วันเวลาปัจจุบัน 29 เม.ย. 2024, 14:28  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 15 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.ค. 2011, 19:12 
 
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ส.ค. 2010, 20:26
โพสต์: 5


 ข้อมูลส่วนตัว


ผมเป็นคนหนึ่งที่สอบภาค ก ผ่านแล้ว
และไม่สามารถสอบเข้ารับราชการได้เพราะไม่ใช้เส้น
ผมทดลองสอบภาค ข ภาค ค มาระยะหนึ่งแล้ว
มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่า ทุกที่มีเส้น แม้จะเก็บค่าสอบ 230 บาทก็ตาม
(และทุึกที่ก็เขียนในหนังสือรับสมัครว่า "หากใครแอบอ้างว่าช่วยเหลือท่านได้ โปรดแจ้ง...")

ซึ่งผมเองอายุยังอยู่ในเกณฑ์เยาวชน และเป็นที่ 1 ของประเทศในศาสตร์ของผม
ผมมีเส้นมาตั้งนานแล้ว และแม้แต่ผู้ใหญ่ก็บอก "ใช้เส้นสิหนู ทุกอย่างจะง่าย ใครๆเขาก็เอากันทั้งนั้นแหละ"
ซึ่งขัดกับหลักที่ผู้ใหญ่สอนผมว่า "โตไป ไม่โกง" มาโดยตลอด
และผมก็ปฏิเสธผู้ใหญ่ที่คอยหยิบยื่นโอกาสในเครือญาติ ที่ผมใช้การยับยั้งท่าน โดยให้เหตุผลว่า
ผมขอลองดูในฐานะเหมือนกับรากหญ้า ที่เก่ง แต่ไม่มีพวกพ้องดูบ้าง จะเป็นอย่างไร?
บัดนี้ คำตอบปรากฏชัด

เพื่อนผมได้ใช้เส้นไป ก็สามารถเข้าได้ โดยการให้กรรมการล๊อค ให้คะแนนเกินจริง ในการสอบภาค ข และ ค
บัดนี้ บ้านเมือง ถ้าไม่ทุจริตก็อยู่ไม่ได้ ผมอาจถึงจุดที่ควรเบียดเบียนบ้างแล้ว
ผมควรใช้เส้นไหมครับ
ผมจะทำงานเต็มที่ และยอมรับผลวิบากดีหรือไม่ (เฉพาะกรณีงานรัฐก่อนนะครับ)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.ค. 2011, 20:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


thongwhat เขียน:
"ใช้เส้นสิหนู ทุกอย่างจะง่าย ใครๆเขาก็เอากันทั้งนั้นแหละ"


ท่านอย่าพึงฟังวาจาของคนพาล ดุจดังวาจาของมาร ผู้พาไปสู่ความเสื่อม

ความไม่ประมาท เป็นทางเครื่องถึงอมตนิพพาน ความประมาทเป็นทาง
แห่งความตาย ชนผู้ไม่ประมาทย่อมไม่ตาย ชนเหล่าใดประมาทแล้ว
ย่อมเป็นเหมือนคนตายแล้ว บัณฑิตทั้งหลายตั้งอยู่ในความไม่ประมาท
ทราบเหตุนั่นโดยความแปลกกันแล้ว ย่อมบันเทิงในความไม่ประมาท
ยินดีแล้วในธรรมอันเป็นโคจรของพระอริยเจ้าทั้งหลาย ท่านเหล่านั้น
เป็นนักปราชญ์ เพ่งพินิจ มีความเพียรเป็นไปติดต่อมีความบากบั่นมั่น
เป็นนิตย์ ย่อมถูกต้องนิพพานอันเกษมจากโยคะ หาธรรมอื่นยิ่งกว่า
มิได้ ยศย่อมเจริญแก่บุคคลผู้มีความหมั่น มีสติ มีการงานอันสะอาด
ผู้ใคร่ครวญแล้วจึงทำผู้สำรวมระวัง ผู้เป็นอยู่โดยธรรม และผู้ไม่ประมาท

ผู้มีปัญญาพึงทำที่พึงที่ห้วงน้ำท่วมทับไม่ได้ ด้วยความหมั่นความไม่
ประมาท ความสำรวมระวัง และความฝึกตน ชนทั้งหลายผู้เป็นพาล
มีปัญญาทราม ย่อมประกอบตามความประมาท ส่วนนักปราชญ์ย่อม
รักษาความไม่ประมาท เหมือนทรัพย์อันประเสริฐสุด
ท่านทั้งหลายอย่า
ประกอบตามความประมาทอย่าประกอบการชมเชยด้วยสามารถความ
ยินดีในกามเพราะว่าคนผู้ไม่ประมาทแล้ว เพ่งอยู่ ย่อมถึงสุขอันไพบูลย์
เมื่อใด บัณฑิตย่อมบรรเทาความประมาทด้วยความไม่ประมาทเมื่อนั้น
บัณฑิตผู้มีความประมาทอันบรรเทาแล้วนั้น ขึ้นสู่ปัญญาดุจปราสาท ไม่มี
ความโศก ย่อมพิจารณาเห็นหมู่สัตว์ผู้มีความโศก นักปราชญ์ย่อม
พิจารณาเห็นคนพาล เหมือนบุคคลอยู่บนภูเขามองเห็นคนผู้อยู่ที่ภาคพื้น
ฉะนั้น ผู้มีปัญญาดี เมื่อสัตว์ทั้งหลายประมาทแล้ว ย่อมไม่ประมาท
เมื่อสัตว์ทั้งหลายหลับ ย่อมตื่นอยู่โดยมาก
ย่อมละบุคคลเห็นปานนั้น
ไป ประดุจม้ามีกำลังเร็วละม้าไม่มีกำลังไป ฉะนั้นท้าวมัฆวาฬ
ถึง ความเป็นผู้ประเสริฐ ที่สุดกว่า เทวดาทั้งหลายด้วยความไม่ประมาท
บัณฑิตทั้งหลายย่อมสรรเสริญความไม่ประมาท ความประมาทบัณฑิต
ติเตียนทุกเมื่อ ภิกษุยินดีแล้วในความไม่ประมาท หรือเห็นภัยในความ
ประมาท เผาสังโยชน์น้อยใหญ่ไป ดังไฟไหม้เชื้อน้อยใหญ่ไป ฉะนั้น
ภิกษุผู้ยินดีแล้วในความไม่ประมาทหรือเห็นภัยใน ความประมาทเป็นผู้
ไม่ควรเพื่อจะเสื่อมรอบ ย่อมมีในที่ใกล้นิพพานทีเดียว ฯ

ผู้ใดประพฤติล่วงธรรม เพราะความรัก ความชัง ความกลัว ความหลง
ยศของผู้นั้นย่อมเสื่อม ดังดวงจันทร์ในข้างแรม ผู้ใดไม่ประพฤติล่วงธรรม
เพราะความรัก ความชัง ความกลัว ความหลง ยศย่อมเจริญแก่ผู้นั้น
ดุจดวงจันทร์ในข้างขึ้น ฯ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.ค. 2011, 20:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


บุคคลไม่ควรดูหมิ่นบาปว่า บาปมีประมาณน้อย จักไม่มาถึง
หม้อน้ำยังเต็มด้วยหยาดน้ำที่ตกลงมาทีละหยาดได้ ฉันใด
คนพาลเมื่อสั่งสมบาปทีละน้อยๆ ย่อมเต็มด้วยบาปได้ ฉันนั้น


ศษบุญ เศษกรรม ใครว่าไม่สำคัญ???
โดย เด็กเทพฯ

ความผิดเล็กๆน้อยๆ ที่ดูเหมือนเป็นเรื่องไม่ผิดอะไรในชีวิตประจำวัน แก้วน้ำ แก้วกาแฟ กระดาษทิชชู หนังสือพิมพ์ ดินสอ ปากกา หรือจะเป็นเวลาในการทำงาน ที่ไม่ซื่ิตรง ขี้เกียจ มาสาย กลับก่อน ลากิจ ลาป่วย เรารู้ไม๊ ว่าเราต้อองรับกรรม เพราะเราได้ทำผิดศีล ข้อมุสา คือ การโกหก และ อทินนา คือการลักทรัพย์ อย่าคิดว่ามันเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย ถ้าเทียบเป็นเงิน ก็คือเศษเงิน ถ้าเทียบเป็นกรรม ก็คือเศษกรรม แม้จะเป็นเพียงเศษกรรม หรือฝุ่นกรรม แต่ถ้าทำซ้ำๆจนเกิดความเคยชิน ผิดซ้ำ ผิดซากโดยไม่รู้ตัว เศษกรรมที่ทำก็จะกลายเป็นกรรมใหญ่ เป็นวิบากกรรม เป็นอุปสรรคขัดขวางชีวิต และความรุ่งเรืองในหน้าที่การงาน ได้อย่างคาดไม่ถึง อย่าคิดว่าการทำผิดนี้เป็นเรื่องเล็กน้อย ที่คนอื่นๆใครๆเขาก็ทำกัน ไม่เห็นเป็นไร ใครเขาจะทำนั่นมันเรื่องของเขา แต่เราต้องไม่ทำ บอกกับใจตัวเองไว้เสมอ ว่าเราต้องไม่ เราต้องก้าวให้พ้น เพราะการมองข้ามกรรมเล็กน้อยเหล่านี้เอง ที่จะเป็นจุด เริ่มต้น ของความเคยชิน ที่จะทำสิ่งที่ผิดและเป็นบาปที่หนักขึ้นได้ ในอนาคต ลองคิดดูซิว่าถ้าบนโลกใบนี้เต็มไปด้วยคนที่มักง่าย ทำผิดเล็กน้อย แล้วอ้างเหตูผล แบบเห็นแก่ตัว และเข้าข้างตัวเองว่า ไม่เห็นเป็นไรเลย คนนั้นเขาก็ทำ คนนี้ก็ทำ ไม่เห็นจะผิด ไม่เห็นจะแปลก แล้วเป็นไง ทุกวันนี้ ทั้งการรบราฆ่าฟัน ที่มีผลจากการมองข้ามการฆ่าสัตว์เล็กสัตว์น้อยเมื่อวันวานมีผลทำให้ใจด้านชา เห็นการฆ่าเป็นเรื่องธรรมดา เห็นการฉกชิงวิ่งราว การจี้ การปล้น โกงบ้านโกงเมือง เป็นเรื่องที่ใครๆเขาก็ทำ เพื่อความอยู่รอด และความอยากได้อยากมี เพราะตวามไม่รู้จักพอ เพราะความเห็นแก่ตัว และความที่ไม่มีความละอายใจและเกรงกลัว ในการทำบาป เป็นเหตุให้ สังคมในโลกมนุษย์ ต้องสับสนวุ่นวายแบบทุกวันนี้ จำไว้เสมอว่าใครทำผิด คนนั้นเมื่อกรรมส่งผล เขาต้องรับผลกรรมนั้นแน่นอน แต่คนๆนั้นต้องไม่ใช่เรา บุญก็เช่นเดียวกัน บุญย่อมสั่งสมมาจากการทำดี ประพฤติดี วันละเล็กละน้อย บุญย่อมส่งผลมาจากการที่เราเป็นคนดี ช่วยเหลือผู้อื่น มีเมตตาต่อสัตว์น้อยสัตว์ใหญ่ และทำประโยชน์แก่ส่วนรวม มีเงินมากก็ช่วยมาก มีเงินน้อยก็ช่วยน้อย ตามกำลัง ไม่จำเป็นต้องมีเงินเราก็สามารถสะสมบุญ ได้ทีละเล็กทีละน้อย เช่นกัน หันมาสั่งสมบุญเพื่อจิตใจ ที่ดีงาม และหันมาละเว้นการสั่งสมกรรมกันเถอะ เพื่อความสุขสงบ และสันติสุขของพวกเราทุกคนบนโลกใบนี้.......

http://atcloud.com/discussions/59740


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.ค. 2011, 20:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


พฤติกรรมที่ทำให้เสื่อม (อาจิณกรรม)

บุคคลใดแม้ยังไม่ได้ทำความชั่วไม่ได้หมายความว่าบุคคลนั้นเป็นคนดีที่สมบูรณ์ เพียงไม่ได้ทำความชั่วเพิ่มขึ้น แต่ยังไม่ได้ทำความดีที่เป็นประโยชน์ให้กับตัวเองและผู้อื่น ต่อเมื่อได้ลงมือทำความดีแล้วเท่านั้น จึงจะได้ชื่อว่าเป็นคนดี เพราะได้ละเว้นจากการทำชั่ว และตั้งใจทำความดีให้ถึงพร้อมแต่ถ้าจะให้ดีพร้อมดียิ่งขึ้น ก็ต้องทำความดีด้วยใจที่บริสุทธิ์ผ่องใส การเป็นคนดีที่สมบุรณ์จึงจะเกิดขึ้น คือ ต้องทำให้ครบหลักวิชชา ทั้งละชั่ว ทำดี และทำใจให้ใสๆ ในชีวิตประจำวันของเรา หากได้นำหลักนี้มาใข้ในการดำเนินชีึวิต ในทุกเรื่องทุกขั้นตอน คือ ไม่ว่าจะทำอะไรพยายามใคร่ครวญพิจารณา ชีวิตเราย่อมมีแต่ความสุข ความเจริญรุ่งเรือง แต่แม้เราจะได้ชื่อว่าเป็นคนดีคนหนึ่งในสังคม ถ้าพลาดไปทำในสิ่งที่ไม่ดีแม้เพียงเล็กน้อย อาจทำไปเพราะความประมาทชะล่าใจ คิดว่าเป็นเพียงบาปเล็กๆน้อยๆ จึงทำสิ่งนั้นบ่อยๆจนคุ้นเคยเป็นอาจิณ เช่นนี้ย่อมทำให้ใจหมอง เป็นมลทินของใจ ซึ่งจะมีผลต่อคติที่ไปเมื่อยามละโลกเหมือนผ้าขาวที่มีจุดด่างกระจายไปทั่ว ซึ่งดูเหมือนเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่อย่าลืมว่า น้ำทีละหยดที่ตกลงมาในตุ่มยังเติมตุ่มให้เต็มได้ฉันใด บาปกรรมแม้เพียงเล็กน้อยก็ฉันนั้น มันพอกพูนได้ และสามารถพลิกชีวิตจากคนที่ดี ให้กลายเป็นคนไม่ดีได้ จากที่เคยเป็นบัณฑิตก็อาจกลายเป็นคนพาล บาปมันมีฤทธิ์มาก สามารถพลิกดีให้กลับกลายเป็นชั่วได้ ฉะนั้นต้องคอยระวังบาปอย่าให้เกิดขึ้นแม้เพียงเล็กน้อย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.ค. 2011, 20:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


คนที่เค้าไม่ใช้เส้นแล้วสอบได้ก็มี
http://popcensus.nso.go.th/web/nsoboard/data/1350.html


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.ค. 2011, 20:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


คนไม่ใช้เส้นมีเยอะครับ ใช้ความสามารถ หางานมาได้ด้วยความสุจริต

http://board.dserver.org/n/navy84/00000004.html

http://www.sasithara.com/index.php?lay= ... No=1392932


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.ค. 2011, 20:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


ตราบใดที่บาปยังไม่ให้ผล...คนเขลายังเข้าใจว่ามีรสหวาน



ความชั่วไม่ทำเสียเลยดีกว่า
ความชั่วย่อมเผาผลาญในภายหลัง

ตราบใดที่บาปยังไม่ให้ผล
คนเขลายังเข้าใจว่ามีรสหวาน
แต่เมื่อบาปให้ผลเมื่อใด
คนเขลาย่อมประสบทุกข์เมื่อนั้น

ถ้าท่านกลัวทุกข์ ถ้าท่านไม่รักทุกข์
ก็อย่าทำบาปกรรม ทั้งในที่แจ้งและที่ลับ

ชนเหล่าใดประพฤติกรรมที่พระพุทธเจ้ากล่าวดีแล้ว
ชนเหล่านั้นจะข้ามแดนมฤตยูที่ข้ามได้ยาก

ชีวิตสุดสุดลงที่ความตาย
ทั้งเด็ก ทั้งผู้ใหญ่ คนพาลและบัณฑิต
ทั้งคนมีทั้งคนจน
ล้วนมีความตายเป็นเบื้องหน้า

เมื่อตายแล้วสมบัติสักนิดก็ไม่ติดไป
หมายเหตุ ยกเว้นบุญ ทาน ศีล ภาวนา บาป ผิดศีล ๕

ผู้มีปรีชาได้โภคะแล้ว
ย่อมสงเคราะห์ญาติ
เพราะการสงเคราะห์นั้น
เขาย่อมได้รับเกียรติ
ละไปแล้วย่อมบันเทิงในสวรรค์

จงเตรียมการให้พร้อมสำหรับอนาคต

เมื่อความบากบั่นมีอยู่
บัณฑิตพึ่งเว้นบาปในโลกนี้เสีย
เหมือนคนมีจักษุ
เว้นเดินทางอันไม่สะดวกเรียบร้อย.

http://variety.teenee.com/saladharm/23888.html


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ก.ค. 2011, 06:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ต.ค. 2008, 18:05
โพสต์: 136


 ข้อมูลส่วนตัว


...ทุกข์ กับ ดับทุกข์...

ทุกข์.... เพราะปราถนาจะทำงานราชการ
ทุกข์.... เพราะใช้เส้นได้ แต่ไม่อยากใช้


ดับทุกข์.... "งานราชการ" คือสิ่งสมมุติ
งานทุกงาน หากทำถูกต้อง ทุกข์ไม่เกิด
งานทุกงาน หากทำไม่ถูกต้อง ทุกข์เกิดได้ทั้งหมด


งานราชการ คืองานที่ต้องเสียสละทำงานเพื่อคนอื่น มิใช่เพื่อตนเอง
งานอะไรก็ตาม ที่ทำแล้วเป็นประโยชน์ต่อสังคม เป็นประโยชน์ต่อประชน
งานนั้นเป็นงานราชการทั้งนั้น แม้นจะไม่ได้รับเงินเดือน ไม่ได้รับสวัสดิการใดๆก็ตาม

งานที่ทำเพื่อผู้อื่น ทำแล้วมีความสุข เป็นงานราชการทั้งนั้น ครับ
ยศตำแหน่ง เงินเดือน คือสิ่งสมมุติ ยึดถือแบกหามก็ทำให้เกิดทุกข์เกิดขึ้นมา...


หากต้องการความเจริญก้าวหน้าในทางธรรม
ก็ต้องวางความเจริญก้าวหน้าในทางโลก


ธรรมนำหน้าโลก...ไม่ทุกข์
โลกนำหน้าธรรม...ทุกข์ไม่รู้จักจบสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ก.ค. 2011, 07:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


thongwhat เขียน:

ผมควรใช้เส้นไหมครับ
ผมจะทำงานเต็มที่ และยอมรับผลวิบากดีหรือไม่ (เฉพาะกรณีงานรัฐก่อนนะครับ)



พาดหัวสะตื่นเต้นว่า "ผมกำลังจะจำเป็นต้องเบียดเบียน" นึกว่าจะให้ผู้ใหญ่ฝากเราไปฆ่าใคร หรือให้ไปไล่กระทืบใคร ก็เปล่า แล้วมันจะเบียดเบียนใครยังไง

ถามว่า ควรใช้เส้นไหม

ตอบว่า ควร ฝากทำงานมิใชฝากให้ไปทำเรืองดังกล่าวข้างต้น

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ก.ค. 2011, 07:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


พระพุทธศาสนาควรศึกษาเรียนรู้ให้ครบทุกด้านไม่อย่างนั้นแล้วความคิดจะสุดโต่งไปด้านใดด้านหนึ่ง

เรากินข้าวครับไม่ใช่กินแกลบหรือกินลม ชีวิตต้องทำงาน แต่เป็นงานที่เป็นสัมมาอาชีวะ :b1:

http://fws.cc/whatisnippana/index.php?topic=1031.0

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ก.ค. 2011, 13:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
กรัชกาย เขียน
พระพุทธศาสนาควรศึกษาเรียนรู้ให้ครบทุกด้านไม่อย่างนั้นแล้วความคิดจะสุดโต่งไปด้านใดด้านหนึ่ง


เห็นด้วยครับกับคำนี้ หากเรามุ่งหวังเพื่อการดับกิเลส นั่นคือต้องตัดทุกอย่างที่เป็นทางโลก แต่หากเรามีจิตไม่คิดเบียดเบียนใครอย่าง จขกท เขียน ความดีที่เราทำย่อมส่งผลให้ชีวิตเราไม่ตกต่ำลงอยู่แล้ว การบวรเป็นพระจึงเป็นทางที่สมบูรณ์ที่สุดที่จะละทางแห่งโลกได้มากที่สุด

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ก.ค. 2011, 14:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


"อารมณ์วิจิตรทั้งหลายในโลกหาใช่เป็นกามไม่ ราคะที่เกิดจากความคิดของคนต่างหากเป็นกาม
อารมณ์วิจิตรทั้งหลายในโลก ย่อมดำรงอยู่ตามสภาพของมันอย่างนั้นเอง ดังนั้น ธีรชนทั้งหลายจึงขจัดแต่เพียงตัวความอยากคือตัณหาฉันทะ ในอารมณ์วิจิตรเหล่านั้น คือมิใช่กำจัดอารมณ์วิจิตร"

(องฺ.ฉกฺก.22/334/460)

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ก.ค. 2011, 15:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


จขทก. ลองพิจารณาดูนะครับ ดูว่าการกระทำของเราจะเป็นไปเพื่อเบียดเบียนตนและผู้อื่นหรือไม่
ดูจิตใจตนให้ดีขณะนี้เป็นกุศลหรืออกุศล
เรามีความรู้ความสามารถอยู่ ยังไงก็ลองพยายามทำให้ถึงที่สุดก่อนดีกว่าครับ

ลองกำหนดรู้ทุกข์ที่เกิดขึ้นสิครับ ลักษณะเป็นอย่างไร เกิดที่ไหน เกิดเพราะอะไร แล้วดับมั้ย และดับเพราะอะไร


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ก.ค. 2011, 17:24 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


:b1:

ก็เคยต้องเตะฝุ่นอยู่หลายเดือน
ก็เคยต้องแห้วกับการแข่งขันอยู่หลายคราว
และก็เผชิญหน้ากับสถานการณ์ต่าง ๆ กับการตั้งมั่นในอุดมการณ์ อยู่หลายปี

เราจะอยู่บน อุดมการณ์ อันแสดงถึง คุณธรรม ที่เราตั้งใจจะดำรงไว้ ก็ได้

ได้ ตราบเท่าที่ อุดมการณ์ นั้น ๆ ไม่กลับมาเป็นหอกที่คอยทิ่มแทงตัวเอง
ให้ตกลงสู่การเป็นผู้ที่ถูกความท้อแท้ สิ้นหวัง คุกคาม กัดกินหัวใจ

และแม้กระนั้น การได้ผลสำเร็จมา ภายใต้อุดมการณ์(ทางคุณธรรม)
ก็ใช่ว่า ทุกอย่างจะ คงสภาวะ

ในเส้นทาง ก็ยังคงมีคลื่นลมมรสุม (ไตรลักษณ์)

เมื่อเรายึดมั่นต่อสิ่งใด เราก็จะได้พบทั้ง ลมที่เป็นแรงส่งให้ขึ้นสู่ที่สูง
ลมที่เป็นแรงกดให้ลงสู่ที่ต่ำ ลมมาทางซ้าย ลมเข้ามาทางขวา ฯลฯ

ด้วยแรงลม กับแรงยึด นั่นล่ะ
ที่เป็นบทเรียนสอนให้เราได้เรียนรู้ถึงการที่ มีใจที่อยู่เหนือลม เหนืออุดมการณ์


:b41: :b41: :b41:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ก.ค. 2011, 08:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ก.ย. 2010, 09:07
โพสต์: 761

แนวปฏิบัติ: อานาปาฯ
งานอดิเรก: ศึกษาพุทธธรรม
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม
ชื่อเล่น: ปลีกวิเวก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
พระพุทธศาสนาควรศึกษาเรียนรู้ให้ครบทุกด้านไม่อย่างนั้นแล้วความคิดจะสุดโต่งไปด้านใดด้านหนึ่ง

เรากินข้าวครับไม่ใช่กินแกลบหรือกินลม ชีวิตต้องทำงาน แต่เป็นงานที่เป็นสัมมาอาชีวะ :b1:

http://fws.cc/whatisnippana/index.php?topic=1031.0


เห็นด้วยกับท่านกรัชกายค่ะ

การเป็นฆราวาสอย่างเรา ๆ ยังต้องยุ่งวุ่นวายกับเรื่องปากท้องเป็นหลักต้องรับผิดชอบ
ตัวเองและคนในครอบครัวภาระมากมาย ฯลฯ...
..บนเส้นทางของอาชีพการงานไม่ใช่เรื่องง่ายเลย...โดยเฉพาะบางตำแหน่งหน้าที่การงาน
ที่ต้องตัดสินใจและการตัดสินใจจะต้องกระทบกับคนหลาย ๆ ฝ่ายที่เกี่ยวข้องแน่นอนเลย
บางกลุ่มได้ผลประโยชน์บางกลุ่มอาจจะต้องสูญเสียผลประโยชน์...แต่เราก็ต้องตัดสินใจ
...ดังนั้นสิ่งที่เราใช้มาตลอดคือหลัก "โยนิโสมนสิการ" และหลัก "มัชฌิมาปฏิปทา"
เบียดเบียนตนเองและบุคคลอื่นให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้...

.....................................................
วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน โส เสฏฺโฐ เทวมานุสเส
ผู้ถึงพร้อมด้วยความรู้คู่ความดี คือผู้ที่ประเสริฐสุดในหมู่มนุษย์และเทวดา
วรรคทอง วรรคธรรม โดยท่าน ว.วชิรเมธี


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 15 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 108 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร