ลานธรรมจักร
http://www.dhammajak.net/forums/

คันคอ ระคายคอ ตอนนั่งสมาธิ
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=38699
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

เจ้าของ:  สัจจะธรรมของชีวิต [ 21 มิ.ย. 2011, 17:57 ]
หัวข้อกระทู้:  คันคอ ระคายคอ ตอนนั่งสมาธิ

เวลานั่งสมาธิพอกำหนดลมหายใจสักพักไม่ถึง5นาทีจะมีอาการคันคอ ระคายคออย่างแรงจนต้องไอ ไม่สามารถนั่งสามาธิได้ แต่ถ้าทำตัวปกติมันไม่คัน จะคันเฉพราะตอนนั่งสมาธิกับตอนใช้เสียงมากๆ เป็นเพราะอะไรและจะแก้อย่างไร :b7: :b7: grin

เจ้าของ:  Dome_Nuntapon [ 21 มิ.ย. 2011, 20:25 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: คันคอ ระคายคอ ตอนนั่งสมาธิ

ขันติ คือ ความอดทนอดกลั้น

นั่งสมาธิ คือ การฝึกใจให้สงบ ฝึกจิตให้นิ่ง และฝึกความอดทน ไม่ว่าจะเมื่อย จะปวด และจะคัน ก็ต้องอดทน กำหนดว่า คัน คัน คัน หรือ คันหนอ คันหนอ นี่คือความทุกข์ ความคันมันอยู่ได้ไม่นาน มันก็จะหายคัน ดั่งชีวิตเรา แม้เกิดมาก็ต้องตาย........

ประมาณนี้มั้งคับ ผมไม่รู็วิธีแก้น่ะครับ ขอโทษที ผมรู้แต่แค่ว่าอดทน และจดจ่อกับสิ่งที่เป็นทุกข์ กำหนดรู้ อะไรเกิดขึ้นก็ให้จดจ่อกับสิ่งนั้น ก็แค่นั้นเองครับ s002

ผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยนะครับ

เจ้าของ:  สัจจะธรรมของชีวิต [ 21 มิ.ย. 2011, 21:08 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: คันคอ ระคายคอ ตอนนั่งสมาธิ

ไม่ใช่คันคอ แต่เป็นการกระตุ้น และระคายเคือง ถ้าไม่รีบไอตั่งแต่แรกปล่อยให้นานมันจะไอออกมาเองและจะไอต่อเนื่องจนหายใจไม่ทัน พอดีไปเซิฟหาในกูเกิ้ลพอรู้ละว่าเป็นโรคอะไร

ไอ
เป็นอาการที่พบได้บ่อยที่สุด อาการไอเกิดจากมีการกระตุ้นหรือการระคายเคืองต่อเยื่อบุทางเดินหายใจ
ตั้งแต่ส่วนคอหอยจนถึงหลอดลมเล็กๆ อาการไอที่เกิดเนื่องจากการกระตุ้นที่คอหอย เช่น ในภาวะคอหอยอักเสบ มักจะมีลักษณะแห้งๆ และไอติดต่อกัน แต่อาจจะเป็นพักๆ ได้ ถ้ามีเสมหะไปเกาะติดที่คอหอยอาการไอจะมีเสียงดัง ถ้าหากการกระตุ้นหรือการระคายเคืองนั้นอยู่ที่บริเวณกล่องเสียง เช่น จากกล่องเสียงอักเสบ อาการไอจะมีลักษณะแห้ง เจ็บ คล้ายเสียงเห่า (barking) แต่ถ้าสายกล่องเสียง (vocal cord)เคลื่อนไหวไม่ได้ เสียงไอจะแหบ ถ้ามีอาการไอติดต่อกันหลายๆ ครั้งจนหายใจเข้าไม่ทัน เช่น ไอกรน (whooping cough) เมื่อผู้ป่วยไอจนครบชุด จะมีเสียง "วู้บ" เพราะหายใจเข้าเร็วและเต็มที่ ในผู้ป่วยหลอดลมอักเสบ อาการไอจะมีเสียงหยาบ (harsh) แห้ง เจ็บ และอาจมีเสมหะ ซึ่งมีลักษณะใสหรือขาวข้น ปนหนองหรือเป็นหนองออกมาก็ได้ ถ้าหากมีการอุดกั้นของหลอดลมและมีอาการไอรุนแรง ผู้ป่วยอาจเป็นลม และมีมือเท้าเขียวคล้ำได้

ไอเป็นเลือด มีหลายชนิด คือ
ก. ไอเป็นเลือดสด พบในโรคหลอดลมพองวัณโรค เป็นต้น
ข. ไอปนเลือด มีเสมหะและเลือดปนเป็นเนื้อเดียวกัน อาจพบได้ในโรคมะเร็งของหลอดลม ฝีในปอด เป็นต้น
ค. ไอเป็นสายเลือด มีเลือดเป็นสายปนกับเสมหะ ไม่เป็นเนื้อเดียวกัน พบในโรคหลอดลมอักเสบเฉียบพลันและเรื้อรัง มะเร็งของหลอดลม เป็นต้น
ง. ไอมีเสมหะเป็นสีสนิม เพราะมีเลือดเก่าๆ ปนมาด้วย พบในโรคปอดบวม เป็นต้น

เจ็บหน้าอก
มีลักษณะและบริเวณที่รู้สึกเจ็บแตกต่างกันตามสาเหตุดังนี้
ก. เจ็บหน้าอกเพราะกล้ามเนื้ออักเสบ มักมีอาการเจ็บเฉพาะที่ และเจ็บเมื่อใช้มือกดที่บริเวณนั้น
ข. เจ็บหน้าอกเพราะเยื่อหุ้มปอดอักเสบมักเจ็บตรงบริเวณที่มีอาการอักเสบ และมักเจ็บมากเมื่อเวลาหายใจเข้าลึกๆ หรือเวลาไอ ทำให้ผู้ป่วยต้องหายใจตื้นๆ
ค. เจ็บหน้าอกเพราะเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบมักเป็นตรงบริเวณหัวใจ และเจ็บตลอดเวลา อาจมี ลักษณะในข้อ ข. ร่วมด้วย ถ้าการอักเสบลุกลามถึงเยื่อหุ้มปอด
ง. เจ็บหน้าอกเพราะหัวใจ เช่น ในภาวะหลอดเลือดแดงหัวใจโคโรนารี (coronary artery) ตีบมักมีอาการแน่นหน้าอกบริเวณหรือหลังกระดูกสันอก(retrosternum) โดยเฉพาะจะเจ็บหรือปวดมากเมื่อเวลาออกกำลังกาย เช่น เดิน ขึ้นบันได และอาการเจ็บจะหายไปเมื่อพัก อาจมีปวดร้าวไปถึงหัวไหล่ คอและแขน
จ. เจ็บหน้าอกเพราะหลอดลมอักเสบ มักมีอาการแน่นหน้าอกบริเวณหลังกระดูก อาจเจ็บตลอดเวลาและเจ็บมากเมื่อเวลาไอ
ฉ. เจ็บหน้าอกเพราะประสาท เช่น โรคของรากประสาทสันหลัง (posterior nerve root) จะปวดร้าวไปตามแขนงของประสาทอินเทอร์คอสทัล (intercostal nerve) ซึ่งอยู่ตามแนวกระดูกซี่โครง และปวดตลอดเวลา พบในโรคงูสวัด (herpes zoster) เป็นต้น

อาการหายใจลำบาก
หมายถึงภาวะซึ่งผู้ป่วยต้องใช้ความพยายามหรือใช้แรงในการหายใจ การหายใจลำบากไม่มีความสัมพันธ์กับความเร็วของการหายใจ กล่าวคือ อาจเกิดขึ้นเมื่อผู้ป่วยหายใจถี่ หรือหายใจช้าก็ได้ นอกจากนี้ คนที่หายใจเร็ว (tachypnoea) ก็ไม่จำเป็นต้องมีอาการหายใจลำบากร่วมด้วย เช่น การหายใจเร็วจากการออกกำลังกาย การหายใจเร็วในผู้ป่วยโรคปอดบวมและยูรีเมีย (uraemia) ถ้าอาการหายใจลำบากมีความรุนแรงมากผู้ป่วยอาจต้องนั่ง (orthopnoea) เพราะจะทำให้การหายใจสะดวกขึ้น
อาการหายใจลำบากอาจมีสาเหตุเกิดขึ้นได้หลายอย่างดังนี้
ก. สาเหตุเกี่ยวกับทางเดินหายใจ เช่น ทางเดินหายใจอุดกั้น หน้าที่ของปอดถูกทำลาย เป็นต้น
ข. สาเหตุเกี่ยวกับหัวใจ เช่น การทำงานของหัวใจไม่ดี เนื่องจากกล้ามเนื้อบางส่วนของหัวใจตายหรือลิ้นหัวใจรั่ว ในผู้ป่วยที่มีอาการซีกซ้ายของหัวใจวายอาการหายใจลำบากอาจเกิดขึ้นในเวลากลางคืน และเป็นพักๆ เป็นต้น
ค. สาเหตุเกี่ยวกับประสาท ทำให้การควบ คุมการหายใจไม่ดี เช่น ในโรคไขสันหลังอักเสบ เป็นต้น
ผู้ป่วยที่หายใจลำบากอาจมีอาการหอบหืด (wheeze) ร่วมด้วย อาการนี้เกิดขึ้นเนื่องจากมีการหดเกร็งของกล้ามเนื้อรอบๆหลอดลม ทำให้ผู้ป่วยหายใจเข้าออกไม่สะดวก เวลาหายใจอาจมีเสียงดัง "หวีดหวือ"ให้ได้ยินชัดเจนแม้ไม่ใช้เครื่องฟังช่วย อาการนี้พบได้ในโรคหืด หลอดลมอักเสบ เป็นต้น

ภาวะการหายใจวาย
ภาวะการหายใจวาย คือ ภาวะซึ่งปอดไม่สามารถจะทำงานให้เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย และมีผลทำให้มีการคั่งค้างของคาร์บอนไดออกไซด์ และมีการขาดออกซิเจนในเลือด
มีสาเหตุได้หลายประการ คือ
๑. หลอดลมตีบตัน เช่น โรคหืด โรคหลอดลมอักเสบรุนแรง เป็นต้น
๒. เนื้อปอดถูกทำลาย เช่น ปอดบวมมากมีสารน้ำในโพรงเยื่อหุ้มปอดมาก มีอากาศในเยื่อหุ้มปอดมาก เป็นต้น
๓. กล้ามเนื้อการหายใจเสียหน้าที่ เช่นโรคไขสันหลังอักเสบ โรคไมแอสทีเนียกราวิส (myasthenia gravis) เป็นต้น
๔. ศูนย์การหายใจในเมดัลลาเสียหน้าที่ เช่น เลือดออกในสมอง พิษยา และจากการขาดออกซิเจนโดยสาเหตุต่างๆ เป็นต้น
การรักษามีหลักสำคัญๆ คือ
๑. รักษาสาเหตุ เช่น บรรเทาการตีบตันของหลอดลมโดยให้ยาขยายหลอดลม เจาะสารน้ำในโพรงเยื่อหุ้มปอดออกหากมีปริมาณมาก รักษาปอดบวมโดยยาปฏิชีวนะที่ไวต่อเชื้อ เป็นต้น
๒. ให้ออกซิเจน
๓. รักษาภาวะแทรกซ้อน เช่น ภาวะ หัวใจวาย เป็นต้น
๔. แนะนำการหายใจให้ถูกวิธี โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคหอบหืด ผู้ป่วยถุงลมพอง เป็นต้น

[กลับหัวข้อหลัก]

ภาพตัดขวางของปอดและหัวใจ



การรักษาด้วยการให้ออกซิเจน



โรคหลอดลมอักเสบเฉียบพลัน
โรคหลอดลมอักเสบเฉียบพลัน คือ ภาวะที่มีการอักเสบของทางเดินหายใจส่วนล่างอย่างแรง และรวดเร็วเนื่องจากเชื้อไวรัส บัคเตรี หรือสิ่งระคายเคืองอื่นๆ มักเริ่มมีอาการแน่นอกและเจ็บร่วมกับไอแห้งๆในระยะแรกๆของโรค เมื่อการอักเสบลุกลามลงล่างมากขึ้น ผู้ป่วยอาจมีอาการหอบหืดและหายใจลำบากเสมหะในระยะแรกๆจะมีสีขาวข้นเหนียว แต่เมื่อมีการติดเชื้อบัคเตรีร่วม เสมหะจะมีลักษณะปนหนอง นอกจากนี้ ผู้ป่วยจะมีอาการทั่วไป เช่น มีไข้ อ่อนเพลีย หายใจเร็ว เบื่ออาหาร คลื่นไส้และอาเจียน
โรคนี้มักหายได้เองภายใน ๒-๓ วัน แต่ถ้าได้รับการรักษาถูกวิธีจะช่วยให้หายเร็วขึ้น ในผู้ป่วยที่มีโรคของปอดหรือหลอดลมอยู่ก่อนแล้ว การที่มีโรคหลอดลมอักเสบซ้ำเติมและไม่ได้รับการรักษา อาจทำให้ผู้ป่วยมีอาการมากขึ้น เช่น เกิดภาวะการหายใจวายและถึงตายได้ เป็นต้น
โรคแทรกที่อาจเกิดขึ้นได้ คือ โรคปอดบวมปอดแฟบจากการอุดกั้นของหลอดลม โดยเฉพาะในผู้ป่วยซึ่งเป็นเด็กหรือผู้ป่วยสูงอายุไม่แข็งแรงและผู้ป่วยที่มีโรคหลอดลมอักเสบเรื้อรังอยู่ก่อนแล้ว
ผู้ป่วยที่เป็นโรคนี้ควรได้รับการพักผ่อนอย่างเพียงพอ เช่น นอนอยู่กับบ้าน ในระยะแรกๆที่ผู้ป่วยมีอาการไอแห้งๆ อาจให้ยาระงับไอ ถ้าหากอาการไอนั้นทำให้ผู้ป่วยเจ็บแน่นหน้าอกมากหรือรบกวนการนอนหลับของผู้ป่วยในเวลากลางคืน ในระยะหลังๆ ถ้าผู้ป่วยมีเสมหะเหนียว อาจให้ยาขับเสมหะเพื่อช่วยให้ผู้ป่วยไอเอาเสมหะออกมาง่ายขึ้น ถ้าเสมหะมีลักษณะเป็นหนอง ซึ่งแสดงว่ามีการติดเชื้อจากบัคเตรี ผู้ป่วยควรได้รับยาปฏิชีวนะ การรักษาอย่างอื่นๆ เป็นการรักษาตามอาการ เช่น ให้ยาลดไข้หากผู้ป่วยมีไข้สูง ให้ดื่มน้ำมากๆ เพื่อบรรเทาอาการขาดน้ำ ให้อาหารทางหลอดเลือดถ้าจำเป็น และให้ออกซิเจน ถ้ามีอาการเขียวคล้ำ เป็นต้น

[กลับหัวข้อหลัก]

เจ้าของ:  กบนอกกะลา [ 21 มิ.ย. 2011, 23:00 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: คันคอ ระคายคอ ตอนนั่งสมาธิ

ไม่แน่ว่า...
อาจเกิดจากจิตมันจำ...อาการใดอาการหนึ่งขณะที่เราทำสมาธิ
แม้จะเกิดอาการนั้นแค่ครั้งเดียว..

แต่..จิตมันจำใว้...

และ..จะแสดงอาการนั้นอีกเมื่อถึงที่สภาวะคล้าย ๆ กัน

ของกระผม..เป็นเรื่องของน้ำลาย...ออกมามากจนต้องกลืน..พอกลืนปุ๊ป...สมาธิต้องเริ่มใหม่

เคยฟังครูบาอาจารย์ท่านว่า...อาการพวกนี้เป็นของเฉพาะตน...แก้ยาก..เพราะต้องแก้ด้วยตัวเอง...รักษาสติ...อาจจะบริกรรมคำภาวนาให้ชัด ๆ ..และต้องมั่นสังเกตผลของการแก้ไขของตนแล้วปรับปรุงไปเรื่อย ๆ จนกระทั้งได้ผล

:b8: :b8:

เจ้าของ:  student [ 22 มิ.ย. 2011, 03:36 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: คันคอ ระคายคอ ตอนนั่งสมาธิ

ครับต้องดูที่ร่างกายเราด้วยว่าผิดปกติเกียวกับทางเดินหายใจหรือปล่าวจะได้รีบรักษา การนั่งสมาธิจะเกิดความชัดเจนขึ้นเมื่อจิตเป็นสมาธิ ผมเป็นหวัดเมื่อหลายเดือนที่ผ่านมาทั้ง น้ำมูก น้ำตา ทั้งไอแข่งกันออกมา
ปีก่อนหน้านี้ นั่งสมาธิจดจ่อในท้องมีอาการปวดตุบๆทางขวาลงไปใกล้ใส้ติ่งทุกครั้งแต่สภาวะปกติไม่เกิดอาการอะไร แต่ตอนนี้ไม่ปรากฎอาการปวดแล้วแม้นั่งสมาธิ จะว่าไปก็จะลองไปตรวจดูเหมือนกันว่าลำใส้ปกติหรือปล่าว บางครั้งเราก็ต้องคอยตรวจเช็คร่างกายเราเหมือนกัน

เจ้าของ:  ปฤษฎี [ 22 มิ.ย. 2011, 12:41 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: คันคอ ระคายคอ ตอนนั่งสมาธิ

" อัคคิเวสสนะ ก็กายนี้มีรูป เป็นที่ประชุมมหาภูตทั้งสี่ มีมารดาบิดาเป็น แดนเกิด เจริญด้วยข้าวสุกและขนมสดต้องอบและขัดสีกันเป็นนิจ(กายจึง)มีความแตกกระจัดกระจาย เป็นธรรมดา ท่านควรพิจารณาโดยความเป็นของไม่เที่ยงเป็นทุกข์ เป็นโรค เป็นดังหัวฝี เป็นดังลูกศร เป็นความลำบาก เป็นความเจ็บไข้ เป็นดังผู้อื่น(ทุกบุคคลเขาเรา ด้วยอาทีนวะ) เป็นของทรุดโทรม เป็นของว่างเปล่า เป็นของมิใช่ตน

เมื่อท่านพิจารณาเห็นกายนี้ โดยความเป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นโรค เป็นดังหัวฝี เป็นดังลูกศรเป็นความลำบาก เป็นความเจ็บไข้ เป็นดังผู้อื่น เป็นของทรุดโทรม เป็นของว่างเปล่า เป็นของมิใช่ตนอยู่ท่านย่อมละความพอใจในกาย ความเยื่อใยในกาย ความอยู่ในอำนาจของกายในกายได้."

เจ้าของ:  Dome_Nuntapon [ 22 มิ.ย. 2011, 13:23 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: คันคอ ระคายคอ ตอนนั่งสมาธิ

ถ้าเป็นโรคทางกายก็ไปหาหมอครับ ปรึกษาแพทย์ดีที่สุด

ถ้าเป็นโรคทางจิต ทางใจ ก็อีกเรื่องหนึ่งนะครับ

wink

วิทยาศาสตร์ ศึกษาในรูปกาย
พุทธศาสตร์ ศึกษาในรูปจิต

onion

เจ้าของ:  อนัตตาธรรม [ 23 มิ.ย. 2011, 03:30 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: คันคอ ระคายคอ ตอนนั่งสมาธิ

:b27: อาการคันคอ ไอเมื่อตอนนั่งสมาธิ ผมก็เคยเป็นและแก้ไขได้มาแล้วครับโดย

1.อมยาแก้ไอหรือคันคอ

2.ใช้สมถะภาวนากลบบังให้ลืมอุปาทานเรื่องไอและคันคอนี้ เช่นบริกรรมว่า ไอหนอ คันหนอ หรือท่อง
พุทโธ ๆ ๆ ๆ ๆ จนลืมไอและคันคอ

3.ใช้วิปัสสนาปัญญา ขุดถอนอุปาทานเรื่องไอและคันคอนี้ โดย รู้ อยู่ที่อาการไอหรือคันคอ ที่ชัดอยู่ในปัจจุบันขณะ ปัจจุบันอารมณ์ จนความไอและคันคอนี้ ดับหายไปต่อหน้าต่อตา ด้วยอำนาจของ ทุกขัง อนิจจัง หรือ อนัตตา ถ้าทำได้ อาการไอและคันคอนี้จะหายไปจากชีวิตของคุณเลยทีเดียว
:b16:

เจ้าของ:  student [ 24 มิ.ย. 2011, 09:04 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: คันคอ ระคายคอ ตอนนั่งสมาธิ

อ้างคำพูด:
2.ใช้สมถะภาวนากลบบังให้ลืมอุปาทานเรื่องไอและคันคอนี้ เช่นบริกรรมว่า ไอหนอ คันหนอ หรือท่อง
พุทโธ ๆ ๆ ๆ ๆ จนลืมไอและคันคอ

ผมเข้าใจไม่ผิดว่าคุณอนัตตาธรรมนั่งสมาธิเหมือนกัน และทุกวันนี้ยังนั่งอยู่

เจ้าของ:  อนัตตาธรรม [ 24 มิ.ย. 2011, 12:23 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: คันคอ ระคายคอ ตอนนั่งสมาธิ

student เขียน:
อ้างคำพูด:
2.ใช้สมถะภาวนากลบบังให้ลืมอุปาทานเรื่องไอและคันคอนี้ เช่นบริกรรมว่า ไอหนอ คันหนอ หรือท่อง
พุทโธ ๆ ๆ ๆ ๆ จนลืมไอและคันคอ

ผมเข้าใจไม่ผิดว่าคุณอนัตตาธรรมนั่งสมาธิเหมือนกัน และทุกวันนี้ยังนั่งอยู่

:b12:
อนัตตาธรรม..........

บางวัน .....นั่งสมาธิ..... ถ้าฟุ้งในธรรมมากๆ ก็ต้องหลบมาพักในสมาธิครับ

แต่มากวันจะ ..... นั่งภาวนา ..... (วิปัสสนาภาวนา) เจริญปัญญาและสติสมาธิไปพร้อมๆกัน
โดยสำคัญไว้ที่ปัจจุบันอารมณ์ ครับ


:b16: :b8:

เจ้าของ:  student [ 24 มิ.ย. 2011, 12:59 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: คันคอ ระคายคอ ตอนนั่งสมาธิ

อ้างคำพูด:
อนัตตาธรรมเขียน
บางวัน .....นั่งสมาธิ..... ถ้าฟุ้งในธรรมมากๆ ก็ต้องหลบมาพักในสมาธิครับ


เป็นอย่างไรครับ ฟุ้งในธรรม

เจ้าของ:  อนัตตาธรรม [ 25 มิ.ย. 2011, 09:14 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: คันคอ ระคายคอ ตอนนั่งสมาธิ

student เขียน:
อ้างคำพูด:
อนัตตาธรรมเขียน
บางวัน .....นั่งสมาธิ..... ถ้าฟุ้งในธรรมมากๆ ก็ต้องหลบมาพักในสมาธิครับ


เป็นอย่างไรครับ ฟุ้งในธรรม


อนัตตาธรรม..........
ธัมมวิจัย หรือวิมังสาธิบดี ใคร่ครวญ วิเคราะห์ วิจัยธรรม พิจารณาธรรมด้วย จินตมยปัญญายังไงล่ะครับ
สติ ปัญญาหลุดจากปัจจุบันอารมณ์มาใคร่ครวญธรรม ถ้าปล่อยให้ยาว ก็เป็น ฟุ้ง เพราะเป็นเรื่องของสัญญาและอดีตอารมณ์ทั้งนั้นครับ

สาธุ

:b8:
:b16:

เจ้าของ:  ขณะจิต [ 03 ก.ค. 2011, 22:08 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: คันคอ ระคายคอ ตอนนั่งสมาธิ

s006 ผมว่าเป็นจากอนุสัยคือความเคยชินของจิตน่ะครับ เพราะจิตถูกบังคับให้ทำในอารมณ์ที่ไม่คุ้นเคยและไม่ชอบ อันนี้อ้างจากที่เคยเป็นนะครับ ...เมื่อตอนสิ้นปี(๓๑ ธ.ค.)ผมหยุดเหล้าอย่างเด็ดขาด อาการที่เจอคือนอนไม่หลับ คันทั่วตัว และผวา เลยทำสมาธิ(เพราะศึกษาธรรมมาตลอดแต่ยังดื่มบ้าง)พิจารณาดูเวทนาที่กิดและดูจิตที่วิตกวิจารณ์นั้น และกำหนดรู้ เริ่มแรกต้องใช้ขันติอย่างมาก ทำมาเรื่อยๆอาการนั้นก็บรรเทาลงตามลำดับ จนปัจจุบันไม่เป็นแล้ว ดังที่พระพุทธองค์ตรัสว่า"ขันติเป็นธรรมเครื่องเผากิเลสอย่างยิ่ง" ธรรมดาครับสะสมขยะ(กิเลส อาสวะ อนุสัย)ในจิตมาตั้งหลายสิบปี พอมาลด ละ เลิก ตอนนี้ก็ต้องใช้เวลาเป็นธรรมดา สาธุครับ.
**ธรรมทั้งหลายล้วนเกิดแต่เหตุ พระพุทธองค์ทรงแสดงเหตุของธรรมนั้นและความดับไปแห่งธรรมนั้นเพราะหมดเหตุ**

เจ้าของ:  อนัตตาธรรม [ 04 ก.ค. 2011, 22:27 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: คันคอ ระคายคอ ตอนนั่งสมาธิ

:b16: คุณสัจจะธรรมของชีวิต ครับ ตอนนี้หายคันคอโดยเด็ดขาดได้หรือยังครับ
ขอให้มีความสุขจากการปฏิบัติธรรมอย่างจริงๆจังๆนะครับ

:b4:

หน้า 1 จากทั้งหมด 1 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/