ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
กราบไหว้พระพุทธรูป http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=39627 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 6 |
เจ้าของ: | กามโภคี [ 22 ก.ย. 2011, 07:10 ] |
หัวข้อกระทู้: | กราบไหว้พระพุทธรูป |
ในกรณีมีผู้บอกกล่าวว่า การกราบไหว้พระพุทธรูปไม่ถูกต้องตามหลักการในพระไตรปิฏก ในความเห็นของผม การกราบไหว้บูชาพระพุทธรูป เป็นเรื่องสอดคล้องกับหลักการในพระไตรปิฏกอย่างยิ่ง และในความเห็นของท่าน คิดว่าการกราบไหว้พระพุทธรูป สมควรหรือไม่ ผิดถูกอย่างไร เชิญมีความเห็นได้ ตามอัธยาศัยครับ แก้ไข เพิ่มข้อความ ผมจะตอบทุกความเห็นที่พิจารณาแล้วไม่เป็นเหตุวิวาทะหรือแตกแยกครับ |
เจ้าของ: | ขณะจิต [ 22 ก.ย. 2011, 08:32 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: กราบไหว้พระพุทธรูป | ||
พูดยากครับมันอยู่ที่เจตนา เพราะสมัยยังมีพระชนม์อยู่พระพุทธเจ้าท่านสรรเสริญแค่การบูชาสังเวชนียสถาน เมื่อพระพุทธเจ้าปรินิพานใหม่ๆ ก็ยังไม่มีพระพุทธรูปในศาสนาพุทธแต่แกะสลักเป็นธรรมจักรแทน เป็นการแสดงถึงปํญญาของชาวพุทธว่าไม่มีอัตตาตัวตนที่ใหนมีแต่พระธรรม(พระพุทธเจ้าท่านก็บอกแล้วว่าผู้ใดเห็นธรรมผู้นั้นจึงชื่อว่าเห็นพระองค์)ต่อมาอีกหลายร้อยปีพุทธศาสนาได้รับอิทธิพลจากต่างชาติ จึงมีการแกะสลักรูปเคารพเกิดขึ้น จึงจะเห็นว่าพระพุทธรูปเป็นของเกิดใหม่เป็นวัตถุไม่ใช่ธรรมดั้งเดิม แต่ก็นั่นแหละครับผมว่าถ้านับถือแล้วเป็นพุทธานุสติระลึกคุณของพระพุทธเจ้า เป็นศูนย์รวมจิตใจให้ทำดีก็สมควรนับถือต่อไป จนเมื่อศึกษาธรรมจนจิตถึงพระพุทธเจ้าองค์แท้คือพระธรรมแล้วจิตย่อมคลายความยึดมั่นไปตามลำดับและปล่อยวางสมมุติได้ ![]() แต่ถ้าถือแล้วยึดติดติดเป็นท่านนั่นเทพนี่มีอิทฤทธิ์ปาฏิหารนั้นนี้ต้องเซ่นสรวงบูชาเหมือนท่านมีอัตตา(เป็นองค์ หรือมีวิญญานอย่างคน)แล้วติดตังไม่ก้าวไปหาธรรมผมว่าถือแบบนี้เป็นอันตรายยิ่งถือยิ่งไกลจากธรรมแท้ ![]()
|
เจ้าของ: | กามโภคี [ 22 ก.ย. 2011, 10:10 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: กราบไหว้พระพุทธรูป |
ทักษา เขียน: สอดคล้องยังไงครับ คุณอธิบายได้มั้ย หรือแค่ความรู้สึก คิดจะอ่อยเหยื่อเหรอคุณ เดี๋ยวคนก็ทะเลาะกันตาย องค์ประกอบของศาสนาพุทธมีอะไรบ้าง ผมสามารถอธิบายได้ โดยใช้หลักทั่วๆไปในพระไตรปิฎก แต่ใครจะมีความเห็นแย้ง ก็สุดแท้แต่ข้อ วินิจฉัยของคน เพราะแต่ละคนมีมุมมองที่แตกต่างกันออกไป ถ้ามองผมได้แค่ตัวแดงๆที่ผมทำไว้ คุณก็จะเข้าใจแค่ที่คุณเข้าใจบอกไว้ละครับ ทักษา เขียน: เรื่องศาสนาเป็นเรื่องละเอียดอ่อนนะคุณ กระทู้อย่างนี้ไม่สมควรตั้ง มันเป็นเรื่องของความเชื่อ เรื่องของจิตใจ สิ่งเคารพบูชา เพราะมันจะเป็นการจุดประเด็นให้คนอื่นเขาทะเลาะกัน ผมว่าคุณ รู้เรื่องนี้ดี แต่คุณก็ยังจะตั้งกระทู้ล่อตะเข้ คุณนำเรื่องสิ่งเคารพบูชามาโพสต์เป็นเรื่องตลกขบขัน เฮฮาปาร์ตี้หวังจะให้กระทู้ได้รับความนิยมเยี่ยงนี้ มันไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง ผมรู้ดีเลยว่าศาสนาเป็นเรื่องละเอียดอ่อนอย่างยิ่ง และคิดว่าเข้าใจในความละเอียดนั้นดีพอ และไม่ได้มี เจตนาร้ายในประการต่างๆตามที่คุณเข้าใจ อย่าด่วนตัดสินคนในแง่ร้ายจนเกินพอดี จริงๆแล้ว เรื่องการกราบไหว้พระพุทธรูปนี้ ก็มีความละเอียดอ่อนไม่ยิ่งหย่อนกว่าการปฏิบัติธรรมของ สำนักต่างๆที่จะมีขัดมีแย้งกันไปตามหลักการและเหตุผลในแต่ละคนประสบมา ความสำคัญ ผู้ที่จะพูดคุย ต้องวางจิตที่เป็นกลางจริงๆเท่านั้น การขัดแย้ง การไม่ลงตัวของสำนักต่างๆ อาจจะน่ากลัวกว่าประเด็นนี้ก็ได้ เพราะแบบนั้นเนื่องด้วยความ หลุดพ้นตรงๆ จะหลุดพ้นหรือไม่ จะถูกทางผิดทาง จะช้าจะไว จะทุกข์กันต่อไป อันนั้นน่ากลัวกว่าประ เด็นที่ผมนำขึ้นมาสนทนาซะอีก แต่ก็ปล่อยให้นำมาพูดกันได้อย่างเสรีและไปตามเหตุตามผลกัน ข้อนี้ คุณว่าจริงไหม ยังไม่รู้จักผมเลย อย่ามาด่วนสรุปว่าผมโพสไปเพื่อหาเรื่อง หรือเพื่อตลกขบขัน ถ้าใครก็ตามที่เข้ามาสนทนา แล้วไปในแนวทางนั้น ผมไม่ปล่อยให้มันยืดยาวหรอกครับ ถ้าอ่านกระทู้ จะมีอยู่กระทู้หนึ่งที่พาดพิงถึงผมด้วยข้อความที่ไม่จริง และนับจากวันที่ผมบอกว่าผมไม่ยุ่ง ผมหยุด ผมก็ไม่เคยคลิกเข้าไปอ่านเลย ใครจะมองผมในแง่ดีแง่ร้ายอย่างไร เป็นเรื่องของคนอื่น ผมมุ่ง หยุดที่ตัวผม คนอื่นทำให้ผมดีไม่ได้ และ ผมเลือกที่จะคุยกับคนที่กลางๆโดยเหตุผล ผุ้ที่มองคนอื่นด้วย เจตนาที่ดีโดยส่วนมากก่อนเท่านั้น |
เจ้าของ: | กามโภคี [ 22 ก.ย. 2011, 10:22 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: กราบไหว้พระพุทธรูป |
ขณะจิต เขียน: พูดยากครับมันอยู่ที่เจตนา คุณคิดเหมือนผม อยู่ที่เจตนาแท้ๆ ให้มีหลักฐานอย่างไรแค่ไหน ก็คงไม่เกินเจตนาไปได้ ขณะจิต เขียน: เพราะสมัยยังมีพระชนม์อยู่พระพุทธเจ้าท่านสรรเสริญแค่การบูชาสังเวชนียสถาน เมื่อพระพุทธเจ้าปรินิพานใหม่ๆ ก็ยังไม่มีพระพุทธรูปในศาสนาพุทธแต่แกะสลักเป็นธรรมจักรแทน เป็นการแสดงถึงปํญญาของชาวพุทธว่าไม่มีอัตตาตัวตนที่ใหนมีแต่พระธรรม(พระพุทธเจ้าท่านก็บอกแล้วว่าผู้ใดเห็นธรรมผู้นั้นจึงชื่อว่าเห็นพระองค์)ต่อมาอีกหลายร้อยปีพุทธศาสนาได้รับอิทธิพลจากต่างชาติ จึงมีการแกะสลักรูปเคารพเกิดขึ้น จึงจะเห็นว่าพระพุทธรูปเป็นของเกิดใหม่เป็นวัตถุไม่ใช่ธรรมดั้งเดิม ข้อที่คุณกล่าวมา พบหลายที่ ที่พระองค์ไม่ได้มุ่งหมายให้ยึดติดที่ตัวบุคคลหรือวัตถุเลย ขณะจิต เขียน: แต่ก็นั่นแหละครับผมว่าถ้านับถือแล้วเป็นพุทธานุสติระลึกคุณของพระพุทธเจ้า[/color] เป็นศูนย์รวมจิตใจให้ทำดีก็สมควรนับถือค่อไป จนเมื่อศึกษาธรรมจนจิตถึงพระพุทธเจ้าองค์แท้คือพระธรรมแล้วจิตย่อมคลายความยึดมั่นไปตามลำดับและปล่อยวางสมมุติได้ ตรงที่ผมทำแดงๆไว้ ขออนุญาตมี คห. กราบแบบนี้ละครับ กราบถึงองค์พระพุทธเจ้า ![]() ถ้ากราบโดยคิดว่าเป็นสิ่งอื่น แม้ที่สุดว่าจะคุ้มครองป้องกันภัยได้ กราบให้ตายก็ไม่ถึงพระองค์ มีคำพูดหนึ่งว่า กราบพระพุทธ สะดุดทองคำ โดยนัยก็คือ เจตนากราบอะไร ขณะจิต เขียน: แต่ถ้าถือแล้วยึดติดติดเป็นท่านนั่นเทพนี่มีอิทฤทธิ์ปาฏิหารนั้นนี้ต้องเซ่นสรวงบูชาเหมือนท่านมีอัตตา(เป็นองค์ หรือมีวิญญานอย่างคน)แล้วติดตังไม่ก้าวไปหาธรรมผมว่าถือแบบนี้เป็นอันตรายยิ่งถือยิ่งไกลจากธรรมแท้ ![]() เห็นด้วยครับ ผมเชื่อว่ากราปลูกศรัทธาในบางคน จำต้องปูพื้นตั้งแต่เรื่องง่ายๆก่อน แล้วค่อยพัฒนาไปตามลำดับขั้น ตอน จะไปห้ามการกราบไหว้บูชาก็กระไรอยู่ น่าที่จะอธิบายการกราบไหว้ให้ถูกต้องจะดีกว่า อุปมา เช่นเดียวกับการกราบไหว้เถ้ากระดูกของพ่อแม่เราเอง เรามุ่งหมายกราบไหว้คุณความดีที่ท่านเลี้ยงเรามา ไม่ได้มุ่งหมายว่าเถ้ากระดูกคือพ่อแม่เรา แต่ เมื่อเราเห็นเถ้ากระดูก ก็ได้อนุสสติ ระลึกรู้ถึงคุณท่าน ขอบคุณครับที่สนทนา |
เจ้าของ: | tonnk [ 22 ก.ย. 2011, 11:24 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: กราบไหว้พระพุทธรูป |
อันนี้มันก็แล้วแต่คน การกราบมันอยู่ในใจ ยกตัวอย่างเช่น ผมกราบพระพุทธรูปร่างกายผมก็กราบไปแต่ว่าจิตของผมก็นึกถึงความบริสุทธิ์ของจิตท่าน บางคนก็กราบเฉยๆสักแต่ว่าทำตามกันมาตั้งแต่เด็ก ส่วนผมกราบพระพุทธรูปก็ได้ ไม่กราบก็ได้ ได้ทั้งสองทาง ผมเป็นคนที่ยังไม่ได้ศึกษาพระไตรปิฎก แต่เมื่อปฏิบัติไปเรื่อยๆชักเริ่มไม่ค่อยได้กราบพระพุทธรูป แต่ว่ากราบหมอนก่อนนอนบ้างเป็นการถวายความเคารพด้วยกาย ทำเหมือนคนในสมัยพุทธกาล เสมือนว่าสมเด็จพ่อยังอยู่ คือกราบความดีของท่าน แต่ถ้าประกาศว่า อย่าไปกราบปูนหรือทองเหลืองอันนี้ สำหรับชาวบ้านที่ยังไม่ได้ศึกษา มันก็ต้องเป็นเรื่องแน่ เพราะถ้าเป็นผู้ปฏิบัติได้ระดับหนึ่งแล้วก็คงเข้าใจกันดีอยู่ ถ้าวิปัสนาแบบถึงผู้รู้แล้วก็ยิ่งจะไม่มีอะไรให้พูดใหญ่ แต่ว่าโดยการกระทบตามสังขารทังหลายแล้วก็ต้องว่ากันไปตามนั้น(คือว่าตามสมมุติ) แต่ผมเป็คนเล่นพุทธานุสติอยู่แล้ว อย่างเช่นนึกถึงบารมี 30 ทัศ หรือ ทศพลญาณ ความเป็นสัพพัญญูความเป็นศาสดาเอก ก็เป็นการถวายความเคารพอยู่แล้วไม่ต้องก้มกราบพระพุทธรูปก็ได้ ถ้ามองตามต้องการของสมเด็จพ่อสมณโคดมแล้ว ท่านคงไม่ต้องการ การบูชาด้วยการกราบหรือถวายดอกไม้หรือของหอมจากเราหรอกมั้ง ท่านคงต้องการสิ่งอื่นมากกว่า |
เจ้าของ: | กามโภคี [ 22 ก.ย. 2011, 11:46 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: กราบไหว้พระพุทธรูป |
tonnk เขียน: อันนี้มันก็แล้วแต่คน การกราบมันอยู่ในใจ ยกตัวอย่างเช่น ผมกราบพระพุทธรูปร่างกายผมก็กราบไปแต่ว่าจิตของผมก็นึกถึงความบริสุทธิ์ของจิตท่าน บางคนก็กราบเฉยๆสักแต่ว่าทำตามกันมาตั้งแต่เด็ก ส่วนผมกราบพระพุทธรูปก็ได้ ไม่กราบก็ได้ ได้ทั้งสองทาง เป็นท่านที่ ๒ ที่พูดโดยนัยยะเรื่องของเจตนา คล้ายกับผมอย่างหนึงคือ กราบก็ได้ ไม่กราบก็ได้ มีก็กราบ ไม่มีก็กราบ มุ่งที่การปฏิบัติตนมากกว่า tonnk เขียน: ผมเป็นคนที่ยังไม่ได้ศึกษาพระไตรปิฎก แต่เมื่อปฏิบัติไปเรื่อยๆชักเริ่มไม่ค่อยได้กราบพระพุทธรูป แต่ว่ากราบหมอนก่อนนอนบ้างเป็นการถวายความเคารพด้วยกาย ทำเหมือนคนในสมัยพุทธกาล เสมือนว่าสมเด็จพ่อยังอยู่ คือกราบความดีของท่าน คล้ายกับอ่านพบเหมือนกับว่า ท่านพระสารีบุตร ท่านก็กราบไปทางทิศที่พระพุทธเจ้าอยู่ ส่วนตัวผม ถ้าอยู่ต่อหน้าพระพุทธรูป ก็กราบไปทางพระพุทธรูป แต่ถ้าไม่มี ผมจะกราบไปทางทิศ พายัพเสมอ นัยว่า ทิศนั้นเป็นภูมิประเทศที่พระพุทธเจ้าท่านอยู่ tonnk เขียน: แต่ถ้าประกาศว่า อย่าไปกราบปูนหรือทองเหลืองอันนี้ สำหรับชาวบ้านที่ยังไม่ได้ศึกษา มันก็ต้องเป็นเรื่องแน่ เพราะถ้าเป็นผู้ปฏิบัติได้ระดับหนึ่งแล้วก็คงเข้าใจกันดีอยู่ ถ้าวิปัสนาแบบถึงผู้รู้แล้วก็ยิ่งจะไม่มีอะไรให้พูดใหญ่ แต่ว่าโดยการกระทบตามสังขารทังหลายแล้วก็ต้องว่ากันไปตามนั้น(คือว่าตามสมมุติ) แต่ผมเป็คนเล่นพุทธานุสติอยู่แล้ว อย่างเช่นนึกถึงบารมี 30 ทัศ หรือ ทศพลญาณ ความเป็นสัพพัญญูความเป็นศาสดาเอก ก็เป็นการถวายความเคารพอยู่แล้วไม่ต้องก้มกราบพระพุทธรูปก็ได้ อนุโมทนาครับ พูดแบบกลางๆดี การศึกษา เข้าใจ และการเข้าถึงในศาสนาสำคัญมาก tonnk เขียน: ถ้ามองตามต้องการของสมเด็จพ่อสมณโคดมแล้ว ท่านคงไม่ต้องการ การบูชาด้วยการกราบหรือถวายดอกไม้หรือของหอมจากเราหรอกมั้ง ท่านคงต้องการสิ่งอื่นมากกว่า ท่านตรัสไว้ครับ สรรเสริญการปฏิบัติบูชา ขอบคุณมากครับสำหรับการสนทนา ![]() |
เจ้าของ: | เก็บเกี่ยว [ 22 ก.ย. 2011, 13:36 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: กราบไหว้พระพุทธรูป |
เราซื้อทุเรียนมากินนั้นเราแกะกินแต่เนื้อทุเรียน ไม่ได้กินเปลือกทุเรียน แต่ถ้าไม่มีเปลือกทุเรียนเราจะได้กินเนื้อทุเรียนได้อย่างไรกัน ![]() |
เจ้าของ: | กามโภคี [ 22 ก.ย. 2011, 14:37 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: กราบไหว้พระพุทธรูป |
เก็บเกี่ยว เขียน: เราซื้อทุเรียนมากินนั้นเราแกะกินแต่เนื้อทุเรียน ไม่ได้กินเปลือกทุเรียน แต่ถ้าไม่มีเปลือกทุเรียนเราจะได้กินเนื้อทุเรียนได้อย่างไรกัน ![]() นับถือเลยครับ ชัดเจนจริงๆ |
เจ้าของ: | แก้วเก้า [ 22 ก.ย. 2011, 16:42 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: กราบไหว้พระพุทธรูป |
ขออนุญาตลงเรื่องอานิสงส์การทำบุญ จาก www.84000พระธรรมขันธ์.com 39 อานิสงส์ปิดทองพระพุทธรูป ...... นัยว่าพระเจ้ามหารถราช เสวยสมบัติ ในสักกราชาวดีนคร ท้าวท่านเป็นสัมมาทิฎฐิบุคคล คือมีความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ตรงกันข้ามกับ พระเจ้าปัญจาลราช กษัตริย์กรุงปัญจาลราชนคร เป็นมิจฉาทิฎฐิบุคคล คือไม่นับถือพระพุทธศาสนา กษัตริย์ทั้งสองเป็นสหายที่ไม่เคยเห็นหน้ากันเลย ครั้งหนึ่ง พระเจ้าปัญจาลราชได้ส่งผ้ารัตนกัมพลผืนหนึ่งไปถวายพระเจ้ามหารถราช พระเจ้ามหารถราช ทอดพระเนตรเห็นผ้ารัตนกัมพล แล้วจึงตรัสว่าสหายเราส่งผ้าอันมีค่ามากมาให้เรา เราก็ควรจัดส่งแก้วอันประเสริฐไปให้ตอบแทนพระสหาย ดังนี้ พระเจ้ามหารถจึงคิดว่า เราจะส่งแก้วสิ่ง ใดหนอซึ่งมีค่ามากเหนือสิ่งอื่นใด พิจารณาแล้วเห็นว่า แก้วใดๆจะประเสริฐกว่าพุทธรัตนะย่อมไม่มี จึงตกลงใจจะส่งพุทธรัตนะไปถวาย จึงสั่งให้ช่างนำแผ่นทองคำตีเป็นแผ่นบางแล้วให้เขียนรูปพระพุทธเจ้า ลงไปในแผ่นทองคำด้วยชาตหรคุณมีขนาดองค์ประมาณ 1 ศอก แล้วสั่งให้อำมาตย์เชิญพระพุทธรูปทองนั้นลงสู่สำเภาเพื่อนำไปถวายพระเจ้าปัญจาลราช ก่อนที่จะส่งราชทูตไป พระองค์ยกมือขึ้นประณมถวายนมัสการ โดยทรงระลึกถึงองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า "ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นที่พึ่งของสัตว์ทั้งหลาย พระองค์มีความประสงค์จะสั่งสอนเวไนยสัตว์ในประเทศใดๆ ขอพระองค์ทรงเสด็จไปยังประเทศนั้นๆ แล้วยังประโยชน์ให้เกิด แก่สัตว์จำพวกนั้นเถิด พระเจ้าปัญจาลราชสหายของหม่อมฉันเป็นมิจฉาทิฎฐิ มีความเห็นผิดจากทำนองครองธรรม มิได้มีความเชื่อความเลื่อนใสในพระองค์ ถ้าพระองค์เสด็จไปยังพระนครนั้นแล้ว ขอพระองค์ได้โปรดแสดงปาฎิหาริย์ทรมานพระเจ้าปัณจาลราชให้ละซึ่งมิจฉาทิฎฐิด้วยเถิด" อธิษฐานเสร็จแล้วเสด็จลงน้ำประมาณพระศอ(พระพุทธเจ้าอยู่บนเรือ ท่านจึงลงไปในน้ำซึ่งต่ำกว่า) เพื่อส่งรูปพระพุทธเจ้านั้นไปยังเมืองปัญจาลนคร ในขณะนั้น บรรดาแก้วอันเกิดในมหาสมุทรมีสีต่างๆก็ผุดขึ้นจากท้องมหาสมุทรลอยอยู่เหนือน้ำเพื่อบูชา พระพุทธรูปนั้น พื้นน้ำงามวิจิตรด้วยแก้ว 7 ประการประหนึ่งพื้นแห่งภาชนะทอง ดอกปทุมทั้งหลายก็ผุดขึ้น เหนือพื้นน้ำพญานาคทั้งหลายก็ได้พานาคบริษัทออกจากนาคพิภพขึ้นมาสักการบูชาด้วยสุคันธมาลา เทวดาทั้งหลายก็เรี่ยราย ดอกไม้ทิพย์ลงมาจากอากาศ เมื่อราชทูตไปถึงกรุงปัญจาลนครแล้ว จึงเข้าไปถวายบังคมพระเจ้าปัญจาล แล้วกราบทูลเหตุอัศจรรย์ ให้ ทราบโดยตลอด ท้าวเธอทรงโสมนัสปรีดาในเครื่องบรรณาการเป็นยิ่งนัก ได้เสด็จออกพร้อมจตุรงคเสนารับสั่ง ให้ชาวเมืองประโคมแตรสังข์ กังสดาล เสด็จไปยังท่าน้ำ ถวายนมัสการสักการบูชา แล้วเสด็จลงไปในน้ำประมาณพระศอ ทอดพระเนตรเห็นพระพุทธรูปแล้วทรงยินดีทรงแสดงตนเป็นพุทธมามกะ แล้วด้วยอำนาจความศัทธาของพระเจ้าปัญจาลราช และด้วยอำนาจอธิษฐานของพระเจ้ามหารถราช พระพุทธรูปนั้นก็ลอยขึ้นไปบนอากาศเปล่งรัศมี 6 ประการ จับพื้นปฐพีตลอดจนถึงพรหมโลก กลบแสงแห่งอาทิคย์ กลบแสงรัศมีเทวดาในหมื่นโลกธาตุ ณ กาลนั้น ในคราวนั้นพระอินทร์ ได้เสด็จลงมาถวายนมัสการพร้อมด้วยเทพบริษัท มนุษย์ก็เห็นเทวดา เทวดาก็เห็นหมู่มนุษย์ พระเจ้าปัญจาลราชเห็นปาฎิหาริย์เช่นนั้น ทรงโสมนัสยินดียิ่งนักได้นำพระพุทธรูปไปประดิษฐานในพระมนเทียร แล้วบูชาด้วยประทีปธูปเทียนชวาลา ทรงแสดงองค์เป็นอุบาสก ในเวลาต่อมาพระองค์ได้ให้ช่างแกะรูปพระพุทธเจ้าด้วยแก่นจันทน์แล้วประดิษฐานไว้ในศาลาไม้บุณนาค แล้วรับสั่งให้ชาวเมืองพากันมาปิดทองพระพุทธรูป ในครั้งนั้นพระโพธิสัตว์เป็นคนเข็ญใจในเมืองนั้น เมื่อได้ยินเสียงโฆษณาดังกล่าวแล้วตัดสินใจ อำลาลูกอำลาเมียเพื่อไปขายตัวให้เป็นทาส แล้วจะได้เงินมาซื้อทองปิดพระพุทธรูป แต่ด้วยความเห็นใจของภรรยา ภรรยาจึงยอมขายตนและลูกเป็นค่าทอง พระโพธิสัตว์นำลูกเมียไปขายในตระกูลที่มั่งคั่งแล้วนำไปซื้อทอง ปิดพระพุทธรูป เมื่อทองไม่พอจึงรำพึง "ใครหนอจักทำเนื้อมนุษย์ ให้เป็นทองได้ เราจักบริจาคตน " ในครั้งนั้นท้าวสักกเทวราชได้เสด็จลงมายืนอยู่ตรงหน้าแสดงตนเป็นช่างทอง ต่อพระโพธิสัตว์ เมื่อทราบว่าช่างทองนั้นสามารถทำเนื้อให้เป็นทองได้จึงประกาศแก่เทพเทวดาขออาวุธเชือดเลือดเนื้อตกลงมา เมื่อได้ ศัสตราวุธแล้วพระโพธิสัตว์ก็เชือดเนื้อของตนจนตราบเท่าปิดทองสำเร็จ เกิดความยินดีโสมนัส สลบลงแทบเท้าพระพุทธรูป พระอินทร์ได้เยียวยาให้หายเป็นปรกติ แล้วเป็นผู้มีกายดุจสีทอง พระอินทร์ตรัสพยากร " ท่านจัดได้เป็นพระศรีสรรเพชญ์ ในอนาคต " แล้วพระอินทร์ก็กลับสู่วิมาน พระเจ้าปัญจาลราชพร้อมชาวเมือง ได้ทำการสักการบูชาแก่พระโพธิสัตว์ และแบ่งสมบัติให้พระโพธิสัตว์ เป็นอันมาก ครั้นดับขันธ์แล้วพระโพธิสัตว์ไปบังเกิดในสวรรค์ชั้นดุสิตเสวยสมบัติอันมโหฬาร |
เจ้าของ: | กามโภคี [ 22 ก.ย. 2011, 17:02 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: กราบไหว้พระพุทธรูป |
ขอบคุณมากครับคุณแก้วเก้า |
เจ้าของ: | ทักทาย [ 23 ก.ย. 2011, 00:38 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: กราบไหว้พระพุทธรูป |
เพราะคนโบราณ ศรัทธาก่อนจึงเห็น แต่คนสมัยนี้ต้องอาศัยการเห็นก่อน จึงศัทธา พระพุทธรูปจึงเกิดขึ้นเพื่อสนับสนุนให้เกิดความศรัทธา เป็นแค่ความเห็นที่คิดเอง ไม่มีที่อ้างอิงค่ะ ![]() |
เจ้าของ: | กามโภคี [ 23 ก.ย. 2011, 06:30 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: กราบไหว้พระพุทธรูป |
ทักทาย เขียน: เป็นแค่ความเห็นที่คิดเอง ไม่มีที่อ้างอิงค่ะ ![]() ก็ถูกตามวิธีการแล้วเจ้าคะ เรียงแบบนี้ๆ ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ----------> ปัญญา (ท้ายสุดเลยนะเนี่ย) พอความสามารถทางปัญญาเริ่มกล้าขึ้นก็จะ ศรัทธา + ปัญญา วิริยะ + ปัญญา สติ + ปัญญา และ สมาธิ + ปัญญา ตนอิงตนที่ปฏิบัติ ไม่ต้องอิงอื่น ![]() ![]() ![]() ปล. ระวังภัยธรรมชาติหน่อย ดูข่าว ตปท.โดนอ่วมกว่าบ้านเราเยอะเลย ![]() |
เจ้าของ: | กามโภคี [ 23 ก.ย. 2011, 07:03 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: กราบไหว้พระพุทธรูป |
เช้าๆอากาศสดใสดี เพราะมีฝนโปรยไปทั่ว ไม่อยากอ่านมหาปรินิพพานสูตรเลย ธรรมสังเวคในใจเกิด ทำให้ต้องนั่งกำหนดรู้พอควร สุต.ทีฆ.มหา. ดูกรอานนท์ บางทีพวกเธอจะพึงมีความคิดอย่างนี้ ว่า ปาพจน์มีพระศาสดาล่วงแล้ว พระศาสดาของพวก เราไม่มี ก็ข้อนี้ พวกเธอไม่พึงเห็นอย่างนั้น ธรรมและวินัยอันใด เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้วแก่พวกเธอ ธรรมและวินัยอันนั้น จักเป็นศาสดาของพวกเธอ ฯลฯ. (เนื้อความต่อไปมีเนื้อหาไม่ข้องกัน) ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | ขณะจิต [ 23 ก.ย. 2011, 07:32 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: กราบไหว้พระพุทธรูป |
![]() ![]() |
เจ้าของ: | กามโภคี [ 23 ก.ย. 2011, 08:53 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: กราบไหว้พระพุทธรูป |
ขณะจิต เขียน: :b9: ความทุกข์เอยเราจะปลดเปลื้องท่าน ดับท่านต่อไป สาธุ ![]() ![]() ![]() เผลอไม่ได้จริงๆคุณขณะฯ ยิ่งใครไปอ่านข่าวเรื่องพระเรื่องเจ้าตอนนี้ ห้ามเผลอ ทุกข์ขบแง๊บๆเลย ![]() |
หน้า 1 จากทั้งหมด 6 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |