สวัสดีครับ

ผมมีเรื่องราวอยากจะมาร่วมแชร์ประสบการณ์ และขอความกระจ่างต่อผู้รู้ทุกท่านครับ ว่าสิ่งที่ผมเชื่อแหละคิดแบบนี้มันผิดหรือถูกต้องครับ ตามหลักพระพุทธศาสนา

พอดีผมได้มีโอกาสได้ถามถึงปัญหาที่ผมสงสัย กับคนกลุ่มหนึ่งว่า
" จริงหรือเปล่าที่ 40 ปีที่แล้ว มนุษย์เราสามารถไปเหยียบดวงจันทร์ได้ "
คนส่วนใหญ่ที่ตอบผม ล้วนเชื่อว่ามนุษย์ไปเหยียบดวงจันทร์จริง พร้อมทั้งอ้างอิงหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ว่ามนุษย์ไปมาจริงๆ(ส่วนใหญ่จะเป็นภาพนิ่ง หรือภาพวีดีโอ) แต่สำหรับผมไม่เชื่อว่าเมื่อ 40 ปีก่อนมนุษย์เราไปเหยียบดวงจันทร์ได้จริง

สาเหตุที่ผมไม่เชื่อ "เพราะผมไม่ได้ขึ้นยานอาวกาศไปลงดวงจันทร์กับเขาด้วย"

ผมจึงไม่เชื่อว่ามนุษย์เคยไปมาจริง ผมไม่อาจเชื่อตามเพียงเพราะคนอื่นเห็นว่ามันน่าเชื่อถือ ผมไม่อาจเชื่อตามคนอื่นเพียงเพราะคนที่บอกเป็นนักวิทยาศาสตร์ ผมไม่อาจเชื่อเพียงเพราะมันมาจากปากของนักบินอาวกาศ ผมไม่อาจเชื่อเพียงเพราะรูปภาพที่ถ่ายมาให้ตาเห็น ถ้าผมจะเชื่ออะไรสักอย่างผมต้องพิสูจน์แล้วว่ามันจริงด้วยตัวผมเอง หากผมไม่ได้เหยียบดวงจันทร์ด้วยตัวผมเอง ผมก็มิอาจเชื่อได้ว่ามนุษย์เคยไปมาจริง หลักฐานที่เป็นภาพถ่ายหรือคลิปวีดีโอ อาจจะถ่ายทำมาจากที่ไหนก็ได้ ล่าสุด นาซ่า อ้างว่าดาวเทียมได้จับภาพ ยานอาวกาศ และธงชาติสหรัฐที่บนดวงจันทร์ มายืนยันได้ว่ามนุษย์เคยทิ้งสิ่งของเหล่านี้ไว้บนดวงจันทร์จริง แล้วมันจะพิสูจน์อะไรได้ เพราะดาวเทียมที่ว่าจับภาพสิ่งของได้มันก็เป็นดาวเทียมของ นาซ่าเอง สุดท้ายภาพจะตัดต่อหรือตกแต่งด้วยเทคนิคอะไร มันจะจริงหรือปลอมเราก็มิอาจทราบได้

สุดท้ายแล้ว ไม่ว่า 40 ปีที่แล้ว มนุษย์จะเคยเหยียบดวงจันทร์จริงหรือเปล่า ผมก็มิอาจเชื่อว่ามนุษย์เคยไปมาจริง เพียงเพราะมีภาพถ่ายมายืนยัน หรือเพียงเพราะเก็บก้อนเห็นที่มีแร่ไทธาเนี่ยมเยอะกว่าหินปกติมาให้ดู ถ้าผมจะเชื่อว่ามนุษย์ไปได้จริง ผมต้องไปเหยียบดวงจันทร์ด้วยตัวเองและเห็นว่ามีธงปักอยู่ตรงนั้นด้วยตาผมเอง ไม่ใช่เชื่อเพราะคนทั้งโลกบอกว่าไปมาจริงๆ หรือมีรูปถ่ายมาให้ดู(รูปถ่ายมันอาจจะเป็นของจริง หรือของปลอมก็ได้ แต่ที่แน่ๆ เราไม่ได้อยู่ที่ดวงจันทร์ตอนเขาถ่ายภาพ)

ไม่ผิดหรอกค่ะ เพราะเป็นเหตุการณ์ที่ยังหาข้อเท็จจริงไม่ได้

แต่บางอย่าง ถึงเรา"รู้" หรือ "ไม่รู้" ก็ไม่ต่างกัน

ใบไม้ในป่ามีมากมาย แต่สิ่งที่ควรรู้มีเพียง "ใบไม้กำมือเดียว"
คือ อริยสัจสี่ นั่นเอง


เพิ่มเติม: จักรวาล เป็นอจิณไตยอย่างหนึ่งที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ คือ เป็นสิ่งที่ไม่ควรคิด
เพราะจักรวาลมีเป็นอนันตจักรวาล เราไม่สามารถหาขอบของจักรวาลที่แท้จริงได้

ความจริงบางอย่าง จริง ณ ปัจจุบัน แต่ต่อไปอาจจะไม่จริงก็ได้
เช่น เมื่อก่อนมนุษย์ยังมีความเชื่อว่าโลกแบน
แต่ต่อมาก็มีผู้ค้นพบว่า โลกกลม ล้มล้างความเชื่อเก่าๆไปหมด

เราจะต้องค้นหาความจริงไปอีกถึงเมื่อไหร่กัน เมื่อมนุษย์ก็พบข้อเท็จจริงใหม่ขึ้นมาเรื่อยๆ

[color=#FFBF00]ความจริงที่แท้ที่สุด คือ ความไม่มีอยู่จริง

ทุกสิ่งตั้งอยู่ในหลัก อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา นั่นเอง
เกิดขึ้นด้วยเหตุปัจจัย และดับลงด้วยเหตุปัจจัยนั้นหมดสิ้น

แปลว่า...คุณจะเชื่อเฉพาะที่ตาคุณเห็น...ใช่มั้ย??

แต่ถามจริง ๆ เถอะ...ที่จริงแล้ว..คุณเชื่อเพราะตาคุณเห็น..รึว่า..เชื่อในสิ่งที่คุณคิด..กันแน่

คิดให้แน่ ๆ แล้วค่อยตอบก็ได้...

แล้วค่อยกลับไปหาคำตอบในคำถามของคุณ.....อีกที

แล้วการไม่เชื่อมันเป็นการทำให้เราดำเนินชีวิตในลักษณะของการยึดมั่นใน ภพ และทิฏฐิมากน้อยแค่ไหนละครับ เราไม่เชื่อเพราะเป็นการลงสำรวจของประเทศอเมริกาหรือปล่าวแล้วถ้าเราเป็นคนอเมริกันเราจะเชื่อไหม เรื่องการไปเหยียบดวงจันทร์เป็นเรื่องทางโลก การที่จะเชื่อไม่เชื่อก็อาศัยรูปถ่าย วีดีโออยู่แล้ว
แต่ถ้าเป็นในลักษณะที่ว่า ใต้พื้นผิวดวงจันทร์มีลาวาที่พร้อมจะประทุที่มีความร้อนสูงคุณคิดว่าเป็นไปได้ไหม เชื่อหรือไม่ มันก็เป็นเรื่องทางโลกอีกเหมือนกัน

แสดงว่า เจ้าของกระทู้ไม่เชื่อว่าโลกกลมด้วย แต่อาจเชื่อว่าโลกแบนด้วยซ้ำ
เพราะ เห็นด้วยตาว่าโลกแบน
เจ้าของกระทู้เคยนั่งรถ ไปแล้วเหมือนกัน เอ หาที่สุดของโลกไม่เจอ
มันวิ่งไปได้เรื่อยๆ แสดงว่าขอบโลกไม่มี โลกต้องแบนแน่นอน

แต่ นักวิทยาศาสตร์ ว่าโลกกลม

กระแสไฟฟ้า ที่วิ่งอยู่ภายในสายไฟ เป็นเรื่องโกหก
เจ้าของกระทู้ ไม่เคยเห็นมันจะวิ่งไปวิ่งมาเลย
ลองปอกสายไฟดูก็แล้ว ก็เห็นแค่ทองแดงเหมือนเดิม ไม่มีเปลี่ยนสี
ไม่มีการไหล

หลอดไฟยาว หรือหลอดไฟกลม ภายในบ้านของเจ้าของกระทู้ก็ไม่เคยมีการกระพริบ
ติดดับด้วยความถี่ 100 ครั้งต่อวินาทีเลย
เพราะเจ้าของกระทู้เห็นมันสว่างอยู่ตลอด ที่เปิดสวิซท์ และดับลงเมื่อปิดสวิซท์เท่านั้น

แต่นักวิทยาศาสตร์ บอกว่า หลอดติดดับถึง 100 ครั้งต่อวินาที

ขออภัย ครับ อาจใช้โวหาร ไปนิด

...ประวัติศาสตร์ก็มักจะมีเอกสารอ้างอิง...เรื่องมีมนุษย์ไปเหยียบดวงจันทร์ก็เป็นประวัติศาสตร์...
...ที่ถูกบันทึกไว้จริง...หรือแม้แต่ประวัติศาสตร์ไทย ประวัติศาสตร์โลกก็มีบันทึกอ้างอิงได้แน่นอน...
...หรือแม้แต่ประวัติพระพุทธเจ้าก็มีบันทึกไว้เป็นในพระไตรปิฎกที่ใช้อ้างอิงในการศึกษาพุทธศาสนา...
...ปัจจุบันอยากรู้เรื่องอะไรก็ง่ายมากเพียงเข้าไปค้นหาเรื่องที่ต้องการในอินเทอร์เน็ตก็นำมาใช้ได้แล้ว...
...การอ้างอิงเอกสารนั้นสำคัญและจะต้องเป็นหลักฐานที่ได้มาตรฐานยอมรับเป็นสากลไม่ใช่พูดลอยๆ...
...ส่วนการเชื่อหรือไม่เชื่อก็เป็นเรื่องของตัวบุคคล...อย่างเขาบอกว่าประเทศสวิสเซอร์แลนด์สวยมาก...
...เราไม่เคยไป ไม่เคยเห็น แต่เวลามาค้นในเน็ตเห็นภาพประเทศแล้วก็สวยจริง จะเชื่อหรือว่าไม่เชื่อดี...

สงกะสัย..เจ้าของกระทู้..กระจ่างแล้วมั้ง....เลยไม่เข้ามาอีก

ชอบคุณ loveclassic..ที่ทำให้นึกถึงช่วงชีวิตหนึ่ง...ช่วงที่ศีลข้อ 5 ไม่เคยขาด..เพราะว่าไม่เคยมี

เรื่องที่ไม่ควรพูดในวงแอลกอฮอ...ศาสนา..

รุ่นพี่ขี้ญวน...
เอ๋งว่า..พระพุทธเจ้าสอนถูกมั้ย..เรื่องกาลามสูตร์...บอกอย่าให้เชื่อเพราะว่าเรื่องนั้นน่าเชื่อ..อย่าเชื่อเพราะคนพูดน่าเชื่อ..อย่าเชื่อเพราะเขาเป้นอาจารย์เรา..พวกเรามันนักวิทยาศาสตร์..หากไม่เชื่อถือผลการทดลองเก่า ๆ ..หากเราจะทำอะไรสักอย่าง.มิต้องกลับไปทำการทดลองเอาผล..ซ้ำแล้วซ้ำอีกรึวะ...

หากวิศวกรเขาว่าเขาออกแบบตึกมาอย่างดีแล้ว..เราไม่เชื่อ..มิต้องไปเรียนวิศวกรรมแล้วเอามาออกแบบเอง..รึวะ

แบบนี้..โลกจะพัฒนาไปได้งั้ยละนี้...เอ่งว่างั้ย???

รุ่นน้องมีแต่หัวใจศรัทธาแต่ปัญญามีน้อย...
ไม่ใช่อย่างนั้นพี่...ไม่ใช่อย่างนั้น

รุ่นพี่ขี้ญวน...แล้วเป็นอย่างไหนละ..ว่ามาซิ??

รุ่นน้องมีแต่หัวใจศรัทธาแต่ปัญญามีน้อย.....อ่า....อ่า... :b10:

นอนไม่หลับ..จนถึง ตี 3..แต่พอคิดได้...ก็ไม่รีรอ...รีบไปเคาะห้องท่านพี่ขี้ญวนทันที

พี่ผมคิดออกแล้ว....ผมคิดออกแล้ว..ลุกมาฟังผมก่อน...

ผมเข้าไปดูยูทูบของคุณโกวิทแล้วครับ ดีมากครับ คุณโกวิทชอบถ่ายและตัดต่อวีดีโอเหมือนกันเลยกับผม

ครับ คุณ student

ผมทำเป็นงานอดิเรก

จากไม่เป็น ก็หัดเองจนเป็นครับ

เช่นเดียวกับธรรมะ

ผมเพิ่งเข้าใจธรรมะ ได้ไม่นานเท่าไร จากอินเทอร์เน็ตครับ

ทั้งที่เคยบวชเรียน(สามเณร)มาแล้ว แต่เรื่องขันธ์5... นี่ท่องแบบนกแก้วนกขุนทองครับ สมัยนั้น

ถ้าไม่ได้ดูจากอินเตอร์เน็ต สงสัยชาตินี้คงไม่ได้เคยเปิดพระไตรปิฏก

เพราะคนที่จะได้เปิดพระไตรปิฏก นี่.......... ไม่ง่ายเลยครับ