ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
สงสัย ค้นหาคำตอบบบบบบ http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=36924 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | somamomiji [ 23 ก.พ. 2011, 17:51 ] |
หัวข้อกระทู้: | สงสัย ค้นหาคำตอบบบบบบ |
1.ประโยคที่ว่า สิ่งทั้งปวงไม่ควรยึดติด ในความหมายของพระพุทธศาสนา หมายถึงอย่างไรละครับ 2.คำว่า ใช้พระรัตนตรัย เป็นที่พึ่งทางใจนี่ทำอย่างไรหรอครับ เพราะว่าผมก็อยากยึดพระรัตนตรัยเช่นกันแต่ทำไม่เป็น เมื่อก่อนผมหลงไปยึดกับ เพื่อน หรือสิ่งอื่นๆๆ มากมาย ทั้งๆที่ได้รู้ว่าสิ่งพวกนี้อยู่ในกฏไตรลักษณ์ 3 และบทเรียนว่า สิ่งพวกนี้สิ่งยึดมาก ก็ยิ่งทุกข์มาก แต่ใจมันไม่ยอมปล่อย ไม่จำซะที ทำจะต้องทำอย่างไรดีอะครับ |
เจ้าของ: | chanachai2010 [ 23 ก.พ. 2011, 19:39 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: สงสัย ค้นหาคำตอบบบบบบ |
![]() somamomiji เขียน: 1.ประโยคที่ว่า สิ่งทั้งปวงไม่ควรยึดติด ในความหมายของพระพุทธศาสนา หมายถึงอย่างไรละครับ สิ่งทั้งหลายทั้งปวงนั้น........... เปรียบเสมือน............กาวที่เหนียว เพื่อคอยดักตัวเรา คอยให้เราเข้ามาติดกับ ซึ่งน้อยนักที่บุคคลใดจะหลุดออกมาได้ somamomiji เขียน: 2.คำว่า ใช้พระรัตนตรัย เป็นที่พึ่งทางใจ พระพุทธ..............ระลึกถึงความดีอันใหญ่หลวงของพระพุทธเจ้า พระธรรม..............ระลึกถึงคำสั่งสอน ของ พระพุทธเจ้า พระสงฆ์...............ระลึกถึงพระที่ประฏิบัติดี ถ้าท่านมีในสิ่งใดสิ่งหนึ่งถือว่าท่านเริ่มมี องค์พระรัตนตรัยอยู่ในใจ ขอให้ท่านเจริญในธรรมเทอญฯ........................... |
เจ้าของ: | deecup [ 23 ก.พ. 2011, 20:02 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: สงสัย ค้นหาคำตอบบบบบบ |
1.ประโยคที่ว่า สิ่งทั้งปวงไม่ควรยึดติด ในความหมายของพระพุทธศาสนา หมายถึงอย่างไรละครับ (เพราะสิ่งทั้งปวง มีอายุ มีเกิด และมีสูญสลายแทบทั้งสิ้น บ้านเรา เสื้อผ้าเรา แม้แต่คนรักของเรา ล้วนแล้วแต่ย่อมพลัดพรากดับสูญสลายไปได้่ทั้งนั้น ไม่มีอะไรยั่งยืน นั่นคือเหตุผลว่าทำไมเราไม่ควรไปยีึดติดมัน ถ้าเราไปยึดติดมัน วันที่พลัดพราด ล้มตาย สูญสลายมาถึง เราก็จะเสียใจ เกิดความทุกข์ เกิดห่วงการยึดติด ทำให้จิตผูกกับความอยาก ทำให้จิตไม่พ้นไปไหน วนเวียนอยู่อย่างนี้ เป็นล้านๆชาติ ไม่หลุดพ้นไปใหน) |
เจ้าของ: | กบนอกกะลา [ 23 ก.พ. 2011, 22:21 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: สงสัย ค้นหาคำตอบบบบบบ |
somamomiji เขียน: 1.ประโยคที่ว่า สิ่งทั้งปวงไม่ควรยึดติด ในความหมายของพระพุทธศาสนา หมายถึงอย่างไรละครับ สิ่งทั้งปวง....ในที่นี้หมายถึง...สิ่งทั้งหลายที่แสดงความเป็นไตรลักษณ์..คือแปรปรวนไปไม่เที่ยง... หากเรารักคนหลายใจ..ผลที่ได้คือความทุกข์..ใช่มั้ย??.. เราจึงไม่ควรรักคนหลายใจ... เราจึงไม่ควรที่จะยึดมั่นถือมั่นในสิ่งทั้งปวง... อ้างคำพูด: 2.คำว่า ใช้พระรัตนตรัย เป็นที่พึ่งทางใจนี่ทำอย่างไรหรอครับ เพราะว่าผมก็อยากยึดพระรัตนตรัยเช่นกันแต่ทำไม่เป็น เมื่อก่อนผมหลงไปยึดกับ เพื่อน หรือสิ่งอื่นๆๆ มากมาย ทั้งๆที่ได้รู้ว่าสิ่งพวกนี้อยู่ในกฏไตรลักษณ์ เราคือใจ..รางกายไม่ใช่เรา..ร่างกายเป็นเพียงธาตุ 4 ขันธ์ 5 ถึงเวลาก็เสื่อมก็สลาย...แต่ใจไม่เคยตาย.. เราจึงต้องรักษาใจ...ไม่ให้ทุกข์...กายเสื่อมได้ทุกข์ได้...แต่อย่าให้ใจทุกข์...ใจที่เศร้าหมองใจทุกข์มีทุคติภูมิเป็นที่ไป..ซึ่งก็ยิ่งเพิ่มความทุกข์เข้าไปใหญ่...หากใจผ่องใสบริสุทธ์ก็มีสุคติภูมิเป็นที่ไป...มันก็ทุกข์น้อยลงไปเรื่อย ๆ...จนถึงไม่ทุกข์ ดังนั้น..เราต้องหาทางรักษาใจของเราให้ดี...พระสัทธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าก็ดี...พระอริยะเจ้าก็ดี...มุ่งสอนลงที่ใจรักษาใจให้ผ่องใสบริสุทธิ์...ดั่งคำที่ว่า.. " สพฺพปาปสฺส อกรณํ ....การละความชั่วทั้งปวง กุสลสฺสูปสมฺปทา .......การทำความดีให้ถึงพร้อม สจิตฺตปริโยทปนํ ........การชำระจิตของตนให้บริสุทธิ์ผ่องใส เอตํ พุทฺธานสาสนํ ......นี้เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ศึกษาพระธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า..พระอรหันตเจ้า..จนเห็นว่าทุกข์มีจริง..กรรมมีจริง..นรกสวรรค์นิพพาน(ก็น่าจะ)มีจริง...คำสอนให้พ้นจากทุกข์มีจริง...หากเราทำได้ดั่งที่ท่านสอนก็สามารถพ้นทุกข์ได้จริง.. เมื่อใจคิดได้อย่างนี้แล้ว...จึงจะเห็นคุณค่าของพระรัตนตรัยจริง...เมื่อนั้นเราจะยอมรับนับถือว่าพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง.... แต่ที่ทั่วไปพูดว่า..เป็น(แค่)ที่พึ่งทางใจ..นั้น..ยังผิดความหมายที่แท้จริงอยู่มาก อ้างคำพูด: 3 และบทเรียนว่า สิ่งพวกนี้สิ่งยึดมาก ก็ยิ่งทุกข์มาก แต่ใจมันไม่ยอมปล่อย ไม่จำซะที ทำจะต้องทำอย่างไรดีอะครับ ทำตามที่พระพุทธเจ้าสอนครับ... การละความชั่วทั้งปวง........มีศีลสมบูรณ์ การทำความดีให้ถึงพร้อม....ปฏิบัติตามมรรคมีองค์ 8 การชำระจิตของตนให้บริสุทธิ์ผ่องใส...ผลคือนิพพาน |
เจ้าของ: | อินทรีย์5 [ 23 ก.พ. 2011, 22:36 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: สงสัย ค้นหาคำตอบบบบบบ |
เมื่อยึดก็ติด เมื่อไม่ยึดก้ไม่ติด อ้างคำพูด: 2.คำว่า ใช้พระรัตนตรัย เป็นที่พึ่งทางใจนี่ทำอย่างไรหรอครับ เพราะว่าผมก็อยากยึดพระรัตนตรัยเช่นกันแต่ทำไม่เป็น เมื่อก่อนผมหลงไปยึดกับ เพื่อน หรือสิ่งอื่นๆๆ มากมาย ทั้งๆที่ได้รู้ว่าสิ่งพวกนี้อยู่ในกฏไตรลักษณ์ ต้องมีสติปัญญาหาความเหตุผลในความจริงข้อนี้เสียก่อน ถึงจะเข้าใจในสิ่งที่พึ่งพาได้ ถึงแม้จะยึดพระไตรรัตน เป็นที่พึ่งของชีวิต แต่สุดท้ายก้ต้องใช้กำลังความสามารถของตนและพึ่งลำแข้งของตัวเองให้ได้ด้วย ![]() |
เจ้าของ: | tonnk [ 24 ก.พ. 2011, 08:54 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: สงสัย ค้นหาคำตอบบบบบบ |
1.สิ่งทั้งปวงเป็นสักแต่เพียงว่าเป็นสภาวะธรรม สักแต่ว่าเป็นธาตุ ให้กำหนดรู้แล้วละ ไม่อย่างนั้นจะเกิดการยึดมั่น ที่เรียกกันว่าอุปาทาน 2.ให้นึกถึงความดีของพระรัตนตรัย อย่างเช่นคำแปลในบทสวด ส่วนที่ใจมันไม่ยอมปล่อยนั้นเกิดเพราะความเคยชินในการก่อน หมั่นปฏิบัติเลื่อยๆเดี๋ยวก็จะหลุดเอง ไม่ต้องรีบมากเดี๋ยวจะเกิดการท้อแท้ |
เจ้าของ: | ศรีสมบัติ [ 24 ก.พ. 2011, 12:33 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: สงสัย ค้นหาคำตอบบบบบบ |
ขออนุโมทนา ในทุกคำตอบ ![]() |
เจ้าของ: | somamomiji [ 24 ก.พ. 2011, 21:42 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: สงสัย ค้นหาคำตอบบบบบบ |
ขอบคูรครับบบบบ |
เจ้าของ: | yuy [ 25 ก.พ. 2011, 00:18 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: สงสัย ค้นหาคำตอบบบบบบ |
somamomiji เขียน: 1.ประโยคที่ว่า สิ่งทั้งปวงไม่ควรยึดติด ในความหมายของพระพุทธศาสนา หมายถึงอย่างไรละครับ 2.คำว่า ใช้พระรัตนตรัย เป็นที่พึ่งทางใจนี่ทำอย่างไรหรอครับ เพราะว่าผมก็อยากยึดพระรัตนตรัยเช่นกันแต่ทำไม่เป็น เมื่อก่อนผมหลงไปยึดกับ เพื่อน หรือสิ่งอื่นๆๆ มากมาย ทั้งๆที่ได้รู้ว่าสิ่งพวกนี้อยู่ในกฏไตรลักษณ์ 3 และบทเรียนว่า สิ่งพวกนี้สิ่งยึดมาก ก็ยิ่งทุกข์มาก แต่ใจมันไม่ยอมปล่อย ไม่จำซะที ทำจะต้องทำอย่างไรดีอะครับ 1. ที่ไม่ควรยึดก็เพราะสิ่งทั้งหลายทั้งปวงในโลกนี้มันมีเกืดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไปเท่านั้นเพราะถ้าเราเอาจิตไปยึดสิ่งใดไว้ก็ตามมันจะทำให้เราเกิดทุกข์ขึ้นมาทันทีและถ้าสติเราไม่แข็งแรงพอก็จะเข้าไปเป็นทุกข์ และเมื่อเข้าไปเป็นทุกข์จะเกิดอะไรขึ้น เช่นทุกวันเวลาผ่านไปเราทุกคนก็ต้องแก่ลงไป ผิวหนังเหี่ยวย่น ผมดำกลับขาว ถ้าเราไปยึดตึดหลงติดในร่างกายเราว่าไม่อยากให้มันแก่สามารถจะห้ามความแก่ได้ไหม แม้กระทั่งความดีก็ไม่ให้ยึดเพราะจะทำให้เราเป็นคนที่มีอัตตาตัวตนสูงขึ้นซึ่งนั่นก็แปลว่ายึดความดีแล้ว จริง ๆการทำดีที่ถูกต้องตามหลักพระพุทธศาสนานั้นก็คือ การทำดีเพื่อประโยชน์ตนและผู้อื่นด้วยความเมตตาธรรม การทำความดีแบบนี้พระพุทธเจ้าทรงกล่าวสรรเสริญบุคคลผู้นั้น ![]() 2.ถ้าอยากจะยึดพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งทางใจขอบกว่ายึดได้เลยเพราะปราศจากกิเลส แต่ถ้านอกจากนี้นั้นเป็นกิเลสจึงไม่ควรยึดเอาไว้อย่างเด็ดขาด ทำอย่างไรเหรอก็พยายามศึกษาพระธรรม ฟังธรรมจากพระเกจิอาจารย์หรือผู้ที่รู้ในหลักธรรมคำสอน และก็หัดสงสัยในพระธรรมของพระองค์ไปด เพราะจะทำให้เราต้องการหาคำตอบที่เป็นหลักธรรมซึ่งเป็นความจริงถ้าเราได้คำตอบที่แท้จริงแล้วเราก็จะรู้สึกว่าจิตของเรามีความสว่างจากพระธรรมแล้ว แต่ขั้นตอนนี้ต้องอาศัยรู้ได้เฉพาะบุคคลเท่านั้นนะ เพราะถึงจะบอกก็ได้แค่รับรู้แต่ยังไม่เข้าใจแน่นอน ตอนนี้เพิ่งเริ่มก็ขอแนะนำว่าควรจะสวดมนต์ทุกวันก่อนนอน แล้วแผ่เมตตาให้สรรพสัตว์ เสร็จแล้วก็นั่งสมาธิไปสักระยะนึง ครั้งแรกอาจจะนั่งสัก 5-10 นาทีก็พอ ผ่านไป 1 สัปดาห์ก็ให้เพิ่มเวลาขึ้นมาอีกหน่อยให้ทำไปเรื่อย ๆ ทุกวันแล้วก็หาหนังสือธรรมะมาอ่านจะเป็นธรรมะอะไรก็ได้แล้วแต่จริตเรา ทำได้ตามนี้รับรองว่าจิตจะสงบแล้วเราก็จะไม่ไปยึดติดกับสิ่งอื่น(ถึงจะยืดอยู่แต่ก็ละได้มาพอสมควร) นอกจากพระธรรมของพระผู้มีพระภาคเจ้าเท่านั้น ![]() |
เจ้าของ: | neemagirl [ 26 ก.พ. 2011, 10:12 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: สงสัย ค้นหาคำตอบบบบบบ |
สาธุสำหรับคำตอบทุกๆท่านค่ะ ![]() ![]() |
เจ้าของ: | ปฤษฎี [ 02 มี.ค. 2011, 04:13 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: สงสัย ค้นหาคำตอบบบบบบ |
อุปมาเหมือนบุรุษที่ตาบอด(ปุถุชน)ประสงค์จะข้ามสะพาน(โอฆะ) ต้องอาศัยบุรุษผู้มีตาดี(พระรัตนตรัย)พาข้ามสะพาน จนถึงอึกฝั่ง(คือ พระนิพพาน) หรือเปรียบเสมือนบุรุษที่หลงทาง(ปุถุชนผู้มีอวิชชา)อยู่ในป่า(กิเลส) ต้องอาศัยเจ้าหน้าที่ป่าไม้(พระรัตนตรัย)พาออกจากป่า(วิมุตติ) ผิดถูกประการใดขออภัยด้วยนะครับ ขอให้เจริญในธรรม |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |