ลานธรรมจักร
http://www.dhammajak.net/forums/

วิปัสสนาภาวนา กับ สมถภาวนา
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=40120
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

เจ้าของ:  ไม่เที่ยง เกิดดับ [ 15 พ.ย. 2011, 22:49 ]
หัวข้อกระทู้:  วิปัสสนาภาวนา กับ สมถภาวนา

วิปัสสนาภาวนา หมายถึง การเจริญปัญญา คือการรู้เห็นเท่าทันสิ่งที่มากระทบสัมผัส ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ตามความเป็นจริงของโลกและชีวิตว่าสิ่งทั้งปวงไม่เที่ยง เกิดดับ เกิดจากเหตุปัจจัยมาปรุงแต่งกันชั่วคราวแล้วแตกสลายไม่มีตัวตน เป็นของตนเอง รู้อย่างนี้เรียกว่า ปัญญา หรือความรู้ที่ดับทุกข์ได้ พระพุทธองค์ตรัสว่าเป็นทางสายเอกสายเดียวที่ดับทุกข์ได้

สมถภาวนา หมายถึงการเจริญความสงบทางจิต มีสมาธิ มีฌาน อภิญญา เป็นเป้าหมาย ไม่มีปัญญาเกิดขึ้นดับทุกข์ได้

เจ้าของ:  student [ 16 พ.ย. 2011, 07:09 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: วิปัสสนาภาวนา กับ สมถภาวนา

อนุโมทนาครับ

เจ้าของ:  asoka [ 20 พ.ย. 2011, 22:40 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: วิปัสสนาภาวนา กับ สมถภาวนา

:b8:
วิปัสสนา ต้องตามด้วยคำว่า "ภาวนา" หรือ "กรรมฐาน" จึงจะมีความหมายสมบูรณ์เพื่อการปฏิบัติจริง
วิปัสสนา มาจากคำว่า "วิ" กับคำว่า "ปัสสนา"

วิ มาจากคำว่า "วิเศษ" หมายถึงสิ่งพิเศษที่ไม่สามารถเห็นได้ รู้ได้ด้วยตาเนื้อธรรมดา หรือเครื่องมือใดๆ จะรู้ได้ก็ด้วย ตาปัญญา ตาใจ หรือรู้ตรงที่ใจ

สิ่งวิเศษที่มีอยู่ในกายในจิตของคนทั้งหลายก็คือ "ธรรม"หรือ "สภาวธรรม" ทั้งหลายนั่นเอง เช่น ความทุกข์ ความสุข
ชอบใจ ไม่ชอบใจ ร้อน หนาว เย็น อุ่น หนัก เบา แข็ง อ่อน เจ็บ ปวด เต้น ตอด เหน็บ ซ่าน สบาย ดีใจ เสียใจ จิต เจตสิก รูป นิพพาน เปรี้ยว หวาน มัน เค็ม หอม เหม็น เป็นต้น

ปัสสนา มาจากคำว่า "ทัศนา" แปลวา เห็น ดู รู้ ในทางปฏิบัติหมายถึง สัมมาทิฐิ ตาปัญญา อันเป็นมรรคข้อที่ 1 ในมรรค 8 นั้นเลยทีเดียว

วิปัสสนาจึงมีความหมายโดยรวมว่า การเห็น ดู รู้ สภาวธรรมที่เกิดขึ้นในกายและจิต

ที่ต้องมีคำว่า "ภาวนา" ตามมานั้น เพราะ คำว่า "ภาวนา" แปลว่าเจริญหรือทำให้เกิดมีขึ้นมา แต่คำว่า "ภาวนา"นี้เมื่อมาตามหลังคำว่า "วิปัสสนา"แล้ว กลับมีความหมายในเชิงปฏิบัติว่า กรสังเกต พิจารณา อันหมายถึงตาปัญญาดวงที่ 2 ของปัญญามรรคในมรรค 8 คือ ตาปัญญา สัมมาสังกัปปะ

วิปัสสนาภาวนา จึงแปลว่า การเฝ้า ดู เห็น รู้ และ สังเกต พิจารณา สภาวธรรมต่างๆที่เกิดขึ้นในกายและจิต จนเห็นและรู้ธรรมตามความเป็นจริง

ความเป็นจริงของสภาวธรรมทั้งหมดคือ
1.อนิจจัง ไม่เที่ยง เปลี่ยนแปลงไปมาอยู่ตลอดเวลา
2.ทุกขัง ทนอยู่ไม่ได้ (ต้องเปลี่ยนแปลง)
3.อนัตตา บังคับบัญชาไม่ได้ ไร้แก่นสาร ตัวตน กลวง ว่างเปล่า

ผู้ปฏิบัติท่านใดได้เห็นได้รู้ความจริงอย่างนี้ย่อมจักทำให้เกิดความเบื่อหน่าย คลายจาง ปล่อยวาง ความเห็นผิด ยึดผิด ที่ไปยึดว่า รูป นาม กาย ใจ ธาตุขันธ์ หรือขันธ์ 5 ก้อนนี้เป็น อัตตา ตัวตน ตัวกู ของกู

เมื่อความเห็นผิด มิจฉาทิฐิ ดับไป ตายไป ความเห็นถูกต้องโดยสมบูรณ์ หรือ สัมมาทิฐิ ก็จักเกิดขึ้นมาแทนที่ คือเห็นว่าธรรมทั้งหมดทั้งปวงเป็น อนัตตา จิตก็จะหลุดพ้นสู่นิพพาน

ทำไมต้องวิปัสสนาด้วย สมถะไม่ได้หรือ


เฉพาะ สมถะ อย่างเดียวไม่เพียงพอที่จะถอนทำลายความเห็นผิด ว่าเป็นอัตตา ตัวกู ของกู ได้

เหตุผลประกอบอีกอย่างหนึ่งคือ

สมถะภาวนา เป็นวิชาของเหล่าพราหมณ์ ฮินดู ฤาษี ชีไพร อเจลกะ นิคฤนธ์ ทั้งหลายเขาทำกันมานานก่อนพระพุทธเจ้า
เป็นการพยายามแก้ที่ ทุกข์ ซึ่งเป็นตัวผล จึงแก้ทุกข์ได้ไม่เด็ดขาด
:b36:
วิปัสสนาภาวนา เป็นวิชาของพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าทรงค้นพบและนำมาสั่งสอน เป็นวิธี แก้ที่เหตุทุกข์ หรือ สมุทัย
เป็นการแก้ทุกข์ที่ชะงัด ได้ผลสมบูรณ์ ไม่กลับกลอกคืนมาทุกข์ได้อีกต่อไป

เจ้าของ:  เช่นนั้น [ 21 พ.ย. 2011, 10:58 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: วิปัสสนาภาวนา กับ สมถภาวนา

ไม่เที่ยง เกิดดับ เขียน:
วิปัสสนาภาวนา หมายถึง การเจริญปัญญา คือการรู้เห็นเท่าทันสิ่งที่มากระทบสัมผัส ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ตามความเป็นจริงของโลกและชีวิตว่าสิ่งทั้งปวงไม่เที่ยง เกิดดับ เกิดจากเหตุปัจจัยมาปรุงแต่งกันชั่วคราวแล้วแตกสลายไม่มีตัวตน เป็นของตนเอง รู้อย่างนี้เรียกว่า ปัญญา หรือความรู้ที่ดับทุกข์ได้ พระพุทธองค์ตรัสว่าเป็นทางสายเอกสายเดียวที่ดับทุกข์ได้

สมถภาวนา หมายถึงการเจริญความสงบทางจิต มีสมาธิ มีฌาน อภิญญา เป็นเป้าหมาย ไม่มีปัญญาเกิดขึ้นดับทุกข์ได้


ที่อ้างมาทั้งหมด รวมทั้งที่กล่าวว่า "พระพุทธองค์ตรัสว่า..." เพื่อแสดงความน่าเชื่อถือต่อสิ่งที่แสดงออกมา นั้น อยู่ในพระสูตรใด

และพระสูตรใดที่ทรงแสดงตรัสแยก สมถะ และวิปัสสนา ออกจากกัน ว่าเป็นทางดับทุกข์

เจ้าของ:  เช่นนั้น [ 21 พ.ย. 2011, 11:01 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: วิปัสสนาภาวนา กับ สมถภาวนา

asoka เขียน:
วิปัสสนาภาวนา เป็นวิชาของพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าทรงค้นพบและนำมาสั่งสอน เป็นวิธี แก้ที่เหตุทุกข์ หรือ สมุทัย
เป็นการแก้ทุกข์ที่ชะงัด ได้ผลสมบูรณ์ ไม่กลับกลอกคืนมาทุกข์ได้อีกต่อไป


พระสูตรใด พุทธพจน์ใด บอกว่า วิปัสสนาภาวนา เป็นวิชาของพระพุทธเจ้า
และ พระสูตรใด พุทธพจน์ใด แสดงสมถะและวิปัสสนา แยกกันเพื่อความดับทุกข์

เจ้าของ:  ไม่เที่ยง เกิดดับ [ 22 พ.ย. 2011, 10:42 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: วิปัสสนาภาวนา กับ สมถภาวนา

เช่นนั้น เขียน:
asoka เขียน:
วิปัสสนาภาวนา เป็นวิชาของพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าทรงค้นพบและนำมาสั่งสอน เป็นวิธี แก้ที่เหตุทุกข์ หรือ สมุทัย
เป็นการแก้ทุกข์ที่ชะงัด ได้ผลสมบูรณ์ ไม่กลับกลอกคืนมาทุกข์ได้อีกต่อไป


พระสูตรใด พุทธพจน์ใด บอกว่า วิปัสสนาภาวนา เป็นวิชาของพระพุทธเจ้า
และ พระสูตรใด พุทธพจน์ใด แสดงสมถะและวิปัสสนา แยกกันเพื่อความดับทุกข์


วิปัสสนาภาวนา คือการรู้ความจริงของธรรมชาติ (กฎไตรลักษณ์)
รู้ได้อย่างไรก็คือ พิจารณาขันธ์ 5 และอินทรีย์ 6 (ตา-หู-จมูก-ลิ้น-กาย-ใจ) เมื่อนำมาปฏิบัติแล้วเกิดสัมมาทิฎฐิ มรรคมีองค์ 8 อื่นๆ ก็ตามมา มีปัญญาดับเหตุแห่งทุกข์ทั้งปวง ทั้งทุกข์ธรรมชาติ และทุกข์ที่เราสะสม ปัญหาชีวิตไม่มี ทุกข์ไม่เกิด ความสงบเกิดขึ้น สุขถาวรก็ตามมา

onion onion onion onion onion

หน้า 1 จากทั้งหมด 1 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/