ลานธรรมจักร
http://www.dhammajak.net/forums/

การเรียนปริยัติมากไป ทำให้ขวางการบรรลุธรรม จริงไหม ???
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=40545
หน้า 1 จากทั้งหมด 2

เจ้าของ:  deecup [ 23 ธ.ค. 2011, 20:05 ]
หัวข้อกระทู้:  การเรียนปริยัติมากไป ทำให้ขวางการบรรลุธรรม จริงไหม ???

พระสายป่า ท่านเวลาปฎิบัติ มักบอกให้เอาตำราขึ้นหิ้งเสีย

ผมว่าคนเรียนปริยัติ รู้มาก รู้ก่อน มักเ้ป็นตัวขวาง ทางเดินของจิต ในการเข้าถึงตัวธรรมจริงๆ ที่จิตต้องสัมผัส และเรียนรู้่ด้วยตัวเอง

เช่นเวลาเข้าฌาน ถ้าคนเรียนปริยัติมาก่อน ก็ ไปกำหนดเลยนี่คงเป็นฌาน1 จิตก็หลุดฌานทันที แบบนี้
แต่ถ้าคนไม่ได้รู้ลักษณะฌานมาก่อน จิตก็จะอยู่ในฌานได้นาน

แบบนี้เรียนปริยัติมาก รู้มาก เป็นดาบ2คม หรือเปล่าครับ เพราะจิตมักไม่ได้อยู่กับปัจจุบัน จิตมันถูกจูงด้วยความรู้ในปริยัติ ให้นำหน้าไปก่อน เสมอ

เจ้าของ:  ปฤษฎี [ 23 ธ.ค. 2011, 20:52 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: การเรียนปริยัติมากไป ทำให้ขวางการบรรลุธรรม จริงไหม ???

การศึกษาปริยัติธรรม (ที่ถูก) ไม่ได้ขัดขวางการบรรลุธรรมครับ

สิ่งที่ขัดขวางการบรรลุธรรมคืออะไร ใคร่ครวญให้ดีครับ

เจ้าของ:  พุทธคุณ [ 23 ธ.ค. 2011, 21:01 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: การเรียนปริยัติมากไป ทำให้ขวางการบรรลุธรรม จริงไหม ???

deecup เขียน:
พระสายป่า ท่านเวลาปฎิบัติ มักบอกให้เอาตำราขึ้นหิ้งเสีย

ผมว่าคนเรียนปริยัติ รู้มาก รู้ก่อน มักเ้ป็นตัวขวาง ทางเดินของจิต ในการเข้าถึงตัวธรรมจริงๆ ที่จิตต้องสัมผัส และเรียนรู้่ด้วยตัวเอง

เช่นเวลาเข้าฌาน ถ้าคนเรียนปริยัติมาก่อน ก็ ไปกำหนดเลยนี่คงเป็นฌาน1 จิตก็หลุดฌานทันที แบบนี้
แต่ถ้าคนไม่ได้รู้ลักษณะฌานมาก่อน จิตก็จะอยู่ในฌานได้นาน

แบบนี้เรียนปริยัติมาก รู้มาก เป็นดาบ2คม หรือเปล่าครับ เพราะจิตมักไม่ได้อยู่กับปัจจุบัน จิตมันถูกจูงด้วยความรู้ในปริยัติ ให้นำหน้าไปก่อน เสมอ


ก็ไม่เสมอไปนะครับ ถ้ารู้ทฤษฎีก่อน เวลาปฏิบัติก็จะเข้าใจไดง่าย แต่ถ้าบางคนทะนงในทฤษฎีมากไป
เวลาปฏิบัติก็เป็นอย่างคุณว่านะ ทุกอย่างก็ต้องมีสติ เดินทางสายกลางดีกว่าครับ

เจ้าของ:  asoka [ 24 ธ.ค. 2011, 07:20 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: การเรียนปริยัติมากไป ทำให้ขวางการบรรลุธรรม จริงไหม ???

:b27:
คำถามของกระทู้นั้นได้ให้คำตอบในตัวอยู่แล้วคือคำว่า มากไป.......อะไรที่มากไปย่อมทำให้เกิดความไม่สมดุลย์ ปริยัติเท่าที่จำเป็นสำหรับการปฏิบัติก็เพียงพอแล้ว เช่นรู้เรื่องอริยสัจ 4 ให้ดีละเอียด ลึกซึ้ง แตกฉาน ก็พอที่จะทำมรรคผลนิพพานให้แจ้งได้ ศึกษาเจาะลึกในพระสูตรบางสูตรที่เหมาะกับอุปนิสัยก็ปฏิบัติให้ถึงนิพพานได้
ไม่จำเป็นที่จะต้องรู้พระสูตรหรือพระไตรปิฎกทั้งหมดเสียก่อน ต้องทำความเข้าใจให้ถูกต้องว่าพระสูตรแต่ละสูตรพระพุทธองค์ทรงแสดงให้เหมาะสมกับบุคคล สถานที่ เวลา กาละที่แตกต่างกัน อุปนิสัย พื้นความรู้ที่ต่างกัน ไม่ใช่สิ่งที่ทุกคนจะรู้และเข้าใจได้ลึกซึ้งเท่าเทียมกันหมด
:b12:

เจ้าของ:  ภาวิตา-พหุลีกตา [ 24 ธ.ค. 2011, 09:46 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: การเรียนปริยัติมากไป ทำให้ขวางการบรรลุธรรม จริงไหม ???

deecup เขียน:
พระสายป่า ท่านเวลาปฎิบัติ มักบอกให้เอาตำราขึ้นหิ้งเสีย

ความหมายของท่านคือ ให้วางความรู้ทั้งหลายเหล่านั้นลงก่อน อย่าพึ่งเอามาคิด ให้ลองปฎิบัติแบบง่ายๆไม่ต้องไปคิดอะไร เมื่อเห็นผลจากการปฎิบัติแล้วก็จะรู้ได้ด้วยตัวเอง

เจ้าของ:  tonnk [ 24 ธ.ค. 2011, 12:57 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: การเรียนปริยัติมากไป ทำให้ขวางการบรรลุธรรม จริงไหม ???

ความจริงต้อง ปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ ยกตัวอย่างเช่น ท่านพุทธทาส

ถ้าปริยัติอย่างเดียว ก็ลองค้นเรื่องพระใบลานเปล่ามาอ่านดู

เจ้าของ:  student [ 25 ธ.ค. 2011, 23:32 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: การเรียนปริยัติมากไป ทำให้ขวางการบรรลุธรรม จริงไหม ???

ก็เป็นไปได้ครับ แต่จิตถูกดึงไว้เพราะความสงสัย ความง่วงก็ทำให้การปฎิบัติไม่ก้าวหน้า
แต่รู้ปริยัติก็อาจทำให้เราหลงว่ารู้แล้วในทางโลกคือแข่งขันได้ สอบเทียบได้ เป็นประโยชน์
ในทางโลกได้ ในทางธรรมหากกำลังนั่งสมาธิแต่ใจลอยไปคิดถึงแต่เรื่องเนื้อความของพระไตรปิฎก
ก็ทำให้จิตไม่ตั้งมั่นเต็มที่ครับ ผมว่าเป็นแนวทางการปฎิบัติมากกว่าว่า หากไม่อ่าน และไม่ปฎิบัติ แล้วจะบรรลุธรรมไหม

เจ้าของ:  asoka [ 01 ม.ค. 2012, 04:11 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: การเรียนปริยัติมากไป ทำให้ขวางการบรรลุธรรม จริงไหม ???

:b16:
ปริยัติพอเหมาะ ปฏิบัติก็พอดี

ปฏิบัติพอดี ปฏิเวทก็เหมาะสม


ไฟล์แนป:
a_task.jpg
a_task.jpg [ 49.3 KiB | เปิดดู 8209 ครั้ง ]

เจ้าของ:  ลุงหมาน [ 03 ม.ค. 2012, 03:56 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: การเรียนปริยัติมากไป ทำให้ขวางการบรรลุธรรม จริงไหม ???

deecup เขียน:
พระสายป่า ท่านเวลาปฎิบัติ มักบอกให้เอาตำราขึ้นหิ้งเสีย

ผมว่าคนเรียนปริยัติ รู้มาก รู้ก่อน มักเ้ป็นตัวขวาง ทางเดินของจิต ในการเข้าถึงตัวธรรมจริงๆ ที่จิตต้องสัมผัส และเรียนรู้่ด้วยตัวเอง

เช่นเวลาเข้าฌาน ถ้าคนเรียนปริยัติมาก่อน ก็ ไปกำหนดเลยนี่คงเป็นฌาน1 จิตก็หลุดฌานทันที แบบนี้
แต่ถ้าคนไม่ได้รู้ลักษณะฌานมาก่อน จิตก็จะอยู่ในฌานได้นาน

แบบนี้เรียนปริยัติมาก รู้มาก เป็นดาบ2คม หรือเปล่าครับ เพราะจิตมักไม่ได้อยู่กับปัจจุบัน จิตมันถูกจูงด้วยความรู้ในปริยัติ ให้นำหน้าไปก่อน เสมอ

ถ้าเรียนปริยัติเป็นการขวางทางการปฏิบัตินั้น พระพุทธองค์คงไม่บัญญัติคำทั้งหลายขึ้นมากล่าวไว้ให้ศึกษากันต่อไป มาจนถึงทุกวันนี้ ถ้าเราขาดปริยัติเมื่อไหร่ ศาสนาของพระพุทธองค์ก็สิ้นทันที ถึงแม้จะมีคำสอนอยู่ในพระไตรปิฎกก็ยังปฏิบัติกันอย่างผิดเพี้ยน ไม่ทราบว่าพระพุทธองค์สอนอะไร ทรงห้ามอะไรบ้าง เมื่อไม่รู้คำสอนแล้วต่อไปก็เราก็จะนึกเอาเดาเอาว่าน่าจะเป็นอย่างนี้น่าจะเป็นอย่างนั้น ตำราหรือพระไตรปิฎกก็ต้องเก็บขึ้นหิ้งไปดังที่ท่านกล่าวไว้นั่นเอง ที่เราเรียนปริยัติกันทุกวันนี้ก็เพื่อนำไปปฏิบัติให้ถูกต้องตามคำสอน และยังรักษาคำสอนของพระพุทธองค์ให้คงอยู่ได้นานเท่านาน แม้พระไตรปิฏกจะยังมีอยู่ทุกวันนี้ ก็ยังเห็นมีการเสกน้ำหมาก ขากน้ำลาย ขายกระเบื้องกันอยู่ทั่วไป

เจ้าของ:  ชาติสยาม [ 03 ม.ค. 2012, 12:53 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: การเรียนปริยัติมากไป ทำให้ขวางการบรรลุธรรม จริงไหม ???

Quote Tipitaka:
๑๙. พหุมฺปิ เจ สํหิตํ ภาสมาโน
น ตกฺกโร โหติ นโร ปมตฺโต
โคโปว คาโว คณยํ ปเรสํ
น ภาควา สามญฺญสฺส โหติ ฯ ๑๙ * ฯ

คนที่ท่องจำตำราได้มาก
แต่มัวประมาทเสีย ไม่ทำตามคำสอน
ย่อมไม่ได้รับผลที่พึงได้จากการบวช
เหมือนเด็กเลี้ยงโค นับโคให้คนอื่นเขา

๒๐. อปฺปมฺปิ เจ สํหิตํ ภาสมาโน
ธมฺมสฺส โหติ อนุธมฺมจารี
ราคญฺจ โทสญฺจ ปหาย โมหํ
สมฺมปฺปชาโน สุวิมุตฺตจิตฺโต
อนุปาทิยาโน อิธ วา หุรํ วา
ส ภาควา สามญฺญสฺส โหติ ฯ ๒๐ ฯ

ถึงจะท่องจำตำราได้น้อย
แต่ประพฤติชอบธรรม
ละราคะ โทสะ และโมหะได้
รู้แจ้งเห็นจริง มีจิตหลุดพ้น
ไม่ยึดมั่น ถือมั่น ทั้งปัจจุบันและอนาคต
เขาย่อมได้รับผลที่พึงได้จากการบวช

http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=8869

เจ้าของ:  กบนอกกะลา [ 03 ม.ค. 2012, 13:21 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: การเรียนปริยัติมากไป ทำให้ขวางการบรรลุธรรม จริงไหม ???

:b8: :b8: :b8:

เจ้าของ:  ปฤษฎี [ 03 ม.ค. 2012, 16:06 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: การเรียนปริยัติมากไป ทำให้ขวางการบรรลุธรรม จริงไหม ???

พึงเป็นผู้สดับมาก ไม่พึงเป็นผู้สดับน้อย
ไม่ควรจะลังเลสงสัย เพราะความลังเลสงสัย จะเป็นอันไม่ได้สดับเลย

ประโยชน์ของการฟังพระธรรมนั้นมีมาก ไม่ใช่เรื่องที่เสียเวลา หรือเป็นโทษแต่อย่างใด

แต่เพราะความประมาท ไม่น้อมนำไปสู่การปฏิบัติที่สมควรแก่ธรรม จึงไม่อาจได้รับผลเป็นที่น่าพอใจ

การศึกษาปริยัติที่มาก จะขัดขวางการบรรลุธรรมก็ไม่ใช่
การศึกษาปริยัติที่น้อย จะขัดขวางการบรรลุธรรมก็ไม่ใช่

เพราะผู้ได้ศึกษาปริยัติมาก บรรลุธรรมก็มี
ผู้ได้ศึกษาปริยัติน้อย บรรลุธรรมก็มี

การแบ่งเวลาฟังพระธรรม พิจารณาไตร่ตรอง จนเกิดความเข้าใจที่ถูกต้อง จึงเป็นเรื่องที่สำคัญ
แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะให้ฟังตลอดทั้งวัน จึงควรแบ่งเวลาให้เหมาะสม

วันๆ หนึ่งเราได้ฟังธรรมกันเท่าไหร่ .......

ความฟุ้งซ่าน เป็นนิวรณ์ขวางกั้นปัญญา ทำให้ปัญญาเศร้าหมอง ไม่เป็นไปเพื่อนิพพาน
พึงกำหนดรู้ แล้วก็ละเสีย จะได้ไม่ขวางการบรรลุธรรม

เจ้าของ:  วิริยะ [ 03 ม.ค. 2012, 19:49 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: การเรียนปริยัติมากไป ทำให้ขวางการบรรลุธรรม จริงไหม ???

deecup เขียน:
การเรียนปริยัติมากไป ทำให้ขวางการบรรลุธรรม จริงไหม ???

เป็นบางท่าน บางท่านก็ไม่เป็นอ่ะ ..

ปริยัติ มาจาก ปฏิเวธ หมายถึง เมื่อบรรลุธรรมหรือทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดสำเร็จ ก็บันทึกหรือจารึกไว้ เช่น
พระไตรปิฏก ตำรา หนังสือ ฯลฯ ปฏิเวธ ท่านแปลว่า ความรู้หรือปัญญาที่เกิดขึ้นเฉพาะตน ปฏิเวธนี้มาจาก ปฏิบัติ เมื่อมีปฏิบัติก็มีปฏิเวธเมื่อมีปฏิเวธก็มีปริยัติ

ปริยัติ จึงเปรียบเหมือนปัญญาของผู้อื่น เมื่อศึกษามากเข้า ก็หลงเข้าใจว่าเป็นปัญญาตน
เข้าไปยึดเอามาเป็นของตน ท่านเรียกการยึดเอาปัญญาผู้อื่นนี้ว่า "สัญญา"


การรู้เห็นจาก"สัญญา"ส่วนใหญ่ทำให้เกิดมานะทิฏฐิ โอ้อวด ทนงตน ไม่ยอมให้ใคร ปิดกั้นปัญญาบรรลุธรรมได้ยาก ต่างจากการรู้เห็นจาก "ปัญญา" มีแต่ลดละ ปล่อยวาง กิเลส ตัณหา อุปทานทั้งหลายให้หมดสิ้นไป

ท่านกล่าวไว้ "ไม่ให้ยึดตำรา แต่อย่าทิ้งตำรา" และ "อัตตัญญุตา" ให้เป็นผู้รู้จักตน

:b8:

เจ้าของ:  ปฤษฎี [ 03 ม.ค. 2012, 22:12 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: การเรียนปริยัติมากไป ทำให้ขวางการบรรลุธรรม จริงไหม ???

ก็จะเห็นว่าความยึดมั่นถือมั่น ไม่ว่าจะยึดถืออะไร สัญญา ตำรา ปัญญา ปริยัติ ปฏิปัติ ก็เป็นเหตุแห่งทุกข์ได้ทั้งสิ้น

การฟังพระธรรมก็เพื่อให้รู้ว่า ธรรมทั้งปวงไม่ควรถือมั่น
เพื่อความกำหนดรู้ทุกข์ เหตุแห่งทุกข์ ความดับทุกข์ และปฏิปทาให้ถึงความดับทุกข์ตามที่เป็นจริง
การฟังธรรมด้วยดี จึงเป็นเหตุของปัญญาอย่างหนึ่ง

มานะ สำคัญตนว่าดีกว่า เลวกว่า เสมอ
เป็นสังโยชน์เบื้องสูง มีแต่พระอริยบุคคลระดับพระอรหันต์เท่านั้นที่ละได้เป็นสมุทเฉท

เมื่อเหตุแห่งมานะยังมีอยู่ มานะย่อมเกิดขึ้นได้
ไม่ว่าจะยึดถืออะไร รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ก็เกิดมานะได้ทั้งนั้น
มานานุสัยจึงเป็นสิ่งที่พึงละเสีย แต่ละได้จริงๆก็ด้วยอรหัตมรรค

สุตะเป็นสิ่งที่ควรเพิ่มพูน แล้วน้อมไปสู่การปฏิบัติที่สมควรแก่ธรรม เป็นอาวุธไว้ฟาดฟันกับกิเลส
ผู้สั่งสมสุตะจึงได้ชื่อว่าสั่งสมอาวุธ

ไม่ใช่ไปยึดมั่นถือมั่นด้วยกิเลส จนเป็นเหตุให้ประพฤติอกุศลธรรมโดยเฉพาะทางวาจา ทิ่มแทงตน หรือผู้อื่นให้เดือดร้อน

เจ้าของ:  ทักทาย [ 03 ม.ค. 2012, 22:52 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: การเรียนปริยัติมากไป ทำให้ขวางการบรรลุธรรม จริงไหม ???

ไม่เรียน ไม่รู้ บางอย่างเกิดขึ้น
เพื่อสอน แต่เพราะไม่รู้ จึงทำให้เกิดความลังเล สงสัย
สติเลยตามไม่ทันสภาวะ ก็เสร็จกิเลสอีก เหมือนคนตาบอดคลำทาง

ถ้ารู้บ้าง ก็เหมือนมีทางลัด ทำให้เข้าใจสภาวะธรรมเร็วขึ้น
คิดว่าต้องประกอบกันทั้งหมด ปริยัติ ปฏิบัติ และปฏิเวธ
(ความคิดเห็นส่วนตัว โปรดพิจารณา)

อนุโมทนาค่ะ :b8:

หน้า 1 จากทั้งหมด 2 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/