป็นหลักพิจารณาอีกอย่างหนึ่งเท่านั้นเองครับ...ขอให้พิจารณาธรรมโดยธรรมนะครับ ขอบคุณครับ ![]() |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 10 เม.ย. 2012, 21:30 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: นั่งกรรมฐานแล้วหูอื้อ |
ฟังเพลงนี้แล้วได้แง่คิดดีเหมือนกันนิ ![]() |
หน้า 1 จากทั้งหมด 3 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |