ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
มีเพจบนเฟสบุ๊คดูหมิ่นศาสนา http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=41437 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | ทอง [ 08 มี.ค. 2012, 12:55 ] |
หัวข้อกระทู้: | มีเพจบนเฟสบุ๊คดูหมิ่นศาสนา |
ขอให้พวกเราช่วยกันนะคับ ช่วยกันรายงานหน้า แล้วแจ้งสแปมหรือหลอกลวง เพจนี้นะคับ http://www.facebook.com/#!/PhraWesSandan ซึ่งมีพฤติกรรมหมิ่นศาสนา อยากจะบอกนิดนึงนะคับว่าห้ามไปกดถูกใจหรือคอมเมนท์ เพราะเหมือนจะเป็นการยุให้พวกนั้นได้ใจ ร่วมกัน Report กันเยอะๆนะคับในที่สุดเพจนี้ก็จะได้ปิดตัวลงเองโดยอัตโนมัติ ย้ำนะคับว่าอย่ากดถูกใจหรือคอมเมนท์ใดๆลงไป สามารถคลิกตรง มุมบนขวานะคับ จะมีลูกศร ที่อยู่ติดกับข้อความ แล้วรายงานหน้าไปเลย ..... |
เจ้าของ: | MarutKO [ 09 มี.ค. 2012, 14:11 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: มีเพจบนเฟสบุ๊คดูหมิ่นศาสนา |
ขอขอบคุณที่แบ่งปันข้อมูล และช่วยเป็นหูเป็นตาให้ศาสนาเราดำรงอยู่ไปในทางที่ถูกที่ควรครับ ![]() ![]() |
เจ้าของ: | สุรวุฒิ [ 09 มี.ค. 2012, 14:22 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: มีเพจบนเฟสบุ๊คดูหมิ่นศาสนา |
เขาคงคับข้องใจมากเลยเชียวครับ เพราะเขาแสดงความก้าวร้าว ขอให้เขาพ้นทุกข์ครับ |
เจ้าของ: | student [ 09 มี.ค. 2012, 17:18 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: มีเพจบนเฟสบุ๊คดูหมิ่นศาสนา |
ยังไม่ได้เข้าไปอ่านครับ แต่อนุโมทนาครับที่อยากให้เขาพ้นทุกข์ |
เจ้าของ: | จ่าสิบตรี เทวฤทธิ์ [ 09 มี.ค. 2012, 20:04 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: มีเพจบนเฟสบุ๊คดูหมิ่นศาสนา |
ท่านทั้งหลาย เราเป็นผู้เลื่อมใสในพุทธศาสนา มีหลักธรรมประจำใจ ให้วางเฉยซะบ้าง อย่าไปสนใจมัน เดี๋ยวมันก็เลิกไป ใครกันที่ดูหมิ่นศาสนา ใครกันที่ยุยงยุแหย่ มันก็ไม่ต่างอะไรกันมากนักดอกขอรับ คนที่มันดูหมิ่นศาสนา มันอาจจะรับอามิสสินจ้างมา ก็คนไทยนั่นแหละ จะมีใคร จะเรียกว่า คนขายศาสนาก็ยังได้ขอรับ |
เจ้าของ: | กบนอกกะลา [ 09 มี.ค. 2012, 21:39 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: มีเพจบนเฟสบุ๊คดูหมิ่นศาสนา |
วู้...วู้.... ![]() ![]() เข้าท่า..เข้าท่า... พี่เท่..เข้าท่า ![]() ![]() |
เจ้าของ: | อยู่กับความมืด [ 09 มี.ค. 2012, 21:43 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: มีเพจบนเฟสบุ๊คดูหมิ่นศาสนา |
บางครั้งสิ่งที่ครูบาอาจารย์นำมาสอนย้ำแล้วย้ำอีก กลับกลายเป็นจุดอ่อนให้คนนอกศาสนานำมาโจมตีดูเหมิ่น จุดอ่อนของพุทธศาสนาจึงอยูู่ที่คำสอน |
เจ้าของ: | din [ 09 มี.ค. 2012, 22:16 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: มีเพจบนเฟสบุ๊คดูหมิ่นศาสนา |
เอาให้หนักนะครับ เอาให้หนัก มาคำนวนว่ากี่กัปถึงจะตามแก้กันหมด อยู่กับความมืด เขียน: บางครั้งสิ่งที่ครูบาอาจารย์นำมาสอนย้ำแล้วย้ำอีก กลับกลายเป็นจุดอ่อนให้คนนอกศาสนานำมาโจมตีดูเหมิ่น จุดอ่อนของพุทธศาสนาจึงอยูู่ที่คำสอน จริงอ่ะ เริ่มที่เรื่องพระเวสก่อน ชาตินั้นถ้ามีคนมาขอชีวิตท่าน ท่านก็ให้นะ แต่บุญท่านหนักแล้วเลยไม่มีใครขอ ไปอ่านชาติที่ท่านทานอวัยวะหรือชีวิตมาสิ แล้วเทียบกับตัวเอง มีดปาดเลือดออกอย่าฝ่อไปก่อนก็แล้วกัน สวดชยันโตให้ทหารปกป้องบ้านเมืองได้ ไม่ใช่สวดให้ไปฆ่าคน ถ้าพวกข้าศึกชนะ ลูกเด็กเล็กแดงผู้หญิง พระสงฆ์องค์เจ้า พวกข้าศึกคงจะดูแลให้อย่างดีหรอก วิบากของอกุศลกรรมเป็นอย่างไร บุญให้ผลหมดก่อนก็พึงรู้ได้ด้วยตนเอง เรื่องปิดถนนตักบาตร คนแข่งวิ่งแข่งเดินเขาก็ปิดให้อยู่แล้วนี่ แล้วนี้คนเขาทำบุญตักบาตรนะ จะปล่อยให้รถชนคนตักบาตรผมก็ว่าไม่ใช่แล้ว |
เจ้าของ: | กบนอกกะลา [ 09 มี.ค. 2012, 22:29 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: มีเพจบนเฟสบุ๊คดูหมิ่นศาสนา |
ผมว่า....เกิดจากการแปล...หรือไม่ก็...เกิดจากความไม่รู้ของผู้แต่งหนังสือ พระเวสสันดร....รู้รึว่าจะต้องทานลูกทานเมียแล้ว...จะมีบุญบารมีได้เป็นพระพุทธเจ้าในภายภาคหน้า? ผมว่า...ท่านไม่รู้หรอก... ท่านรู้แต่ว่า..ท่านจะต้องเอาชนะ...อะไรบางอย่าง...ที่เกิดในใจท่านเมื่อถูกขอ..ต่างหาก เพราะท่านคิดว่า..หากท่านชนะสิ่งนี้ได้...เท่านั้น...สิ่งประเสริฐที่จะนำความสุขมาให้กับทุกคนได้...จึงจะเกิดขึ้น... เพื่อทุกคนที่อยู่ในขณะนั้น...นะ...ไม่ใช่เพื่อตัวท่านในอนาคต ปัณหาเกิดจากหนังสือ..จริง ๆ .... แม้แต่ผู้รักษาพระศาสนาตัวจริง...ก็ยังรู้สึก...ตะหงิด..ตะหงิด..แล้วก็ข้ามไปเสีย ![]() ![]() |
เจ้าของ: | ชาติสยาม [ 10 มี.ค. 2012, 01:32 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: มีเพจบนเฟสบุ๊คดูหมิ่นศาสนา |
คนที่ไม่เข้าใจวิถีของการบำเพ็ญบารมีของพระโพธิสัตว์และพระพุทธเจ้า ก็เป็นธรรมดาที่จะมองพระเวสสันดรไปอย่างนั้น พระธรรมของพระพุทธเจ้าในข้ออื่นๆมีมากมายมหาศาล และไม่เหลือวิสัยที่จะใช้เหตุผลแบบคนธรรมดาในการทำความเข้าใจ ถ้าเขาตั้งใจจะเข้าใจไปแบบนี้ ก็คงจะเข้าใจได้ไม่ยาก พวกเราในที่นี้ ก็ไม่เคยเห็นสวรรค์ ไม่เคยเห็นพระพุทธเจ้าเสด็จลงจากดาวดึงส์ แต่เราก็ยังศรัทธา เพราะอะไร ก็เพราะเราศรัทธาในเรื่องที่เราพิสูจน์ได้ด้วยตัวเอง ใช้ได้จริง มีอยู่ในชีวิตจริง ไม่มีอะไรเหนือวิสัยมนุษย์ พวกเรามองพระธรรมในแบบนั้น แต่คนพวกนี้เขาไม่เห็นอย่างนั้น เรื่องคล้ายๆพระเวสสันดรก็มีในนิกายอื่น อย่างแบบจีนมีเห้งเจียด้วย ถ้าการพิสูจน์ศาสนาคือการพิสุจน์เรื่องพวกนี้ ก็ปล่อยให้เขาศรัทธาไปแบบนั้นเถิด ชาวพุทธเรา ศรัทธามีไว้นำ แต่คนพวกนี้คิดว่าศรัทธาคือศาสนา ก็ต้องปล่อยเขาไป อะไรที่พิสูจน์ได้เอง กลับไม่เอา มัวแต่ไปตามล่าสิ่งที่เขาไม่มีปัญญาพิสูจน์ ก็ต้องปล่อยเขาไป ให้โตกว่านี้ มีหน้าที่การงานความรับผิดชอบจริงๆจังๆ เจอปัญหาชีวิตจริงๆ ถึงจะได้อยู่กับความเป็นจริง ช่วงวัยอย่างนี้ก็ฟุ้งซ่านอย่างนี้แหละ ปล่อยไป |
เจ้าของ: | กบนอกกะลา [ 10 มี.ค. 2012, 07:23 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: มีเพจบนเฟสบุ๊คดูหมิ่นศาสนา |
![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | อยู่กับความมืด [ 10 มี.ค. 2012, 08:30 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: มีเพจบนเฟสบุ๊คดูหมิ่นศาสนา |
ชาติสยาม เขียน: อะไรที่พิสูจน์ได้เอง กลับไม่เอา มัวแต่ไปตามล่าสิ่งที่เขาไม่มีปัญญาพิสูจน์ ก็ต้องปล่อยเขาไป พุทธศาสนาสอนไม่ให้เชื้ออะไรง่ายๆไม่ใช่หรอ ในหลักการามาสูตรท่านสอนว่าอย่างไง บางอย่างเราอ่านหรือฟังแล้วก็ไม่ได้คิดอะไรมาก แต่ท่านกลับย้ำแล้วย้ำอีก และบอกว่าสิ่งที่ท่านสอนหรือสิ่งที่เราศีกษาได้ยินได้ฟังมาอย่าเพิ่งเชื่อเลยทีเดียวต้องใช้ปัญญาพิจารณาก่อนถึงจะเชื่อ แต่พอเราใช้ปัญญาพิจารณาก็ทำให้เกิดความสงสัยตามมาอีกเพราะบางอย่างมันคัดค้านกันหรือไม่น่าจะเป็นไป พอเกิดความสงสัยก็ไม่สามารถที่จะเข้าถึงความจริงหรือบรรลุธรรมได้ เพราะเกิดวิจิกิจฉาขึ้น สรุปคือหลักการามาสูตรบัญญัติขึ้นมาก็เพื่อให้ศาสนาพุทธดูดีหรือเอาไปอวดศาสนาอื่นว่าศาสนาคุณไม่กล้าสอนแบบศาสนาเรา แต่สุดท้ายแล้วพุทธศาสนาก็บังคับให้เราเชื่อโดยปริยายเพราะถ้าใครไม่เชื่อสิ่งที่พุทธเจ้าสอนก็ไม่มีสิทธจะเข้าถึงหลักธรรม แล้วหลักการามาสูตรจะมีความหมายอะไร ผิดพลาดตรงใหนขอผู้รู้ช่วยชี้แนะด้วย ![]() ![]() |
เจ้าของ: | din [ 10 มี.ค. 2012, 08:55 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: มีเพจบนเฟสบุ๊คดูหมิ่นศาสนา |
อยู่กับความมืด เขียน: พุทธศาสนาสอนไม่ให้เชื้ออะไรง่ายๆไม่ใช่หรอ ในหลักการามาสูตรท่านสอนว่าอย่างไง บางอย่างเราอ่านหรือฟังแล้วก็ไม่ได้คิดอะไรมาก แต่ท่านกลับย้ำแล้วย้ำอีก และบอกว่าสิ่งที่ท่านสอนหรือสิ่งที่เราศีกษาได้ยินได้ฟังมาอย่าเพิ่งเชื่อเลยทีเดียวต้องใช้ปัญญาพิจารณาก่อนถึงจะเชื่อ แต่พอเราใช้ปัญญาพิจารณาก็ทำให้เกิดความสงสัยตามมาอีกเพราะบางอย่างมันคัดค้านกันหรือไม่น่าจะเป็นไป พอเกิดความสงสัยก็ไม่สามารถที่จะเข้าถึงความจริงหรือบรรลุธรรมได้ เพราะเกิดวิจิกิจฉาขึ้น สรุปคือหลักการามาสูตรบัญญัติขึ้นมาก็เพื่อให้ศาสนาพุทธดูดีหรือเอาไปอวดศาสนาอื่นว่าศาสนาคุณไม่กล้าสอนแบบศาสนาเรา แต่สุดท้ายแล้วพุทธศาสนาก็บังคับให้เราเชื่อโดยปริยายเพราะถ้าใครไม่เชื่อสิ่งที่พุทธเจ้าสอนก็ไม่มีสิทธจะเข้าถึงหลักธรรม แล้วหลักการามาสูตรจะมีความหมายอะไร ผิดพลาดตรงใหนขอผู้รู้ช่วยชี้แนะด้วย ![]() ![]() คำสอนไม่ว่าเนื้อหาจะพิศดาลหรือเรียบง่ายขนาดไหน ทุกอย่างก็เพื่อละกิเลส เพื่อให้จิตคลายความยึดมั่นถือมั่น กาลามาสูตร อีกชื่อก็คือ เกสปุตตสูตร พระพุทธเจ้าท่านเป็นปรมครู ท่านได้พิจารณาแล้วว่าธรรมนี้เหมาะสำหรับชาวเกสปุตตในเวลานั้น "สัพเพ ธัมมา นาลัง อภินิเวสายะ" ธรรมทั้งปวง ไม่ควรยึดมั่น ธรรมใดที่ให้ตนคลายความยึดมั่นถือมั่น ก็ใช้ธรรมนั้นแล มีนะผู้ที่ไม่เชื่อพระพุทธเจ้าแล้วเข้าถึงหลักธรรม มีนะ พระปัจเจกพุทธเจ้ากับพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์อื่นๆ พระปัจเจก ใช้เวลาประมาณ สองอสงไขย พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ใช้เวลาประมาณ ประมาณ ตั้งแต่ยี่สิบอสงไขย จนสี่สิบอสงไขย ถึงแปดสิบอสงไขย ![]() |
เจ้าของ: | สุรวุฒิ [ 10 มี.ค. 2012, 11:27 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: มีเพจบนเฟสบุ๊คดูหมิ่นศาสนา |
เคยศึกษาศาสนาคริสต์อยู่หลายปี เพราะอยู่ในประเทศตะวันตก ก็มีเรื่องใหญ่ที่พิสูจน์ไม่ได้อยู่หลายเรื่อง (พิสูจน์แบบวิทยาศาสตร์) ที่ใหญ่ที่สุดคือเรื่องพระเจ้ามีจริงใหม ในศาสนาพุทธก็มีมากเรื่องในพระไตรปิฏก เรื่องใหญ่ที่สุด น่าจะเป็นเรื่อง การเวียนว่ายตายเกิด แต่ทั้งสองศาสนาก็มีสิ่งดีๆที่เราเรียนรู้มาทำให้ชิวิตมีความสุขได้ เราก็เอาแค่นั้น คงไม่ต้องไปแบกภาระยืนยันกับใครว่า ทุกเรื่องในไบเบิ้ลเป็นจริง หรือทุกเรื่องในพระไตรปิฏกเป็นจริง เป็นจริงก็เป็นเรื่องของมัน ไม่เป็นจริง ก็เป็นเรื่องของมัน |
เจ้าของ: | din [ 10 มี.ค. 2012, 13:17 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: มีเพจบนเฟสบุ๊คดูหมิ่นศาสนา |
สุรวุฒิ เขียน: เคยศึกษาศาสนาคริสต์อยู่หลายปี เพราะอยู่ในประเทศตะวันตก ก็มีเรื่องใหญ่ที่พิสูจน์ไม่ได้อยู่หลายเรื่อง (พิสูจน์แบบวิทยาศาสตร์) ที่ใหญ่ที่สุดคือเรื่องพระเจ้ามีจริงใหม ในศาสนาพุทธก็มีมากเรื่องในพระไตรปิฏก เรื่องใหญ่ที่สุด น่าจะเป็นเรื่อง การเวียนว่ายตายเกิด แต่ทั้งสองศาสนาก็มีสิ่งดีๆที่เราเรียนรู้มาทำให้ชิวิตมีความสุขได้ เราก็เอาแค่นั้น คงไม่ต้องไปแบกภาระยืนยันกับใครว่า ทุกเรื่องในไบเบิ้ลเป็นจริง หรือทุกเรื่องในพระไตรปิฏกเป็นจริง เป็นจริงก็เป็นเรื่องของมัน ไม่เป็นจริง ก็เป็นเรื่องของมัน พวกนี้ใช่พวกมีศาสนาที่ไหนกันครับ เท่าที่อ่านดูแล้ว พวกเขาเป็นโรคตรรกะบกพร่องจากเทคโนโลยี เทคโนโลยีเจริญไปเท่าใด ใช่ว่าใจคนจะเจริญไปด้วยเท่านั้น บางท่านอาจจะเห็นเมืองแห่งอนาคตรออยู่ข้างหน้า แต่กระผมเห็นมิคสัญญีรออยู่ข้างหน้าครับ |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |