ลานธรรมจักร
http://www.dhammajak.net/forums/

จิตและจักรวาล..ในความหมายของหลวงปู่ดูลย์
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=37876
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

เจ้าของ:  อานาปานา [ 23 เม.ย. 2011, 06:59 ]
หัวข้อกระทู้:  จิตและจักรวาล..ในความหมายของหลวงปู่ดูลย์


จิตและจักรวาล
ในความหมายของหลวงปู่ดูลย์
:b42: :b42: :b42:

จิตและจักรวาล มีความเกี่ยวเนื่องสัมพันธ์กันอยู่
หลวงปู่ดูลย์ได้เมตตาอธิบายถึงเรื่องนี้ไว้อย่างพิสดารว่า..

จิต วิญญาณ เกิดจากรูปนามของจักรวาล และ นิพพาน
เป็นการรวมของจิตบริสุทธิ์เข้ากับความว่างอันบริสุทธิ์และสว่างของจักรวาลเดิม ไว้ดังนี้

“สิ่งมีชีวิตและไม่มีชีวิตในจักรวาล มีนับไม่ถ้วน รวมแล้วมี รูป กับ นามสองอย่างเท่านั้น

นามเดิม ก็คือความว่างของจักรวาล เข้าคู่กัน
เป็นเหตุเกิด ตัวอวิชชา--เกิดเหตุก่อ



ที่ใดมีรูป..ที่นั้นต้องมีนาม ที่ใดมีนาม..ที่นั้นต้องมีรูป
รูปนามรวมกันเป็นเหตุเกิดปฏิกิริยา---ให้เกิดการเปลี่ยนแปลง และเกิดกาลเวลาขึ้น



คือ รูปย่อมมีความดึงดูดซึ่งกันและกัน จึงเป็นเหตุให้รูปเคลื่อนไหว และหมุนรอบตัวเองตามปัจจัย
รูปเคลื่อนไหวได้ ต้องมีนาม--ความว่าง--คั่นระหว่างรูป รูปจึงเคลื่อนไหวได้”



“เมื่อสภาวธรรมเป็นอย่างนี้ สรรพสิ่งของวัตถุ--สสารมีชีวิต และไม่มีชีวิต---จึงต้องเปลี่ยนแปลง
เป็นไตรลักษณ์ เกิด ดับ สืบต่อทุกขณะจิต
ไม่มีวันหยุดนิ่ง ให้คงทนเป็นปัจจุบันเช่นนั้นได้”


:b41: :b41: :b41:


เจ้าของ:  สาวิกาน้อย [ 23 เม.ย. 2011, 07:34 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: จิตและจักรวาล..ในความหมายของหลวงปู่ดูลย์

:b8: :b8: :b8: tongue

เจ้าของ:  ผงธุลีดิน [ 23 เม.ย. 2011, 15:47 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: จิตและจักรวาล..ในความหมายของหลวงปู่ดูลย์

:b8:

เจ้าของ:  MiMee [ 22 พ.ค. 2012, 06:46 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: จิตและจักรวาล..ในความหมายของหลวงปู่ดูลย์

:b42: :b42: :b42:
Ancient Caves Temple Found in India

เจ้าของ:  ฝึกจิต [ 22 พ.ค. 2012, 07:05 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: จิตและจักรวาล..ในความหมายของหลวงปู่ดูลย์

:b8: :b8: :b8:
ท่านแสดงไว้ในรูปแบบ ปฏิจจสมุปบาทด้วย ใช่ มั้ยครับ ท่านลองเอามาให้ท่านทั้งหลายลองพิจารณาดู นะครับ ขอบคุณครับ
สาธุครับ

เจ้าของ:  MiMee [ 25 พ.ค. 2012, 06:28 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: จิตและจักรวาล..ในความหมายของหลวงปู่ดูลย์


เราเองก็หาทางที่จะไปให้ถึงที่สุดแห่งทุกข์ด้วยกันกับท่านๆนั่นแหละ
อะไรที่เห็นว่าพอเกื้อกูลกับท่านๆ ก็นำมาแบ่งปัน ก็เท่านั้นเอง.
หากว่าเป็นประโยชน์กับท่านฯ เราก็ยินดี
หากตรงกันข้ามท่านฯ(เราเอง)ก็ละไปเสีย เราก็ยินดี

อนุโมทนากับผู้ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรมทุกท่าน

เจ้าของ:  MiMee [ 25 พ.ค. 2012, 06:40 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: จิตและจักรวาล..ในความหมายของหลวงปู่ดูลย์



ขอโอกาส

พ่อแม่ครูอาจารย์ท่านฯ กล่าวไว้ว่า...
การเริ่มต้นภาวนาให้ใช้..คำบริกรรม
คำบริกรรม นั้นก็เป็นวิตก วิจาร เรียกว่า วจีสังขาร
ลมหายใจ เป็น กายสังขาร
สัญญาและเวทนา เป็น จิตตสังขาร

ขณะที่ท่านฯอ่านนี้ ลองนึกทบทวนเวลาที่ท่านฯนั่งภาวนาที่เคยได้เคยถึงมาแล้วตามไปด้วย...

คำบริกรรม คือ วิตก วิจาร นั้นจะหายไปก่อน
แล้วเข้าไปอยู่ใน ทุติยฌาน (เหลือแต่ ปีติ สุข เอกักคัตตา)

ในช่วงปลายของอุปจารฯ จิตจะมารู้ลมหายใจ( กายสังขาร)
...ว่ากำลังจะหมด เบาลง ละเอียดอ่อนลง หรือจนหมด
แล้วเข้าไปสู่อัปนาสมาธิ/ฌาน/ จตุถฌาน.( กายสังขารดับ)

หากจิตท่านฯมีกำลังมาก ก็จะทะลุเข้าไปในอรูปฌาน คือ เหลือแต่จิต เข้าไปสู่...

อากาสานัญญาญตนะ จิตจะเห็นอากาศหาที่สุดไม่ได้ (มันว่าง..กว้าง..สุดลูกหูลูกตา)

วิญญานัญญาญตนะ จิตจะกลับมาหาตัวจิต อยู่กับตัวจิตเอง

อากิญจัญญาญตนะ จิตจะพูดออกมาเองว่า...ไม่มีอะไร /ไม่เห็นมีอะไรเลย /ไม่เห็นเห็นอะไรเลย

(ขอท่านฯไตร่ตรอง...จิตทิ้งคำบริกรรมไปตั้งแต่เข้าทุติยฌาน
เพราะฉนั้น ฌานขั้นสูง ไม่มีการท่องคำบริกรรมใดๆเลย
ที่ว่าบริกรรมนั้น ก็คือ จิตพูดออกมาเอง
(ขอท่านฯ อย่าได้ระเคืองใจเลย หากมี ก็ขออภัย)

เนวสัญญานาสัญญาญตนะ.....พูดไม่ถูก อธิบายไม่ถูก

สัญญาเวทยิตนิโรธ....(รูปดับก่อนแล้ว ทิ้งรูปฌาน)
นามดับ ก็คือ..จิตตสังขารดับ (สัญญาและเวทนา)
ก็คือ ขันธ์ห้าดับ กิเลสดับ สังขารดับ ไปพร้อมกัน
.....เป็นการตายจากปุถุชน ๑.........ฯลฯ

ตรงนี้แหละ เป็นการตาย/กาละของทุกรูปทุกนาม

ตรงนี้แหละ เป็นที่สุดแห่งสมถะ

หากท่านฯยังคงรักษาฌานไว้ตลอดในชาติปัจจุบันนี้ เมื่อชีวิตท่านฯหมดอายุ
แล้วจะไปเกิดในภพใดๆขื้นอยู่กับฌานที่ท่านฯรักษา
ให้ลองไปเทียบกับวิญญาณฐีติที่ ๑ ถึง ๗ ดูเอาเอง
แล้วท่านฯจะเข้าใจในความหมายของวิญญาณฐีติทั้ง ๗ ที่ท่านฯเคยสงสัยกันว่าคืออะไร?
viewtopic.php?f=1&t=41623&p=293695#p293695


ที่เล่ามา ตั้งแต่ต้นจนจบ มีแต่ รู้(เฉยๆ) คือ มีสติ อยู่ตลอดสาย

อาการภวังค์ ไม่มี!!!

ฌานจะเอาหรือไม่เอา ก็เลือกไม่ได้ !!!
มันขึ้นอยู่กับจิต ว่า จิตนั้น มีพละ มีกำลัง หรือไม่เท่านั้น!!!

ท่านฯพอจะมองเห็นประโยชน์ของการ มีสติ แล้วหรือยัง?

ท่านฯพอจะมองเห็น ทั้งคุณและโทษ ของฌาน แล้วหรือยัง?
viewtopic.php?f=1&t=41623&p=293700&sid=959198af230f314de684fbb9cca25cf8#p293700

สมาธิ นั้น เกิดได้ ในทุกอิริยาบถ
นั่ง ยืน เดิน นอน กิน ดื่ม ทำ พูด คิด ทำได้ เกิดได้ทั้งนั้น

ท่านฯลองศึกษาจากประวัติของพ่อแม่ครูอาจารย์ที่ท่านฯบรรลุในอิริยาบถต่างๆ

ขอท่านฯโปรดพิจารณา ไตร่ตรองด้วยความรอบคอบ


:b42: :b42: :b42:




เจ้าของ:  MiMee [ 27 พ.ค. 2012, 02:46 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: จิตและจักรวาล..ในความหมายของหลวงปู่ดูลย์


:b42: :b42: :b42:

ท่านฯปฏิบัติทราบว่าจะเห็นจิตเดิมแท้..ต้องได้ฌาน นับว่า เยี่ยม!!
ท่านฯปฏิบัติแล้ว..เคยได้...เคยถึง ก็เยี่ยม!!
ท่านฯปฏิบัติจนได้ฌาน นับว่า ยอดเยี่ยม หาได้ยากในโลก
ท่านฯปฏิบัติจนถึง สังขารุเปกขาญาน นั่นคือ ที่สุดยอดของปุถุชน
เหลือเพียงอีกก้าวเดียวเท่านั้น ก็จะข้ามโคตรฯ...
แล้วอะไรหนอ??...จึงหยุด..ท่านฯไว้....

ครูบาอาจารย์ ท่านฯกล่าวว่า....
หากผู้ปฏิบัติมาถึง สังขารุเปกขาญาน แล้วหยุด..ไปต่อไม่ได้สักที....
ให้ถามว่า....

๑. เคยปรารถนาพุทธภูมิไว้หรือเปล่า?
ถ้าจะไปต่อให้ถึงที่สุด ...ให้ไปอธิฐานจิตละความปรารถนานั้นต่อหน้าพระพุทธรูป
(ถ้ายังปรารถนาอยู่ ก็จบลงตรงนี้)

๒. เคยล่วงเกินคุณพ่อคุณแม่หรือเปล่า?
หากท่านฯยังอยู่ให้ไปขอขมา...ขออโหสิกรรม....(บอกความปรารถนา ขอพรจากท่านฯ)
หากท่านฯเสียไปแล้ว....ให้ขอขมา..ที่รูปของท่านฯ

แล้วลองสังเกตุดูความเปลี่ยนแปลง สู้ สู้!!! นะท่านฯ
เราท่านๆโดนกิเลสภายนอกภายในกดขี่ข่มเหงมาชั่วกัปชั่วกัล
วันใดท่านฯฟันกิเลสภายในขาดสะบั้น...กิเลสภายนอก มันทำอะไรท่านฯไม่ได้เลย

ไม่มีใครในโลกที่ไม่เคยผิดพลาด
เเม้เเต่...พระพุทธองค์ ทรงลองผิด มาเป็นเวลา ๖ ปี
พระพุทธองค์ ท่านฯเป็นนักรบ
ร่างกายชีวิตท่านฯแทบสิ้น ท่านฯไม่ย่อท้อต่อสิ่งใดเลย

อุปสรรคที่เราๆท่านๆเจออยู่...มันแค่เศษ...ขี้ขี้ ผง
แล้วท่านๆจะมาท้อแท้ อะไรกันหรือ??
ท่านฯยังต้องการหลักฐานอะไรอีก??? อย่ารอช้า.....

:b55: :b55: :b55: :b55:

เจ้าของ:  MiMee [ 27 พ.ค. 2012, 03:02 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: จิตและจักรวาล..ในความหมายของหลวงปู่ดูลย์



ขอท่านฯพิจารณา...พระพุทธองค์ทรงเตือนท่านโมคคัลลานะ
ว่า..อย่าประมาทในฌานทุกฌาน …ตั้งเเต่ต้น...จนสำเร็จ

จุดสำคัญอยู่ที่ตรงนี้..... :b44:

...โมคคัลลานะๆ เธออย่าประมาทปฐมฌานฯ
:b44: จงดำรงจิตไว้ในปฐมฌาน ฯ
:b44: จงกระทำจิตให้เป็นธรรมเอกผุดขึ้นในปฐมฌาน ฯ
:b44: จงตั้งจิตไว้ให้มั่นในปฐมฌาน ฯ

....ดูกรอานนท์...
เพราะภิกษุมาทราบชัด...

:b44: ความเกิดและความดับ --------->ก็คือ..อนิจจัง
:b44: ทั้งคุณและโทษ ----------------> ก็คือ..ทุกขัง

:b44: และอุบายเป็นเครื่องออกไป จากวิญญาณฐิติ ๗ และอายตนะ ๒ เหล่านี้

:b44: ตามเป็นจริงแล้ว --->ก็คือ..นั่นไม่ใช่เรา นั่นไม่เป็นเรา นั่นไม่เป็นของเรา
---------------------->ก็คือ...อนัตตา นั่นเอง


ย่อมเป็นผู้หลุดพ้นได้ เพราะไม่ยึดมั่น :b44:

อานนท์ ภิกษุนี้เราเรียกว่า ปัญญาวิมุตติฯ

ปัญญาวิมุตติฯ ---->ก็คือเห็น...อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา นั่นเอง
------------------->ก็คือเห็น...ไตรลักษณ์ นั่นเเหละ


โปรดศึกษาไตร่ตรอง..น้อมมา..ปฏิบัติโดยละเอียด ทุกอรรถทุกธรรม...อย่าได้เว้น

ท่านฯทราบหรือไม่ว่า....
ท่านโมคคัลลานะมีอิทธิเสมอพระพุทธองค์
คำสอนนี้...สุดยอดศาสดา..มีให้กับ..สุดยอดสาวก
viewtopic.php?f=1&t=41623&p=293700#p293700

เเล้วท่านฯยังลังเลอะไรอีกหรือ??

:b8: ขออารธนาอานุภาพเเห่งคุณพระรัตนตรัย :b8:
ชี้ทางสว่างให้ท่านฯสำเร็จสมความปรารถนาทุกประการเทอญ.

:b55: :b55: :b55: :b55:


เจ้าของ:  jojam [ 27 พ.ค. 2012, 17:41 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: จิตและจักรวาล..ในความหมายของหลวงปู่ดูลย์

Kiss สาธุ

หน้า 1 จากทั้งหมด 1 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/