ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
ปริศนาธรรมหลวงปู่ดูลย์ http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=41594 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 2 |
เจ้าของ: | ลูกพระป่า [ 24 มี.ค. 2012, 15:23 ] |
หัวข้อกระทู้: | ปริศนาธรรมหลวงปู่ดูลย์ |
สวัสดีครับพี่ๆทุกท่าน ![]() >>วันนี้ผมขออนุญาติเอาประสบการณ์มาแบ่งบันสักหน่อยครับ....เมื่อปลายปีที่แล้วผมได้มีโอกาสอ่านเจอปริศนาธรรมข้อหนึ่งที่หลวงปู่ดูลย์ อตุโล ได้แสดงไว้ว่า "คิดเท่าไหร่ๆก็ไม่รู้ ต่อเมื่อหยุดคิดจึงรู้ แต่ต้องอาศัยความคิดนั่นแหละถึงรู้" จำได้ว่าตอนนั้นได้กำหนดจิตพิจารณาธรรมข้อนี้อยู่นานพอสมควร แต่ก็ยังไม่สามารถได้คำตอบที่ทำให้หมดสงสัยได้ ได้แต่คำตอบแบบเดาๆว่า...บางครั้งบางคราวพยายามคิดอะไรมากเกินไปก็หาคำตอบไม่ได้ แต่บางทีที่ไม่ได้สนใจจะคิดถึงมันมันกลับได้คำตอบดีๆ...ก็ประมาณนี้แหละครับ แต่ลึกๆผมรู้สึกว่ามันยังไม่ถูกต้อง >>หลังจากนั้นมาผมก็ยังขบปริศนาธรรมข้อนี้อยู่เนืองๆ จนวันหนึ่งช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ ตอนที่ว่างๆไม่ได้ทำงานอะไร ผมจะบริกรรมพุทโธเป็นประจำ แล้วจู่ๆก็มีความรู้หนึ่งปรากฏขึ้นมาในใจ เหมือนจิตมันแสดงธรรมออกมาให้ตัวมันเอง เป็นธรรมที่ไม่มีคำพูดอะไรแต่จิตตอนนั้นกลับรู้คำตอบของปริศนาธรรมที่หลวงปู่ดูลย์ได้กล่าวไว้ แล้วอุทานออกมาเองว่า "คิดเท่าไหร่ๆก็ไม่รู้..อ๋อ มันเป็นอย่างนี้เอง ต่อเมื่อหยุดคิดจึงรู้..อ๋อ มันเป็นอย่างนี้เอง แต่ต้องอาศัยความคิดนั่นแหละถึงรู้..อ๋อ มันเป็นอย่างนี้เอง" แล้วก็หายสงสัยอีกเลย และคำตอบที่ได้มันก็ต่างจากที่เดาเอาไว้ทีแรกมากๆเลยทีเดียว **จุดสำคัญของปริศนาธรรมของหลวงปู่อันนี้อยู่ที่คำว่า "ไม่รู้กับรู้" นี่แหละครับ "ไม่รู้กับรู้" ที่หลวงปู่กล่าวไม่ใช่สมมติบัญญัติ...หากแต่เป็นสภาวะธรรมของจิต หวังว่าคงจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยนะครับ ขอบคุณครับ ![]() |
เจ้าของ: | ให้ทาง [ 24 มี.ค. 2012, 19:31 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ปริศนาธรรมหลวงปู่ดูลย์ |
จะอธิบายให้คนอื่นเข้าใจด้วยได้ไหมละครับว่า เป็นยังไง ![]() |
เจ้าของ: | โฮฮับ [ 25 มี.ค. 2012, 04:34 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ปริศนาธรรมหลวงปู่ดูลย์ |
ลูกพระป่า เขียน: สวัสดีครับพี่ๆทุกท่าน ![]() >>วันนี้ผมขออนุญาติเอาประสบการณ์มาแบ่งบันสักหน่อยครับ....เมื่อปลายปีที่แล้วผมได้มีโอกาสอ่านเจอปริศนาธรรมข้อหนึ่งที่หลวงปู่ดูลย์ อตุโล ได้แสดงไว้ว่า "คิดเท่าไหร่ๆก็ไม่รู้ ต่อเมื่อหยุดคิดจึงรู้ แต่ต้องอาศัยความคิดนั่นแหละถึงรู้" จำได้ว่าตอนนั้นได้กำหนดจิตพิจารณาธรรมข้อนี้อยู่นานพอสมควร แต่ก็ยังไม่สามารถได้คำตอบที่ทำให้หมดสงสัยได้ ได้แต่คำตอบแบบเดาๆว่า...บางครั้งบางคราวพยายามคิดอะไรมากเกินไปก็หาคำตอบไม่ได้ แต่บางทีที่ไม่ได้สนใจจะคิดถึงมันมันกลับได้คำตอบดีๆ...ก็ประมาณนี้แหละครับ แต่ลึกๆผมรู้สึกว่ามันยังไม่ถูกต้อง >>หลังจากนั้นมาผมก็ยังขบปริศนาธรรมข้อนี้อยู่เนืองๆ จนวันหนึ่งช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ ตอนที่ว่างๆไม่ได้ทำงานอะไร ผมจะบริกรรมพุทโธเป็นประจำ แล้วจู่ๆก็มีความรู้หนึ่งปรากฏขึ้นมาในใจ เหมือนจิตมันแสดงธรรมออกมาให้ตัวมันเอง เป็นธรรมที่ไม่มีคำพูดอะไรแต่จิตตอนนั้นกลับรู้คำตอบของปริศนาธรรมที่หลวงปู่ดูลย์ได้กล่าวไว้ แล้วอุทานออกมาเองว่า "คิดเท่าไหร่ๆก็ไม่รู้..อ๋อ มันเป็นอย่างนี้เอง ต่อเมื่อหยุดคิดจึงรู้..อ๋อ มันเป็นอย่างนี้เอง แต่ต้องอาศัยความคิดนั่นแหละถึงรู้..อ๋อ มันเป็นอย่างนี้เอง" แล้วก็หายสงสัยอีกเลย และคำตอบที่ได้มันก็ต่างจากที่เดาเอาไว้ทีแรกมากๆเลยทีเดียว **จุดสำคัญของปริศนาธรรมของหลวงปู่อันนี้อยู่ที่คำว่า "ไม่รู้กับรู้" นี่แหละครับ "ไม่รู้กับรู้" ที่หลวงปู่กล่าวไม่ใช่สมมติบัญญัติ...หากแต่เป็นสภาวะธรรมของจิต หวังว่าคงจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยนะครับ ขอบคุณครับ ![]() ไม่สงสัยเลยที่ตอบมาแบบนี้ รู้แล้วตั้งแต่เริ่มอ่านกระทู้ มันไม่ได้เรื่อง ไม่ได้สาระเลยแม้แต่น้อย พุดโถ๋! ตอบมาได้ว่า ..เป็นสภาวะธรรมของจิต แบบนี้คุณเรียกว่าคำตอบหรือครับ ผมถามคุณหน่อย คุณเอาธรรมมาละเลงเล่น แบบนี้สนุกมั้ยครับ อันไหนไม่รู้ก็อย่าพยายามโชว์ภูมิเลยครับ คุณลูกพระป่าครับ แนะนำครับอยากเป็นนักประพันธ์ ก็ไม่ควรเอาธรรมะมาเป็น ที่ทดสอบนะครับ ลูกพระป่า เขียน: **จุดสำคัญของปริศนาธรรมของหลวงปู่อันนี้อยู่ที่คำว่า "ไม่รู้กับรู้" นี่แหละครับ "ไม่รู้กับรู้" ที่หลวงปู่กล่าวไม่ใช่สมมติบัญญัติ...หากแต่เป็นสภาวะธรรมของจิต หวังว่าคงจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยนะครับ ขอบคุณครับ ![]() คุณคิดว่าเขาจะได้ประโยชน์จากกระทู้ของคุณหรือครับ จะบอกให้นะครับ คำพูดของหลวงปู่ชาวบ้านเขาได้ยินได้ฟังมาแล้วทั้งนั้น แล้วคำว่าสภาวะธรรมของจิตอะไรของคุณนั้นน่ะ มันเป็นประเภท ตอบอะไรมาไม่ตรงประเด็น นั้นก็คือคำตอบที่ตอบมามันไม่ใช่คำตอบ มันกลับทำให้เป็นปัญหาขึ้นมาใหม่ ความหมายก็คือ เขาสงสัยเรื่องคำพูดของหลวงปู่แล้ว ยังจะต้องมาสงสัยกับคำตอบของคุณอีกว่า ...สภาวะธรรมของจิตคืออะไร |
เจ้าของ: | ลูกพระป่า [ 25 มี.ค. 2012, 10:12 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ปริศนาธรรมหลวงปู่ดูลย์ |
ให้ทาง เขียน: จะอธิบายให้คนอื่นเข้าใจด้วยได้ไหมละครับว่า เป็นยังไง ![]() **สวัสดีครับพี่ให้ทาง ![]() ขออภัยที่ไม่ได้อธิบายอย่างละเอียด เพราะเห็นว่าถ้าพูดออกไปมากกว่านี้ อาจจะไปทำให้คุณค่าแห่งปริศนาธรรมของหลวงปู่ดูลย์และสิ่งที่ควรรู้ในปริศนาธรรมอันนี้ที่ควรจะเป็นธรรมปัจจัตตัง ไม่ใช่ธรรมสัญญา...ขอให้ลองพิจารณาลงไปที่ตัวรู้กับตัวไม่รู้ที่เป็นสภาวะธรรม แล้วคำตอบจะออกมาเองครับ... **สวัสดีครับพี่โฮฮับ ![]() ถ้าพี่คิดว่าสิ่งที่พี่กำลังทำอยู่นี้มันดีแล้ว ก็ตามใจพี่เถอะครับ ผมไม่หวังจะไปเปลี่ยนแปลงความเห็นที่พี่ยึดถืออยู่อีกต่อไปแล้ว...เพราะครั้งล่าสุดที่ได้เสวนาธรรมกับพี่นั้น ใจผมมันอุทานออกมาว่า"เบื่อ" และตามด้วยการเทศตัวเองว่า "การรบกับกิเลสของผู้อื่นนั้นไม่มีทางชนะได้ ไม่เหมือนรบกับกิเลสในใจตนยังพอมีทางให้ชนะได้" ขอบคุณครับ ![]() |
เจ้าของ: | กบนอกกะลา [ 25 มี.ค. 2012, 10:45 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ปริศนาธรรมหลวงปู่ดูลย์ |
อ้างคำพูด: "คิดเท่าไหร่ๆก็ไม่รู้ ต่อเมื่อหยุดคิดจึงรู้ แต่ต้องอาศัยความคิดนั่นแหละถึงรู้" คิดตัวแรก....มันมีความปรุงแต่ง...เป็นตรรก...เป็นความรู้จำ....จะคิดเท่าไร..มันก็หนีตัวมันเองไม่ได้ ให้มาทำความสงบของใจ..คือหยุดความคิด...หยุดปรุงแต่ง..ทำใจให้พ้นจากขันธ์มาร เมื่อปลอดจากมารแล้ว...ความคิดจะแจ่มใส่...ความคิดจะสอนใจตามความเป็นจริง...ไม่มีการโน้มน้าวจากเหตุผลของความจดจำ...ใจจะซึ่งตามความเป็นจริงนั้น..เรียกว่า..รู้ กระผมก็เคยไปเห็นมา...เขียนใว้ที่ข้างประตูฝั่งซ้ายทางเข้าพิพิธภัณฑ์หลวงปู่ฯ..ที่วัดบูรพา อ่านแล้วก็เข้าใจอย่างนี้...ผิดก็ผิดที่กระผมเอง... ![]() ![]() ![]() ใครที่คิดว่าหลวงปู่ฯสอนแต่ดูจิตแบบ..เหย ๆ ..ไปวัน ๆ ...นั้นผิดถนัด |
เจ้าของ: | eragon_joe [ 25 มี.ค. 2012, 12:00 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ปริศนาธรรมหลวงปู่ดูลย์ |
ลูกพระป่า เขียน: แล้วจู่ๆก็มีความรู้หนึ่งปรากฏขึ้นมาในใจ เหมือนจิตมันแสดงธรรมออกมาให้ตัวมันเอง เป็นธรรมที่ไม่มีคำพูดอะไรแต่จิตตอนนั้นกลับรู้คำตอบของปริศนาธรรมที่หลวงปู่ดูลย์ได้กล่าวไว้ แล้วอุทานออกมาเองว่า "คิดเท่าไหร่ๆก็ไม่รู้..อ๋อ มันเป็นอย่างนี้เอง ต่อเมื่อหยุดคิดจึงรู้..อ๋อ มันเป็นอย่างนี้เอง แต่ต้องอาศัยความคิดนั่นแหละถึงรู้..อ๋อ มันเป็นอย่างนี้เอง" แล้วก็หายสงสัยอีกเลย และคำตอบที่ได้มันก็ต่างจากที่เดาเอาไว้ทีแรกมากๆเลยทีเดียว **จุดสำคัญของปริศนาธรรมของหลวงปู่อันนี้อยู่ที่คำว่า "ไม่รู้กับรู้" นี่แหละครับ "ไม่รู้กับรู้" ที่หลวงปู่กล่าวไม่ใช่สมมติบัญญัติ...หากแต่เป็นสภาวะธรรมของจิต หวังว่าคงจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยนะครับ ขอบคุณครับ ![]() มี "อ๋อ.." ไม่เพลินกะ "อ๋อ.." ต่อจาก "อ๋อ.." ล่ะ มี "อ๋อ..อ่อ..อ้อ.." อีกมั๊ย คิดว่าจะมี "อ๋อ..อ่อ..อ้อ.." หลัง "อ๋อ" อีกมั๊ย |
เจ้าของ: | eragon_joe [ 25 มี.ค. 2012, 12:05 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ปริศนาธรรมหลวงปู่ดูลย์ |
ลูกพระป่า เขียน: **จุดสำคัญของปริศนาธรรมของหลวงปู่อันนี้อยู่ที่คำว่า "ไม่รู้กับรู้" นี่แหละครับ "ไม่รู้กับรู้" ที่หลวงปู่กล่าวไม่ใช่สมมติบัญญัติ...หากแต่เป็นสภาวะธรรมของจิต หวังว่าคงจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยนะครับ ขอบคุณครับ ![]() รู้อะไร กะไม่รู้อะไร ไม่รู้อะไร กะ รู้อะไร ![]() อ๋อ...อ๋อ |
เจ้าของ: | eragon_joe [ 25 มี.ค. 2012, 12:08 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ปริศนาธรรมหลวงปู่ดูลย์ |
ธรรมอันว่าด้วยการตามหา "อ๋อ" ธรรมอันว่าด้วยการค้นพบ "อ๋อ" "จิต" กะ "อ๋อ" โดยบัญญัติ จิต ไม่ใช่ อ๋อ แต่ทำไม สภาวะ "อ๋อ" จึง...บ่งบอกความนัยเกี่ยวกับ "จิต" ![]() อ๋อ...อ๋อ |
เจ้าของ: | ลูกพระป่า [ 25 มี.ค. 2012, 12:14 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ปริศนาธรรมหลวงปู่ดูลย์ |
eragon_joe เขียน: ลูกพระป่า เขียน: แล้วจู่ๆก็มีความรู้หนึ่งปรากฏขึ้นมาในใจ เหมือนจิตมันแสดงธรรมออกมาให้ตัวมันเอง เป็นธรรมที่ไม่มีคำพูดอะไรแต่จิตตอนนั้นกลับรู้คำตอบของปริศนาธรรมที่หลวงปู่ดูลย์ได้กล่าวไว้ แล้วอุทานออกมาเองว่า "คิดเท่าไหร่ๆก็ไม่รู้..อ๋อ มันเป็นอย่างนี้เอง ต่อเมื่อหยุดคิดจึงรู้..อ๋อ มันเป็นอย่างนี้เอง แต่ต้องอาศัยความคิดนั่นแหละถึงรู้..อ๋อ มันเป็นอย่างนี้เอง" แล้วก็หายสงสัยอีกเลย และคำตอบที่ได้มันก็ต่างจากที่เดาเอาไว้ทีแรกมากๆเลยทีเดียว **จุดสำคัญของปริศนาธรรมของหลวงปู่อันนี้อยู่ที่คำว่า "ไม่รู้กับรู้" นี่แหละครับ "ไม่รู้กับรู้" ที่หลวงปู่กล่าวไม่ใช่สมมติบัญญัติ...หากแต่เป็นสภาวะธรรมของจิต หวังว่าคงจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยนะครับ ขอบคุณครับ ![]() มี "อ๋อ.." ไม่เพลินกะ "อ๋อ.." ต่อจาก "อ๋อ.." ล่ะ มี "อ๋อ..อ่อ..อ้อ.." อีกมั๊ย คิดว่าจะมี "อ๋อ..อ่อ..อ้อ.." หลัง "อ๋อ" อีกมั๊ย สวัสดีครับพี่eragon_joe ถ้าแค่คิดก็น่าจะมี อ๋อ..อ่อ..อ้อ ภายหลังอีกก็ได้นะ มันไม่แน่...แต่ตอนนั้นรู้แต่ว่า อ๋อ อ๋อ อ๋อ |
เจ้าของ: | eragon_joe [ 25 มี.ค. 2012, 13:01 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ปริศนาธรรมหลวงปู่ดูลย์ |
ลูกพระป่า เขียน: สวัสดีครับพี่eragon_joe ถ้าแค่คิดก็น่าจะมี อ๋อ..อ่อ..อ้อ ภายหลังอีกก็ได้นะ มันไม่แน่...แต่ตอนนั้นรู้แต่ว่า อ๋อ อ๋อ อ๋อ จ้ะ เห็น "อ๋อ" ก็เห็น "โฮฮับ" เห็น "โฮฮับ" ก็ "อ๋อ" "เบื่อ" อ๋อ อ๋อ "เบื่อ" ![]() อ๋อ "รู้" รู้ "อ๋อ" ไม่ "อ๋อ" ![]() |
เจ้าของ: | eragon_joe [ 25 มี.ค. 2012, 13:18 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ปริศนาธรรมหลวงปู่ดูลย์ |
"อ๋อ" เจตสิก ![]() |
เจ้าของ: | eragon_joe [ 25 มี.ค. 2012, 13:40 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ปริศนาธรรมหลวงปู่ดูลย์ |
ยากที่จะประมาณ ว่าหลวงปู่ หมาย "หยุด" ขนาดไหน อาจจะหมายถึง "หยุดอ๋อ" "อ๋อหยุด" ด้วยก็ได้ ![]() |
เจ้าของ: | โฮฮับ [ 25 มี.ค. 2012, 14:38 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ปริศนาธรรมหลวงปู่ดูลย์ |
ลูกพระป่า เขียน: สวัสดีครับพี่โฮฮับ ![]() ถ้าพี่คิดว่าสิ่งที่พี่กำลังทำอยู่นี้มันดีแล้ว ก็ตามใจพี่เถอะครับ ผมไม่หวังจะไปเปลี่ยนแปลงความเห็นที่พี่ยึดถืออยู่อีกต่อไปแล้ว...เพราะครั้งล่าสุดที่ได้เสวนาธรรมกับพี่นั้น ใจผมมันอุทานออกมาว่า"เบื่อ" และตามด้วยการเทศตัวเองว่า "การรบกับกิเลสของผู้อื่นนั้นไม่มีทางชนะได้ ไม่เหมือนรบกับกิเลสในใจตนยังพอมีทางให้ชนะได้" ขอบคุณครับ ![]() พระพุทธองค์ทรงสอนให้รู้ที่กายใจของตัวเองครับ คำพูดเของคุณข้างบน คุณว่ามันเป็นกิเลสของคุณหรือของผมครับ ถ้าคุณคิดว่าคุณกำลังรบกับกิเลสของผม นั้นแสดงว่าคุณถูกกิเลสในใจคุณ เข้าครอบง้ำแล้วล่ะครับ จะบอกอะไรให้ครับ เอาเป็นว่าผมสอนดีกว่าฟังเข้าใจง่ายดี ไอ้ที่คุณเข้าใจว่ากำลังรบกับกิเลสของผมหรือคนอื่น มันไม่ใช่หรอกครับ ทั้งหมดทั้งมวลมันเป็นกายใจของคุณผัสสะของคุณนั้นเองแหล่ะ การกระทำของคนอื่นมันเป็นแค่สิ่งที่เราไปกระทบ มันเป็นอนัตตา เราไปบังคับบัญชาไม่ได้หรอกครับ สิ่งที่เราทำได้เราต้องใช้สติของเรา ไม่ให้เกิดการปรุงแต่งวจีสังขาร อย่าให้เกิดการแสดงออกทางวาจาในทางอกุศล หรือให้ดีก็คือพยายามไม่ต้องมากระทบผัสสะที่เกิดจากผม เห็นความเห็นผมก็ผ่านเลยไป แบบนี้ครับ ถึงจะกล่าวได้ว่ากำลังรบกับกิเลสในใจตัวเอง ธรรมะง่ายๆแค่นี้ยังไม่รู้ ริจะมาสอนธรรมชาวบ้าน ตัวเองถูกกิเลสเล่นงานแล้วยังไม่รู้ตัวอีก ![]() |
เจ้าของ: | din [ 25 มี.ค. 2012, 18:49 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ปริศนาธรรมหลวงปู่ดูลย์ |
eragon_joe เขียน: จ้ะ เห็น "อ๋อ" ก็เห็น "โฮฮับ" เห็น "โฮฮับ" ก็ "อ๋อ" "เบื่อ" อ๋อ อ๋อ "เบื่อ" ![]() อ๋อ "รู้" รู้ "อ๋อ" ไม่ "อ๋อ" ![]() ปล่อยๆ คุณโฮฮับเขาบ้างเถอะ ธรรมะคุณโฮฯ จะแตกฉานแค่ไหนผมไม่ทราบ ทราบแต่ว่าคุณโฮฯ แกแตกฉานด้านภาษาไทยเป็นอันมาก เข้าใจเนื้อหาที่ผู้ถามต้องการถาม สรรหาเรื่องมาตอบตามได้เนื้อความที่ถามไว้ ผมยังสงสัยอยู่เลยว่าแกเป็นอาจารย์ภาษาไทยหรือเปล่า เหมือนอาจารย์ระเบียบเคร่งครัดด้านไวยากรณ์ภาษาไทย คุณโฮฯแกก็เคร่งครัดด้านหลักการอ่านเขียนและโต้ตอบด้านภาษาไทยเช่นกัน ![]() |
เจ้าของ: | asoka [ 25 มี.ค. 2012, 21:18 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: ปริศนาธรรมหลวงปู่ดูลย์ | ||
![]() "คิดอยู่ไม่รู้ หยุดคิดถึงรู้" น่าจะเอาแค่นี้จะได้ไม่มีเรื่องให้งง เวลาที่คิดอยู่นั้น จิต สติ ปัญญา ไม่อยู่กับปัจจุบันอารมณ์ จึงไม่สามารถเห็นหรือรู้สภาวธรรมตามความเป็นจริง เมื่อสติ ปัญญาอยู่กับปัจจุบันอารมณ์ได้ดีนั้น ความนึกไปในอดีต คิดไปในอนาคต จะหยุดทำงานไปชั่วคราว ตอนนั้นผู้ปฏิบัติจะได้เห็นสภาวธรรมที่แท้จริง หรือความจริงของสภาวธรรม ความจริงของสภาวธรรมก็ไม่มีอะไรแปลกพิเศษ พิสดาร ความจริงของสภาวธรรมทั้งหมดคือ เกิดขึ้น......ตั้งอยู่......แล้วก็ดับไป เป็น อนิจจัง......ไม่เที่ยง.....ทุกขัง....ทนตั้งอยู่ไม่ได้......อนัตตา......บังคับบัญชาไม่ได้ ไร้แก่นสาร ตัวตน ความรู้ชัดพระไตรลักษณ์ที่ใจตรงๆ โดยไม่มีความนึกคิดประกอบ จะส่งให้เกิดปัญญาญาณที่สำคัญอันเป็นฐานแห่งความหลุดพ้นคือ นิพพิทาญาณ ความเบื่อหน่าย คลายจาง จนละวางความเห็นผิดยึดผิดที่ติดแน่นอยู่ในใจได้ หลังจากนั้นเมื่อเกิดธัมมวิจัยสัมโพชฌงค์ ความคิดถึงจะได้กลับมาใช้ประโยชน์อีกครั้งหนึ่ง ![]()
|
หน้า 1 จากทั้งหมด 2 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |