ลานธรรมจักร
http://www.dhammajak.net/forums/

ห้ามเรียนคัมภีร์โลกายตะ ห้ามเรียนดิรัจฉานวิชา
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=41535
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

เจ้าของ:  tonnk [ 17 มี.ค. 2012, 14:39 ]
หัวข้อกระทู้:  ห้ามเรียนคัมภีร์โลกายตะ ห้ามเรียนดิรัจฉานวิชา

พระไตรปิฎก เล่มที่ ๗ พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๗ จุลวรรค ภาค ๒
เรื่องเรียนคัมภีร์โลกายตะ

[๑๘๑] สมัยนั้น พระฉัพพัคคีย์เรียนคัมภีร์โลกายตะ ชาวบ้านเพ่งโทษ
ติเตียน โพนทะนาว่า ... เหมือนคฤหัสถ์ผู้บริโภคกาม ภิกษุทั้งหลายได้ยินชาวบ้าน
เพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาอยู่ ... จึงกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค
พระผู้มีพระภาค ... ตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ผู้ที่เห็นคัมภีร์โลกายตะ
ว่ามีสาระจะพึงถึงความเจริญงอกงามไพบูลย์ในธรรมวินัยนี้หรือ
ภิ. ไม่อย่างนั้น พระพุทธเจ้าข้า
ภ. อันผู้ที่เห็นธรรมวินัยนี้ว่ามีสาระ จะพึงเล่าเรียนคัมภีร์โลกายตะหรือ
ภิ. ไม่อย่างนั้น พระพุทธเจ้าข้า
ภ. ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่พึงเรียนคัมภีร์โลกายตะ รูปใดเรียน
ต้องอาบัติทุกกฏ ฯ
[๑๘๒] สมัยต่อมา พระฉัพพัคคีย์สอนคัมภีร์โลกายตะ ชาวบ้านเพ่ง
โทษ ติเตียน โพนทะนาว่า ... เหมือนพวกคฤหัสถ์ผู้บริโภคกาม ... ภิกษุ
ทั้งหลายกราบทูลเรื่องนั้นแก่พระผู้มีพระภาค
พระผู้มีพระภาค ... ตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่พึงสอนคัมภีร์
โลกายตะ รูปใดสอน ต้องอาบัติทุกกฏ ฯ

เรื่องเรียนดิรัจฉานวิชา

[๑๘๓] สมัยต่อมา พระฉัพพัคคีย์เรียนดิรัจฉานวิชา ... ภิกษุ
ทั้งหลายกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค
พระผู้มีพระภาค ... ตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่พึงเรียนดิรัจฉาน
วิชา รูปใดเรียน ต้องอาบัติทุกกฏ ฯ
[๑๘๔] สมัยต่อมา พระฉัพพัคคีย์สอนดิรัจฉานวิชา ชาวบ้านเพ่งโทษ
ติเตียน โพนทะนาว่า ... เหมือนพวกคฤหัสถ์ผู้บริโภคกาม ... ภิกษุทั้งหลายกราบ
ทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค
พระผู้มีพระภาค ... ตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่พึงสอนดิรัจฉานวิชา รูปใดสอน ต้องอาบัติทุกกฏ ฯ
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka1/v ... 328&Z=1353

เจ้าของ:  govit2552 [ 17 มี.ค. 2012, 19:42 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ห้ามเรียนคัมภีร์โลกายตะ ห้ามเรียนดิรัจฉานวิชา

คัมภีร์โลกายตะ s006

เจ้าของ:  tonnk [ 18 มี.ค. 2012, 09:20 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ห้ามเรียนคัมภีร์โลกายตะ ห้ามเรียนดิรัจฉานวิชา

เคยอ่านเจอว่าในตำราบางแห่งว่าเป็นคัมภีร์ของพราหมณ์.

แต่ให้ลองตีความตามบทนี้ดู
tonnk เขียน:
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ผู้ที่เห็นคัมภีร์โลกายตะ
ว่ามีสาระจะพึงถึงความเจริญงอกงามไพบูลย์ในธรรมวินัยนี้หรือ
ภิ. ไม่อย่างนั้น พระพุทธเจ้าข้า
ภ. อันผู้ที่เห็นธรรมวินัยนี้ว่ามีสาระ จะพึงเล่าเรียนคัมภีร์โลกายตะหรือ
ภิ. ไม่อย่างนั้น พระพุทธเจ้าข้า

เจ้าของ:  student [ 18 มี.ค. 2012, 10:04 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ห้ามเรียนคัมภีร์โลกายตะ ห้ามเรียนดิรัจฉานวิชา

:b8: :b8: :b8:

เจ้าของ:  govit2552 [ 18 มี.ค. 2012, 12:27 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ห้ามเรียนคัมภีร์โลกายตะ ห้ามเรียนดิรัจฉานวิชา

แต่รู้สึกว่า ดิรัจฉานวิชาคือ วิชาทางโลก

ที่เราเรียนๆ กันนั่นแหละ เช่น วิทย์ คณิต ภาษา สังคม วาดเขียน และอื่นๆ

เจ้าของ:  toichi [ 18 มี.ค. 2012, 16:35 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ห้ามเรียนคัมภีร์โลกายตะ ห้ามเรียนดิรัจฉานวิชา

:b8: :b8: :b8: :b8: :b8:

เจ้าของ:  สุรวุฒิ [ 18 มี.ค. 2012, 22:39 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ห้ามเรียนคัมภีร์โลกายตะ ห้ามเรียนดิรัจฉานวิชา

มหาศีล
๑. ภิกษุเว้นขาดจากการเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา เช่นอย่างที่สมณพราหมณ์
ผู้เจริญบางจำพวกฉันโภชนะที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้ว ยังเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา
เห็นปานนี้ คือ ทายอวัยวะ ทายนิมิต ทายอุปบาต ทำนายฝัน ทำนายลักษณะ ทำนายหนูกัดผ้า
ทำพิธีบูชาไฟ ทำพิธีเบิกแว่น เวียนเทียน ทำพิธีซัดแกลบบูชาไฟ ทำพิธีซัดรำบูชาไฟ ทำพิธี
ซัดข้าวสารบูชาไฟ ทำพิธีเติมเนยบูชาไฟ ทำพิธีเติมน้ำมันบูชาไฟ ทำพิธีเสกเป่าบูชาไฟ ทำ
พลีกรรมด้วยโลหิต เป็นหมอดูอวัยวะ ดูลักษณะที่บ้าน ดูลักษณะที่นา เป็นหมอปลุกเสก เป็น
หมอผี เป็นหมอลงเลขยันต์คุ้มกันบ้านเรือน เป็นหมองู เป็นหมอยาพิษ เป็นหมอแมลงป่อง
เป็นหมอรักษาแผลหนูกัด เป็นหมอทายเสียงนก เป็นหมอทายเสียงกา เป็นหมอทายอายุ
เป็นหมอเสกกันลูกศร เป็นหมอทายเสียงสัตว์ แม้ข้อนี้ก็เป็นศีลของเธอประการหนึ่ง.
๒. ภิกษุเว้นขาดจากการเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา เช่นอย่างที่สมณพราหมณ์
ผู้เจริญบางจำพวกฉันโภชนะที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้ว ยังเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา
เห็นปานนี้ คือ ทายลักษณะแก้วมณี ทายลักษณะไม้พลอง ทายลักษณะผ้า ทายลักษณะศาสตรา
ทายลักษณะดาบ ทายลักษณะศร ทายลักษณะธนู ทายลักษณะอาวุธ ทายลักษณะสตรี
ทายลักษณะบุรุษ ทายลักษณะกุมาร ทายลักษณะกุมารี ทายลักษณะกระบือ ทายลักษณะโคอุสภะ
ทายลักษณะโค ทายลักษณะแพะ ทายลักษณะแกะ ทายลักษณะไก่ ทายลักษณะนกกระทา
ทายลักษณะเหี้ย ทายลักษณะตุ่น ทายลักษณะเต่า ทายลักษณะมฤค แม้ข้อนี้ก็เป็นศีลของเธอ
ประการหนึ่ง.
๓. ภิกษุเว้นขาดจากการเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา เช่นอย่างที่สมณพราหมณ์
ผู้เจริญบางจำพวกฉันโภชนะที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้ว ยังเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชาเห็น
ปานนี้ คือ ดูฤกษ์ยาตราทัพว่า พระราชาจักยกออก พระราชาจักไม่ยกออก พระราชาภายใน
จักยกเข้าประชิด พระราชาภายนอกจักถอย พระราชาภายนอกจักยกเข้าประชิด พระราชาภายใน
จักถอย พระราชาภายในจักมีชัย พระราชาภายนอกจักปราชัย พระราชาภายนอกจักมีชัย พระราชา
ภายในจักปราชัย พระราชาองค์นี้จักมีชัย พระราชาองค์นี้จักปราชัย เพราะเหตุนี้ๆ แม้ข้อนี้
ก็เป็นศีลของเธอประการหนึ่ง.
๔. ภิกษุเว้นขาดจากการเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา เช่น อย่างที่สมณพราหมณ์
ผู้เจริญบางจำพวกฉันโภชนะที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้ว ยังเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา
เห็นปานนี้ คือ พยากรณ์ว่า จักมีจันทรคราส จักมีสุริยคราส จักมีนักษัตรคราส ดวงจันทร์
ดวงอาทิตย์จักเดินถูกทาง ดวงจันทร์ดวงอาทิตย์จักเดินผิดทาง ดาวนักษัตรจักเดินถูกทาง ดาว
นักษัตรจักเดินผิดทาง จักมีอุกกาบาต จักมีดาวหาง จักมีแผ่นดินไหว จักมีฟ้าร้อง ดวงจันทร์
ดวงอาทิตย์และดาวนักษัตรจักขึ้น ดวงจันทร์ดวงอาทิตย์และดาวนักษัตรจักตก ดวงจันทร์
ดวงอาทิตย์และดาวนักษัตรจักมัวหมอง ดวงจันทร์ดวงอาทิตย์และดาวนักษัตรจักกระจ่าง จันทร
คราสจักมีผลเป็นอย่างนี้ สุริยคราสจักมีผลเป็นอย่างนี้ นักษัตรคราสจักมีผลเป็นอย่างนี้ ดวงจันทร์
ดวงอาทิตย์เดินถูกทางจักมีผลเป็นอย่างนี้ ดวงจันทร์ดวงอาทิตย์เดินผิดทางจักมีผลเป็นอย่างนี้
ดาวนักษัตรเดินถูกทางจักมีผลเป็นอย่างนี้ ดาวนักษัตรเดินผิดทางจักมีผลเป็นอย่างนี้ มีอุกกาบาต
จักมีผลเป็นอย่างนี้ มีดาวหางจักมีผลเป็นอย่างนี้ แผ่นดินไหวจักมีผลเป็นอย่างนี้ ฟ้าร้องจักมีผล
เป็นอย่างนี้ ดวงจันทร์ดวงอาทิตย์และดาวนักษัตรขึ้นจักมีผลเป็นอย่างนี้ ดวงจันทร์ดวงอาทิตย์
และดาวนักษัตรตกจักมีผลเป็นอย่างนี้ ดวงจันทร์ดวงอาทิตย์และดาวนักษัตรมัวหมองจักมีผล
เป็นอย่างนี้ ดวงจันทร์ดวงอาทิตย์และดาวนักษัตรกระจ่างจักมีผลเป็นอย่างนี้ แม้ข้อนี้ก็เป็นศีล
ของเธอประการหนึ่ง.
๕. ภิกษุเว้นขาดจากการเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา เช่น อย่างที่สมณพราหมณ์
ผู้เจริญบางจำพวกฉันโภชนะที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้ว ยังเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา
เห็นปานนี้ คือ พยากรณ์ว่า จักมีฝนดี จักมีฝนแล้ง จักมีภิกษาหาได้ง่าย จักมีภิกษาหาได้ยาก
จักมีความเกษม จักมีภัย จักเกิดโรค จักมีความสำราญหาโรคมิได้ หรือนับคะแนน คำนวณ
นับประมวล แต่งกาพย์ โลกายตศาสตร์ แม้ข้อนี้ก็เป็นศีลของเธอประการหนึ่ง.
๖. ภิกษุเว้นขาดจากการเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา เช่น อย่างที่สมณพราหมณ์
ผู้เจริญบางจำพวกฉันโภชนะที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้ว ยังเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา
เห็นปานนี้ คือ ให้ฤกษ์อาวาหมงคล ฤกษ์วิวาหมงคล ดูฤกษ์เรียงหมอน ดูฤกษ์หย่าร้าง
ดูฤกษ์เก็บทรัพย์ ดูฤกษ์จ่ายทรัพย์ ดูโชคดี ดูเคราะห์ร้าย ให้ยาผดุงครรภ์ ร่ายมนต์ให้ลิ้นกระด้าง
ร่ายมนต์ให้คางแข็ง ร่ายมนต์ให้มือสั่น ร่ายมนต์ไม่ให้หูได้ยินเสียง เป็นหมอทรงกระจก
เป็นหมอทรงหญิงสาว เป็นหมอทรงเจ้า บวงสรวงพระอาทิตย์ บวงสรวงท้าวมหาพรหม ร่ายมนต์
พ่นไฟ ทำพิธีเชิญขวัญ แม้ข้อนี้ก็เป็นศีลของเธอประการหนึ่ง.
๗. ภิกษุเว้นขาดจากการเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา เช่น อย่างที่สมณพราหมณ์
ผู้เจริญบางจำพวกฉันโภชนะที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้ว ยังเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา
เห็นปานนี้ คือ ทำพิธีบนบาน ทำพิธีแก้บน ร่ายมนต์ขับผี สอนมนต์ป้องกันบ้านเรือน
ทำกะเทยให้กลับเป็นชาย ทำชายให้กลายเป็นกระเทย ทำพิธีปลูกเรือน ทำพิธีบวงสรวงพื้นที่
พ่นน้ำมนต์ รดน้ำมนต์ ทำพิธีบูชาไฟ ปรุงยาสำรอก ปรุงยาถ่าย ปรุงยาถ่ายโทษเบื้องบน
ปรุงยาถ่ายโทษเบื้องล่าง ปรุงยาแก้ปวดศีรษะ หุงน้ำมันหยอดหู ปรุงยาตา ปรุงยานัตถุ์
ปรุงยาทากัด ปรุงยาทาสมาน ป้ายยาตา ทำการผ่าตัด รักษาเด็ก ใส่ยา ชะแผล แม้ข้อนี้
ก็เป็นศีลของเธออีกประการหนึ่ง.
ดูกรพราหมณ์ ภิกษุสมบูรณ์ด้วยศีลอย่างนี้ ย่อมไม่ประสบภัยแต่ไหนๆ เลย เพราะ
ศีลสังวรนั้น เปรียบเหมือนกษัตริย์ผู้ได้มุรธาภิเษก กำจัดราชศัตรูได้แล้ว ย่อมไม่ประสบภัย
แต่ไหนๆ เพราะราชศัตรูนั้น ฉันใด ดูกรพราหมณ์ ภิกษุก็ฉันนั้น สมบูรณ์ด้วยศีลอย่างนี้แล้ว
ย่อมไม่ประสบภัยแต่ไหนๆ เพราะศีลสังวรนั้น ภิกษุสมบูรณ์ด้วยอริยศีลขันธ์นี้ ย่อมได้
เสวยสุขอันปราศจากโทษในภายใน ดูกรพราหมณ์ ด้วยประการดังกล่าวดังนี้แล ภิกษุชื่อว่าเป็นผู้
ถึงพร้อมด้วยศีล แม้นี้แหละ คือศีลนั้น.
จบมหาศีล
พระสุตตันตปิฏก
เล่ม ๑
ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค

เจ้าของ:  govit2552 [ 19 มี.ค. 2012, 06:31 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ห้ามเรียนคัมภีร์โลกายตะ ห้ามเรียนดิรัจฉานวิชา

๗. ภิกษุเว้นขาดจากการเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา เช่น อย่างที่สมณพราหมณ์
ผู้เจริญบางจำพวกฉันโภชนะที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้ว ยังเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา
เห็นปานนี้ คือ ทำพิธีบนบาน ทำพิธีแก้บน ร่ายมนต์ขับผี สอนมนต์ป้องกันบ้านเรือน
ทำกะเทยให้กลับเป็นชาย ทำชายให้กลายเป็นกระเทย ทำพิธีปลูกเรือน ทำพิธีบวงสรวงพื้นที่
พ่นน้ำมนต์ รดน้ำมนต์ ทำพิธีบูชาไฟ ปรุงยาสำรอก ปรุงยาถ่าย ปรุงยาถ่ายโทษเบื้องบน
ปรุงยาถ่ายโทษเบื้องล่าง ปรุงยาแก้ปวดศีรษะ หุงน้ำมันหยอดหู ปรุงยาตา ปรุงยานัตถุ์
ปรุงยาทากัด ปรุงยาทาสมาน ป้ายยาตา ทำการผ่าตัด รักษาเด็ก ใส่ยา ชะแผล แม้ข้อนี้
ก็เป็นศีลของเธออีกประการหนึ่ง.



พ่นฟรี รดฟรี ...........................น่าจะไม่เข้าข่าย การหาเลี้ยงชีพ

เจ้าของ:  ปลงซะ [ 19 มี.ค. 2012, 06:53 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ห้ามเรียนคัมภีร์โลกายตะ ห้ามเรียนดิรัจฉานวิชา

govit2552 เขียน:
แต่รู้สึกว่า ดิรัจฉานวิชาคือ วิชาทางโลก

ที่เราเรียนๆ กันนั่นแหละ เช่น วิทย์ คณิต ภาษา สังคม วาดเขียน และอื่นๆ


มั่วละ ถ้าเป็นแบบนั้นมนุษย์ก็เป็นพวกดิรัจฉานอ่ะดิ่ เพราะมนุษ์คิดเชิงตรรกะ มนุษย์ทุกคนต้องใช้ดิรัจฉานวิชาในการดำรงชีพ หรือคุณว่าไม่จริง

คนที่นับเงินเป็นหรือนับเลขเป็น คือใช้วิชาคณิตศาสตร์
คนที่ชอบเมาท์ ใช้วิชาสังคมศาสตร์+วิชาภาษาไทย
ยกมือไหว้คนอื่น ใช้วิชาจริยศาสตร์
คนที่ศึกษาธรรมมะ ใช้วิชาศาสนศาสตร์
คนป่วยแล้วไปหาหมอ ใช้วิชาวิทยาศาสตร์ หรือคุณจะเถียงล่ะว่าคุณไม่ต้องพึ่งหมอ ไม่ได้กินยา


พวกนี้ก็เป็นดิรัจฉานหมดสิ่คู้ณณณณ เพราะศึกษาดิรัจฉานวิชาตามที่คุณว่า งั้นก็แสดงว่าโลกนี้ไม่มีสัตว์ประเสริฐสิ่คุณ

มั่วได้อีก

ฮาฮ๊าฮา

เจ้าของ:  govit2552 [ 19 มี.ค. 2012, 07:03 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ห้ามเรียนคัมภีร์โลกายตะ ห้ามเรียนดิรัจฉานวิชา

ดิรัจฉานกถา กับ ดิรัจฉานวิชา ไม่ฟันธงครับ

[๑๖๖๓] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย

เธอทั้งหลายจงอย่าพูดติรัจฉานกถา ซึ่งมีหลายอย่าง คือ ...

พูดเรื่องพระราชา เรื่องโจร เรื่องมหาอมาตย์ เรื่องกองทัพ

เรื่องภัย เรื่องรบ เรื่องข้าว เรื่องน้ำ เรื่องผ้า เรื่องที่นอน

เรื่องดอกไม้ เรื่องของหอม เรื่องญาติ เรื่องยาน เรื่องบ้าน เรื่องนิคม เรื่องนคร

เรื่องชนบท เรื่องสตรี เรื่องบุรุษ เรื่องคนกล้าหาญ เรื่องตรอก เรื่องท่าน้ำ

เรื่องคนที่ล่วงลับไปแล้ว เรื่องเบ็ดเตล็ด เรื่องโลก เรื่องทะเล

เรื่องความเจริญและความเสื่อมด้วยประการนั้นๆ

ข้อนั้นเพราะเหตุไร ...



เพราะถ้อยคำที่ไม่ประกอบด้วยประโยชน์

ไม่เป็นพรหมจรรย์เบื้องต้น

ย่อมไม่เป็นไปเพื่อความหน่าย ความคลายกำหนัด ความดับ

ความสงบ ความรู้ยิ่ง ความตรัสรู้ นิพพาน

เจ้าของ:  govit2552 [ 19 มี.ค. 2012, 07:11 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ห้ามเรียนคัมภีร์โลกายตะ ห้ามเรียนดิรัจฉานวิชา

ภัสสอสัปปายะ คือ ถ้อยคำอันไม่เหมาะสม เป็นถ้อยคำที่เป็นเครื่องขัดขวางกับมรรค ผล นิพพานนั้น มีดังนี้

๑. ราชกถา พูดเรื่องต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับองค์พระมหากษัตริย์ ตลอดจนถึงเชื้อพระญาติ
พระวงศ์ น้อยใหญ่ ในราชตระกูลทั้งหมด
๒. โจรกถา พูดเรื่องโจรต่าง ๆ
๓. มหามตฺตกถา พูดเรื่องมหาอำมาตย์ราชมนตรีที่เป็นคณะรัฐบาล
๔. เสนากถา พูดเรื่องทหาร ตำรวจ
๕. ภยกถา พูดเรื่องภัยต่าง ๆ
๖. ยุทฺธกถา พูดเรื่องยุทธศาสตร์
๗. อนฺนกถา พูดเรื่องอาหารการกิน มี ข้าว และ กับข้าว เป็นต้น
๘. ปานกถก พูดเรื่องเครื่องดื่มต่าง ๆ ได้แก่ น้ำดื่ม และสุรา
๙. วตฺถกถา พูดเรื่องเสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่มต่าง ๆ
๑๐. สยนกถา พูดเรื่องที่หลับที่นอน
๑๑. มาลากถา พูดเรื่องเครื่องระเบียบดอกไม้ต่าง ๆ
๑๒. คนฺธกถา พูดเรื่องกลิ่นหอมต่าง ๆ
๑๓. ญาติกถา พูดเรื่องวงศ์ญาติ
๑๔. ยานกถา พูดเรื่องยวดยานต่าง ๆ
๑๕. คามกถา พูดเรื่องหมู่บ้านต่าง ๆ
๑๖. นิคมกถา พูดเรื่องนิคมต่าง ๆ
๑๗. นครกถา พูดเรื่องจังหวัดต่าง ๆ
๑๘. ชนปทกถา พูดเรื่องชนบทต่าง ๆ
๑๙. อิตฺถิกถา พูดเรื่องผู้หญิง
๒๐. ปุริสกถา พูดเรื่องผู้ชาย
๒๑. สุรกถา พูดเรื่องความกล้าหาญ
๒๒. วิสิขากถา พูดเรื่องถนนสายต่าง ๆ และคนที่อยู่ในถนนสายนั้น ๆ
๒๓. กุมฺภฐานกถา พูดเรื่องท่าน้ำ หรือ เรื่องนางทาสีของนายช่างหม้อ
๒๔. ปุพฺพเปตกถา พูดเรื่องวงศาคณาญาติที่ล่วงลับไปแล้ว ในปางก่อน
๒๕. นานตฺตกถา พูดเรื่องอื่น ๆ โดยเว้นจากเรื่องแรก และเรื่องหลัง
๒๖. โลกกฺขายิกถา พูดเรื่องใครเป็นผู้สร้างโลกหรือเรื่องแผนที่โลก
๒๗. สมุทฺทกฺขายิกถา พูดเรื่องมหาสมุทร โดยเป็นคำปุจฉาวสัชนาว่า ทำไมมหาสมุทรจึงเรียกว่า สาคร
เพราะพระเจ้าสาครเป็นผู้สร้าง เป็นต้น
๒๘. อิติภวาภวกถา พูดเรื่องความเจริญ และ ความเสื่อม ว่ากระกระทำดังนี้เป็นเหตุแห่งความเจริญ
การกระทำดังนี้เป็นเหตุแห่งความเสื่อม เป็นต้น
๒๙. อรญฺญกถา พูดเรื่องป่า
๓๐. ปพฺพตกถา พูดเรื่องภูเขา
๓๑. นทีกถา พูดเรื่องแม่น้ำ
๓๒. ทีปกถา พูดเรื่องเกาะต่าง ๆ

หมายเหตุ ดิรัจฉานกถาทั้ง ๓๒ ประการ ดังที่ได้กล่าวมาแล้วนี้ แม้ว่าบางอย่างจะเป็นประโยชน์ในทางโลก
ได้ก็จริง แต่ทว่าในด้านทางธรรมที่เกี่ยวกับการปฏิบัติแล้วก็เป็นอุปสรรคอย่างยิ่ง ฉะนั้น พระพุทธองค์จึงตรัส
ว่า เป็นดิรัจฉานกถา ส่วนในด้านการปริยัตินั้นเล่า ส่วนมากก็คงเป็นอุปสรรคได้เช่นเดียวกัน กล่าวคือ ทำให้
ไม่ได้รับผลดีเต็มที่จากการศึกษานั้น ๆ ดังนั้นจึงเป็นดิรัจฉานกถาฝ่ายด้านปริยัติอีกด้วย

เจ้าของ:  โฮฮับ [ 20 มี.ค. 2012, 03:21 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ห้ามเรียนคัมภีร์โลกายตะ ห้ามเรียนดิรัจฉานวิชา

govit2552 เขียน:
แต่รู้สึกว่า ดิรัจฉานวิชาคือ วิชาทางโลก

ที่เราเรียนๆ กันนั่นแหละ เช่น วิทย์ คณิต ภาษา สังคม วาดเขียน และอื่นๆ

คุณโกวิทครับ เห็นชอบโพสพระไตรปิฎก ไม่รู้ว่าตีความพระไตรปิฎกที่ตัวเองโพสได้หรือเปล่า
แต่ถ้าให้ผมบอกพูดได้คำเดียวว่าสักแต่โพสโดยไม่เข้าใจเอาพระไตรปิฎกมาใช้ผิดกาลเทศะ

ไอ้ความเห็นของคุณที่ผมเอามาอ้างอิง บอกมาได้ไงครับว่า สิ่งนั้นเป็นดิรัจฉานวิชา
กรุณาตีความให้เป็นเสียก่อนนะครับ เรื่องนี้มันต้องดูที่สถานะหรือดูที่ตัวบุคคล
ที่สำคัญมันอยู่ที่จุดมุ่งหมายของใครของมันครับ

ที่พระพุทธเจ้าทรงสอนเรื่องดิรัจฉานวิชา ท่านมีจุดมุ่งหมายอยู่ที่นิพพาน
และผู้ที่ท่านสอนเป็นสาวกที่อยู่ในสถานะของพระภิกษุ
วิชาทุกวิชาที่ภิกษุศึกษาแล้วเข้าไปยึดมั่นถือมั่นก็ล้วนเป็นดิรัจฉานวิชา
แม้กระทั่งเรื่องของศีลถ้าภิกษุที่มีจุดหมายนิพพาน
ถ้าไปศึกษาเรื่องศีลแล้วเข้าไปยึดมั่นถือมั่น ศีลที่ศึกษานั้นก็เป็นดิรัจฉานวิชา
ได้เช่นกัน พระพุทธองค์ทรงบอกไว้เลยว่า ศีลพรตปรามาสมันเป็นกิเลสสังโยชน์


ไอ้วิชาทางโลกที่คุณบอก ถ้าฆราวาสหรือภิกษุที่ไม่ยึดติดไปศึกษา
มันจะเป็นดิรัจฉานวิชาไปได้อย่างไร

ความหมายของดิรัจฉานวิชา ถ้าใช้กับภิกษุที่ปรารถณานิพพาน นั้นก็คือ
วิชาที่ขัดขวางมรรคผลนิพพาน


ส่วนฆราวาสมีจุดมุ่งหมายอะไรมีความปรารถณาอะไร มันก็ก็ต้องไปศึกษา
ทางนั้น มันไม่ใช่ว่า วิชาทางโลก คณิต วิทย์ฯลฯอะไรที่คุณว่ามันเป็นดิรัจฉานวิชา
แบบนี้เขาเรียกว่า ตีความไม่เป็น

เจ้าของ:  กบนอกกะลา [ 20 มี.ค. 2012, 06:46 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ห้ามเรียนคัมภีร์โลกายตะ ห้ามเรียนดิรัจฉานวิชา

ทางมันก็มีแค่สอง..คือทางออกจากโลก...กับ..ทางที่หมกอยู่ในโลก

คนที่ออกจากโลกได้แล้ว...ท่านก็เห็น...ทางไหนวิชชา...ทางไหนของอวิชชา

ท่านจึงชี้ทางไหนเป็นทางไหน...

หากจะเรียกทางที่หมกอยู่ในโลก..ว่า..ดิรัจฉานวิชา

พวกเรา ๆ หนอน กิ่งกือ ใส้เดือน ก็อย่าไปเดือดร้อนกับคำเรียกนั้นเลย :b13: :b13: :b13:

หากินกันต่อไป... :b22: :b22: :b22:

หน้า 1 จากทั้งหมด 1 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/