วันเวลาปัจจุบัน 26 เม.ย. 2024, 15:35  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 157 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9 ... 11  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ส.ค. 2011, 06:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 มี.ค. 2010, 19:57
โพสต์: 1014

โฮมเพจ: http://www.vitwong.blogspot.com
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


ยินดี ที่ได้สนทนา กับท่าน flame ครับ
ก่อนที่จะ หาที่มา เรื่องนิพพาน เป็นนามธรรม ในโอกาสต่อไป
ตอนนี้ ผมไปเจอ นี่มาครับ

อ้างคำพูด:
การศึกษาธรรม จึงต้องเป็นผู้ละเอียดว่า พระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรม โดยนัยเทศนา

หลากหลาย เพื่อให้สัตว์โลกที่สะสมอัธยาศัยมาได้เข้าใจความละเอียดและหลากหลาย

นัยครับ แม้ในเรื่องนาม-รูป เป็นของจริง หรือ ของเท็จ ก็เช่นเดียวกัน บางนัยแสดงว่านาม

รูป เป็นของจริง เพราะมีลักษณะ จึงเป็นของจริง ส่วนบัญญัติเรื่องราว ไม่ใช่ของจริง

เพราะไม่มีลักษณะ จึงเป็นของไม่จริง เป็นของเท็จ เมื่อพระพุทธเจ้าแสดงโดยนัยนี้ ก็คือ

เข้าใจโดยนัยนี้ ไม่ไปปนกับอีกนัยหนึ่ง เพราะกำลังเปรียบเทียบในส่วนของนาม-รูป คือ

จิต เจตสิก รูป กับ บัญญัติ เรื่องราว ครับ

ส่วนอีกนัยหนึ่ง นาม-รูป เป็นของเท็จ นิพพานเป็นของจริง นี่ก็เป็นพระธรรมเทศนาอีก

นัยหนึ่ง ว่า นาม-รูป เป็นของเท็จ เพราะไม่เป็นไปตามอำนาจความยึดถือของสัตว์โลกว่า

เที่ยง สุข งาม และ นาม-รูป เป็นเท็จเพราะตัวนามธรรม รูปธรรมที่เป็นจิต เจตสิก รูปเกิด

ขึ้นและดับไป สูญสิ้นไปเป็นธรรมดา จึงเป็นของเท็จครับ ดังนั้น เมื่อแสดงโดย 2 นัย

ก็เข้าใจ 2 นัย ไม่มาปะปนกันว่า ทำไมตอนแรกกล่าวว่า นามและรูปเป็นของจริง คราวนี้

แสดงว่าเป็นของเท็จ นามและรูปจริงโดยนัยแรก เพราะมีลักษณะ และเมื่อเทียบกับ

บัญญัติ แต่นามรูปเป็นเท็จ อีกพระสูตรหนึ่ง เพราะนาม-รูปสูญสิ้นไปเป็นธรรมดา และ

เมื่อ เปรียบเทียบกับพระนิพพาน ที่เป็นสภาพธรรมที่เที่ยงครับ นิพพานจึงจริงเพราะเที่ยง

และเป็นสุข นาม-รูป เป็นเท็จ เพราะไม่เที่ยงและเป็นทุกข์ครับ

หวังว่าคงจะเป็นประโยชน์กับสหายธรรมทั้งหลายไม่มากก็น้อยครับ ขออนุโมทนาครับ

.....................................................
ยังงมงาย...
เมื่อเห็นว่าพระไตรปิฏก มีส่วนถูก มีส่วนจริงแค่ 20 ถึง 30 เปอร์เซนต์ เท่านั้น

เลิกงมงาย..
เมื่อเห็นว่า พระไตรปิฏก มีส่วนถูก ส่วนจริง เกินกว่า 80 ถึง กว่า 90 เปอร์เซนต์

http://www.youtube.com/user/govit2554#g/u


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ส.ค. 2011, 06:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 มี.ค. 2010, 19:57
โพสต์: 1014

โฮมเพจ: http://www.vitwong.blogspot.com
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


สภาพธรรม ทั้งหลายทั้งปวง มีอยู่ สองประการคือ
นามธรรม และ รูปธรรม

ถ้าสิ่งนั้นไม่เป็นรูป ก็ต้องเป็นนาม
ถ้าสิ่งนั้น ไม่เป็นนาม ก็ต้องเป็นรูป

ไม่มีอะไร นอกเหนือไปจาก รูป และนามครับ

พระนิพพาน เป็นธรรม หรือไม่ ......................... เป็นธรรม

พระนิพพาน ชื่อว่า วิสังขารธรรม

ธรรมทั้งหลายทั้งปวง จึงมีเพียงสองอย่างเท่านั้นคือ

สังขารธรรม และวิสังขารธรรม

ธรรมใดไม่เป็นสังขารธรรม ก็ต้องเป็นวิสังขารธรรม
ธรรมใดไม่เป็นวิสังขารธรรม ก็ต้องเป็นสังขารธรรม

พระนิพพาน เป็นธรรม หรือไม่..................................เป็นธรรม
นิพพาน ชื่อว่า อสังขตธรรม

ธรรมทั้งหลายทั้งปวง จึงมีเพียง 2 อย่างเท่านั้นคือ
สังขตธรรม และ อสังขตธรรม

ธรรมใดไม่ใช่สังขตธรรม ก็ต้องเป็นอสังขตธรรม
ธรรมใดไม่ใช่อสังขตธรรม ก็ต้องเป็นสังขตธรรม

นิพพาน จึงชื่อว่า เป็นนามธรรม เป็นวิสังขารธรรม เป็นอสังขตธรรม

ด้วยประการฉะนี้ :b43:

ส่วนจะมีหลักฐานยืนยัน จากพระไตรปิฏก อย่างไร ค่อยว่าในโอกาสต่อไปครับ

.....................................................
ยังงมงาย...
เมื่อเห็นว่าพระไตรปิฏก มีส่วนถูก มีส่วนจริงแค่ 20 ถึง 30 เปอร์เซนต์ เท่านั้น

เลิกงมงาย..
เมื่อเห็นว่า พระไตรปิฏก มีส่วนถูก ส่วนจริง เกินกว่า 80 ถึง กว่า 90 เปอร์เซนต์

http://www.youtube.com/user/govit2554#g/u


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ส.ค. 2011, 11:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


ที่สุดก็คือสุญญตา

ท่านจะมาเอาอะไรกับนามและรูปอีก
จะมาเอาอะไรกับธรรมและอธรรมอีก


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ส.ค. 2011, 06:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 มี.ค. 2010, 19:57
โพสต์: 1014

โฮมเพจ: http://www.vitwong.blogspot.com
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


[๘๔๔] เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ วิญญาณขันธ์ และอสังขตธาตุ นี้เรียกว่า นามธรรม
มหาภูตรูป 4 และรูปที่อาศัยมหาภูตรูป 4 นั้น เรียกว่า รูปธรรม . (นิกเขปกัณฑ์ สุตตันติกทุกะ) 76/500/3

[๘๘๗] ธรรมเป็นเหตุให้จุติปฏิสนธิ ได้แก่ กุศลในภูมิ 3 และอกุศล,
ธรรมไม่ เป็นเหตุให้จุติปฏิสนธิและไม่เป็นเหตุให้ถึงนิพพาน ได้แก่
วิบากในภูมิ 4 กิริยา- อัพยากฤตในภูมิ 3 รูป และนิพพาน (อัตถุทธารกัณฑ์) 76/555/8

[๘๙๔] นิพพาน จะกล่าวว่าเป็นธรรมเกิดขึ้นแล้วก็ไม่ได้ ว่าเป็นธรรมยังไม่เกิด ขึ้นก็ไม่ได้ ว่าเป็นธรรมจักเกิดขึ้นก็ไม่ได้ (อัตถุทธารกัณฑ์) 76/559/19

http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_it ... agebreak=0
""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""
[๘๔๔] บรรดาธรรมเหล่านั้น นามธรรม เป็นไฉน?
เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ วิญญาณขันธ์ และอสังขตธาตุ นี้เรียกว่า
นามธรรม.
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_it ... 8%C3%C3%C1

.....................................................
ยังงมงาย...
เมื่อเห็นว่าพระไตรปิฏก มีส่วนถูก มีส่วนจริงแค่ 20 ถึง 30 เปอร์เซนต์ เท่านั้น

เลิกงมงาย..
เมื่อเห็นว่า พระไตรปิฏก มีส่วนถูก ส่วนจริง เกินกว่า 80 ถึง กว่า 90 เปอร์เซนต์

http://www.youtube.com/user/govit2554#g/u


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ส.ค. 2011, 06:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 มี.ค. 2010, 19:57
โพสต์: 1014

โฮมเพจ: http://www.vitwong.blogspot.com
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


พ. ดูกรอานนท์ มี ธาตุนี้มี ๒ อย่าง คือ สังขตธาตุ อสังขตธาตุ
ดูกรอานนท์ เหล่านี้แล ธาตุ ๒ อย่าง แม้ด้วยเหตุที่ภิกษุรู้อยู่ เห็นอยู่
จึงควรเรียกได้ว่า ภิกษุผู้ฉลาดในธาตุ ฯ
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_it ... 8%D2%B5%D8

อสังขตธาตุ เป็นไฉน
ความสิ้นราคะ ความสิ้นโทสะ ความสิ้นโมหะ นี้เรียกว่า อสังขตธาตุ
สภาวธรรมนี้เรียกว่า ธัมมายตนะ
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_it ... 8%D2%B5%D8

ธรรมที่เป็นโลกิยะ เป็นไฉน
คือ กุศลธรรม อกุศลธรรม อัพยากตธรรม ที่เป็นอารมณ์ของอาสวะ
อันเป็นกามาวจร รูปาวจร อรูปาวจร ได้แก่รูปขันธ์ เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์
สังขารขันธ์ วิญญาณขันธ์ เหล่านี้ชื่อว่า ธรรมที่เป็นโลกิยะ
ธรรมที่เป็นโลกุตตระ เป็นไฉน
คือ มรรค ผลแห่งมรรค และอสังขตธาตุ (คือนิพพาน) เหล่านี้
ชื่อว่า ธรรมที่เป็นโลกุตตระ

.....................................................
ยังงมงาย...
เมื่อเห็นว่าพระไตรปิฏก มีส่วนถูก มีส่วนจริงแค่ 20 ถึง 30 เปอร์เซนต์ เท่านั้น

เลิกงมงาย..
เมื่อเห็นว่า พระไตรปิฏก มีส่วนถูก ส่วนจริง เกินกว่า 80 ถึง กว่า 90 เปอร์เซนต์

http://www.youtube.com/user/govit2554#g/u


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ส.ค. 2011, 23:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


พุทธวัจน์

"ก็นามรูปเป็นไฉน เวทนา สัญญา เจตนา ผัสสะ มนสิการ นี้เรียกว่านาม
มหาภูตรูป ๔ และรูปที่อาศัยมหาภูตรูป ๔ นี้เรียกว่ารูป นามและรูปดังพรรณนามาฉะนี้ เรียกว่านาม
รูป ฯ"

" ธรรมชาติที่รู้แจ้ง ไม่มีใครชี้ได้ ไม่มีที่สุด แจ่มใส โดยประการทั้งปวง ปฐวีธาตุ อาโปธาตุ เตโชธาตุ และวาโยธาตุ ย่อมตั้งอยู่ไม่ได้ในธรรมชาตินี้. อุปาทายรูปที่ยาวและสั้น ละเอียดและหยาบ งามและไม่งาม ย่อมตั้งอยู่ไม่ได้ในธรรมชาตินี้. นามและรูปย่อมดับไม่มีเหลือในธรรมชาตินี้เพราะวิญญาณดับ นามและรูปนั้นย่อมดับไม่มีเหลือในธรรมชาตินี้ "


ดิน น้ำ ไฟ และลม ย่อมไม่หยั่งลงในนิพพานธาตุใด ในนิพพานธาตุนั้น ดาวทั้งหลายย่อมไม่สว่าง พระอาทิตย์ย่อมไม่ปรากฏ พระจันทร์ย่อมไม่สว่าง ความมืดย่อมไม่มี ก็เมื่อใดพราหมณ์ชื่อว่าเป็นมุนีเพราะรู้ (สัจจะ ๔) รู้แล้วด้วยตน เมื่อนั้น พราหมณ์ย่อมหลุดพ้นจากรูปและอรูป จากสุขและทุกข์ ฯ "

๒. ธาตุสูตร
จริงอยู่ พระสูตรนี้พระผู้มีพระภาคตรัสแล้ว พระสูตรนี้พระผู้มีพระภาคผู้เป็นพระอรหันต์ตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วว่าดูกรภิกษุทั้งหลาย ธาตุ ๓ อย่างนี้ ๓ อย่างเป็นไฉน คือ รูปธาตุ ๑ อรูปธาตุ ๑ นิโรธธาตุ ๑ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธาตุ ๓ อย่างนี้แล ฯ

พระผู้มีพระภาคได้ตรัสเนื้อความนี้แล้ว ในพระสูตรนั้น พระผู้มีพระภาคตรัสคาถาประพันธ์ดังนี้ว่า
ชนเหล่าใดกำหนดรู้รูปธาตุแล้ว ไม่ดำรงอยู่ในอรูปธาตุน้อมไปใน นิโรธ ชนเหล่านั้นเป็นผู้ละมัจจุเสียได้ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้หาอาสวะมิได้ ถูกต้องอมตธาตุอันหาอุปธิมิได้ด้วยนามกาย แล้วกระทำให้แจ้งซึ่ง การสละคืนอุปธิ ย่อมแสดงบทอันไม่มีความโศก ปราศจากธุลี ฯ เนื้อความแม้นี้พระผู้มีพระภาคตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้ว ฉะนี้แล ฯ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ส.ค. 2011, 11:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขณะจิต เขียน:
อยากสอบถามความเห็นของผู้ปฏิบัติทุกท่านว่าเมื่อไม่มีตัวตนแล้วใครเล่า เข้าสู่นิพพาน หวังจะได้รับคำวิสัชชนาอันลึกซึ้งจากทุกท่าน :b8: :b8: :b8:

สวัสดี "ขณะจิต"

ภพ หรือ ภวะ เป็นสภาวะที่จิต เกิดจากความยึดถือเอาว่า "มีตัว มีตน เป็นตน"
จึง มีตัว มีตน เป็นตน เป็นภพ ขึ้นมา

ชาติ มีเพราะภพเป็นปัจจัย

จิตที่ ละความมีตน ความเป็นตน ของตนได้ จิตนั้นนั่นแหละ กล่าวว่า บรรลุนิพพาน

ธรรมะสวัสดี

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ส.ค. 2011, 16:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ส.ค. 2011, 17:44
โพสต์: 35

แนวปฏิบัติ: งานหลักคือการโมทนาแก่ทุกดวงจิต
งานอดิเรก: งานรองคือทำงานหลัก
อายุ: 0
ที่อยู่: chiangmai Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว www


อนุโมทนาทุกท่าน ขอร่วมสนทนาด้วยนะครับ

.....................................................
http://www.jitphontook.com
--------------------------


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ส.ค. 2011, 17:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 มี.ค. 2010, 19:57
โพสต์: 1014

โฮมเพจ: http://www.vitwong.blogspot.com
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


อ้างคำพูด:
พุทธวัจน์

"ก็นามรูปเป็นไฉน เวทนา สัญญา เจตนา ผัสสะ มนสิการ นี้เรียกว่านาม
มหาภูตรูป ๔ และรูปที่อาศัยมหาภูตรูป ๔ นี้เรียกว่ารูป นามและรูปดังพรรณนามาฉะนี้ เรียกว่านาม
รูป ฯ"


อวิชชาเป็นปัจจัย สังขารจึงมี
สังขารเป็นปัจจัย วิญญาณจึงมี
วิญญาณเป็นปัจจัย นามรูปจึงมี

ส่วนของ พุทธวัจน์ ข้างบนนี้ อธิบายคำว่า นามรูปที่มี เพราะวิญญาณเป็นปัจจัย

เพราะวิญญาณเป็นปัจจัย นามรูปจึงมี

ก็นาม เป็นไฉน

เวทนา สัญญา สังขาร(เจตนา ผัสสะ มนสิการ) นี้เรียกว่า นาม

รูปเป็นไฉน

อธิบายตาม ข้างบนครับ

แต่ถ้ากล่าวถึงธรรมทั้งหมดแล้ว ไม่ได้หมายถึงว่า นาม มีแค่ 5 ตัวนี้(เวทนา สัญญา เจตนา ผัสสะ มนสิการ)

.....................................................
ยังงมงาย...
เมื่อเห็นว่าพระไตรปิฏก มีส่วนถูก มีส่วนจริงแค่ 20 ถึง 30 เปอร์เซนต์ เท่านั้น

เลิกงมงาย..
เมื่อเห็นว่า พระไตรปิฏก มีส่วนถูก ส่วนจริง เกินกว่า 80 ถึง กว่า 90 เปอร์เซนต์

http://www.youtube.com/user/govit2554#g/u


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ส.ค. 2011, 23:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


พุทธวจนะมีความสอดคล้องกัน ไม่มีทางเลยที่อสังขตะ จะเป็นนามไปได้ เพราะนามมีปัจจัยปรุงแต่งอิงอาศัยกับสิ่งอื่น ไม่เที่ยงเป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา แต่อสังขตะ ไม่มีปัจจัยปรุงแต่ง

.................................................................................
อ้างคำพูด:
ถ้าว่าตามอภิธรรมปิฎก

เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ วิญญาณขันธ์ และอสังขตธาตุ นี้เรียกว่า นามธรรม

นามธรรม ๔ หรือ นามขันธ์ ๔ คือ เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ วิญญาณขันธ์

นาม คือ เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์


...........................................................................

พุทโธ ธัมโม สังโฆ
onion onion onion

ไม่ขอออกความเห็นเพิ่มเติม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ส.ค. 2011, 19:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 มี.ค. 2010, 19:57
โพสต์: 1014

โฮมเพจ: http://www.vitwong.blogspot.com
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


สิ่งที่นามธรรม แตกต่างจากรูปธรรมคือ

นามธรรม เป็นสภาพรู้อารมณ์ (ยกเว้นนิพพาน เป็นนามธรรม แต่ไม่รู้อารมณ์)
รูป เป็นสภาพไม่รู้อารมณ์

สังขารธรรม คือธรรมที่มีปัจจัยปรุงแต่ง คือ จิต เจตสิก รูป

วิสังขารธรรม คือ ธรรมที่ไม่มีปัจจัยปรุงแต่ง ไม่เกิด ไม่ดับ คือ นิพพาน

แสดงว่า สังขารธรรม มีทั้งรูป และนาม

วิสังขารธรรม คือนิพพาน เป็นนามธรรม

.....................................................
ยังงมงาย...
เมื่อเห็นว่าพระไตรปิฏก มีส่วนถูก มีส่วนจริงแค่ 20 ถึง 30 เปอร์เซนต์ เท่านั้น

เลิกงมงาย..
เมื่อเห็นว่า พระไตรปิฏก มีส่วนถูก ส่วนจริง เกินกว่า 80 ถึง กว่า 90 เปอร์เซนต์

http://www.youtube.com/user/govit2554#g/u


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ส.ค. 2011, 23:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


อสังขตสถานอย่าเถียง :b13:
อายตนะนั้นมีอยู่อย่าเถียง :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ส.ค. 2011, 23:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


เคยสงสัยไหมว่า กฎแห่งกรรมมันมาได้ยังไง ใครคือนายช่าง ?
คิดๆกันไปก่อนนะ ช่วงนี้ไม่ค่อยได้เข้า :b31:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ส.ค. 2011, 00:10 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


s006 s006


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ส.ค. 2011, 05:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 มี.ค. 2010, 19:57
โพสต์: 1014

โฮมเพจ: http://www.vitwong.blogspot.com
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


มีอยู่บางปัญหา อาจไม่มีคำตอบ

การที่เราปลูกไม้ผลยืนต้น เช่น มะม่วง หรือทุเรียน

พอถึง ฤดู มันก็ออกดอก ออกผล

ผลมะม่วงนั้น มาจากไหน .............เดิมถูกเก็บไว้ที่ไหน

เช่นเดียว กับกรรม

พอถึงเวลาที่ กรรม ให้ผล

กรรมนั้น เดิมถูกเก็บไว้ที่ไหน อยู่ๆ ก็โผล่มาให้ผล


คนโบราณ เขาเปรียบ ให้ดูผลมะม่วง

ขณะที่มะม่วง ยังไม่ให้ผล ไม่ว่ามองหา งัดแงะ แกะเกา ยังไง ก็ไม่เจอว่า ผลมะม่วงมันถูกซุกซ่อนอยู่ที่ไหน

แต่ถึงเวลา มันก็ให้ผลออกมา

.....................................................
ยังงมงาย...
เมื่อเห็นว่าพระไตรปิฏก มีส่วนถูก มีส่วนจริงแค่ 20 ถึง 30 เปอร์เซนต์ เท่านั้น

เลิกงมงาย..
เมื่อเห็นว่า พระไตรปิฏก มีส่วนถูก ส่วนจริง เกินกว่า 80 ถึง กว่า 90 เปอร์เซนต์

http://www.youtube.com/user/govit2554#g/u


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 157 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9 ... 11  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 130 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร