วันเวลาปัจจุบัน 20 ก.ค. 2025, 01:19  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 13 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ธ.ค. 2011, 23:45 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ธ.ค. 2011, 21:40
โพสต์: 952


 ข้อมูลส่วนตัว


สวัสดีครับ ผมพึ่งเข้ามาครั้งแรก จึงอยากถามท่านๆทั้งหลายว่าฝึกฝนกันถึงขั้นไหนกันแล้วครับ หากเป็นคำถามที่ไม่สุภาพก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ ส่วนผมพึ่งจะเริ่มครับ จึงใคร่ขอคำแนะนำจากท่านๆทั้งหลายด้วยครับ ตอนนี้ผมฝึกลด การเป็นตัวกูของกู ตามหลักของท่านพระพุทธทาส อยู่ครับ รู้สึก ความโกรธลดลง แต่ทำมั้ยไม่รู้ครับ โกรธหรือเศร้า ง่าย+เร็วขึ้น แต่ก็หายเร็ว ความอยากได้อยากมีไม่ค่อยมีอยู่แล้วแต่เดิม ก็ลดลง จึงขอคำแนะนำจากท่านๆทั้งหลายเพิ่มเติมด้วยครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ธ.ค. 2011, 16:37 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ธ.ค. 2011, 21:40
โพสต์: 952


 ข้อมูลส่วนตัว


ผมฝึกกับการใช้ชีวิตประจำวันครับ เมื่อมีอะไรมากระทบอารมณ์ จากด้านนอก ก็ตั้งจิตคิดเสียว่า มันไม่มีอะไรเป็นของเรา เมื่อเกิดกับร่างกาย ก็ตั้งจิตคิดเสียว่า สังขารนี้ก็ไม่ใช้ของเรา อารมณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นก็จะคลายลง ครับ ตอนนี้ห่วงที่ปลดไม่ได้ก็อยู่ที่ พ่อแม่ตายาย และลูกเมีย ที่ปลดไม่หลุดไม่รู้ต้องทำอย่างไร แล้วคนที่เขาฝึกปฎิบัติถึงขั้นไหน ที่เขาปลดห่วงเหล่านี้ได้ครับ และอีกอย่างที่สงสัยครับ หากเราตาย แล้วจะเหลืออะไร เหลือจิตใช้มั้ย แล้วการไปถึงนิพพาน แล้วจะเหลืออะไร เหลือจิตที่ไม่ยึดติด หรือจิตอยู่สภาพไหนและที่ไหน หากคำตอบว่า ดับ ไม่เกิดอีก แล้วการดับไม่เกิดอีกนั้น ดับหายไปเลย หรือดับ แต่ยังมีจิตในสภาวะที่ละได้แล้วซึ่งทุกอย่างอยู่ ที่ใดที่หนึ่งซึ่งไม่รู้ว่าที่ไหน อย่างไรแน่ครับ
ขอบคุณทุกคำตอบไว้ล่วงหน้าครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ธ.ค. 2011, 21:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 มี.ค. 2010, 19:57
โพสต์: 1014

โฮมเพจ: http://www.vitwong.blogspot.com
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


หากเราตาย แล้วจะเหลืออะไร เหลือจิตใช้มั้ย

ไม่ต้องรอให้ตาย
จิตก็เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป อยู่ตลอดเวลา อยู่แล้ว ด้วยความรวดเร็ว เกินกว่าเครื่องมือใดๆ จะตรวจจับได้

แสงที่ว่าเร็ว ยังตรวจจับได้
จิตจึงเร็วกว่ามากมาย
ไม่มีธรรมใดๆ รวดเร็๋วกว่าจิตอีกแล้ว

ที่ใดมีจิต ที่นั่น มี รูป เวทนา สัญญา สังขาร

นั่นคือ ขันธ์5 เวลาเกิดขึ้นย่อมต้องเกิดพร้อมกัน

เราอยู่ที่ไหน ......................
ความรู้สึกว่ามีตัวเรา อยู่ที่ การทำงานของจิต
เมื่อใดจิตเกิดขึ้น เป็นวิถีจิต เมื่อนั้นเรามีความรู้สึก
เมื่อใดจิต พ้นวิถี เมื่อนั้นเราไม่มีความรู้สึกตัวใดๆ

แต่ถ้า การสลับระหว่าง จิตพ้นวิถี และวิถีจิต เป็นไปอย่างรวดเร็ว
โดยที่ จิตพ้นวิถีมีระยะเวลาน้อย ................เราย่อมรู้สึกตัวอยู่ตลอดเวลา
ต่อเมื่อ จิตพ้นวิถี เป็นเวลานานๆ ระยะหนึ่ง นั่นแหละ เราจะไม่รู้สึกตัว

ยกตัวอย่างเวลาที่หลับสนิทไม่ฝัน นั่นแล คือช่วงที่จิตพ้นวิถี และไม่มีความรู้สึกใดๆ

เราจึงเป็นสิ่งที่ไม่มีจริง เป็นแค่สภาวะธรรม การทำงานของขันธ์5 เท่านั้นเอง

แต่ ขันธ์5 นั้นมีจริง ...........มีมาก่อนเรา และเมื่อไม่มีเรา ขันธ์5 ก็มีต่อไป

แม้แต่พระอรหันต์ ก็มีขันธ์5
หลังปรินิพพาน นั่นแล จึงดับสนิทไม่มีเหลือ ไม่เหลือเชื้อใดๆ

.....................................................
ยังงมงาย...
เมื่อเห็นว่าพระไตรปิฏก มีส่วนถูก มีส่วนจริงแค่ 20 ถึง 30 เปอร์เซนต์ เท่านั้น

เลิกงมงาย..
เมื่อเห็นว่า พระไตรปิฏก มีส่วนถูก ส่วนจริง เกินกว่า 80 ถึง กว่า 90 เปอร์เซนต์

http://www.youtube.com/user/govit2554#g/u


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ธ.ค. 2011, 22:53 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ธ.ค. 2011, 21:40
โพสต์: 952


 ข้อมูลส่วนตัว


ท่านกัลยาณ มิตรตะเกียงแก้ว ครับ
ผมก็คิดเช่นเดียวกับท่านครับ และเริ่มเข้าใจขึ้นบ้างแล้ว และ ท่านเดินมาถึงขั้นที่ท่านว่า
เมื่อเดินทาง (ธรรม) มาถึงระยะหนึ่ง (ถ้าคุณเดินมาถึงได้) คุณจะไม่มีข้อสงสัยเรื่องตายแล้วไปไหน ตายแล้วจะเหลืออะไร จะหมดข้อสงสัยในอดีตชาติ อนาคตชาติ เกิดแล้วดับ ดับแล้วหายไปไหน คำถามเหล่านี้จะหายไป หรือยังครับ ช่วยเล่าให้ฟังหน่อยซิครับ


ท่านกัลยาณมิตร govit2552 ครับ
ท่อนบนนั้นผมพอเข้าใจ แต่ยังติดอยู่ที่ว่า
ก่อนเราเกิดนั้นเราคืออะไรครับ เป็นจิตหรือเปล่า ครับ
ขันธ์5 เกิดขึ้นตอนเราเป็นมนุษย์ หรือเกิดก่อนเราจะเกิดเป็นมนุษย์ ครับ
และที่ว่า หลังปรินิพพาน นั่นแล จึงดับสนิทไม่มีเหลือ ไม่เหลือเชื้อใดๆ
อะไรดับสนิทครับ จิตดับสนิทแบบหายไปเลย หรือจิตยังอยู่แต่ ละแล้วซึ่งกิเลสทั้งหลาย ได้ละครับ

ผมขอถามท่านอื่นๆด้วยนะครับ ขอบคุณครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ธ.ค. 2011, 02:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 เม.ย. 2011, 01:57
โพสต์: 324

แนวปฏิบัติ: อริยสัจ4
อายุ: 27
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว


การปฏิบัติธรรม คือการศึกษาค้นคว้า เป็นธรรมดาของการศึกษาค้นคว้า ที่จะให้กำเนิดคำถามข้อสงสัยมากมาย

แต่จำเป็นหรือ ที่เราจะต้องตอบให้ได้ทุกคำถาม

คำถามสองส่วนแรกที่ท่านถาม

โค้ด:
ก่อนเราเกิดนั้นเราคืออะไรครับ เป็นจิตหรือเปล่า ครับ
ขันธ์5 เกิดขึ้นตอนเราเป็นมนุษย์ หรือเกิดก่อนเราจะเกิดเป็นมนุษย์ ครับ


ลองพิจารณาดูให้ดีๆ หากมีคนมาตอบ ไม่ว่าคำตอบจะเป็นอย่างไร ท่านจะเชื่อ ถือเอาคำตอบของท่านเหล่านั้นเป็นจริงเป็นจังได้หรือไม่ ท่านพิสูจน์เองให้แน่ใจในคำตอบนั้นได้หรือไม่

ถ้าคำตอบคือไม่แล้ว จะใช้เวลาเพื่อครุ่นคิดให้ได้คำตอบของปัญหาที่ไม่มีคำตอบไปทำไม

คำถามส่วนถัดมา

โค้ด:
และที่ว่า หลังปรินิพพาน นั่นแล จึงดับสนิทไม่มีเหลือ ไม่เหลือเชื้อใดๆ
อะไรดับสนิทครับ จิตดับสนิทแบบหายไปเลย หรือจิตยังอยู่แต่ ละแล้วซึ่งกิเลสทั้งหลาย ได้ละครับ


ขออนุโมทนาในข้อสงสัย แต่ไม่ขอตอบ

อยากจะใช้โอกาสนี้ถามท่านกลับว่า คำถามนี้เป็นคำถามที่ใครๆก็ตอบได้หรือไม่ และ ใครจะเป็นผู้ตอบคำถามเหล่านี้ได้

ไม่ใช่เพราะความเชื่อมั่นหรือที่ทำให้คนเดือดร้อนทะเลาะวิวาทกันมานักต่อนักแล้ว เมื่อเชื่อไปแล้ว ยึดไปแล้ว ยากนักที่จะวางลงได้ ดังนั้นจะเป็นการดีกว่าหรือไม่ที่จะพิจารณาให้ดีให้รอบคอบก่อนจะเชื่อ

ผิดถูกอย่างไรโปรดพิจารณา

.....................................................
ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นคือความจริง การฝืนความจริงทำให้เกิดทุกข์ การเห็นและยอมตามความจริงทำให้หายทุกข์

คนที่รู้ธรรมะ มักจะชอบเอาชนะผู้อื่น แต่คนเข้าใจธรรมะ มักจะเอาชนะใจตนเอง

สัพเพ ธัมมา อะนัตตาติ ยะทา ปัญญายะ ปัสสะติ
เมื่อใดบุคคลเห็นด้วยปัญญาว่า, ธรรมทั้งปวงเป็นอนัตตา

อะถะ นิพพินทะติ ทุกเข เอสะ มัคโค วิสุทธิยา
เมื่อนั้น ย่อมเหนื่อยหน่ายในสิ่งที่เป็นทุกข์ ที่ตนหลง,
นั่นแหละเป็นทางแห่งพระนิพพานอันเป็นธรรมหมดจด

.....ติลักขณาทิคาถา.....


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ธ.ค. 2011, 05:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 มี.ค. 2010, 19:57
โพสต์: 1014

โฮมเพจ: http://www.vitwong.blogspot.com
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


ก่อนเราเกิดนั้นเราคืออะไรครับ เป็นจิตหรือเปล่า ครับ

เราคือสภาวะธรรม
ซึ่งเกิดขึ้นชั่วครั้งชั่วคราว เมื่อจิตขึ้นสู่วิถี หรือวิถีจิตนั่นเอง
และเราก็หายไป ในช่วงจิตพ้นวิถี

ขณะจิตพ้นวิถี ไม่มีเราเลย ไม่ว่าที่ไหนๆ โลกนี้ไม่ปรากฏ
ญาติพี่น้อง เพื่อนฝูง เรือกสวนไร่นา อะไรๆ ไม่ปรากฏเลย
นั่นคือ ไม่มีเราเลย

ขณะที่ไม่มีเรา หรือพุดอีกอย่าง ขณะที่ไม่มีความรู้สึกตัวใดๆ
ขณะนั้น ขันธ์5 ยังคงเป็นไป เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ไปตามเหตุปัจจัยของมัน
ไร้การบังคับบัญชา คือไปตามยถาของมัน

ถ้าถามย้ำว่า ก่อนเกิดจากท้องพ่อท้องแม่ เราคืออะไร
ให้ย้อนไปอ่าน เรื่องเราคือสภาวะธรรมครับ

เราย่อมไม่เป็นจิต
จิต ไม่ใช่เรา เรา ไม่ใช่จิต
แต่ขันธ์5 นั้นมีมาก่อนเราเกิด(จากท้องพ่อท้องแม่) และจะมีหลังจากที่เราตาย(คือไม่มีความรู้สึกตัว)ไป

แต่หลังจากปรินิพพานแล้ว ไม่มีขันธ์5 อีกต่อไปครับ

.....................................................
ยังงมงาย...
เมื่อเห็นว่าพระไตรปิฏก มีส่วนถูก มีส่วนจริงแค่ 20 ถึง 30 เปอร์เซนต์ เท่านั้น

เลิกงมงาย..
เมื่อเห็นว่า พระไตรปิฏก มีส่วนถูก ส่วนจริง เกินกว่า 80 ถึง กว่า 90 เปอร์เซนต์

http://www.youtube.com/user/govit2554#g/u


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ธ.ค. 2011, 19:36 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ธ.ค. 2011, 21:40
โพสต์: 952


 ข้อมูลส่วนตัว


พอดีว่าผม หาคำตอบจากคุณ Google มาครับ
เจอสิ่งที่ผมถาม และได้คำตอบว่า
จิตขณะแรกของชาตินี้เกิดต่อจากจิตขณะสุดท้ายของชาติก่อน (จุติจิต) ด้วยเหตุนี้เอง อุปนิสัยในอดีตจึงสืบต่อมาโดยสะสมในจิตดวงหนึ่งสู่จิตดวงต่อไปและจากชาติก่อนสู่ชาตินี้
จากBuddhist Study บทที่ 10 จิตขณะแรกในชีวิต

ส่วนที่ว่า หลังปรินิพพาน นั่นแล จึงดับสนิทไม่มีเหลือ ไม่เหลือเชื้อใดๆ
อะไรดับสนิทครับ จิตดับสนิทแบบหายไปเลย หรือจิตยังอยู่แต่ ละแล้วซึ่งกิเลสทั้งหลาย ได้ละครับ
ผมได้คำตอบว่า มี 2 แบบ ตามท่านพระพุทธทาส ครับ

สอุปาทิเสสนิพพาน จิตไม่ดับ ยังมีเชื้อเหลือ คือ ขันธ์ห้านั่นเอง(จิต คือวิญญาณในขันธ์ห้า )เป็นนิพพานที่ดับกิเลสแต่ไม่ดับขันธ์ ภาษาวิชาการเรียกว่า กิเลสปรินิพพาน พุทธทาสใช้คำว่า "ว่าง" พระอรหันต์ยังมีชีวิตอยู่

อนุปาทิเสสนิพพาน จิตดับ ขันธ์ทั้งห้าดับ กิเลสดับ พุทธทาสใช้คำว่า "ดับไม่เหลือ"ภาษาวิชาการเรียก ขันธปรินิพพาน พระอรหันต์สิ้นชีวิต

เมื่อได้คำตอบแล้ว จะจริงหรือไม่จริง จะใช่หรือไม่ใช่ จะตรงกับที่ท่านคิดหรือไม่ ก็ปล่อยวางเสีย เหมื่อนกับการหานิพพาน นั้นแล เมื่อรู้นิพพานแล้ว ก็ปล่อยวางนิพพานนั้นเสีย เพื่อเข้าสู่นิพพานจริงๆ
ส่วนผมขอวางคำภีร์ต่างๆลงก่อน ขอตั้งมั่นจิต ลดตัวกูของกู เสียให้หมดก่อน นะครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ธ.ค. 2011, 20:37 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ฝึกจิต เขียน:
.....
ส่วนผมขอวางคำภีร์ต่างๆลงก่อน ขอตั้งมั่นจิต ลดตัวกูของกู เสียให้หมดก่อน นะครับ


วางคำภีร์ใว้ก่อน..จะว่าถูก..ก็ถูก....จะว่าผิด...ก็ผิด

ถูก...
เพราะ..ทุกข์ของเรา...ไม่ใช่ทุกข์ของคำภีร์...หากเราไม่ทุกข์(เห็นทุกข์)..คงไม่คิดอยากออกจากทุกข์...เจอปัญหาเราก็แก้ของเรา...ปัญหาในคำภีร์ไม่ใช่ปัญหาของเรา

ผิด..
เพราะ...ปริยัติ..ปฏิบัติ..ปฏิเวช...ขาดอย่างใดอย่างหนึ่ง...ก็ไม่เรียกว่า...เพียรชอบ..ตรงนี้สำคัญ

ปริยัติ...ไม่ใช่เฉพาะแต่...อ่านหนังสือเท่านั้นนะ..หมายรวมถึงการฟัง(เทศน์)ด้วย

ปฏิบัติ...ก็นำความในปริยัติมาประพฤติปฏิบัติ...

ปฏิเวช...ผลของการปฏิบัติ...นำผลไปตรวจทานกับปริยัติ...คือคำภีร์บ้างหรือครูบาอาจารย์บ้าง..(กับหนังสือ...ปัญหาคือความเข้าใจของเรา....ครูบาอาจารย์...ปัญหาคือท่านรู้จริงหรือเปล่า)
แล้วไปปรับการปฏิบัติ...ได้ผลมา(ปฏิเวช)ก็กลับไปที่ปริยัติอีก

วนไปอย่างนี่.....ทำถูก...มันก็จะวนสูงขึ้น..ๆ..จนไปสุดที่ของปฏิเวชก็คือ..อรหันต์ผล

งานก็จบ..


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ธ.ค. 2011, 21:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 มี.ค. 2010, 19:57
โพสต์: 1014

โฮมเพจ: http://www.vitwong.blogspot.com
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


นิพพาน ใช้กับพระอรหันต์ที่ยังมีชีวิตครับ
ปรินิพพาน ใช้เมื่อพระอรหันต์จบชีวิตครับ

.....................................................
ยังงมงาย...
เมื่อเห็นว่าพระไตรปิฏก มีส่วนถูก มีส่วนจริงแค่ 20 ถึง 30 เปอร์เซนต์ เท่านั้น

เลิกงมงาย..
เมื่อเห็นว่า พระไตรปิฏก มีส่วนถูก ส่วนจริง เกินกว่า 80 ถึง กว่า 90 เปอร์เซนต์

http://www.youtube.com/user/govit2554#g/u


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ธ.ค. 2011, 21:10 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ธ.ค. 2011, 21:40
โพสต์: 952


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
ฝึกจิต เขียน:
.....
ส่วนผมขอวางคำภีร์ต่างๆลงก่อน ขอตั้งมั่นจิต ลดตัวกูของกู เสียให้หมดก่อน นะครับ


วางคำภีร์ใว้ก่อน..จะว่าถูก..ก็ถูก....จะว่าผิด...ก็ผิด

ถูก...
เพราะ..ทุกข์ของเรา...ไม่ใช่ทุกข์ของคำภีร์...หากเราไม่ทุกข์(เห็นทุกข์)..คงไม่คิดอยากออกจากทุกข์...เจอปัญหาเราก็แก้ของเรา...ปัญหาในคำภีร์ไม่ใช่ปัญหาของเรา

ผิด..
เพราะ...ปริยัติ..ปฏิบัติ..ปฏิเวช...ขาดอย่างใดอย่างหนึ่ง...ก็ไม่เรียกว่า...เพียรชอบ..ตรงนี้สำคัญ

ปริยัติ...ไม่ใช่เฉพาะแต่...อ่านหนังสือเท่านั้นนะ..หมายรวมถึงการฟัง(เทศน์)ด้วย

ปฏิบัติ...ก็นำความในปริยัติมาประพฤติปฏิบัติ...

ปฏิเวช...ผลของการปฏิบัติ...นำผลไปตรวจทานกับปริยัติ...คือคำภีร์บ้างหรือครูบาอาจารย์บ้าง..(กับหนังสือ...ปัญหาคือความเข้าใจของเรา....ครูบาอาจารย์...ปัญหาคือท่านรู้จริงหรือเปล่า)
แล้วไปปรับการปฏิบัติ...ได้ผลมา(ปฏิเวช)ก็กลับไปที่ปริยัติอีก

วนไปอย่างนี่.....ทำถูก...มันก็จะวนสูงขึ้น..ๆ..จนไปสุดที่ของปฏิเวชก็คือ..อรหันต์ผล

งานก็จบ..

จุดหมายปลายทางหนึ่ง อาจมีเส้นทางหลายเส้นทางที่จะไปถึงก็ได หรือเส้นทางเดียวก็ได้ ต้องลองไปทางที่ท่านคิดว่าใช้ดู แล้วจะรู้ว่าเส้นทางนั้นไปสู่จุดหมายปลายทางได้หรือมั้ย แต่อย่าลืมว่าเส้นทางที่ท่านเลือกนั้น ยังมีทางแยกอีกเยอะนักที่อาจทำให้ท่านหลงทาง เพราะเส้นทางสู่ปรินิพานนี้ มีผู้รู้เขียนแผนที่ไว้เยอะนัก
ส่วนเส้นทางที่ท่านได้บอกนั้น อาจเป็นเส้นทางที่ผมเลือก หรือไม่เลือกในการข้างหน้าก็ได้ และผมขอขอบคุณในความหวังดีครับ
ส่วนเหตุที่ผมเลือกเส้นทางนี้ เพราะเข้าใจง่ายและเข้าใจในระดับหนึ่งแล้ว กำลังทดลองแล้ว จิตใจลดความวุ่นวายลงได้ระดับหนึ่งแล้ว และขอทดลองไปต่อดูก่อนครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ธ.ค. 2011, 21:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


สนใจสิ่งที่ควรสนใจครับ

ทุกข์
เหตุแห่งทุกข์
ความดับทุกข์
ปฏิปทาให้ถึงความดับแห่งทุกข์


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ธ.ค. 2011, 21:28 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ธ.ค. 2011, 21:40
โพสต์: 952


 ข้อมูลส่วนตัว


govit2552 เขียน:
นิพพาน ใช้กับพระอรหันต์ที่ยังมีชีวิตครับ
ปรินิพพาน ใช้เมื่อพระอรหันต์จบชีวิตครับ


มีหนังสือบางเล่ม ก็เคยกล่่าวครับว่า ฆารวาส ที่เข้าถึงนิพพานได้ ก็ใช้คำว่านิพพานได้
แต่ผมไม่ได้สนใจ หรือ ยึดมั่น คำต่างๆในคำภีร์ เลยครับ
ขอบคุณสำหรับความรู้ครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ธ.ค. 2011, 21:41 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ทุกข์....ตัวแรกนี้...สำคัญมาก

หากยังไม่เจอ...ก็ต้องกำหนดรู้เอาไปก่อน...

กำหนดรู้ไปเรื่อย ๆ ...อันนี้ก็ทุกข์..อันนั้นก็ทุกข์..เอาตามตำราบ้าง..ตามครูบาอาจารย์บ้าง...

จน...ใจ...มันซึ้ง..เข้าไปข้างใน...มันจะร้อง...อ้อ...ใช้..มันทุกข์

ข้อสังเกตุ...ว่า..ไอ้ที่อ้อ..นี้นะ...มันอ้อจริงมั้ย?..คือ...มันจะมีอาการอยากออกจากทุกข์...ตามมาทันที...
การอยากออกจากทุกข์...ถูกฝังในใจ...การปฏิบัติอะไรต่อมิอะไรหลังจากนี้..มันก็มีหลัก
....มีหลักแล้ว...มันไม่หลงง่าย ๆ
มรรค์..ที่คุณฝึกจิต...กำลังทำอยู่

จะเป็นมรรค์ 8หรือไม่...ก็ต้องดูที่มรรค์ข้อแรก..คือ..สัมมาทิฏฐิ

ความเห็นแบบไหน...จึงเป็นสัมมาทิฏฐิ...ก็เห็น..ทุกข์..เห็นเหตุของทุกช์...เห็นความดับทุกข์มีได้...

แล้วมาปลงใจปฏิบัติ...

นี้ขยายความที่คุณ Flame ว่ามา..คือ..ให้สนใจ...อริยสัจ 4

อย่างไรก็ตาม...ขออนุโมทนาสาธุ....กับความมุ่งดีของคุณฝึกจิต...ครับ :b8: :b8:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 13 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร


cron