ลานธรรมจักร
http://www.dhammajak.net/forums/

กามราคะ
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=38946
หน้า 1 จากทั้งหมด 2

เจ้าของ:  wasaw [ 09 ก.ค. 2011, 00:43 ]
หัวข้อกระทู้:  กามราคะ

อยากทราบว่าในกรณีชายไม่มีเมียไปซื้อบริการทางเพศที่หญิงเต็มใจบาปมากมั๊ยผิดศีลข้อสามหรือเปล่า
และการช่วยตัวเองบาปมากมั๊ย การออกจากกามให้ได้เด็ดขาดทำอย่างไร ทำอย่างไรไม่ให้มีอารมณ์ทางเพศ

เจ้าของ:  kengiii [ 09 ก.ค. 2011, 02:37 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: กามราคะ

รอผู้รู้มาช่วยชี้แนะครับ เป็นกำลังใจให้อีกแรง s007

เจ้าของ:  govit2552 [ 09 ก.ค. 2011, 04:12 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: กามราคะ

กามราคะ ละยากนะ แม้เป็นโสดาบัน ก็ยังมีเลย
อย่าไปมีโทสะ กับมัน จะเกิดความทุกข์โทมนัสเปล่าๆ

พระใช้วิธี หลีกหนี สิ่งที่กระตุ้นราคะทั้งหลาย เช่นเพศตรงข้าม
ก็จะใช้วิธี ไม่มอง
แม้มอง ก็จะไม่คุย
และอื่นๆ ครับ
และจะไม่อยู่กับมาตุคามสองต่อสอง

ถ้าเป็นเราๆ ก็คือ ไม่ดูเรื่องพวกนั้น ไปดูเรื่องอื่นซะ
ใช้อุบายเหล่านี้ครับ เพื่อประพฤติพรหมจรรย์

เจ้าของ:  Hanako [ 09 ก.ค. 2011, 04:51 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: กามราคะ

โดยส่วนตัวแล้วสำหรับเรื่องนี้ มีความเห็นว่า
เราอย่าไปหักหาญมากไปถึงขนาดอยากปราบกามราคะให้สิ้นไปให้ทันใจ มันไม่ทันใจหรอก
การไปหักหาญมันแบบนี้จะทำให้เราพยาบาทตัวเราเอง และการพยาบาทก็เป็นนิวรณ์ ทำให้ใจไม่สงบ ไม่เย็น

ทำไปตามลำดับอ่ะค่ะ รักษาศีล มีธรรม (ไม่รักษาศีลแบบตามตัวอักษรแล้วเลี่ยงคัมภีร์ เลี่ยงบาลี ให้รักษาศีลอย่างมีธรรรม คือ เข้าใจเจตนาของศีล)
การไปซื้อบริการ เราเองก็บอกไม่ถูกว่าผิดศีลไหม แต่ถ้าเป็นเรา เราไม่ทำ เราคิดว่า เขาไม่ใช่คู่ของเรา

และการปฏิบัติธรรม มันไม่ใช่ว่า คนที่กำลังปฏิบัติอยู่จะสิ้นไปแล้วซึ่งความต้องการทางเพศ :b3: อิอิ
แต่เป้าหมาย คือ ต้องไม่ให้เรื่องนี้ หรือเรื่องใดๆก็ตามมาทำให้เราต้องทำบาป(อย่างน้อยก็บาปแบบหยาบๆเช่น ผิดศีล)

ปฏิบัติธรรม รู้ตัว มีสติรู้เท่าทันปัจจุบันธรรมมันก็ไม่ค่อยมีความรุ้สึกพวกนี้เท่าไรหรอกนะ พอมีแล้วมันก็ไม่ได้รุนแรงมากจนต้องสนองอะไรมากมาย ถ้าเราไม่ประมาท ทำเยอะๆเข้ายิ่งไม่อยากมีเท่าไรหรอก มันเสียดายเวลาแล้วก็กลัวตายขณะปฏิบัติกิจ ความตายอาจมาเยอืนเราตอนนั้นก็ได้ พอมีแล้วก็คิด เกิดเราตายขณะนั้นขึ้นมาเราจะทำไง ใจก็ไม่ได้นึกถึงคำบริกรรมด้วยสิ จะไปสุคติไหมเนี่ย :b3: :b3: :b3:

อุ๊ย อาย โพสซะยาว :b32:

เจ้าของ:  ขณะจิต [ 09 ก.ค. 2011, 08:56 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: กามราคะ

wasaw เขียน:
อยากทราบว่าในกรณีชายไม่มีเมียไปซื้อบริการทางเพศที่หญิงเต็มใจบาปมากมั๊ยผิดศีลข้อสามหรือเปล่า
และการช่วยตัวเองบาปมากมั๊ย การออกจากกามให้ได้เด็ดขาดทำอย่างไร ทำอย่างไรไม่ให้มีอารมณ์ทางเพศ

ผมเคยมีประสบการณ์เรื่องนี้บ้างของแสดงความเห็นดังนี้

1.กรณีชายไม่มีเมียไปซื้อบริการทางเพศที่หญิงเต็มใจบาปมากมั๊ย :b22:
ขอตอบว่า... มีผลทำให้จิตขุ่นมัวครับ เพราะการที่เราต้องเสพกามแสดงว่าเราพ่ายต่อเวทนา และจิตปรุงแต่งด้วยกาม ถ้าคุมจิตไม่ดีอาจติดในรสกามนั้นทำให้เกิดอนุสัย ง่ายต่อการกระทำเช่นนั้นอีก ถอนตัวยาก เคยเจอเพื่อนผมเอง ไม่เคย พอเที่ยวแล้วเสียเงินมากมาย บ้านแทบแตก เสียเงินเสียเวลาเสี่ยงโรคร้าย ปาบมั้ย กามราคะเป็น กิเลส เป็นนิวรเป็นข้าศึกต่อโพธิผมว่าปาบแต่ คงไม่มากเหมือนผิดศิลข้อสามที่ไปล่วงในลูกเมีย ของรักของผู้อื่นที่มีโทษให้ผู้อื่นเป็นทุกข์ด้วยมีวิบาก(ผลเสียตามมามาก)

1.1ผิดศีลข้อสามหรือเปล่า :b10:
ขอตอบว่า...ไม่น่าผิดโดยตรงเพราะเป็นความเต็มใจของผู้ขาย(แต่ถ้าซื้อแล้วไม่จ่ายอาจผิดฐานฉ้อโกงนิ :b32: :b32: )

2.ช่วยตัวเองปาบมากมั้ย :b14:
ขอตอบว่า...ในพระวินัยกล่าวว่าภิกษุทำน้ำ้อสุจิเคลื่อนต้องอาบัติสังฆาทิเสส ต้องเข้าปาริวาสกับหมู่สงฆ์ จึงปลงอาบัติได้ ก็ มีผลทำให้จิตขุ่นมัวดีอาจติดในรสกามนั้นทำให้เกิดอนุสัย ง่ายต่อการกระทำเช่นนั้นอีกจิตที่เศร้าหมอง พัวพันด้วยกาม รู้ธรรมยาก(เราไม่ใช่พระนิ)แต่ผู้ที่ปฏิบัติเพื่อมุ่งความดับทุกข์ย่อมต้องมีจิตใจเหมือนพระองค์หนึ่ง

3.การออกจากกามให้ได้เด็ดขาดทำอย่างไร :b8:
ขอตอบว่า...ปฏิบัติภาวนา ตัดความยึดมั่น เห็นความไม่มีตัวตนใน ขันธ์ห้า ได้แก่ รูป เวทนา สํญญา สังขาร วิญญาน เมื่อไม่มีตัวตนแล้ว กามอันเกิดจากรูปน่ารัก ความเพลิดเพลินในเวทนา ความดำริกามอันเกิดจาก สํญญา สังขาร วิญญานก็ไม่มีผล

3.1.ทำอย่างไรไม่ให้มีอารมณ์ทางเพศ Onion_R
ขอตอบว่า...ง่ายๆก็ พิจารณาอสุภะดูรูปอันไม่งาม เช่นซากศพ รูปเน่าเปื่อย รูปที่ไม่งาม ว่าเมื่อก่อนเคยงามอย่างไร พอแก่แล้ว ตายแล้ว เน่าเปื่อยแล้ว น่าเกลียดมาก รับรองหดทันทีหรือผู้ที่เป็นโรคจากกาม เช่นเอดส์ ซากศพที่วัดพระบาทน้ำพุ ยิ่งดูของจริงยิ่งดี

อีกย่างพิจารณาให้เห็นโทษของกาม อันเป็นความลำบากเสียทรัพย์ โรคร้าย ไม่สะอาด เจริญวิปัสสนาตัดความยึดมั่น เมื่อจิตดิดถึงกาม จะเห็นว่าก็แต่ความคิด อย่าไปเพิ่มพลังให้มันโดยการคิดถึงรสอร่อย หรือผัสสะกามในอดีต อนาตด แต่จงตัดกำลังมันด้วยการพิจารณาเห็นโทษอันเป็นความลำบากเสียทรัพย์ โรคร้าย ไม่งาม ซากศพ เน่าเปื่อย ดังที่กล่าวมา

และที่สำคัญ อย่าเข้าไปในที่ยั่วยุ เช่นเว็ปโป๊ หนังสือ หนังลามก ที่รวมของผู้หญิงแต่งกายยั่วยุ ช่วยได้มาก

(ที่ตอบนี่เป็นความเห็นส่วนตัวนะคร๊าบ)
"จิตของผู้ที่เคยเศร้าหมองเมื่อฝึกดีแล้วย่อมสว่างไสว เหมือนพระจันทร์ที่พ้นแล้วจากเมฆฉันนั้น"
ขอความเจริญในธรรมจงมีแก่ท่าน สาธุ :b8:

เจ้าของ:  จันทร์ ณ ฟ้า [ 10 ก.ค. 2011, 00:26 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: กามราคะ

ผิดศีลข้อสามทั้งชายและหญิงค่ะ
การจะละกามราคะให้ได้เด็ดขาดต้องเป็นพระอนาคามีขึ้นไปค่ะ
ผู้รู้ท่านแนะให้เจริญอสุภกรรมฐาน จะดูรูปศพลักษณะต่างๆแล้วพิจารณาก็ได้
การช่วยตัวเองไม่ผิดศีล แต่หากทำบ่อยๆก็ทำให้ใจชุ่มในกาม
ถ้าต้องการลดละเลิกจริงๆ เวลาเกิดความรู้สึกให้ลองไม่ทำตามความต้องการเดิมๆ
แล้วดูความรู้สึกที่เกิด จะเห็นอารมณ์ต่างๆเกิดชัดมาก ค่อยๆเพิ่มระดับจนถึงขีดสุด
แต่ในที่สุดแล้วก็จะหรี่ดับไปตามกฎไตรลักษณ์

เจ้าของ:  กบนอกกะลา [ 10 ก.ค. 2011, 11:10 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: กามราคะ

wasaw เขียน:
อยากทราบว่าในกรณีชายไม่มีเมียไปซื้อบริการทางเพศที่หญิงเต็มใจบาปมากมั๊ยผิดศีลข้อสามหรือเปล่า


บาป..ครับ..แต่จะผิดศีลด้วยรึเปล่านี้...ต้องขึ้นกับฝ่ายหญิงครับ...แม้ตัวเขาจะเต็มใจ..แล้วผู้ปกครองของเขาเต็มใจด้วยรึเปล่า...

อ้างคำพูด:
และการช่วยตัวเองบาปมากมั๊ย การออกจากกามให้ได้เด็ดขาดทำอย่างไร ทำอย่างไรไม่ให้มีอารมณ์ทางเพศ


บาป..ครับ..ถ้าจะตัดอารมณ์ทางเพศ..ก็มีวิธีเดียวคือ...เห็นตามความเป็นจริงว่า..ร่างกายเป็นแหล่งรวมความสกปรกหาความสวยงามอะไรตรงไหนไม่ได้....

บาปนี้..คือผลของการเบียดเบียน

การเบียดเบียนผู้อื่น..เราจะเห็นได้ง่าย..แต่การเบียดเบียนตนเองนั้น..เรามองเห็นกันยาก

การช่วยตัวเอง..เป็นการเบียนเบียนตน...หมกตนให้อยู่ในกองกิเลสตัณหา...ตนเร่าร้อน..ตนทุกข์...

เจ้าของ:  นายฏีกาน้อย [ 10 ก.ค. 2011, 12:19 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: กามราคะ

อนุโมทนาทุกๆ ความเห็นด้วยนะครับ


wasaw เขียน:
อยากทราบว่าในกรณีชายไม่มีเมียไปซื้อบริการทางเพศที่หญิงเต็มใจบาปมากมั๊ยผิดศีลข้อสามหรือเปล่า
และการช่วยตัวเองบาปมากมั๊ย การออกจากกามให้ได้เด็ดขาดทำอย่างไร ทำอย่างไรไม่ให้มีอารมณ์ทางเพศ


ศีลข้อ ๓ มีองค์ ๔ คือ
๑. อคมนียวตฺถุ วัตถุที่ไม่ควรถึง (คือชาย หรือหญิงที่มีเจ้าของ หรือมีผู้คุ้มครองดูแลรักษา)
๒. ตสฺมึ เสวนจิตตํ จิตคิดจะเสพในวัตถุนั้น
๓. เสวนปฺปโยโค พยายามที่จะเสพ
๔. มคฺเคน มคฺคปฺปฏิปตฺติ อธิวาสนํ ทำมรรคต่อมรรคให้ถึงกัน

http://larndham.org/index.php?/topic/41821-%e0%b8%a1%e0%b8%b5%e0%b8%84%e0%b8%99%e0%b8%96%e0%b8%b2%e0%b8%a1%e0%b8%96%e0%b8%b6%e0%b8%87%e0%b8%82%e0%b9%88%e0%b8%b2%e0%b8%a7%e0%b8%99%e0%b8%b5%e0%b9%89/page__view__findpost__p__767451 มีอคมนียวัตถุ ในความเห็นที่ ๕ นะครับ ในที่นี้เบื้องต้นหลักๆ มีเพียงเท่านี้ครับคือ สำหรับเฉพาะผู้ชาย เรื่องศีล ๕ ข้อกาเมสุมิจฉาจาร มีภรรยาถูกต้องตามกฏหมาย เวลากำหนัดในผู้หญิงอื่นที่ไม่ใช่ภรรยา ช่วยกันจดจำนะครับ ถ้าเขาช่วยตัวเองไม่บาปครับ ไม่ได้ฆ่าตัวอสุจิ ไม่ได้ประพฤติผิดในภรรยาผู้อื่น ผิดอย่างเดียวคือ ยอมตกอยู่ ใต้อำนาจของ นางตัณหา นางมายา นางอรตี ^^ เท่านั้น

องค์ ๔ ของศีลข้อ ๓ ข้อแรกมือตนเองไ่ม่ใช่ อคมนียวัตถุ (ไม่ใช่มือหญิงอื่น ไม่ใช่มือชายอื่น) องค์ข้อแรกตกไป ข้อสองสมบูรณ์ด้วยจิตคิดเสพ สาม พยายามช่วยตนเอง สี่ ไม่มีมรรค(ปาก ทวาร โยนี)ต่อมรรค สรุปไม่ครบองค์ประกอบในการผิดศีลข้อ ๓ ชายที่ช่วยตนเองไม่บาปครับ

แต่เมื่อไปซื้อบริการเมื่อไหร่ หญิงที่รับบริการกลายเป็น อคมนียวัตถุ ทันที ครบองค์ถึงองค์ทุกข้อ แปลว่าซื้อบริการผิดครับ

ทีนี้หากไม่มีภรรยา แล้วแสวงหากามในหญิงอื่นที่ไม่ใช่ภรรยา ท่านจัดเข้าใน หญิงต้องห้าม ๒๐ จำพวกครับ เหตุเพราะว่า มีความละเอียดในแง่การป้องกันขจัดปัญหาสังคม ปัญหาที่มาจากจิตใจที่หมกมุ่นในกามส่วนบุคคล คำว่า มิจฉาจาร การประพฤติผิดปฏิบัติผิด กาเม คือการเสพกามแสวงหากาม กาเมสุมิจฉาจาร คือการประพฤติผิดในกาม ในการแสวงหา ในการเสพกาม ข้อดีของการรักษา ทำให้ไม่ไปแสวงหา เสพอารมณ์ที่ผิด ที่กำหนัดย้อมใจ จนหน้ามืดตามัว ไม่สนว่าเป็น แม่ใคร พี่น้องใคร น้าอาป้าใคร ลูกใครแม้ขนาดลูกตนเอง!ฯลฯ เพื่อยกระดับจิตที่มีปกติไหลลงต่ำ ห้ามไว้สำหรับเหตุของกามที่จะนำภัยของการจองเวรอาฆาต ของการโกหก ของการฆ่าทำร้ายเบียดเบียนกัน ก่อความโศกเศร้าสะเทือนกันไปในหมู่ สังคมที่ตกอยู่ใต้อำนาจกามนั่นเอง


ถามว่าออกจากกามได้อย่างไรโดยเด็ดขาด วิธีเบื้องต้น คือไม่ครองเรือนไม่ยุ่งเกี่ยวด้วยเรื่องกาม ไม่มีคู่ครองคนรักนะครับ คำว่าอนาคามี มีอรรถความหมายว่า ออกบวช ตรงนี้เป็นวิธีเบื้องต้นเท่านั้นนะครับ บวชนี้คือเว้นภัย เว้นจากกามคุณ จากอำนาจนางตัณหา มายา อรตี เป็นฆราวาสถือศีล ๘ ศีล ๑๐ ก็เป็นวิธีการเบื้องต้นได้ การถือประพฤติปฏิบัติในพรหมจรรย์ มีศีล สมาธิ ปัญญา อบรมขัดเกลาจิตใจ มีศีลสมบูรณ์ในศีล ๕ ๘ ๒๒๗ เป็นศีลที่ไม่ลูบคลำด้วยตัณหามานะทิฏฐิ มีสมาธิที่อบรมอย่างยิ่งยวด นั่นแหละครับเว้นกามได้ด้วยศีลคือละ สมาธิคือลด และที่สุดคือมีปัญญาตัดหรือเลิกมีความเห็นผิดในเรื่องกามได้ ถ้าเรายังอยู่ในอัตภาพ ในเพศฆราวาส ยังคิดมีคู่ครองมีความรัก อย่างน้อยต้องรักษาศีล ๕ อบรมจิตใจซึ่งมีกรรมฐานมากมายหลายวิธี เพื่อข่มเพื่อลด อารมณ์หมกมุ่นในกาม

จนเมื่อเห็นโทษเห็นภัยแม้เพียงเล็กๆ น้อยๆ ไม่ยอมตกอยู่ในอำนาจกามเบื่อหน่ายกาม หรือจะอบรมขัดเกลาตนเองให้ยิ่งๆ ขึ้นก็รักษาศีลให้เข้มข้นขึ้น อบรมสมาธิปัญญาให้มากขึ้น เหล่านี้แหละครับจะค่อยๆ ลดละเลิก อารมณ์หรือกามุปาทาน ลงไปได้โดยลำดับเจริญพร

เจ้าของ:  นายฏีกาน้อย [ 10 ก.ค. 2011, 12:28 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: กามราคะ

อ่อ..... ถ้าถือศีลที่มีข้อห้ามข้อยกเว้นเช่นพระภิกษุสงฆ์ การช่วยตัวเองก็ผิดบาปแน่นอนครับ จำแนกบุคคล จำแนกเพศ จำแนกกิเลส จำแนกเหตุปัจจัยต่างๆ ตามความเป็นจริงแล้วพิจารณาครับ สีเลนสุขะติงยันติ ศีลนำมาซึ่งสุคติ หรือความสุขในปัจจุบัน และอนาคต สีเลนโภคสัมปะทา ศีลนำมาซึ่งโภคะทรัพย์ ไม่เสียเงินทอง เสียสุขภาพเจ็บป่วย ด้วยโรคภัย เพราะมีศีลรักษา สีเลนนิพพุธติงยันติ ศีลนำหรือเป็นบาทฐานนำไปสู่มรรคผลนิพพาน ฯลฯ ขอเจริญพร

เจ้าของ:  janyapinpard [ 11 ก.ค. 2011, 11:39 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: กามราคะ

ทำอย่างไรไม่ให้มีอารมณ์ทางเพศธรรมะเป็นอนัตตาเกิดตามเหตุปัจจัยอารมณ์ทางเพศเป็นอกุศลละได้ด้วยปัญญาระดับสูงขั้นพระอนาคามี...สงบระงับได้ด้วยสติ...อาศัยพระธรรมขั้นการศึกษาเช่น..ในพระไตรปิฏก...กล่าวว่า


พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อนภิกษุ บุคคลครุ่นคิดถึงสิ่งใด

ย่อมหมกมุ่นสิ่งนั้น หมกมุ่นสิ่งใด ย่อมถึงการนับเพราะสิ่งนั้น ไม่ครุ่นคิด

ถึงสิ่งใด ย่อมไม่หมกมุ่นสิ่งนั้น ไม่หมกมุ่นสิ่งใด ย่อมไม่ถึงการนับ

เพราะสิ่งนั้น.

ข้อความจาก พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรค เล่ม ๓ - หน้าที่ 76

๔. ภิกขุสูตรที่ ๒

ไฟล์แนป:
2278.gif
2278.gif [ 5.73 KiB | เปิดดู 9886 ครั้ง ]

เจ้าของ:  wasaw [ 16 ก.ค. 2011, 03:59 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: กามราคะ

ขอบคุณผู้เจริญในธรรมทั้งหลายผมจะน้อมนำคำสั่งสอนไปปฏิบัติตามทุกๆท่านที่แนะนำมา
ผมเป็นผู้ที่หลงเดินทางผิดมาตลอดเพิ่งเปลี่ยนศาสนามาได้ไม่นานหวังว่าทุกท่านคงเมตตาให้คำแนะนำผมตลอดไปจนเห็นธรรมอย่างแท้จริงนะครับ

เจ้าของ:  ทักทาย [ 21 ก.ค. 2011, 23:17 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: กามราคะ

ศาสนาทุกศาสนา...สอนคนให้เป็นคนดี

อนุโมทนากับการได้เข้ามาสู่ใต้ร่มบวรพระพุทธศาสนา
ขอให้สว่างทั้งทางโลกและทางธรรมนะค่ะ :b8:

เจ้าของ:  ปฤษฎี [ 21 ก.ค. 2011, 23:55 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: กามราคะ

อริยสัจ ๔
ไตรลักษณ์
อิทัปปัจจยตา-ปฏิจจสมุปบาท
เป็นหลักธรรมที่ควรสดับ พิจารณาและน้อมเข้ามาใส่ใจ รวมถึงสาธยายสวดท่องให้คล่องปาก

เจริญในธรรมยิ่งๆ ขึ้นไปครับ :b8:

เจ้าของ:  ปล่อยรู้ [ 22 ก.ค. 2011, 05:44 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: กามราคะ

กามราคะ....กำหนัดยินดีเพลิดเพลินในอารมณ์ อันมีผัสสะเป็นเหตุเป็นปัจัย
ตัดข่มอารมณ์ที่บังเกิดขึ้นแล้วไม่ได้
ทนต่ออารมณ์ที่บังเกิดขึ้นแล้วไม่ได้
ถูกอารมณ์ลากจูงพาไป
ยินดีพอใจในอารมณ์นั้นๆ
มีความสุข ในช่วงที่ขณะกำลังเสพ
ได้รับความทุกข์เมื่อต้องพรัดพราก เมื่อไม่เป็นไปตามที่ปรารถนา เมื่อต้องทนฝืนกระทำ


:b46: การมีเพศสัมพันธ์...บาปหรือไม่บาป ทุกข์หรือไม่ทุกข์ :b46:


:b42: การติดใจ การยึดมั่นถือมั่น ไม่ว่าจะกามหรือมิใช่กาม นั้นต่างหาก
ที่ล้วนแล้วแต่เป็นมูลเหตุในการทำให้เกิดทุกข์ขึ้นมาทั้งสิ้น :b42:

อย่าห่วงวิตกพะวงอยู่แต่แค่กาม
แม้นแต่ศีล สมาธิ นิพพาน เองก็เถอะ หากผัสสะไม่ถูกต้อง
ก็อาจทำให้เกิดทุกข์ ได้เช่นกัน...


:b42: หมั่นดำริในการออกจากกาม(ความยินดีพอใจในสิ่งทั้งปวง)
คือหนทางอันประเสริฐ คือหนทางนำไปสู่ความดับไม่เหลือแห่งทุกข์ทั้งปวง :b42:

มีสติระลึกรู้ ในทุกๆปรากฏการณ์
ในทุกๆผัสสะ ในทุกๆเวทนา ในทุกๆตัณหา ที่กำลังเกิดปรากฏ
มีปัญญาพิจารณาใคร่ครวญในปรากฏการณ์นั้นๆ
เมื่อมีเหตุต้องเผชิญ หรือ คลุกคลีเกี่ยวข้อง โดยมิอาจหลบหลีกเลี่ยงได้
สิ่งที่ควรครุ่นคิด ก็คือ จะย่างก้าวดำเนินไปอย่างไร
ถึงจะเป็นไปเพื่อความสุขสงบสันติ โล่งโปร่งเบา ในที่สุด

เจ้าของ:  Rosarin [ 22 ก.ค. 2011, 10:43 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: กามราคะ

rolleyes
...มะตูมมีฤทธิ์ทางยาช่วยลดความรู้สึกทางเพศ...ควรดื่มบ่อยๆ...ควรถวายพระด้วยน้ำมะตูมเจ้าค่ะ...
:b12:
:b4: :b4:

หน้า 1 จากทั้งหมด 2 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/