ลานธรรมจักร
http://www.dhammajak.net/forums/

ถ้าเราให้เงินทำบุญไป แล้วเขาเอาไปทำบาป เราบาปด้วยไหม
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=36399
หน้า 1 จากทั้งหมด 2

เจ้าของ:  halem1982 [ 24 ม.ค. 2011, 13:09 ]
หัวข้อกระทู้:  ถ้าเราให้เงินทำบุญไป แล้วเขาเอาไปทำบาป เราบาปด้วยไหม

เช่น มีพระถือบาตรมาขอบิณฑบาตทอดผ้าป่า เราก็เอาเงินใส่บาตรไป ปรากฏว่าเขาเป็นมิจฉาชีพ เอาตังค์ไปกินเหล้า เล่นการพนัน เที่ยว...

เราจะบาปด้วยไหมครับ เพราะเราเองก็มีส่วนในกรรมนั้นเหมือนกนั

แต่บางท่านก็ว่า เราทำบุญไปแล้ว ใจเป็นกุศล เราได้บุญ จบไปก่อนหน้านั้นแล้ว เขาเอาเงินไปทำอะไร ไม่เกี่ยวกับเราแล้ว

โดยส่วนตัวผมเชื่อในกฏแห่งกรรม เลยเชื่อว่าบาปครับ มากน้อยแล้วแต่เจตนา ผมเลยไม่ทำบุญกับพวกนี้เลย ด้วยไม่เชื่อในเจตนาครับ

รบกวนทุกท่านชี้แนะ ขอบคุณครับ

เจ้าของ:  กบนอกกะลา [ 24 ม.ค. 2011, 20:12 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ถ้าเราให้เงินทำบุญไป แล้วเขาเอาไปทำบาป เราบาปด้วยไหม

อ้างคำพูด:
โดยส่วนตัวผมเชื่อในกฏแห่งกรรม เลยเชื่อว่าบาปครับ มากน้อยแล้วแต่เจตนา ผมเลยไม่ทำบุญกับพวกนี้เลย

กฎแห่งกรรม...ทำให้กรณีนี้บาปได้ยังงัยรึครับ?? :b10: :b10:

เจ้าของ:  chanachai2010 [ 24 ม.ค. 2011, 20:36 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ถ้าเราให้เงินทำบุญไป แล้วเขาเอาไปทำบาป เราบาปด้วยไหม

:b42:ดูก่อนท่านทั้งหลาย.......................

บุญหรือบาป ขึ้นอยู่กับกุศลจิต ว่าโน้มหรือเอนเอียงไปในทางใด บุคคลใดถ้ามีจิตกุศล...........กรรมนั้นก็จะเป็นกรรมดี
บุคคลใดถ้ามีจิตอกุศล.........กรรมนั้นก็จะเป็นกรรมไม่ดี

ขอให้ท่านพึงพิจารณาเทอญ...............

เจ้าของ:  หัสพล พวงแก้ว [ 24 ม.ค. 2011, 22:29 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ถ้าเราให้เงินทำบุญไป แล้วเขาเอาไปทำบาป เราบาปด้วยไหม

ถ้าเราไม่รู้มาก่อนว่าเป็นพระปลอมก็ไม่บาปหรอกครับ แต่ถ้ารู้แล้วยังไปทำบุญกับพระรูปเดิมอีก คราวนี้นอกจากจะไม่ได้บุญแล้วกลับได้บาปแทนครับ เพราะเจตนาเราแค่จะทำบุญกับพระเท่า่นั้น และจริง ๆ แล้วตามกฎวินัยสงฆ์นั้นห้ามมิให้ภิกษุมาเรี่ยไรเงินทำบุญทอดผ้าป่า หรือทอดกฐิน นอกจากญาติโยมที่มีจิตศรัทธาจะทำบุญทอดกฐินหรือผ้าป่าให้กับวัดเท่านั้น

เจ้าของ:  student [ 25 ม.ค. 2011, 03:26 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ถ้าเราให้เงินทำบุญไป แล้วเขาเอาไปทำบาป เราบาปด้วยไหม

บุญที่ได้ก็น้อยตามครับ บุญที่เกิดจากภวตัญหา ต้องดูที่คนรับด้วย แล้วให้ไปแล้วไปเจอสภาพความจริงยิ่งทำให้ใจเราไม่อิ่มบุญด้วย
ภวตัญหาคือตัญหาที่ทำให้เราทำความดี อยากไปสวรรค์ คือภวตัญหา เลยทำบุญเยอะๆ เป็นต้น

เจ้าของ:  โฮฮับ [ 25 ม.ค. 2011, 05:11 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ถ้าเราให้เงินทำบุญไป แล้วเขาเอาไปทำบาป เราบาปด้วยไหม

หัสพล พวงแก้ว เขียน:
ถ้าเราไม่รู้มาก่อนว่าเป็นพระปลอมก็ไม่บาปหรอกครับ แต่ถ้ารู้แล้วยังไปทำบุญกับพระรูปเดิมอีก คราวนี้นอกจากจะไม่ได้บุญแล้วกลับได้บาปแทนครับ เพราะเจตนาเราแค่จะทำบุญกับพระเท่า่นั้น และจริง ๆ แล้วตามกฎวินัยสงฆ์นั้นห้ามมิให้ภิกษุมาเรี่ยไรเงินทำบุญทอดผ้าป่า หรือทอดกฐิน นอกจากญาติโยมที่มีจิตศรัทธาจะทำบุญทอดกฐินหรือผ้าป่าให้กับวัดเท่านั้น

คุณหัสพลครับ การทำบุญกับพระปลอมนี่บาปด้วยหรือครับ?
เรามีเจตนาที่จะให้นี่บาปด้วยหรือครับ?
รู้ว่าเป็นพระเราก็ให้ รู้ว่าไม่ได้เป็นพระเราก็ให้ แบบนี้บาปด้วยหรือครับ?

ที่คุณบอกว่า มีเจตนาทำบุญกับพระ ก็ในเมื่อรู้แล้วว่าไม่ใช่พระ
ทำไมยังไปทำบุญอีกครับ....ผมเป็นงง? :b13:

เจ้าของ:  กบนอกกะลา [ 25 ม.ค. 2011, 22:32 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ถ้าเราให้เงินทำบุญไป แล้วเขาเอาไปทำบาป เราบาปด้วยไหม

เข้าท่า..เขาท่าดี..สงสัยได้ดี.. :b12: :b12:

รู้ว่าไม่ไช่พระจริง..แต่ก็ยังทำบุญด้วย..มันจะบาปไปได้ยังงัย..???..เข้าท่าแฮะ

สงสัย..พอทำบุญไปแล้ว..ใจก็เอาแต่สงสัย..ตำนิติเตียนพระปลอม..หงุดหงิด..จิตใจไม่แช่มชื่นเบิกบานละมั้ง...มันจึงบาป..

แต่ยังงัยก็รอท่านหัสพล..มาไขข้อข้องใจดีกว่าเน๊าะ.. :b4: :b4:

เจ้าของ:  halem1982 [ 26 ม.ค. 2011, 13:39 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ถ้าเราให้เงินทำบุญไป แล้วเขาเอาไปทำบาป เราบาปด้วยไหม

กบนอกกะลา เขียน:
อ้างคำพูด:
โดยส่วนตัวผมเชื่อในกฏแห่งกรรม เลยเชื่อว่าบาปครับ มากน้อยแล้วแต่เจตนา ผมเลยไม่ทำบุญกับพวกนี้เลย

กฎแห่งกรรม...ทำให้กรณีนี้บาปได้ยังงัยรึครับ?? :b10: :b10:


เพราะว่ากฏแห่งกรรม(ที่ผมเข้าใจนั้น)นั้นยุติธรรมมากครับ

ถึงขนาดว่า พ่อแม่ไปโกงกินเขามา โดยลูกไม่รู้เลยว่าพ่อแม่ทำอาชีพอะไร เอาเงินมาเลี้ยงลูก สอนลูกให้เป็นคนดี แต่ยังไงก็แล้วแต่ในกรณีนี้ ลูกก็ต้องได้รับผลกรรมเลวที่พ่อแม่ทำไว้อยู่ดี ด้วยเหตุว่าไปใช้เงินอันนั้นครับ ส่วนผลจะกลับมาเป็นอะไร อันนี้กระผมไม่รู้แจ้งครับ

หรือกรณีที่เคยได้ยินว่า มีคนคนนึง ไม่เคยมีวาสนาได้มีบ้านเป็นของตนเองเลย เก็บเงินได้จำนวน มาผ่อนบ้าน พอผ่อนใกล้ๆจะหมด ก็ต้องมีเหตุให้ขาดเงินมาผ่อน และโดนยึดทุกครั้งไป ปรากฏว่าสาเหตุคือคนๆนี้ เขามีอาชีพหารังผึ้งขายครับ
วิธีก็คือเอาไฟสุมควันให้ผึ้งทิ้งรังไปหมด แล้วตัดมาขาย เวรกรรมเลยส่งผลมาถึงฉะนี้แล

กล่าวโดยสรุป กฏแห่งกรรมที่ผมเข้าใจก็คือ ไม่ว่าท่านใดเกี่ยวพันกับผลที่เกิดนั้น ไม่ว่าทางใดก็ตาม ต้องได้รับผลกรรมนั้นๆ กรรมดี กรรมชั่วว่ากันไป หนักเบาขึ้นกับเจตนาเป็นสำคัญครับ

กรณีกระทู้นี้ผมจึงคิดว่าบาปด้วย เพราะเราเองมีผลกับกรรมชั่วนั้นด้วยครับ

เจ้าของ:  กบนอกกะลา [ 27 ม.ค. 2011, 20:54 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ถ้าเราให้เงินทำบุญไป แล้วเขาเอาไปทำบาป เราบาปด้วยไหม

halem1982 เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
อ้างคำพูด:
โดยส่วนตัวผมเชื่อในกฏแห่งกรรม เลยเชื่อว่าบาปครับ มากน้อยแล้วแต่เจตนา ผมเลยไม่ทำบุญกับพวกนี้เลย

กฎแห่งกรรม...ทำให้กรณีนี้บาปได้ยังงัยรึครับ?? :b10: :b10:


เพราะว่ากฏแห่งกรรม(ที่ผมเข้าใจนั้น)นั้นยุติธรรมมากครับ

ถึงขนาดว่า พ่อแม่ไปโกงกินเขามา โดยลูกไม่รู้เลยว่าพ่อแม่ทำอาชีพอะไร เอาเงินมาเลี้ยงลูก สอนลูกให้เป็นคนดี แต่ยังไงก็แล้วแต่ในกรณีนี้ ลูกก็ต้องได้รับผลกรรมเลวที่พ่อแม่ทำไว้อยู่ดี ด้วยเหตุว่าไปใช้เงินอันนั้นครับ ส่วนผลจะกลับมาเป็นอะไร อันนี้กระผมไม่รู้แจ้งครับ

คงเคยได้ยินคำนี้มาบ้างนะครับ...

เรา..
มีกรรม....เป็นแดนเกิด
มีกรรม....เป็นเผ่าพันธุ์
มีกรรม....เป็นผู้ให้ผล
มีกรรม....เป็นผู้ติดตาม.

คนที่เกิดมาเป็นพ่อแม่ลูกกันได้...มันก็มีกรรม(ที่ต้องรับ)..คล้าย ๆ กัน
นี้เอง..อาจจะเป็นเหตุว่า..ทำไมลูกจึง(เสมือน)รับกรรมที่พ่อแม่ทำใว้

อ้างคำพูด:
กล่าวโดยสรุป กฏแห่งกรรมที่ผมเข้าใจก็คือ ไม่ว่าท่านใดเกี่ยวพันกับผลที่เกิดนั้น ไม่ว่าทางใดก็ตาม ต้องได้รับผลกรรมนั้นๆ กรรมดี กรรมชั่วว่ากันไป หนักเบาขึ้นกับเจตนาเป็นสำคัญครับ

เรื่องกรรมเป็นเรื่องลึกซึ้งนัก...อาจจะเกินกำลังของความคิดไป
อ้างคำพูด:
กรณีกระทู้นี้ผมจึงคิดว่าบาปด้วย เพราะเราเองมีผลกับกรรมชั่วนั้นด้วยครับ

ผมคิดว่า..ไม่บาป :b12: ..

แต่ถ้า..เอาไปทำแท้ง...อันนี้..ไม่แน่... :b32: :b32:

เจ้าของ:  ccag [ 28 ม.ค. 2011, 21:50 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ถ้าเราให้เงินทำบุญไป แล้วเขาเอาไปทำบาป เราบาปด้วยไหม

ผู้ให้บริสุทธิ์ ทรัพย์บริสุทธิ์ ผู้รับไม่บริสุทธิ์ ผู้ให้ไม่บาปหรอกครับ แต่บุญไม่ครบ

คนดีมีพืชเมล็ดพันธุ์ดี ปลูกลงในดินที่อุดมสมบูรณ์ ไปด้วย น้ำ แร่ธาตุ ดูแลกำจัดวัชพืชอย่างดี พืชย่อมให้ผลมาก และให้แมล็ดพันธุ์ที่ดี เอาไว้ปลูกต่อไป ฉันใดก็ฉันนั้น หากพื้นดินแห้งแล้ง ขาดคนดูแล พืชย่อมไม่ให้ผล

เจ้าของ:  อินทรีย์5 [ 02 ก.พ. 2011, 00:17 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ถ้าเราให้เงินทำบุญไป แล้วเขาเอาไปทำบาป เราบาปด้วยไหม

อ้างคำพูด:
เราจะบาปด้วยไหมครับ เพราะเราเองก็มีส่วนในกรรมนั้นเหมือนกัน

คงไม่บาปครับ อะไรที่ทำไปโดยบริสุทธิมันเปนบุญสิคับ บุญคือความสบาย หรือการให้สิ่ง
ใดสิ่งหนึ่ง่ที่ดีออกไปโดยไม่หวังผลตอบแทน ถ้าหวังผลบุญจะสิ่งที่ทำไปจะบริสุทธิหรอ หรือถ้ามาร้ทีหลัง
แล้วว่าพระนี้เปนพระปลอมแล้วเกิดความเสียดายในสิ่งที่ทำ หรือรู้สึกว่าไม่น่าให้ทานแก่คนประเภทนี้เลย
เกิดความรู้สึกไม่ดีทำให้จิตเศร้าหมองได้ จิตเศร้าหมองจากความร้สึกที่ไม่ดีอันนี้แหละทำให้จิตเป็นอกุศล
จะเปนบาปแทน การให้ทานแม้ให้แก่คนไม่ดี ถ้าตั้งใจให้100% ผลบุญที่ได้ก้100 %

เพียงแต่ถ้าคิดในทางโลก จะรู้สึกว่าส่งเสริมให้คนประเภทนี้หากินแบบทุจริต จึงไม่ควรจะไปทำบุญกับพระปลอมถ้าเรารู้ซะก่อน บุญหรือบาปขึ้นอยู่กับเจตนาเป็นหลัก เจตนานี้เป็นตัวทำให้เกิดกฎแห่งกรรม เกิดการกระทำกรรม เกิดสิ่งที่สืบเนื่องจากกรรมที่ทำไว้ เกิดผลกรรมที่ตามมาอย่างเลี่ยงไม่ได้:b40:

เจ้าของ:  halem1982 [ 07 ก.พ. 2011, 11:02 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ถ้าเราให้เงินทำบุญไป แล้วเขาเอาไปทำบาป เราบาปด้วยไหม

ขอบคุณทุกความเห็นครับ

กล่าวโดยสรุปคือ ไม่บาป

แต่ผมก็ยังสงสัยต่อไปอีกว่า ทำไมเราต้องแสวงหาพระแท้แล้วไปทำบุญกับท่านครับ

ไม่ใช่เพราะว่าเรามั่นใจว่าท่านจะเอาเงิน(ขอแทนด้วยเงินละกันครับ ในที่นี้อาจหมายรวมไปถึงสิ่งอื่นๆด้วยที่นำไปถวาย)
ของเราไปใช้ในทางที่ดีหรือครับ ซึ่งทำให้เราได้บุญมาก หรือเต็มเม็ดเต็มหน่วย
เช่น ต้องรีบทำบุญกับพระบวชใหม่ ศีลยังครบอยู่ ตอนผมบวชเสร็จก็ได้มาเต็มย่ามเลย
หรือ ต้องฝ่าฟันเบียดเสียดกันไปหาหลวงพ่อคูณ เพื่อถวายเงินท่าน และเกจิอีกหลายรูป

หรือว่านี่เป็นความเชื่อที่ผิด เพราะจริงๆแล้วทำบุญกับพระวัดข้างบ้านก็ได้บุญเท่ากันครับ

ขอบคุณครับ

เจ้าของ:  halem1982 [ 08 ก.พ. 2011, 13:25 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ถ้าเราให้เงินทำบุญไป แล้วเขาเอาไปทำบาป เราบาปด้วยไหม

ทักษา เขียน:
halem1982 เขียน:
ไม่ใช่เพราะว่าเรามั่นใจว่าท่านจะเอาเงินของเราไปใช้ในทางที่ดีหรือครับ ซึ่งทำให้เราได้บุญมาก หรือเต็มเม็ดเต็มหน่วย


การทำบุญสำหรับผม ไม่ได้หวังว่าจะได้บุญ ผมทำบุญเพราะว่าผมอยากจะทำ เพราะทำแล้วสบายใจ
ความสบายใจนั่นแหละครับที่ผมเรียกว่า "บุญ" ...


แสดงว่าถ้าผมไปดูหนัง แล้วสบายใจ หรือ ไปเที่ยวแล้วสบายใจ

ผมก็ได้บุญ ในความหมายนี้สิครับ ใช่ป่าว

เจ้าของ:  Bwitch [ 08 ก.พ. 2011, 15:17 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ถ้าเราให้เงินทำบุญไป แล้วเขาเอาไปทำบาป เราบาปด้วยไหม

halem1982 เขียน:
ทักษา เขียน:
halem1982 เขียน:
ไม่ใช่เพราะว่าเรามั่นใจว่าท่านจะเอาเงินของเราไปใช้ในทางที่ดีหรือครับ ซึ่งทำให้เราได้บุญมาก หรือเต็มเม็ดเต็มหน่วย


การทำบุญสำหรับผม ไม่ได้หวังว่าจะได้บุญ ผมทำบุญเพราะว่าผมอยากจะทำ เพราะทำแล้วสบายใจ
ความสบายใจนั่นแหละครับที่ผมเรียกว่า "บุญ" ...


แสดงว่าถ้าผมไปดูหนัง แล้วสบายใจ หรือ ไปเที่ยวแล้วสบายใจ

ผมก็ได้บุญ ในความหมายนี้สิครับ ใช่ป่าว


:b9: :b6: เอาเรื่องทำบุญกะดูหนังมาผสมปนเปกันอีก
รูปภาพ

เจ้าของ:  Bwitch [ 08 ก.พ. 2011, 15:20 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ถ้าเราให้เงินทำบุญไป แล้วเขาเอาไปทำบาป เราบาปด้วยไหม

วิธีสร้างบุญบารมี

สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช
สกลมหาสังฆปริณายก องค์ที่ ๑๙
วัดบวรนิเวศวิหาร

บุญ ความหมายตามพจนานุกรมพุทธศาสน์ของพระราชวรมุนี (ประยุทธ์ ปยุตฺโต) กล่าวว่า บุญ คือ เครื่องชำระสันดาน ความดี กุศล ความสุข ความประพฤติชอบทางกาย วาจา และใจ กุศลธรรม

บารมี คือ คุณความดีที่บำเพ็ญอย่างยิ่งยวด เพื่อบรรลุจุดหมายอันสูงยิ่ง



วิธีสร้างบุญบารมีในพระพุทธศาสนามีอยู่ ๓ ขั้นตอน คือการให้ทาน การถือศีล และการเจริญภาวนา ที่นิยมเรียกกันว่า "ทาน ศีล ภาวนา" ซึ่งการให้ทานหรือการทำทานนั้น เป็นการสร้างบุญที่ต่ำที่สุด ได้บุญน้อยที่สุด ไม่ว่าจะทำมากอย่างไรก็ไม่มีทางที่จะได้บุญมากไปกว่าการถือศีลไปได้ การถือศีลนั้นแม้จะมากอย่างไร ก็ไม่มีทางที่จะได้บุญมากเกินไปกว่าการเจริญภาวนาไปได้ ฉะนั้น การเจริญภาวนานั้น จึงเป็นการสร้างบุญบารมีที่สูงที่สุด ได้มากที่สุด ในทุกวันนี้เรารู้จักกันแต่การให้ทานอย่างเดียว เช่นการทำบุญตักบาตร ทอดกฐินผ้าป่า สละทรัพย์สร้างโบสถ์ วิหาร ศาลาการเปรียญ ส่วนการถือศีล แม้จะได้บุญมากกว่าการทำทาน ก็ยังมีการทำกันเป็นส่วนน้อย เพื่อความเข้าใจอันดี จึงขอชี้แจงการสร้างบุญบารมี อย่างไรจึงจะเป็นการลงทุนน้อยที่สุด แต่ได้บุญบารมีมากที่สุดดังนี้คือ......

สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสเอาไว้ว่า แม้วัตถุทานจะบริสุทธิ์ดี เจตนาในการทำทานจะบริสุทธิ์ดี จะทำให้ทานนั้นมีผลมากหรือน้อย ย่อมขึ้นอยู่กับเนื้อนาบุญเป็นลำดับต่อไปนี้ คือ....

ศึกษาต่อที่นี่ค่ะ
viewtopic.php?f=6&t=24533

กรณีนี้
เมื่อศึกษาแล้ว สามารถวางใจได้ หมดสิ้นความกังวล สงสัย นาทีนั้น ใจคุณก็เป็นบุญแล้วค่ะ
(เปล่าประโยชน์ที่จะมัวกังวลใจในสิ่งที่ผ่านมาแล้ว หรือกระวนกระวายใจในสิ่งที่ยังมาไม่ถึง)
ให้ไปตั้งนานแล้ว ก็น่าจะปล่อยวางได้แล้ว
เจริญในธรรม รูปภาพ

หน้า 1 จากทั้งหมด 2 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/