ลานธรรมจักร
http://www.dhammajak.net/forums/

ต้องการให้แม่ชีใหญ่ตรวจกรรมและแก้กรรม ทำอย่างไรค่ะ
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=35699
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

เจ้าของ:  สุธาทิพย์ [ 11 ธ.ค. 2010, 21:06 ]
หัวข้อกระทู้:  ต้องการให้แม่ชีใหญ่ตรวจกรรมและแก้กรรม ทำอย่างไรค่ะ

ต้องการให้แม่ชีใหญ่ตรวจกรรมและแก้กรรม ทำอย่างไรค่ะ

เจ้าของ:  เจโตวิมุติ [ 12 ธ.ค. 2010, 16:35 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ต้องการให้แม่ชีใหญ่ตรวจกรรมและแก้กรรม ทำอย่างไรค่ะ

:b42: บุญนั้นทำแทนกันไม่ได้-กรรมนั้นแก้แทนกันไม่ได้ บุญและกรรมเกิดแต่เหตุ เมื่อเหตุเป็นเช่นไร ผลมันจึงออกมาเป็นเช่นนั้น คนทำกรรมอย่างไร ทำบุญอย่างไร ผลมันจึงเป็นปัจจัตตัง ในโลกนี้ล้วนเป็นมนุษย์ทั้งนั้น ที่ต่างกันคือกิเลสมาก กิเลสน้อย ปัญญาดี หรือปัญญาทราม พระอรหันต์อาจมีได้ แต่ไม่มีผู้วิเศษ ถ้ามีโปรดแสดงตนเหาะมาให้ดูหน่อย เราไม่ใช่คนขวางโลก แต่ตั้งแต่ศึกษาธรรมมะและปฏิบัติมาชั่วชีวิต โง่มาก่อนฉลาดทั้งนั้น จนวันนี้ถึงแม้ไม่หลุดพ้นจากทุกข์ แต่ก็ไม่ลังเลสงสัยในธรรมแล้ว หลวงพ่อชาเป็นอาจารย์ที่เราเลื่อมใสมาก ไม่รู้ท่านเป็นพระอรหันต์หรือไม่ ท่านหนีกรรมพ้นไหม ก่อนสิ้นท่านนอนเป็นผักอยู่นานมาก ในยามนั้นไม่รู้จิตท่านอยู่ในสภาวะใดเกินคนธรรมดาจะคาดเดา หลวงพ่อเทียนท่านเหมือนจะหลุดพ้นตั้งแต่เป็นฆราวาส แล้วค่อยมาบวช เผยแพร่ธรรมมะอยู่30กว่าปี ท่านไม่เคยเรียนหนังสือ ไม่เคยท่องบ่นพระไตรปิฎก แต่วิธีปฏิบัติ และการดับทุกข์ของท่านไม่เคยส่งจิตออกนอกกายเลย กอ่นสิ้นเข้าใจว่าท่านเป็นมะเร็งที่กระเพาะอาหาร ถ้าท่านหลุดพ้นจริงความเจ็บปวดนั้น ย่อมไม่เกิดแจ่จิตของท่านแน่ แต่ท่านหนีกรรมพ้นไหมที่จะไม่ต้องเป็นมะเร็ง
...อาจารย์สองท่านที่กล่าวมา ท่านหนึ่งไม่จบประถม4(ถ้าจำไม่ผิด) อีกท่านไม่เคยเรียนหนังสือ เช่นเดียวกับท่านเว่ยหลาง ไม่รู้หนังสือด้วยซ้ำผู้คนยกย่องทั้ง3ท่านว่าเป็นพระอรหันต์ สั่งสอนคนให้ปฏิบัติพ้นทุกข์ไปมากมาย จิตเท่านั้นที่อยู่เหนือทุกข์และสุข กายก็เป็นไปตามธรรมชาติ
.......ไม่มีหรอกวิธีแก้กรรม กรรมมันเป็นนามธรรม ไม่ใช่วิทยุ โทรทัศน์ที่เสียแล้วจะได้หาคนมาแก้ให้ดีเหมือนเดิมได้ ผู้วิเศษก็ไม่เคยเห็น อยู่ภายใต้กฏเกณฑ์เดียวกัน เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งนั้น บุญกุศลคือทางเลือกสุดท้าย ของมนุษย์ ใช้ปัญญาพิจารณา สร้างศรัทธาในบุญกุศลเถิด.....เจโตวิมุติ

เจ้าของ:  เจโตวิมุติ [ 12 ธ.ค. 2010, 20:23 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ต้องการให้แม่ชีใหญ่ตรวจกรรมและแก้กรรม ทำอย่างไรค่ะ

:b42: เราจะไม่เข้ามาอ่านแล้ว รู้สึกท้อใจที่กระดานธรรมมะ ไม่ค่อยได้ช่วยคนมามืด-ให้ไปสว่าง มืดมา-ก็มืดไป ไม่มีใครกล้าพูดธรรมมะแท้ ทั้งๆที่พระพุทธองค์ และพระอรหันต์ทั้งหลาย ตรัสไว้ชัดเจน ว่าอวิชชา ความเห็นผิดนี่เป็นต้นเหตุให้คนเข้าไมถึงแก่นศาสนา 3 ข้อใหญ่ๆนี้ครูบาอาจารย์ใครอยากเป็นต้องสอน ต้องกล้าพูด
.......ตัวตน ตัวกูของ(อัตตานุทิฐิ)นี้ ต้องพูดต้องสอนกันให้เข้าใจว่ามันคืออะไร มันบังแก่นศาสนาอย่างไร เข้าใจว่ามันละยากแต่อย่างน้อยต้องสอนให้รู้จัก คอยควบคุมมันทำให้มันเล็กลงได้บ้างแม้เพียงเล็กน้อยก็ยังดี
.......ความลังเลสงสัยในธรรม(วิจิกิจฉา)ความลังเลสงสัยในธรรมนี่ตัวที่ สอง อะไรทีไม่ใช่ทางเขาถามมา ไม่ใช่ตอบไปเสียหมด เขาถามว่าพระพุทธเจ้าไปเปิดโลก 3 บนสวรรค์ด้วย กายเนื้อหรือกายทิพย์ ถามแม้เรื่องมนุษย์ต่างดาว ก็ยังอุตส่าห์สรรหาข้อมูลมาตอบ มันเกี่ยวกับเรื่องทุกข์และความดับทุกข์ตรงไหน เรื่องอย่างนี้พระพุทธองค์ไม่ทรงตอบ เพราะมันไม่ใช่ทาง(ไม่เกี่ยวกับการดับทุกข์ ไม่ช่วยให้ ศีล สมาธิ ปัญญา เจริญขึ้น) เขาถามมามืด-เราตอบไปเขากลับมืดลงกว่าเดิม ไม่ได้สว่างขึ้นเลย
........ความเชื่อโชคลาง หมอดู ยึดติดในพิธีกรรมต่างๆ(ลีลัพพรตปรามาส) อันนี้แหละปราการใหญ่ของชาวพุทธ ที่บังตัวศาสนา มันเกิดก่อนพุทธศาสนา แต่เมื่อผู้รู้เกิดขึ้น ความไม่รู้นี้ต้องดับไป ต้องช่วยกันดับ การบวชต้องจัดงานใหญ่โต ล้มวัวล้มควาย การทำบุญทำทานต่างๆต้องมีพิธีกรรมไปเสียหมด ทำดีทุกครั้งมันไม่ถึงที่สุดแห่งดี ไปติดอยู่แค่เปลือกคือตัวพิธีกรรมนี่แหละ
......วันนี้ เจโตวิมุติ ยอมโดนด่าด้วยความเต็มใจ ที่ต้องพูดขัดใจ เราปารวณาตัวแล้ว ว่าจะไม่สอนใคร จะเข้ามาแชร์ประสบการณ์ จากการบวชและปฏิบัติธรรมเท่านั้น พูดครังนี้เป็นครั้งสุดท้าย และฝากคนที่เป็นครูบาอาจารย์ในกระดานนี้ด้วย ถ้าเห็นด้วยกับเรา เขามืดมา-ช่วยทำให้เขาสว่างไ
.......เจโตวิมุติ

เจ้าของ:  Bwitch [ 13 ธ.ค. 2010, 14:54 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ต้องการให้แม่ชีใหญ่ตรวจกรรมและแก้กรรม ทำอย่างไรค่ะ

รูปภาพ

สาธุ อนุโมทนาค่ะ

เจ้าของ:  ทักทาย [ 13 ธ.ค. 2010, 23:41 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ต้องการให้แม่ชีใหญ่ตรวจกรรมและแก้กรรม ทำอย่างไรค่ะ

อนุโมทนาค่ะท่าน เจโตฯ :b8:


เจ้าของ:  อานาปานา [ 14 ธ.ค. 2010, 23:50 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ต้องการให้แม่ชีใหญ่ตรวจกรรมและแก้กรรม ทำอย่างไรค่ะ

ท่านเจโตฯ เห็นท่านฯรำพึงรำพัน เป็นวิตกกังวลผิดหวัง จึงเข้ามาเยี่ยมเยียน

ท่านฯอย่าได้ตำหนิครูบาอาจารย์ท่านเลย ครูบาอาจารย์ท่านมีภูมิปัญญาสูงกว่า
ท่านย่อมสามารถมองเห็นภูมิปัญญาของบุคคลที่ต่ำกว่าได้ชัดเจน

เปรียบเสมือนท่านยืนอยู่บนยอดเขา เเล้วมองเห็นทิศทางโดยรอบ
ทั้งรู้..ทั้งเห็น..ว่าทางใด..เป็นทางที่ลัดสั้นที่สุด..ที่จะขึ้นมายังยอดเขานั้น
อีกทั้งยังเห็น..ผู้ที่อยู่เบื้องล่างกำลังเดินอยู่อย่างไร...
บางคนเดินวนเวียนอยู่ในที่เดิม..บางคนกำลังเดินลงเหว..
บางคนก็เดินอ้อม...สุดวิสัยที่ท่านจะบุ้ยใบ้บอกทางลัดสั้น..ให้กับคนเหล่านั้นได้
หรือเเม้จะส่งสัญญาณบอกไป..คนเหล่านั้นก็อาจตีความหมายผิดไปตามเเต่ภูมิปัญญาของเขา
ก็ได้เพียงเเต่..หวังให้คนเหล่านั้นได้พบหนทางขึ้นมาถึงจุดสุดยอดในวันใดวันหนึ่ง

ครั้งหนึ่ง..พระโพธิราชกุมาร ได้ทูลถามสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า..
..พระองค์สอนสาวกนานเท่าไร จึงจะได้มรรค ผล นิพพาน?

พระองค์ตรัสย้อนไปว่า..ท่านมหาบพิตร ท่านทรงช้างถือขอ..ท่านจะรับสอนคนเหล่านี้ไหม?
๑. ไม่มีศรัทธา เรียนก็ไม่สำเร็จ..เหมือนคนมีศรัทธา
๒. เป็นคนสุขภาพไม่ดี ขี้โรค เรียนก็ไม่สำเร็จ เหมือนคนสุขภาพดี
๓. คนโอ้อวด มีมายา เรียนเท่าไรก็ไม่สำเร็จ เหมือนคนไม่โอ้อวด ไม่มีมายา
๔. คนขี้เกียจ เรียนก็ไม่สำเร็จ เหมือนคนขยันเรียน
๕. มีปัญญาทราม เรียนเท่าไรก็ไม่สำเร็จ เหมือนคนมีปัญญาดี

พระโพธิราชกุมาร ตอบว่า..เเค่ข้อเดียว ก็ไม่สอน..พระเจ้าข้า

ฉันใดก็ฉันนั้น..ตถาคต..ก็ไม่สอน..เช่นกัน...

เเล้วตรงนี้ก็ไม่ใช่จุดหมายปลายทางของท่านเจโตฯ มิใช่หรือ
ยิ่งเดินใกล้จุดหมายเท่าไร...มารยิ่งเริ่มทำงานมากขึ้นเท่านั้น
ขอท่านเจโตฯพึงระวัง...ตัวที่ร้ายที่สุด..ก็คือ.อภิสังขารมาร

ครูบาอาจารย์ท่าน กล่าวไว้ว่า...มีสติรักษาจิต :b8:

เจ้าของ:  เจโตวิมุติ [ 16 ธ.ค. 2010, 09:58 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ต้องการให้แม่ชีใหญ่ตรวจกรรมและแก้กรรม ทำอย่างไรค่ะ

:b42: ขอบคุณคุณอานาปามาก กับการกล่าวโดยธรรม ธรรมเป็นเครื่องเตือนสติ ขอน้อมรับ จริงๆแล้วอย่างที่ท่านว่า เราไม่ยินดีกับการเข้ามาพูดมาแสดงความคิดเห็น เราไม่ยินดีกับการสรรสรรญเยิญยอของใคร แต่ที่บางครั้ง ต้องเข้ามาพูดบ้าง เพราะยังเป็นปุถุชน อุเบกขาไม่ไหว ก็เท่านั้น ขอบคุณมาก....เจโตวิมุติ

เจ้าของ:  อานาปานา [ 23 ธ.ค. 2010, 12:17 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ต้องการให้แม่ชีใหญ่ตรวจกรรมและแก้กรรม ทำอย่างไรค่ะ



เมื่อ "เธอ" ไม่มี !

พาหิยะ ! เมื่อใดเธอ..เห็นรูปแล้ว..สักว่าเห็น,
ได้ฟังเสียงแล้ว..สักว่าฟัง,
ได้กลิ่น, ลิ้มรส, สัมผัสทางผิวกาย...ก็สักว่า..ดม ลิ้ม สัมผัส,
ได้รู้แจ้งธรรมารมณ์..ก็สักว่า..ได้รู้แจ้ง แล้ว;

เมื่อนั้น "เธอ" จัก..ไม่มี.
เมื่อใด"เธอ" ไม่มี;
เมื่อนั้นเธอก็..ไม่ปรากฏในโลกนี้,..ไม่ปรากฏในโลกอื่น,
ไม่ปรากฏ..ในระหว่างแห่งโลกทั้งสอง :
นั่นแหละ คือ...ที่สุดแห่งทุกข์ ละ.


- อุ. ขุ. ๒๕/๘๓/๔๙.

หน้า 1 จากทั้งหมด 1 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/