ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
อยากทราบผลของการนับถือศาสนาที่ต่างกัน http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=40070 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | คนบนเขา [ 10 พ.ย. 2011, 14:05 ] |
หัวข้อกระทู้: | อยากทราบผลของการนับถือศาสนาที่ต่างกัน |
ศาสนาแต่ละศาสนาสอนให้คนเป็นคนดีก็จริงอยู่ แต่.....แต่ละศาสนามีคำสอนที่ต่างกัน วิธีหรือพิธีกรรมทางศาสนาต่างกัน ผลจากการสอนของแต่ละศสานาต่างกัน ผมจึงเกิดความสงสัยว่าคนในแต่ละศาสนาทุกคนต้องตายเหมือนๆกัน จึงอยากทราบว่าหลังจากตายไปแล้วคนแต่ละศาสนาได้รับผลจากการกระทำของตนเองหลังความตายเหมือนกันหรือไม่ เช่น ศาสนาพุทธนั้นคนไหนทำกรรมใดไว้ย่อมได้รับผลกรรมนั้นๆ แล้วศาสนาอื่นๆจะได้อะไร หรือเหมือนกันหรือไม่อย่างไรเหตุเพราะนับถือคนละศานาหรือไม่ครับ |
เจ้าของ: | kokorado [ 10 พ.ย. 2011, 20:07 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: อยากทราบผลของการนับถือศาสนาที่ต่างกัน |
มนุษญ์เราส่วนมาก นับถือศาสนา ตามสภาพแวดล้อม อย่างพวกเรา คนไทยนี่ ลองไม่ได้เกิดที่เมืองไทย แต่ไปเกิด ในอาหรับ หรือ ยุโรป คิดว่าเรายังจะเป็นคนพุทธ อยู่หรือไม่ ศาสนาแต่ละศาสนา สอนต่างกัน ความเชือ ในชีวิตหลัวงความตายก็ต่างกัน แต่ชีวิตหลังความตาย เป็นของสากล ใครลองได้ตาย ก็จะได้พบเหมือนๆกัน แต่คนในแต่ละศาสนา ยังไม่ตาย ก็คิดว่า ความเชื่อในโลกของความตาย ในศาสนาที่ตนนับถือนั้นถูกต้อง ความเชื่อของใครจะถูกหรือผิด ก็คงต้องไปพิสูจน์ดูเอาเอง เมื่อตายไปแล้วนั่นแหละ |
เจ้าของ: | mes [ 11 พ.ย. 2011, 19:15 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: อยากทราบผลของการนับถือศาสนาที่ต่างกัน |
คนบนเขา เขียน: ศาสนาแต่ละศาสนาสอนให้คนเป็นคนดีก็จริงอยู่ แต่.....แต่ละศาสนามีคำสอนที่ต่างกัน วิธีหรือพิธีกรรมทางศาสนาต่างกัน ผลจากการสอนของแต่ละศสานาต่างกัน ผมจึงเกิดความสงสัยว่าคนในแต่ละศาสนาทุกคนต้องตายเหมือนๆกัน จึงอยากทราบว่าหลังจากตายไปแล้วคนแต่ละศาสนาได้รับผลจากการกระทำของตนเองหลังความตายเหมือนกันหรือไม่ เช่น ศาสนาพุทธนั้นคนไหนทำกรรมใดไว้ย่อมได้รับผลกรรมนั้นๆ แล้วศาสนาอื่นๆจะได้อะไร หรือเหมือนกันหรือไม่อย่างไรเหตุเพราะนับถือคนละศานาหรือไม่ครับ ความเชื่อ และ ศาสนาเป็นอย่างหนึ่ง ใครจะเชื่อจะนับถือศาสนาใดก็ได้ แต่เกิด แก่ เจ็บ ตาย เหมือนกัน เป็นเหตุปัจจับเดียวกัน เรียกอิทัปปัจจยตา เป็นไปตามปฏิจจสมุปบาทว่า ...ตัณหา → อุปาทาน → ภพ → ชาติ → รูปูปาทานขันธ์ + ใจ + วิญญูาณูปาทานขันธ์ เวทนูปาทานขันธ์ → มรณะ → อาสวะกิเลส →.... อุปาทานขันธ์๕ อันคือ คิดปรุงแต่งในชรา อันเป็นทุกข์ สังขารูปาทานขันธ์ เช่นคิดที่เป็นทุกข์ สัญญูปาทานขันธ์ ในวงจรล้วนเป็นอุปาทานขันธ์ เพราะล้วนถูกครอบงําโดยอุปาทานแล้ว ทุกศาสนาย่อมมีจุติ ปฏสนธิเป็นอย่างนี้แล |
เจ้าของ: | จ่าสิบตรี เทวฤทธิ์ [ 11 พ.ย. 2011, 19:26 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: อยากทราบผลของการนับถือศาสนาที่ต่างกัน |
คนบนเขา เขียน: ศาสนาแต่ละศาสนาสอนให้คนเป็นคนดีก็จริงอยู่ แต่.....แต่ละศาสนามีคำสอนที่ต่างกัน วิธีหรือพิธีกรรมทางศาสนาต่างกัน ผลจากการสอนของแต่ละศสานาต่างกัน ผมจึงเกิดความสงสัยว่าคนในแต่ละศาสนาทุกคนต้องตายเหมือนๆกัน จึงอยากทราบว่าหลังจากตายไปแล้วคนแต่ละศาสนาได้รับผลจากการกระทำของตนเองหลังความตายเหมือนกันหรือไม่ เช่น ศาสนาพุทธนั้นคนไหนทำกรรมใดไว้ย่อมได้รับผลกรรมนั้นๆ แล้วศาสนาอื่นๆจะได้อะไร หรือเหมือนกันหรือไม่อย่างไรเหตุเพราะนับถือคนละศานาหรือไม่ครับ ศาสนาส่วนใหญ่ ล้วนมีรากเหง้ามาจาก "เทวนิยม" บางศาสนาตายไปแล้วก็ไปรับใช้พระเจ้า บางศาสนาตายไปแล้วก็ได้ไปอยู่ใกล้ชิดกับพระเจ้า ศาสนาพุทธ อิงหรือมีต้นกำเนิดจากศาสนาพราหมณ์ฮินดู ตายแล้วก็ไปเกิดเป็นสิ่งแตกต่างกันไป ตามแต่ผลกรรมหรือผลบุญที่ได้สร้างไว้เมื่อยังมีชีวิตอยู่ บ้างก็ไปเกิดบนสวรรค์ บ้างก็ไปเกิดในนรก บ้างก็ไปเกิดเป็นมนุษย์ บ้างก็ไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน ฯ จะเรียกโดยรวมก็คือ ทุกชีวิต ล้วนเวียนว่ายตายเกิด อย่างนี้เป็นต้น หลังความตาย ทุกคนก็ย่อมได้รับผลกรรม เหมือนกันทุกศาสนา เพียงแต่ศาสนาแต่ละศาสนาเขามีเทคนิคหรือวิธีการที่จะทำให้ผู้ตาย ตายไปอย่างสงบ บ้างก็มีการสอนว่าพระเจ้ารับกรรมแทน และได้ไปใกล้ชิดพระเจ้าบ้าง ได้ไปรับใช้พระเจ้าบ้าง ผลกรรมที่ผู้ตายไปได้รับ ย่อมไม่มีใครได้รู้ และไม่รู้ว่าได้รับกรรมอย่างไร ถ้าเป็นศาสนาพุทธ ก็ต้องเวียนว่ายตายเกิดตามผลกรรมที่เคยก่อไว้ อันนี้ถ้าจะอธิบายคงยาว หากระทู้เรื่อง "ตายแล้วไปไหน" อ่านดู ในเว็บฯนี้ก็มี คงจะสร้างความเข้าใจได้บ้าง ส่วนศาสนาอื่นๆ ก็เป็นดังที่ข้าพเจ้าได้กล่าวไป คือพระผู้เป็นเจ้า หรือพระเจ้ารับกรรมแทนขอรับ |
เจ้าของ: | ปล่อยรู้ [ 12 พ.ย. 2011, 09:36 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: อยากทราบผลของการนับถือศาสนาที่ต่างกัน |
เปลวไฟอันเกิดขึ้นจากเชื้อไฟใดๆก็ตาม เมื่อเชื้ออันเป็นเหตุให้เกิดเปลวไฟดับสิ้นลง ไม่มีบุคคลใดสามารถพิสูจน์ยืนยันได้ว่า เปลวไฟยังมีอยู่หรือไม่มีอยู่. เปลวไฟไปอยู่ยังณ.แห่งใด. แม้นแต่ศาสดาของศาสนาพุทธเองก็ตาม ก็ไม่เคยยืนยันว่า ชีวิตหลังความตายแล้วไปอยู่ยังที่แห่งใด ความสุข ความทุกข์ ทั้งหลาย ล้วนเกิดจากเหตุปัจจัย เพราะมีผัสสะ จึงมีเวทนา มีความรู้สึกว่าสุข ว่าทุกข์ เมื่อปราศจากผัสสะ ความสุข ความทุกข์ จะเกิดขึ้นมีขึ้นมาได้อย่างไร? วิญญาณ หรือจิต หรือมโน หรือธาตุรู้ ตามความเห็นทางพระพุทธศาสนานั้น จะเกิดมีขึ้นมาได้ต้องอาศัยเหตุปัจจัย... เพราะมีตา มีรูป มีผัสสะ มีจักษุวิญญาณ จึงทำให้เกิดเวทนาทางตา หากปราศจากผัสสะทางตาเสียแล้ว เวทนาอันมีสาเหตุมาจากรูปก็ไม่อาจที่จะปรากฏขึ้นมาได้. พระพุทธเจ้าจึงไม่ตอบคำถามของบุคคลใดๆ ที่ถามหาชีวิตหลังความตาย และก็ไม่ปฏิเสธหรือยอมรับทิฏฐิความเห็นของลัทธิใดๆทั้งหลาย เพราะพระพุทธเจ้าท่านทรงเห็นแจ้งชัดแล้วว่า ในทุกๆความเห็นทุกๆความเชื่อแห่งเจ้าลัทธิทั้งหลายนั้น ล้วนมีผัสสะเป็นมูลเหตุปัจจัยทำให้เกิดทิฏฐิความเห็นนั้นๆขึ้นมา ![]() จึงเป็นความเห็น เป็นหัวใจของพระพุทธศาสนา ![]() |
เจ้าของ: | กบนอกกะลา [ 12 พ.ย. 2011, 13:01 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: อยากทราบผลของการนับถือศาสนาที่ต่างกัน |
คนบนเขา เขียน: ศาสนาแต่ละศาสนาสอนให้คนเป็นคนดีก็จริงอยู่ แต่.....แต่ละศาสนามีคำสอนที่ต่างกัน วิธีหรือพิธีกรรมทางศาสนาต่างกัน ผลจากการสอนของแต่ละศสานาต่างกัน ผมจึงเกิดความสงสัยว่าคนในแต่ละศาสนาทุกคนต้องตายเหมือนๆกัน จึงอยากทราบว่าหลังจากตายไปแล้วคนแต่ละศาสนาได้รับผลจากการกระทำของตนเองหลังความตายเหมือนกันหรือไม่ เช่น ศาสนาพุทธนั้นคนไหนทำกรรมใดไว้ย่อมได้รับผลกรรมนั้นๆ แล้วศาสนาอื่นๆจะได้อะไร หรือเหมือนกันหรือไม่อย่างไรเหตุเพราะนับถือคนละศานาหรือไม่ครับ วัฏฏะสงสาร....นี้...เป็นสากล ทุกสัพพสัตว์ในวัฏฏวน....แม้ไม่รู้...ก็อยู่ในอำนาจของมัน หากใคร...ละอายต่อการทำชั่ว...กลัวผลของการทำบาป....ความดีนี้มีผลให้อยู่ในฐานะของเทวดา...แม้ว่าสมมุติจะเรียกต่าง ๆ นานา....สภาวะอย่างเดียวกัน...(สูงสุดของ...สองยักษ์นอกศาสนา) หากใคร...มีใจตั้งมั่น....จิตเป็นสมาธิ....ความดีนี้มีผลให้อยู่ในฐานะของพรหม...ตั้งมั่นในรูปก็ไปรูปพรหม....ตั้งมั่นในความไร้รูปก็ไปอรูปพรหม (สูงสุดของ...ฤาษี) หากใคร....ละความยึดมั่นทั้งหลายทั้งปวง...ทำลายเหตุแห่งการเกิดลงได้...ทุกข์ทั้งหลายก็ดับและย่อมไม่เกิดในวัฏฏะนี้อีก...จะเรียกว่ามีอย่างในวัฏฏะก็ไม่ได้...จะเรียกว่าไม่มีอย่างในวัฏฏะก็ไม่ได้ (มีแต่พุทธที่สอนให้เห็นทางดับทุกข์นี้..) เห็นอย่างนี้...ก็อย่างไปนึกสำคัญว่าเรายิ่งกว่าใครเขา...ทำตนของเราให้ได้อย่างที่พระศาสดาสอนไม่ได้...ก็อย่าเพิ่งนึกว่าตนดี แต่พอดีเมื่อถึงคราวทำได้....ความสำคัญว่าตนดีกว่าเขามันก็หมด..ไปซะงั้น ![]() ![]() |
เจ้าของ: | ไม่เที่ยง เกิดดับ [ 13 พ.ย. 2011, 00:29 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: อยากทราบผลของการนับถือศาสนาที่ต่างกัน |
ตามความคิดผมนะครับ ไม่รู้ว่าศาสนาอื่นสอนยังไง แต่ศาสนาพุทธ ในพระไตรปิฎก สอนอยู่ 2 เรื่องเท่านั้นสอนเรื่องทุกข์ และการดับทุกข์ ส่วนสอนให้คนเป็นคนดี คนดีคือ คนที่รักษาศีล หรืองดเว้นจากความชั่ว ทำบุญ ทำทาน ทำกุศล กตัญญู เป็นต้น แต่คนดียังไม่พ้นทุกข์ครับยังพอใจ ไม่พอใจ และ หลง หรือมีราคะ อยากเป็น อยากมีเงิน อยากมีรถ อยากดัง อยากมีชื่อเสียง มียศ ถึงจะถือศีลและก็ต้องบริสุทธิ์ทั้งกาย วาจา ใจ ศีลก็มีทั้งหยาบ และละเอียด นี่แหละบำเพ็ญเพียรไปสู่ความนรก สัตว์เดรัจฉาน หรือมนุษย์ ขึ้นสวรรค์ก็ยังทุกข์เหมือนกันเพราะว่าสุขเกินไปหลายหมื่นหลายพันปีบนสวรรค์ ถ้าจะดับไม่เวียนว่ายตายเกิดก็ต้องดับทุกข์ให้สิ้นไม่ให้เหลือ ถึงจะดับความเกิดได้ การชดใช้กรรมของศาสนาอื่นก็เหมือนกัน เพราะว่าสิ่งที่พระพุทธเจ้าเห็นคือความจริงของโลกและชีวิต ทุกชีวิตบนโลกก็จะเหมือนกันหมดไม่เว้นแม้แต่สัตว์เพราะสรรพสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป เกิดจากเหตุและปัจจัยทำให้เกิดเหมือนกัน ต้องชดใช้กรรมเหมือนกัน |
เจ้าของ: | govit2552 [ 13 พ.ย. 2011, 01:53 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: อยากทราบผลของการนับถือศาสนาที่ต่างกัน |
อ้างคำพูด: อุปมาด้วยกงรถ “ พระนาคเสนจึงขีดเป็นกงรถลงที่พื้นดินแล้วถามพระเจ้ามิลินท์ว่า ที่สุดแห่งกงรถนี้มีอยู่หรือไม่ ? ” “ ไม่มี พระผู้เป็นเจ้า ” “ ข้อนี้ก็ฉันนั้นแหละ มหาบพิตร สมเด็จพระธรรมสามิสรตรัสไว้ว่า “ กงจักรเหล่านี้ได้แก่ จักขุ โสตะ ฆานะ ชิวหา กาย มโน ” ขอถวายพระพร จักขุวิญญาณ ย่อมเกิดพราะอาศัย จักขุ กับ รูป เมื่อสิ่งทั้ง ๓ นั้นรวมกันก็เป็น ผัสสะ ผัสสะ เป็นปัจจัยให้เกิด เวทนา” เวทนา เป็นปัจจัยให้เกิด ตัณหา ตัณหา เป็นปัจจัยให้เกิด อุปาทาน อุปาทาน เป็นปัจจัยให้เกิด กรรม จักขุ ก็เกิดจาก กรรม อีก ที่สุดแห่งการสืบต่ออันนี้มีอยู่หรือไม่ ? ” “ ไม่มี พระผู้เป็นเจ้า ” “ ขอถวายพระพร โสตวิญญาณ ฆานวิญญาณ ชิวหาวิญญาณ กายวิญญาณ มโนวิญญาณ ย่อมเกิดขึ้นเพราะอาศัยเสียงกับหู จมูกกกับกลิ่น ลิ้นกับรส กายกับโผฏฐัพพะ มโนกับธรรมะ เมื่อสิ่งทั้ง ๓ รวมกันเข้าก็เป็น ผัสสะ แล้วทำให้เกิด เวทนา ตัณหา อุปทาน กรรม แล้ว โสตะ ฆานะ ชิวหา กาย มโน ก็เกิดจากกรรมนั้นอีก ที่สุดแห่งการสืบต่อนี้มีอยู่หรือไม่ ? ” “ ไม่มี พระผู้เจ้าเป็นเจ้า ” “ ข้อนี้ฉันนั้นแหละ มหาบพิตร คือที่สุดเบื้องต้นย่อมไม่ปรากฏ ขอถวายพระพร ” “ ชอบแล้ว พระนาคเสน ” กายเก่าตายเน่าเข้าโลงไป แต่กรรมทำให้มีกายใหม่เกิดขึ้น อีก ด้วย กัมมปัจจัย วิปากปัจจัย และปัจจัยอื่นๆ ในปัจจัย ยี่สิบสี่ อันพระผู้มีพระภาคได้ทรงแสดงแล้ว การหมุนวนเป็นวัฏฏ จึงได้เกิดขึ้นเป็นไป ไม่รู้จบ การปรินิพพาน เป็นการดับรอบ เหล่านี้ ดับวัฏฏะเหล่านี้ การปรินิพพาน เป็นการดับทุกข์ ได้โดยสิ้นเชิง |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |