วันเวลาปัจจุบัน 26 เม.ย. 2024, 10:02  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 18 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 พ.ค. 2011, 14:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


ผมพิจารณาธรรมอยู่เรื่องหนึ่งเพราะสงสัยมานานว่า การทำบุญทั่วไปตามถนนเช่นให้เงินขอทาน ฝนตกพอตอนเช้าช่วยใส้เดือนไม่โดนแดดเผาตายบนทางเดินและอื่นๆด้วยความเมตตาต่อเพื่อนร่วมโลกนั้น นั้นได้บุญได้กุศลจริงมากน้อยตามกุศลธรรมที่เกิดในใจทั้งผู้รับและผู้ให้ ได้บุญน้อยกว่าทำบุญกับพระอริยสงฆ์จริงหรือ
แต่พอผมมาพิจารณาตามธรรมที่พระพุทธเจ้าท่านทรงนำมาสอนในเรื่องของ มรรค8เกิดเป็นความเข้าใจเกิดขึ้นมาว่า ทานที่เกิดขึ้นจากความเมตตาของตัวเราต่อเพื่อนร่วมโลกโดยไม่หวังว่าจะได้รับสิ่งตอบแทนกลับมานั้น เราได้ทำมรรคให้เกิดขึ้นกับตัวเราอันเป็นทางสู่ความสมบูรณ์ของมรรคที่เป็นข้อที่2คือ สัมมาสังกัปปะ อันนำไปสู่ปัญญา
สัมมาสังกัปปะมีข้อย่อยออกมา3ข้ออันได้แก่
เนกขัมมสังกัป คือจิตไม่เกิดโลภะ คือไม่แสวงหาการบำรุงกามทั้ง5จากสิ่งต่างๆ
อพยาบาทสังกัป คือ มีจิตเมตตา ไม่เพ่งเล็ง ไม่แค้น อาฆาต ขุ่นเคืองต่อเพื่อนร่วมโลก มีจิตเมตตาประสงค์อยากให้คนอื่นพ้นทุกข์
อวิหิงสาสังกัป คือ มีความกรุณาช่วยเหลือบุคคลอื่นให้พ้นทุกข์
ผิดพลาดประการใดต้องขออภัยและขอรับผิดครับผม

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


แก้ไขล่าสุดโดย student เมื่อ 02 พ.ค. 2011, 00:18, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 พ.ค. 2011, 20:04 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


:b1:

ลองดู ความรู้สึกตอนที่ไม่มีโทสะ จิ่
ลองดู ความรู้สึกตอนที่ไม่มีโลภะ จิ่
ลองดู ความรู้สึกตอนที่ไม่มี โมหะ

เมื่อเรารู้อยู่กับปัจจุบัน โดยไม่ปรากฎ อ๊ะจึ๋ย อ๊ะจึ๋ย อ๊ะจึ๊ย หง่ะ

มันเป็นความสุขที่ช่างอยู่ใกล้แค่เนี๊ยะ
แต่กลับเป็นสิ่งที่ยากเย็นในการตามหาเหลือเกิน

:b16: :b30: :b30:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 พ.ค. 2011, 23:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


ขึ้นชื่อว่าผู้ให้ย่อมเป็นผู้ได้มากที่สุด
ผู้ให้ชีวิตย่อมใด้ชีวิต
อนุโมทนาสาธุ กับคุณ student ด้วยครับ
:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 พ.ค. 2011, 08:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ต.ค. 2008, 18:05
โพสต์: 136


 ข้อมูลส่วนตัว


ผมพิจารณาธรรมอยู่เรื่องหนึ่งเพราะสงสัยมานานว่า
การทำบุญทั่วไปตามถนน เช่นให้เงินขอทาน
ฝนตกพอตอนเช้าช่วยใส้เดือนไม่โดนแดดเผาตายบนทางเดิน และอื่นๆ
ด้วยความเมตตาต่อเพื่อนร่วมโลกนั้น นั้นได้บุญได้กุศลจริงมากน้อยตามกุศลธรรมที่เกิดในใจทั้งผู้รับและผู้ให้
ได้บุญน้อยกว่าทำบุญกับพระอริยสงฆ์จริงหรือ



ใส้เดือน ,คนขอทาน ,และพระอริยสงฆ์
ภพภูมิต่างชั้นกัน คงเทียบกันไม่ได้หรอก ครับ
เปรียบเสมือนผืนนา ไม่อาจจะให้ผลผลิตที่เท่าเทียมกันได้
ต่อให้ชาวนามีการกระทำทุกๆอย่างเหมือนๆกันต่อผืนนาทุกๆแปลง...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 พ.ค. 2011, 09:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ปล่อยรู้ เขียน:
ผมพิจารณาธรรมอยู่เรื่องหนึ่งเพราะสงสัยมานานว่า
การทำบุญทั่วไปตามถนน เช่นให้เงินขอทาน
ฝนตกพอตอนเช้าช่วยใส้เดือนไม่โดนแดดเผาตายบนทางเดิน และอื่นๆ
ด้วยความเมตตาต่อเพื่อนร่วมโลกนั้น นั้นได้บุญได้กุศลจริงมากน้อยตามกุศลธรรมที่เกิดในใจทั้งผู้รับและผู้ให้
ได้บุญน้อยกว่าทำบุญกับพระอริยสงฆ์จริงหรือ



ใส้เดือน ,คนขอทาน ,และพระอริยสงฆ์
ภพภูมิต่างชั้นกัน คงเทียบกันไม่ได้หรอก ครับ
เปรียบเสมือนผืนนา ไม่อาจจะให้ผลผลิตที่เท่าเทียมกันได้
ต่อให้ชาวนามีการกระทำทุกๆอย่างเหมือนๆกันต่อผืนนาทุกๆแปลง...

พูดแค่นี้มันก็ผิดแล้วครับ การทำบุญมันอยู่ที่คนทำ ที่สำคัญมันอยู่ที่ใจ
การทำบุญไม่ใช่การค้าการลงทุน ทำบุญทำทานเป็นการเสียสละตัดความยึดมั่นใน
สิ่งของนอกกายโดยไม่หวังผลตอบแทน

คุณเจ้าของความเห็นนี้ครับ คุณว่าความเห็นคุณเป็นการหวังสิ่งตอบแทนหรือเปล่าครับ
ตัวอย่างที่คุณยกมามันเปรียบได้กับ การสร้างกิเลสครับ ลงกิเลสไปเยอะผลตอบแทน
ที่เป็นอกุศลก็กลับมาเยอะ ลงกิเลสน้อยก็กลับมาน้อย การให้อะไรใครไปโดยไม่หวังผล
มันก็มีแต่ความว่างเป็นความสบายใจ ไม่ต้องไปหวังเป็นความหวังเป็นทุกข์

คนที่มีใจเป็นสัมมา เห็นขอทานที่หิวโหย กับเห็นพระที่
มีข้าวของเต็มย่าม เราต้องให้ขอทานก่อนมันถึงจะถูก

แต่ถ้าเห็นพระเดินจนจะกลับวัดแล้วก็ยังไม่มีข้าวในบารต
เราก็ต้องให้พระก่อน แบบนี้มันถึงจะถูกหลักสัมมาในแง่ดำริชอบ


การทำบุญกับอริยะไม่ได้มีความสำคัญกับเราเลยครับ
ยิ่งในแง่ของการปฏิบัติด้วยแล้วยิ่งเป็นเรื่องธรรมดาครับ การจะเป็นอริยะ
มันอยู่ที่ใครปฏิบัติถูกทางก็เป็นได้กันทุกคน มันไม่มีใครมาดลบันดาล
ให้เราเป็นได้เราต้องทำของเราเองครับ


ดังนั้นการทำบุญกับใครมันไม่สำคัญ ถ้าคนที่เราช่วยหรือทำบุญไม่เป็น
พวกมิจฉาชีพ เราต้องเอาความทุกข์ร้อนของใครเป็นที่ตั้ง ใครมีความจำเป็น
มากกว่าก็ช่วยคนนั้นก่อน แต่ถ้ามีความทุกข์ต้องการความช่วยเหลือพอกัน
ก็ต้องดูว่าใครสามารถทำประโยชน์ให้สังคมมากกว่ากัน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 พ.ค. 2011, 11:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ก.พ. 2009, 22:21
โพสต์: 1975


 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
คุณโฮฮับเขียน

การทำบุญมันอยู่ที่คนทำ ที่สำคัญมันอยู่ที่ใจ



ใช่ค่ะการทำบุญการช่วยเหลือผู้อื่น ความสำคัญอยู่ที่ใจค่ะ
เวลาที่เราเห็นสัตว์หรือใคร เค้ามีความทุกข์ใจคิดอยากจะช่วย
ช่วงเวลานั้นเราคงไม่นึกถึงผลบุญหรอกค่ะ
แล้วคงจะไม่มีเวลามาคิดว่า เราช่วยแล้วเราจะได้บุญมากหรือน้อย
เพราะความเมตตาในใจเกิด
แต่ที่ได้แน่ๆตอนนั้นเลย
คือความสุขในใจเกิดขึ้นแน่นอนค่ะ :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 พ.ค. 2011, 15:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
โฮฮับ เขียน
คุณเจ้าของความเห็นนี้ครับ คุณว่าความเห็นคุณเป็นการหวังสิ่งตอบแทนหรือเปล่าครับ
ตัวอย่างที่คุณยกมามันเปรียบได้กับ การสร้างกิเลสครับ ลงกิเลสไปเยอะผลตอบแทน
ที่เป็นอกุศลก็กลับมาเยอะ ลงกิเลสน้อยก็กลับมาน้อย การให้อะไรใครไปโดยไม่หวังผล
มันก็มีแต่ความว่างเป็นความสบายใจ ไม่ต้องไปหวังเป็นความหวังเป็นทุกข์

ผมกลับมองไปที่การทำวิปัสสนาจากทานที่เกิดจากความเมตตา โดยไม่ประกอบด้วยโลภะ คือไม่หวังผลตอบแทน มีจิตประกอบด้วยอโลภะ ด้วยการยกตัวอย่างช่วยใส้เดือนไม่ให้โดนแดดเผาตายนั้นไม่สนใจในเรื่องผลบุญที่จะได้รับเป็นการสนองต่อจิตเมตตาของเราเองเกิดเป็นอวิหิงสาคือมีความกรุณาทำอะไรบางอย่างเพื่อให้สัตว์อย่างใส้เดือนไม่ตายเพราะแดดเผา เป็นการทำมรรคให้เกิดขึ้นแม้ไม่ใช่มรรคของพระอริยสงค์ก็เป็นการเชื่อมต่อให้เป็นอารมณ์ของมรรคเกิดหากมุมมองนั้นออกมาเป็นเพื่อการเกิดมรรคคือ สมบูรณ์เป็นสัมมาสังกัปปะ แต่ถ้าถามว่าไม่ทำบุญกับพระหรือ ก็ไม่ใช่ เพราะเราถือเป็นหน้าที่ของพุทธบริษัท4อยู่แล้ว ยิ่งถ้าเลือกทำบุญนั้นเราย่อมไม่แน่ใจว่าจะกลายเป็นมิจฉาทิฏฐิหรือปล่าว แต่ว่าการพิจารณาธรรมก็ต้องมีต่อไปเพื่อความสิ้นสงสัยครับ

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 พ.ค. 2011, 11:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 พ.ย. 2008, 12:29
โพสต์: 814

ที่อยู่: กรุงเทพฯ

 ข้อมูลส่วนตัว


นึกถึงพรหมวิหาร4 ผู้มีพรหมวิหารในใจอยู่แล้ว ย่อมรองรับธรรมะข้ออื่นๆได้ง่ายขึ้น :b40:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 พ.ค. 2011, 21:52 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


เราเคยเจอ

แบบไม่คิด แค่ผ่านมาเจอ แล้วยื่นมือไปช่วยเหลือเขาให้พ้นทุกข์
เมื่อเห็นเขาปลอดภัย ก็รู้สึกสุขใจ แล้วก็เดินจากไป

สิ่งที่เจอไม่ได้อยู่ตรงนั้น

เพราะสิ่งที่เราช่วย ได้มาแสดงตัวเป็นร่าง(คนนุ่งขาว)แล้วได้เสนอการตอบแทน
...
เมื่อการสนทนาตรงนั้นจบ

ปรากฎว่า ร่างนั้นก็ได้ปรากฎเป็นร่างภูมิที่สูงขึ้น
แล้วก็แจงธรรมให้เราฟัง

เราก็ เอ๋อตามนั้นมาตลอด
การทำบุญ ทำทาน ทำกุศลทุกครั้ง ให้เห็นเสมอกับกิจกรรมปกติ
ดังนั้น จะไม่มีบุญที่สะสม และจะไม่มีการตอบแทนใด ๆ ที่จะได้รับ

:b14: :b14: :b14:

ซึ่งท่านก็บอกให้นึกถึงตอนที่พระเจ้าตากสินบอกให้ทุบหม้อข้าวทิ้ง แล้วมุ่งหน้าเข้าตีเมืองจัน

:b5:

คือ ท่านบอกให้เราทุบหม้อข้าวตัวเองทิ้ง
ดังนั้น ไม่ติดใจในเรื่องสะสม และไม่ติดใจกับที่สะสมมา
ที่มันไม่ได้เหลืออะไรจะให้ได้หยิบไปใช้

กลัวมั๊ย ที่จะก้าวไปเผชิญชีวิตข้างหน้าโดยปราศจากเสบียงบุญ

:b14: :b14:

มีเรื่องน่ากลัวอีกเยอะ ที่ต้องเผชิญหน้ากับมัน
ล้วนเป็น เรื่องที่คิดไม่ถึง

:b30: :b30:


เอ้อ...จริง ๆ ชื่อหัวข้อนี้ โดนใจมากเลย

เราทำบุญแล้วได้ธรรมอะไรบ้าง

ได้ ธรรม อย่างที่เล่า นั่นล่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 พ.ค. 2011, 22:19 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


เวลาเห็นจะช่วยสัตว์เดรัจฉานที่ลำบาก...

ก็ดูมัน..

เห้อ...สังสารวัฏฏ์...เกิดเป็นนั้นเป็นนี้ไม่รู้เท่าไรต่อเท่าไร...เราก็คงเคยเป็นอย่างมัน..และ..มันก็คงเคยเป็นอย่างเรา...

สิ่งที่อยู่ในความเป็นเรา..กับ..สิ่งที่อยู่ในความเป็นเขา..มันเหมือนกัน..เท่ากัน

เพราะความไม่รู้..แท้ ๆ ..จึงต้องไปเกิดเป็นนั้น..ไปเกิดเป็นนี้

และ..เราเอง..ก็เช่นกัน...

หากไม่พบพระพุทธ..พระธรรม..พระสงฆ์...ไหนเลยเราจะรู้วงจรอุบาทนี้ได้...

เราโชคดี...และจะใช้ความโชคดีนี้ให้เป็นผล

เจ้าก็ขอให้โชคดีอย่างเรา...เกิดมาให้ได้พบพระพุทธศาสนา..นะ..รักษาตัวให้รอดปลอดภัยนะ..

ทำบุญกับสัตว์..แล้วได้อะไร..นะรึ??

ได้เห็นทุกข์ของการเกิด..

นี้แหละ..ธรรมะที่ได้

เรียกว่า..เห็นสัตว์เห็นบุคคลใด..ก็ให้เห็น..วัฏฏะสงสาร


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 พ.ค. 2011, 21:26 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


อิอิ เคยมั๊ย
คือ เวลาเราอยู่ปกติอย่างเนี๊ยะ บางทีเราจะเห็นความคิดแบบโลภะ โลภะ ปรากฏ
เช่นว่า แบบว่าเรากำลังตกอยู่ในภาวะฝืดเคืองน่ะ
เราก็คิดว่าอยากมีตังค์
และก็คิดไปว่า ถ้าตอนนั้นเราเห็นกระเป๋าตังค์ตกอยู่ ในนั้นมีเงิน เราจะเอาไปคืนเจ้าของมั๊ย
:b12: :b12:
ต้องยอมรับว่า ในสภาวะนั้น ส่วนใหญ่เอกอนจะพบว่า
คำตอบในตอนนั้นจะออกมาในลักษณะที่ค่อนข้างลังเล

นั่นคือคำตอบว่า เรานั้นยังเป็นผู้ที่มีกิเลสหนาอยู่ ใช่ หรือ ไม่


:b16: :b16: :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 พ.ค. 2011, 23:00 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
และก็คิดไปว่า ถ้าตอนนั้นเราเห็นกระเป๋าตังค์ตกอยู่ ในนั้นมีเงิน เราจะเอาไปคืนเจ้าของมั๊ย

ต้องยอมรับว่า ในสภาวะนั้น ส่วนใหญ่เอกอนจะพบว่า
คำตอบในตอนนั้นจะออกมาในลักษณะที่ค่อนข้างลังเล

นั่นคือคำตอบว่า เรานั้นยังเป็นผู้ที่มีกิเลสหนาอยู่ ใช่ หรือ ไม่


ใช่...

เคยสมมุติ...และก็เห็น...ความลังเล..นั้น

แต่ก็นึกต่อว่า...นั้นไม่ใช่เรา...มันเป็นกิเลส..เอ็งมัน ugly จริง จร๊ง กิเลสเอ้ย...

แล้วก็ให้เหตุผลกับใจว่า..ทำไมจึงต้องคืนเจ้าของ :b13:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 พ.ค. 2011, 23:15 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


วันนี้
ไปนั่งกินข้าว ที่ food zone ในห้างสรรพสินค้า ซึ่งตั้งอยู่ใกล้จะจุดบริการเครื่องเล่นเด็ก

แล้วหางตาก็เห็นเด็กผู้ชาย น่าจะประมาณ ป.3 มายืนอยู่ข้าง ๆ ด้านขวามือ เมื่อหันไปมอง
เขาก็เอาเหรียญสิบวางไว้บนโต๊ะ แล้วก็เดินไปนั่งที่โต๊ะของเขา

ซึ่งเราก็ ... คือเราไม่ได้ทำเหรียญตก แน่นอน
ดังนั้น เหรียญใครก็ไม่รู้ เห็นความใสซื่อของเด็กแล้ว :b12:
เราก็เลยเปิดกระเป๋า เห็นเหรียญสิบสองเหรียญก็หยิบออกมา
แล้วเดินไปที่โต๊ะที่พ่อหนุ่มน้อยนั่งอยู่ เขานั่งอยู่กับคุณย่า
เราก็บอกให้คุณย่าฟัง และก็คุยกับหนุ่มน้อย
ว่าเงินที่เขาเก็บได้ แล้วเอามาให้เราเพราะคิดว่าเราทำหล่น นั่นไม่ใช่ของเรา
ซึ่งใครทำหล่นไว้ก็ไม่รู้
ดังนั้นเงินนี้นะ สิบบาท หนูเอาไปหยอดกล่องทำบุญ นะครับ
ส่วนสองเหรียญนี่ พี่ให้เป็นรางวัล เอาไปหยอดตู้เกมเล่นนะ
อิอิ
คือเขาก็รู้ว่าเขาได้ทำความดี เขาก็อมยิ้มแบบอาย ๆ ตามประสาเด็ก :b32:
แต่พอได้ยิน สองเหรียญนี้ เอาไปเล่นตู้เกมเท่านั้นล่ะ โหยยย
ดวงตาเป็นประกาย ยิ้มแก้มปริเลยยยย :b13: อิอิ

พอดียังกินข้าวไม่เสร็จเราก็กลับไปนั่งกินข้าวต่อ
แล้วก็กลับมานั่งคุยกับคุณย่า

คุณย่าเล่าว่าพี่ชายเขาก็เหมือนกัน เจอตังค์หล่นก็เอาไปส่งให้อาจารย์
ไม่มีลักของใครเลย เป็นเด็กดีทั้งพี่ทั้งน้อง
เขาไม่มีแม่หรอก แม่ตายตั้งแต่ตอนที่เขาเกิด
พ่อเขา(ลูกของย่า)เกเรออกจากบ้านหายไปไม่กลับมาเลย
ย่าก็เลี้ยงพวกเขามาตลอด สอนพวกเขาตลอด
เพราะย่าก็แก่แล้ว เงินก็มีน้อย ก็กินของถูก ๆ
(คือ นั่งในฟูดซ์โซนก็จริง แต่ซื้อของกินมาจากตรงอื่นซึ่งราคาถูกมานั่งกินกัน)
เพราะเป็นเด็กดี ก็มีอาจารย์ที่โรงเรียนคอยช่วยเหลือในเรื่อง
อุปกรณ์การเรียน :b1:

คุณย่าควักเงินออกมา
ที่ให้เขาเอาเหรียญสิบไปทำบุญ นี่เขาก็เอาเงินของเขามาทำเพิ่มด้วยอีกห้าบาท
เป็นเหรียญบาทห้าเหรียญ ... :b1: :b1:

จริง ๆ การที่เด็กเก็บเงินได้แล้วส่งเงินนั้นให้กับคนที่เขาคิดว่าเป็นเจ้าของทันที
ภายใต้สภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยตู้เกม
คือมันฉายแววของเด็กที่มีจิตใจที่ยังใส ซื่อ บริสุทธิ์
ซึ่งมองไปแล้ว กับคนที่มาด้วย(คุณย่า) ก็ดูพื้น ๆ เหมือนชาวบ้าน ห่างเหมือง

และตอนที่เห็นแววตาเขาแสดงความดีใจตรงที่ได้เล่นเกมส์
คือนั่นแสดงว่า จริง ๆ แล้วเขาอยากเล่น แต่เหมือนเขามีสำนึกในใจ
ในเรื่องฐานะทางการเงิน

และตอนที่นั่งมองเขาเดินไปที่ตู้เกม ก็นั่งคิดในใจอยู่ว่า สองเหรียญจะน้อยไปรึเปล่านะ
แต่ก็ยังพบว่า เขายังมีใจคิดเจียดเงินของตัวเองออกมาห้าบาทสมทบทำบุญด้วย

ปฏิกริยาของเขาในการควบคุมตัวเอง และการตอบสนองต่อสิ่งแวดล้อม
ใช้ได้เลย นับถือทั้งตัวเด็ก และผู้ที่ดูแลอบรมเขา

ยังคิด ๆ อยู่ ว่าเรื่อง การช่วยชีวิตปลาในครั้งนั้น
เป็นสิ่งที่เราไม่ได้นึกถึงมานานแล้ว เพราะตอนนั้นเรายังไม่ได้ศึกษาธรรม เราคิดว่าเป็นภาพหลอน
และกระทู้นี้ก็สะกิดใจ ให้นึกถึง
และใจเราก็ระลึกถึงเรื่องราวที่เคยเห็นนั้น ตลอดอาทิตย์

ตอนที่สนทนากับคนชุดขาว จำได้ว่าตอนหนึ่งเขาบอกว่า
เขามีสองคนพี่น้อง แม่ตายตั้งแต่ยังเด็ก ก็มีญาติ กับผู้ที่เป็นผู้ใหญ่แล้วคอยดูแล
...

:b1: :b1: :b1:

เป็นเรื่องที่ยากต่อการที่เราจะ คิดหาคำตอบ ที่สุดของความจริงนั้น คืออย่างไรกันแน่

"ธรรม ไม่ได้ให้คิด แต่ให้ทำ"
คือ อีกคำสอนหนึ่งของอาจารย์

:b30: :b30: :b30:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 พ.ค. 2011, 23:43 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
ใช่...

เคยสมมุติ...และก็เห็น...ความลังเล..นั้น

แต่ก็นึกต่อว่า...นั้นไม่ใช่เรา...มันเป็นกิเลส..เอ็งมัน ugly จริง จร๊ง กิเลสเอ้ย...

แล้วก็ให้เหตุผลกับใจว่า..ทำไมจึงต้องคืนเจ้าของ :b13:


เมื่อวานเอกอนเจอบัตรเครดิตถูกเสียบคาไว้ที่ตู้ ATM
เป็นตู้ที่ตั้งอยู่หน้าธนาคารเลย ในห้างสรรพสินค้า
เอกอนก็เลยรีบเอาบัตรไปกดรูดสินค้า 5555

ป่าววว รีบเอาบัตรไปให้เจ้าหน้าที่ธนาคารเช็คเบอร์โทรติดต่อลูกค้า
เพราะ คาดว่าลูกค้าจะยังคงอยู่ในบริเวณห้าง แต่ดันไม่มีเบอร์
ก็เลยให้เจ้าหน้าที่ธนาคาร เก็บรักษาบัตรไว้
เพราะเขาจะต้องย้อนกลับมาติดต่อสอบถามตรงจุดเกิดเหตุ

แล้วท่านอ๊บซ์ เคยเก็บกระเป๋าตังค์ใครได้บ้างมั๊ย

สิ่งที่เกิด กับสิ่งที่เคยคิด มันตรงกันมั๊ย

เคยสังเกตมั๊ย ว่าทำไม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 พ.ค. 2011, 23:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.ย. 2007, 23:29
โพสต์: 1065


 ข้อมูลส่วนตัว


ท่านมังกรน้อย เขียน:
"ธรรม ไม่ได้ให้คิด แต่ให้ทำ"


สาธุด้วยท่านมังกรน้อย :b8:

:b20: :b8: ครูบาอาจารย์ที่ยายมัทนับถือท่านก็บอกว่า "ต้องทำให้ต้องธรรม" เหมือนกัน :b20: :b8:

รูปภาพ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 18 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 144 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร