ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
อยากรู้ครับ ผู้รู้ช่วยตอบหน่อย http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=36523 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | Nat007 [ 31 ม.ค. 2011, 08:43 ] |
หัวข้อกระทู้: | อยากรู้ครับ ผู้รู้ช่วยตอบหน่อย |
เวลาทำบุญต้องตั้งใจอธิษฐานรึเปล่าครับ ถ้าไม่ทำได้รึเปล่าครับ |
เจ้าของ: | Bwitch [ 31 ม.ค. 2011, 10:24 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: อยากรู้ครับ ผู้รู้ช่วยตอบหน่อย |
อันที่จริงไม่ต้องตั้งกระทู้ก็ได้นะคะ ลองเสริชหาในกูเกิ้ล หรือกระทู้ก่อนๆ ดูก็น่าจะมีอยู่ |
เจ้าของ: | Bwitch [ 31 ม.ค. 2011, 10:30 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: อยากรู้ครับ ผู้รู้ช่วยตอบหน่อย |
คุณ จขกท. ทำบุญเพื่ออะไรละคะ ถ้าทำบุญเพื่อสละออกซึ่งความตระหนี่ เพื่อบำรุงศาสนา ก็ขออนุโมทนาสาธุด้วยค่ะ ลอกมาให้อ่านค่ะ การอธิษฐานหลังทำบุญควรทำหรือไม่ อ่านต่อ : http://my.dek-d.com/me_dasie/blog/?blog ... z1Ca1CMVIc เคยเห็นคนที่ทำบุญแล้วขอให้รวยทันตาเห็น หรือคนที่ขอให้สวยหยดย้อยราวกับเทพธิดาบ้างหรือเปล่าคะ ถ้าเคยก็ขอถามต่อว่าตัวคุณเคยอธิษฐานขอแบบนั้นบ้างหรือเปล่า ที่เริ่มต้นด้วยประโยคคำถามเช่นนี้ เพราะอยากชี้ให้เห็นคุณและโทษของการอธิษฐานหลังทำบุญเสร็จคะ ถ้ากล่าวกันตามจริงแล้วก็ต้องยอมรับว่าการอธิษฐานหลังทำบุญทำทานเสร็จนั้น ทางพุทธเราเชื่อว่ามีอยู่จริง และได้ผลตามที่ขอจริง แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยที่ว่าสิ่งที่ขอนั้นตรงกับเหตุที่ทำและมีอานิสงค์เพียงพอต่อการให้ผลหรือไม่ และแม้ไม่อธิษฐานเลยก็ใช่ว่าเราไม่ได้ผลบุญนั้นนะคะ ผลบุญนั้นย่อมมีอยู่ และจะให้ผลแก่เราตราบเท่าที่กำลังบุญนั้นยังไม่หมดแรง แต่พระท่านเคยเปรียบให้ฟังว่า เหมือนเราปล่อยน้ำทิ้ง น้ำย่อมไหลออกอย่างแน่นอน เพียงแต่ว่าน้ำย่อมกระจัดกระจาย และให้ผลได้ไม่เหมือนที่เราต้องการ ถ้าเราอธิษฐานกำกับ ผลของบุญก็จะได้ตามที่เราต้องการ เปรียบกับน้ำที่เราปล่อยทิ้งนั้น ย่อมไหลไปในทางที่เราต้องการคะ ทีนี้ก็มาถึงคำถามที่ว่าอธิษฐานอย่างไรจึงจะเป็นประโยชน์แก่ผู้อธิษฐาน คำตอบคือ อธิษฐานด้วยความไม่โลภ เพราะความโลภเป็นด้านตรงข้ามกับเจตนาที่ดีในการทำบุญคะ การทำบุญคือการทำประโยชน์ให้ผู้อื่นไม่ว่าจะด้วยทรัพย์หรือกำลังก็ตาม สิ่งที่ได้คือ จิตใจที่คิดแต่จะสละออก และความปลื้มใจทั้งก่อนทำ ขณะทำและหลังทำบุญคะ เพราะฉะนั้นความตระหนี่เกิดให้เกิดความคับอกคับใจขนาดไหน ความคิดให้ก็เป็นขั้วตรงข้ามที่ทำให้จิตใจของเราเปิดกว้างออกเท่านั้นคะ เมื่อเราทำบุญแล้วอธิษฐานขอให้รวยขอให้สวยขอให้เก่ง จิตที่มีความโลภขณะขอนั้น จะทำให้เราเกิดโรคทางใจ คือแทนที่จะละความหวง กลับได้ความอยากเพิ่มขึ้นอีก และแม้จะสวยรวยเก่งตามที่ขอ ก็จะสวยรวยเก่งแบบไม่เป็นสุขนัก เพราะได้ของแถมเป็น ความอยากได้เพิ่มขึ้นแบบไม่มีที่สิ้นสุดคะ ทางที่ดีการอธิษฐานควรขอผลทางใจหรือความคืบหน้าในความดีที่ได้ทำยิ่งๆขึ้นไป เช่น ด้วยทานที่ข้าพเจ้าทำไว้ชอบแล้วขอให้ข้าพเจ้ามีความตั้งมั่นในทานและศีลยิ่งๆขึ้นไป หรือ ขอให้ข้าพเจ้าลดความตระหนี่ลงได้ หรือขอให้ข้าพเจ้ามีโอกาสได้ทำบุญยิ่งๆขึ้นไป เป็นต้น เมื่ออธิฐานให้เราเดินในหนทางบุญอันส่งผลให้สุขใจแบบต่อยอดขึ้นไปเรื่อยๆ ก็เท่ากับว่าเราปิดกั้นหนทางบาปที่จะนำแต่ความเดือดร้อนมาให้คะ ก่อนที่คิดจะอธิษฐานเช่นนี้ได้ จะต้องมีใจเชื่ออยู่ก่อนว่าผลของทานมีจริง บาปบุญมีจริง ทำบุญแล้วได้ผลคือความสุขใจในปัจจุบัน และจะเป็นประกัน ให้อุ่นใจว่า ในอนาคตถ้าเราไม่ประมาท ผลของบุญย่อมช่วยเราให้เป็นสุขได้เสมอ ถ้าไม่เชื่อว่าบุญมีจริง คราวหน้าถ้าทำบุญใหญ่ๆ เช่น ถวายของแด่พระสงฆ์ ก็ลองอธิษฐานต่อหน้าพระพุทธรูปดูนะคะ ว่าด้วยบุญที่ข้าพเจ้าช่วยทำนุบำรุงพระศาสนา ขอให้ข้าพเจ้าได้ประจักษ์ในเร็ววันด้วยเถิดว่าบุญมีจริงบาปมีจริงเจ้าค่า .............................. ![]() ![]() ![]() อันที่จริงความหมายของคำว่าอธิษฐาน ไม่ใช่การขอ แต่คือ การตั้งใจมั่นว่าจะกระทำสิ่งใดต่างหาก ซึ่งหากอธิษฐานด้วยกุศลจิตก่อน ขณะ หรือหลังการทำบุญ ก็จะยิ่งมีแรงผลักดันที่ดีให้สัมฤทธิ์ผล |
เจ้าของ: | tonnk [ 31 ม.ค. 2011, 12:29 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: อยากรู้ครับ ผู้รู้ช่วยตอบหน่อย |
อธิษฐานหรือไม่อธิษฐานก็ได้ บุญกิริยาวัตถุ ๑๐ ประการ ๑. บุญสำเร็จได้ด้วยการบริจาคทาน (ทานมัย) ๒. บุญสำเร็จได้ด้วยการรักษาศีล (สีลมัย) ๓. บุญสำเร็จได้ด้วยการภาวนา (ภาวนามัย ) ๔. บุญสำเร็จได้ด้วยการประพฤติอ่อนน้อมถ่อมตนต่อผู้ใหญ่ (อปจายนมัย) ๕. บุญสำเร็จได้ด้วยการขวนขวายในกิจการที่ชอบ (เวยยาวัจจมัย) ๖. บุญสำเร็จได้ด้วยการให้ส่วนบุญ (ปัตติทานมัย) ๗. บุญสำเร็จได้ด้วยการอนุโมทนา (ปัตตานุโมทนามัย) ๘. บุญสำเร็จได้ด้วยการฟังธรรม (ธัมมัสสวนมัย) ๙. บุญสำเร็จด้วยการแสดงธรรม (ธัมมเทสนามัย) ๑๐. บุญสำเร็จได้ด้วยการทำความเห็นให้ตรง (ทิฏฐชุกัมม์) |
เจ้าของ: | ปลีกวิเวก [ 31 ม.ค. 2011, 13:22 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: อยากรู้ครับ ผู้รู้ช่วยตอบหน่อย |
![]() การทำบุญนั้น ถ้าทำด้วยใจที่เป็นกุศล ย่อมได้รับผลเป็น "บุญ" สั่งสมไว้ในดวงจิต การอธิษฐาน คือการตั้งจิตขอร้องต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพื่อผลอย่างใดอย่างหนึ่ง การอธิษฐานต้องทำ "เหตุ" ให้ตรงจึงจะได้ผลสมปรารถนา การอธิษฐานไม่ควรเป็นไปเพื่อเอากิเลสมาทับถมใจ ผู้รู้ย่อมไม่นิยมทำเช่นนั้น ตรงกันข้าม ผู้รู้นิยมอธิษฐานเกิดมาพบพระพุทธศาสนา และมีสัมมาทิฏฐิ มีปัญญาเห็นแจ้ง มีดวงตาเห็นธรรม ฯลฯ เหล่านี้ล้วนเป็นการ อธิษฐานเพื่อ นำพาชีวิตพ้นไปจากความทุกข์ แต่ที่สำคัญต้องทำเหตุให้ตรง จึงจะสมปรารถนาตามคำอธิษฐาน ![]() ![]() ธรรมย่อมรักษาผู้ปฏิบัติธรรม ![]() |
เจ้าของ: | อสรี [ 03 ก.พ. 2011, 08:18 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: อยากรู้ครับ ผู้รู้ช่วยตอบหน่อย |
"เวลาทำบุญต้องตั้งใจอธิษฐานรึเปล่าครับ ถ้าไม่ทำได้รึเปล่าครับ" (ความเห็น)...การตั้งใจที่จะทำบุญคือการ"ให้"...ส่วนการตั้งใจอธิฐานนี่ส่วนใหญ่จะขึ้นต้นด้วยคำว่า "ขอ"...ดังนั้น ควรพิจารณาว่า ตั้งใจจะ "ให้" หรือตั้งใจจะ "ขอ"... หมายเหตุ...การให้ คือ การละซึ่ง"ความเห็นแก่ตัว"...ส่วนการ"ให้"เพื่อ "ขอ" ก็กลับเข้าสู่ความเห็นแก่ตัว ![]() |
เจ้าของ: | Bwitch [ 03 ก.พ. 2011, 09:27 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: อยากรู้ครับ ผู้รู้ช่วยตอบหน่อย |
viewtopic.php?f=7&t=36575&p=245097#p245097 อ้างคำพูด: การอธิษฐานจิตนั้นท่านแปลว่าการตั้งจิตให้แน่วแน่มั่นคง หรือการ ตั้งใจเด็ดเดี่ยว แต่ในภาษาไทย อธิษฐานมีความหมายเพี้ยนไป กลายเป็นว่า อ้อนวอนปรารถนา ในภาษาพระ "อธิษฐาน" แปลว่า ตั้งมั่น ทำให้เด็ดเดี่ยว คือตั้งจิตเด็ด เดี่ยว ใครที่จะทำอะไรอย่างเอาจริงเอาจังมุ่งมั่นที่จะให้สำเร็จ มักจะต้อง อธิษฐานจิต คือตั้งใจเด็ดเดี่ยวแต่เริ่มต้น ว่าเราต้องทำสิ่งนั้นให้สำเร็จให้จงได้ ให้ถึงจุดหมายอย่างแน่นอน น่าเสียดายปัจจุบันยังมีพุทธศาสนิกชน เข้าใจไขว้เขวถึงความหมายของคำว่า "อธิษฐาน" อยู่มาก สาเหตุที่ท่าน จขกท. ตั้งกระทู้ถามนี่ เพราะเกรงว่าจะเป็นการ "ขอ" ใช่มั้ยคะ ลองอธิษฐานแบบนี้ดู อ้างคำพูด: ขออานิสงส์ผลบุญนี้ส่งผลให้ข้าพเจ้าทั้งหลายสมความปรารถนา ในสิ่งที่เป็นความปรารถนาอันดีงามทุกประการเทอญ...สาธุ ทุกครั้งที่ทำบุญสร้างกุศล ดิฉันก็อธิษฐานค่ะ แต่ไม่เคยขอให้....รวย หรืออะไรทำนองนี้ อธิษฐานขอให้มีสุขภาพดี (ก็หมั่นดูแลสุขภาพ) ขอให้มีกำลังกายและใจเพียงพอที่จะทำบุญ ศึกษา ปฏิบัติธรรม เมื่อสละทาน สละทรัพย์ ก็อธิษฐานจิตขอทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาให้ดำรงมั่นสืบไป เกิดชาติหน้าก็ขอให้อย่าได้ขาดกำลังทรัพย์เพื่อทำบุญกุศลน้อยใหญ่ ขอให้พบและได้ศึกษาพระธรรมคำสอนของพระพุทธองค์ทุกชาติไปจนเข้าถึงซึ่งพระนิพพาน (โดยการน้อมนำใจศึกษาปฏิบัติ) เช่น ชวนคุณพ่อคุณแม่ไปทำบุญ แนะนำชักชวนเพื่อนฝูงที่รักใคร่นับถือไปปฏิบัติธรรม เป็นต้น ในความเห็นส่วนตัว การอธิษฐาน เป็นการสร้างกำลังใจให้กับตัวเองอย่างหนึ่ง อธิษฐานบ่อยๆ ระลึกถึงบ่อยๆ เตือนตัวเองให้เร่งขวนขวายปฏิบัติ อธิษฐานแทบตาย หากไม่ปฏิบัติ เทวดาหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านก็คงไม่ช่วย |
เจ้าของ: | ไร้นา [ 05 ก.พ. 2011, 22:36 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: อยากรู้ครับ ผู้รู้ช่วยตอบหน่อย |
Bwitch เขียน: คุณ จขกท. ทำบุญเพื่ออะไรละคะ ถ้าทำบุญเพื่อสละออกซึ่งความตระหนี่ เพื่อบำรุงศาสนา ก็ขออนุโมทนาสาธุด้วยค่ะ ลอกมาให้อ่านค่ะ การอธิษฐานหลังทำบุญควรทำหรือไม่ อ่านต่อ : http://my.dek-d.com/me_dasie/blog/?blog ... z1Ca1CMVIc เคยเห็นคนที่ทำบุญแล้วขอให้รวยทันตาเห็น หรือคนที่ขอให้สวยหยดย้อยราวกับเทพธิดาบ้างหรือเปล่าคะ ถ้าเคยก็ขอถามต่อว่าตัวคุณเคยอธิษฐานขอแบบนั้นบ้างหรือเปล่า ที่เริ่มต้นด้วยประโยคคำถามเช่นนี้ เพราะอยากชี้ให้เห็นคุณและโทษของการอธิษฐานหลังทำบุญเสร็จคะ ถ้ากล่าวกันตามจริงแล้วก็ต้องยอมรับว่าการอธิษฐานหลังทำบุญทำทานเสร็จนั้น ทางพุทธเราเชื่อว่ามีอยู่จริง และได้ผลตามที่ขอจริง แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยที่ว่าสิ่งที่ขอนั้นตรงกับเหตุที่ทำและมีอานิสงค์เพียงพอต่อการให้ผลหรือไม่ และแม้ไม่อธิษฐานเลยก็ใช่ว่าเราไม่ได้ผลบุญนั้นนะคะ ผลบุญนั้นย่อมมีอยู่ และจะให้ผลแก่เราตราบเท่าที่กำลังบุญนั้นยังไม่หมดแรง แต่พระท่านเคยเปรียบให้ฟังว่า เหมือนเราปล่อยน้ำทิ้ง น้ำย่อมไหลออกอย่างแน่นอน เพียงแต่ว่าน้ำย่อมกระจัดกระจาย และให้ผลได้ไม่เหมือนที่เราต้องการ ถ้าเราอธิษฐานกำกับ ผลของบุญก็จะได้ตามที่เราต้องการ เปรียบกับน้ำที่เราปล่อยทิ้งนั้น ย่อมไหลไปในทางที่เราต้องการคะ ทีนี้ก็มาถึงคำถามที่ว่าอธิษฐานอย่างไรจึงจะเป็นประโยชน์แก่ผู้อธิษฐาน คำตอบคือ อธิษฐานด้วยความไม่โลภ เพราะความโลภเป็นด้านตรงข้ามกับเจตนาที่ดีในการทำบุญคะ การทำบุญคือการทำประโยชน์ให้ผู้อื่นไม่ว่าจะด้วยทรัพย์หรือกำลังก็ตาม สิ่งที่ได้คือ จิตใจที่คิดแต่จะสละออก และความปลื้มใจทั้งก่อนทำ ขณะทำและหลังทำบุญคะ เพราะฉะนั้นความตระหนี่เกิดให้เกิดความคับอกคับใจขนาดไหน ความคิดให้ก็เป็นขั้วตรงข้ามที่ทำให้จิตใจของเราเปิดกว้างออกเท่านั้นคะ เมื่อเราทำบุญแล้วอธิษฐานขอให้รวยขอให้สวยขอให้เก่ง จิตที่มีความโลภขณะขอนั้น จะทำให้เราเกิดโรคทางใจ คือแทนที่จะละความหวง กลับได้ความอยากเพิ่มขึ้นอีก และแม้จะสวยรวยเก่งตามที่ขอ ก็จะสวยรวยเก่งแบบไม่เป็นสุขนัก เพราะได้ของแถมเป็น ความอยากได้เพิ่มขึ้นแบบไม่มีที่สิ้นสุดคะ ทางที่ดีการอธิษฐานควรขอผลทางใจหรือความคืบหน้าในความดีที่ได้ทำยิ่งๆขึ้นไป เช่น ด้วยทานที่ข้าพเจ้าทำไว้ชอบแล้วขอให้ข้าพเจ้ามีความตั้งมั่นในทานและศีลยิ่งๆขึ้นไป หรือ ขอให้ข้าพเจ้าลดความตระหนี่ลงได้ หรือขอให้ข้าพเจ้ามีโอกาสได้ทำบุญยิ่งๆขึ้นไป เป็นต้น เมื่ออธิฐานให้เราเดินในหนทางบุญอันส่งผลให้สุขใจแบบต่อยอดขึ้นไปเรื่อยๆ ก็เท่ากับว่าเราปิดกั้นหนทางบาปที่จะนำแต่ความเดือดร้อนมาให้คะ ก่อนที่คิดจะอธิษฐานเช่นนี้ได้ จะต้องมีใจเชื่ออยู่ก่อนว่าผลของทานมีจริง บาปบุญมีจริง ทำบุญแล้วได้ผลคือความสุขใจในปัจจุบัน และจะเป็นประกัน ให้อุ่นใจว่า ในอนาคตถ้าเราไม่ประมาท ผลของบุญย่อมช่วยเราให้เป็นสุขได้เสมอ ถ้าไม่เชื่อว่าบุญมีจริง คราวหน้าถ้าทำบุญใหญ่ๆ เช่น ถวายของแด่พระสงฆ์ ก็ลองอธิษฐานต่อหน้าพระพุทธรูปดูนะคะ ว่าด้วยบุญที่ข้าพเจ้าช่วยทำนุบำรุงพระศาสนา ขอให้ข้าพเจ้าได้ประจักษ์ในเร็ววันด้วยเถิดว่าบุญมีจริงบาปมีจริงเจ้าค่า .............................. ![]() ![]() ![]() อันที่จริงความหมายของคำว่าอธิษฐาน ไม่ใช่การขอ แต่คือ การตั้งใจมั่นว่าจะกระทำสิ่งใดต่างหาก ซึ่งหากอธิษฐานด้วยกุศลจิตก่อน ขณะ หรือหลังการทำบุญ ก็จะยิ่งมีแรงผลักดันที่ดีให้สัมฤทธิ์ผล ผู้เจริญในธรรม นำพาซึ่งความจริง ไม่เคร้าหมอง สว่าง สะบายใจ |
เจ้าของ: | govit2552 [ 06 ก.พ. 2011, 06:26 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: อยากรู้ครับ ผู้รู้ช่วยตอบหน่อย |
บาป อยู่ที่เจตนา บุญ ก็น่าจะอยู่ที่เจตนา เช่นกัน การทำบุญ ที่แล้วสักแต่ว่าทำ ไม่ได้เจตนา ...............ระวังจะไม่เป็นบุญ เป็นแค่กิริยา ดุจดัง พระอรหันต์ ไม่ทำบุญไม่ทำบาป ไม่ว่าทำอะไร เป็นแค่กิริยา การเดินๆ ไปแล้วทำอาหารหล่น เราก็เดินพ้นไป สุนัขมาถึง เห็นอาหารก็กินอย่างดีอกดีใจ เราได้บุญหรือไม่............................????????? เราแค่ทำอาหารหล่น ..............เท่านั้น (น้ำไหลไปแล้ว เราเปิดก๊อกแล้ว) เราไม่ได้มีเจตนาให้อาหารนี้ กับใคร ผู้ใดทั้งสิ้น แค่ทำหล่น แต่อาหารนั้นได้ทำให้สุนัขหลายตัว หายหิว พ้นจากความทุกข์ทรมาน คือความหิว เราได้บุญหรือไม่... |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |