การจะมีสังคมมีเพื่อนฝูงมากๆทำไมจะต้องดื่มเหล้าเบียร์เพื่อเข้าสังคมครับ ถ้าไม่ดื่มเหล้าเบียร์ก็ไม่มีสังคมไม่มีเพื่อนฝูงมาก การจะมีสังคมต้องแลกมาด้วยการดื่มน้ำเมาหรือครับ?

ค่านิยมของสังคมโลก คิดว่าการเข้าสังคม การสังสรรค์ต้องมีสุราเป็นตัวขับเคลื่อน เพื่อให้การสื่อสาร

มีอรรถรส ทั้งที่จริงแล้ว เวลาทำงาน เวลาไปโรงเรียน เวลาทำกิจกรรมต่างๆ

เราก็พูดคุยสื่อสารกัน ทำสิ่งต่างๆร่วมกัน โดยไม่ได้มีการดื่มสุราของมึนเมาแม้แต่น้อย

อยู่ที่ว่าเราจะเลือกสังคมเข้าสังคมแบบไหน ...นานาจิตตังค่ะ

เป็นคนธรรมดา ถ้าไปยึตตรงบัญญัติมันก็ผิด ถ้าเป็นคนมีปัญญา เขายึดที่เจตนา คุณดื่มเป็นมรรยาท เพื่อเข้าสังคม เพื่อการงาน แก้ว 2แก้ว ไม่มีวัติถุประสงค์ทำให้สติ ทำงานช้าลง หรือทำงานผิดพลาด ก็ไม่ต้องไปแบกมันไว้ เมื่อไร คุณดื่มมันเพื่อความสนุก เพื่อความเมามัน จนสูญเสียการควบคุมสติ อันนี้แหละที่ท่านว่าเป็นโทษท่านจึงบัญญัติไว้เป็นข้อห้ามที่เรียกว่าศีล ไม่ใช่แค่เราไม่เคยดื่มสุรา แล้วเราดีกว่าคนอื่น แค่คิดก็ทุกข์แล้ว......./เจโตวิมุติ.

ขออนุโมทนากับคำตอบทุกๆท่านครับ

ในงานสังคม สังสรรค์ต่างๆ มีเครื่องดื่มมากมายให้เลือก ที่ไม่ทำให้ต้องผิดศีลข้อ๕ ถ้าเราไม่ดื่มก็ไม่มีใครบังคับเราได้หรอกค่ะ ขึ้นอยู่ที่ว่าเราจะบังคับใจตัวเราเองได้หรือเปล่า แต่การคิดก่อนดื่มก็เป็นเรื่องที่ดีนะคะ เรียกว่ามีสติก่อนที่จะทำอะไรลงไป

ทำไมต้องเป็นของมึนเมาด้วย เป็นอย่างอื่นไม่ได้เหรอ เนี่ยคิดกันไปเองทั้งนั้นเลยคนนำพอว่าแต่คนตามนี่สิแย่กว่าอีก ไม่ห้ามไม่แนะนำแล้วยังไปร่วมวงกับเขาอีก ไม่กลัวศีลข้อ 5 หายกันเลยแบบนี้ไม่ใช่ชาวพุทธเต็มตัวแน่ ๆ ยังไม่ต้องไปพูดถึงนรกภูมิหรอกทำหน้ามึนกันหมด แต่ก็ปล่อยไปเถอะห้ามไม่ได้ แต่ถ้าจะกินก็ขอเถอะว่าอย่าไปทำให้คนอื่นเดือดร้อนจากการได้ดื่มน้ำเมาก็แล้วกัน ส่วนเราก็ต้องอุเบกขาไป ก็รู้อยู่แล้วว่า สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม

อนุโมทนาครับ

การจะมีสังคมมีเพื่อนฝูงมากๆทำไมจะต้องดื่มเหล้าดื่มเบียร์เพื่อเข้าสังคมด้วยครับ
เป็นไปตามค่านิยมยุคสมัย

ถ้าไม่ดื่มเหล้าดื่มเบียร์ก็ไม่มีสังคมไม่มีเพื่อนฝูงมาก
สังคมที่ดื่มก็มี สังคมที่ไม่ดื่มก็มี

การจะมีสังคมต้องแลกมาด้วยการทำบาปด้วยการดื่มน้ำเมาหรือครับ
พิจารณาประโยชน์ที่ได้จากการดื่ม
พิจารณาโทษที่ได้จากการดื่ม
มีจิตที่จะออกจากสิ่งมีโทษ
ส่วนจะลดได้เบาบาง และออกได้ไม่ได้ก็ขึ้นอยู่กับแต่ล่ะคน

วันนั้นเวลานั้นบางคนดื่มครึ่งแก้วเมา บางคนดื่มหนึ่งแก้วเมา บางคนดื่มสามแก้วเมา นาๆคน นาๆเหตุปัจจัย ไม่ดื่มไม่เมา
ดื่มแล้วขาหักพิการ จะไปโทษเพื่อนไม่ได้นะ...

ศีลข้อที่ 5 สุรา เมระยะมัชชะปะมาทัฏฐานา เวรมณี เว้นจากการดื่มสุราเมรัย ของมึนเมา สิ่งเสพติดให้โทษ ถ้าไม่เว้นอะไรจะเกิดขึ้น
พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า "การดื่มน้ำเมา คือสุรา และเมรัย อันบุคคลเสพแล้ว เจริญแล้วกระทำให้มากแล้ว ยังสัตว์ให้เป็นไปในนรกในกำเนิดสัตว์ดิรัจฉาน ในเปรตวิสัย"

ผลแห่งการดื่มน้ำเมา คือสุรา และเมรัยอย่างเบาที่สุดย่อมยังความเป็นบ้าใบ้ให้เป็นไปแก่ผู้มาเกิดเป็น มนุษย์
ถ้าผิด ศีลข้อที่ 5 จะได้อะไร
การดื่มสุรา เมรัย หรือสิ่งเสพติดให้โทษจะได้รับผล 2 ขั้นคือ
1.ได้รับผล ในปฏิสนธิกาล เกิดในนรก, ดิรัจฉาน, เปรตวิสัย
2.ได้รับผล ในปวัตติกาล คือ หลังจากเกิดแล้ว และผลที่จะได้รับในปวัตติกาลนี้จะครบองค์หรือไม่ก็ตามถ้าได้เกิดมาเป็น มนุษย์ จะได้รับผลจากการดื่มสุรา 6 ประการคือ
1.ทรัพย์ถูก ทำลาย
2.เกิดวิวาท บาทหมาง
3.เป็นบ่อ เกิดแห่งโรค
4.เสื่อม เกียรติ
5.หมดยางอาย
6.ปัญญา เสื่อมถอยหรือพิการทางปัญญา

รักษาศีลข้อ 5 จะ ได้อะไร
ถ้าเว้นจากการจากการดื่มสุรา เมรัย หรือเว้นจากส่งเสพติดให้โทษ จะได้ผลดี 2 ประการ
1.ได้รับ ผลดีในปฏิสนธิกาล คือจะเกิดในกามสุคติภูมิ มี มนุษย์หรือสวรรค์เป็นที่เกิด
2.ได้รับผล ในปวัตติกาล คือหลังจากเกิดแล้ว ถ้าได้เกิดเป็นมนุษย์จะได้รับอานิสงส์จากเว้นดื่มน้ำเมา 35 ประการคือ
อานิสงส์แห่งการรักษาศีลข้อ ที่ 5 มี 35 ประการ
1.รู้กิจการ อดีต อนาคต ปัจจุบันได้รวดเร็ว
2.มีสติตั้ง มั่นทุกเมื่อ
3.มีปัญญาดี มีความรู้มาก
4.มีแต่ความ สุข
5.มีแต่คน นับถือยำเกรง
6.มีความขวน ขวายน้อยหากินง่าย
7.มีปัญญา มาก
8.มีปัญญา บันเทิงในธรรม
9.มีความ เห็นถูกต้อง
10.มีศีล บริสุทธิ์
11.มีใจละอาย แก่บาป
12.รู้จัก กลัวบาป
13.เป็น บัณฑิต
14.มีความ กตัญญู
15.มีกตเวที
16.พูดแต่ ความสัตย์
17.รู้จัก เฉลี่ยเจือจาน
18.ซื่อตรง
19.ไม่เป็น บ้า
20.ไม่เป็น ใบ้
21.ไม่มัวเมา
22.ไม่ประมาท
23.ไม่หลงใหล
24.ไม่หวาด สะดุ้งกลัว
25.ไม่บ้า น้ำลาย
26.ไม่งุนงง ไม่เขอะขะ
27.ไม่มีความ แข่งดี
28.ไม่มี ริษยาใคร
29.ไม่ ส่อเสียดใคร
30.ไม่พูด หยาบ
31.ไม่พูดจา เพ้อเจ้อ ไร้ประโยชน์
32.ไม่เกียจ คร้านทุกคืนวัน
33.ไม่ ตระหนี่
34.ไม่โกรธ ง่าย
35.ฉลาดรู้ใน สิ่งที่เป็นประโยชน์และในสิ่งที่เป็นโทษ

เพราะอยากได้โลก...อยากได้สมบัติของโลก...ชาวโลกก็คิดเอาโลกเข้ามา..เป็นธรรมดา
อยากได้ลาภ..อยากได้ยศ..อยากได้สรรเสริญ...จากชาวโลก...ก็ต้องเอาใจชาวโลกเป็นธรรมดา..แต่กลับได้บ้างไม่ได้บ้าง

หากอยากเหนือโลก....พ้นโลก...ก็เลยไม่คิดแคร์สมบัติของโลก

แต่แปลกนะ...ยิ่งไม่เอาโลก..แต่สมบัติโลกกลับมีแต่จะวิ่งเข้ามา

อุตส่าร่ำเรียนมาแทบตาย...เรียนวิธีหากิน...บางคนก็กินดีอยู่ดี..บางคนก็อดมื้อกินมื้อ

ดูหลวงตาซิ...พ้นโลกแล้ว..ไม่เอาโลกแล้ว...มีคนเอาทองมาให้ตั้ง 12 กว่าตัน

สาธุ สาธุ สาธุ ขออนุโมทนาบุญนะครับ

1.สังคมที่ชอบฆ่าสัตว์อยากอยู่แบบนี้ก็ต้องทำเหมือนเขา
2.สังคมของผู้ลักทรัพย์อยากอยู่แบบนี้ก็ต้องทำเหมือนเขา
3. สังคมของผู้มากในกามราคะอยากอยู่แบบนี้ก็ต้องทำเหมือนเขา
4. สังคมของผู้พูดปดมดเท็จอยากอยู่แบบนี้ก็ต้องทำเหมือนเขา
5.สังคมของผู้ดื่มสุราอยากอยู่แบบนี้ก็ต้องทำเหมือนเขา
6.สังคมของนักปราช์อยากอยู่แบบนี้ก็ต้องทำเหมือนเขา
(ยังมีสังคมหลายแบบอีกมากมาย...)
7.สังคมของผู้เป็นอริยะอยากอยู่แบบนี้ก็ต้องทำเหมือนเขา
... ...... ....

ถ้าเราไม่เลือกคบเพื่อนบ้าง เราก็ต้องทำตามเขาโดยไม่คำนึงถึงความผิดถูกไปเรื่อยๆใช่ไหมคะ คนที่ชอบชวนเราดื่ม เที่ยว เรากันเขาไว้ในระดับห่างๆก็พอ ไม่สนิทมาก คนที่เขาไม่พิจารณาตรงนี้ก็ช่างเขา แต่เรามีโอกาสได้ฟังธรรม เชื่อพระพุทธเจ้า เราควรหลีกเลี่ยง

คนเราทำตามกิเลสมันตามกันง่าย ว่ายทวนน้ำมันยากเนอะ