ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
สภาวะ มีความหมายอย่างไร? http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=35263 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 2 |
เจ้าของ: | จัทร์เพ็ญ [ 26 ต.ค. 2010, 11:43 ] |
หัวข้อกระทู้: | สภาวะ มีความหมายอย่างไร? |
ถามเรื่อง สภาวะ มีความหมายอย่างไร? พอจะมีตัวอย่างเปรียบเทียบให้เข้าใจง่ายๆ หรือเปล่าค่ะ สาธุคะ ![]() |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 26 ต.ค. 2010, 15:18 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: สภาวะ มีความหมายอย่างไร? |
สภาวะ = ส+ภาว แปลตามพยัญชนะว่า เป็นเอง มีเอง เกิดเอง ตัดมาจาก "สภาวธรรม" สิ่งที่เป็นเอง มันเป็นของมันเอง ยกตัวอย่างเช่น ฝนตก ฝนหยุด ฝนแล้ง แดดออก แดดร่ม เป็นสภาวะของมัน มันเป็นของมันเอง |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 26 ต.ค. 2010, 15:26 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: สภาวะ มีความหมายอย่างไร? |
ดูสภาพหรือสภาวะหรือสภาวธรรมหรือธรรมะใกล้ๆบ้าง เช่น ตอนนี้ฝึกทำสมาธิและสวดมนต์ค่ะ ทำมาได้วันที่ 6 แล้ว แต่ไม่ได้ทำสมาธินานเลยนะ 20 นาที แต่ทำบ่อยค่ะ ทำทั้งวัน ตอนไหนว่างก็ทำ สวดมนต์เช้า กลางวัน เย็น กรวดน้ำทุกครั้ง ทำไมรู้สึกกล้วผีจังเลยค่ะ รู้สึกเหมือนมีคนอยู่กับเราตลอดเลย กลัวมากๆเลยนะ ตอนเนี้ย ใจมันโหวงเหวง บอกไม่ถูก กลัวเห็น ทั้งๆที่เราก็อยากรู้ว่ากรรมเรามันคืออะไร แต่กลัว โทรไปบอกให้น้องสาวกลับบ้านเร็วๆ ทำไงจะข่มใจได้ค่ะ http://fws.cc/whatisnippana/index.php?topic=14.0 |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 26 ต.ค. 2010, 15:29 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: สภาวะ มีความหมายอย่างไร? |
อีกสักตัวอย่างคงพอมองเห็นเค้าคำถาม นอนสมาธิอยู่ดีๆ รู้สึกเหมือนนอนอยู่กลางแดด เหงื่อท่วมตัวไปหมด ทั้งๆ ที่นอนอยู่ในที่ร่มแท้ๆ http://fws.cc/whatisnippana/index.php?topic=41.0 |
เจ้าของ: | kokorado [ 26 ต.ค. 2010, 15:54 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: สภาวะ มีความหมายอย่างไร? |
ปล. :ข้อมุล จากมหาสติถาม :ค่ะ อยากให้อาจารย์ได้อธิบายคำว่าบรรลุธรรมค่ะ เพราะเวลาที่เพื่อนๆ ส่งคำถามขึ้นมาเนี่ย จะทำให้เข้าใจได้ว่าเพื่อน ๆ ยังไม่เข้าใจในเรื่องธรรมะขององค์สมเด็จ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะฉะนั้นจะมีหลายคำถามเลยคะ ที่ได้ใช้คำว่าบรรลุธรรม และไม่เข้าใจว่าการบรรลุธรรมนั้นหมายความว่าอะไรคะ อาจารย์ : ธรรมคือสภาวะแห่งความเป็นจริง ธรรมะทีพระพุทธเจ้าทรงสอนแล้ว คือสภาวะที่ประเสริฐที่เป็นประโยชน์สูงสุดสำหรับทุกคน ดังนั้นการบรรลุธรรมคือ การบรรลุสภาวะที่ประเสริฐที่เกิดประโยชน์ สูงสุดต่อชีวิตของเราจริง ๆ การจะบรรลุธรรมนั้น มีอยู่สามอย่างที่เราจะต้องผ่านนะ หนึ่ง รู้ธรรมในขั้นนี้จริง ๆ พวกเรารู้ธรรมกันมาเยอะแล้ว รู้ใช่ไหมว่าอะไรดี อะไรชั่ว อะไรควร อะไรไม่ควรก็รู้ สมาธิก็รู้ รู้ว่ามันมีสมาธินะ สมาธินี้มีประโยชน์จริงนะ ถ้าเข้าได้ จึงมาฝึกกันอยู่นี่ ที่สุดของชีวิตคือความตาย ที่สุดของทุกสิ่งคือความบริสุทธิ์ รู้ใช่ไหม นั้นแสดงว่ารู้ธรรมแล้ว แต่ส่วนใหญ่เราจะรู้แบบด้าน ๆ โดยไม่มีความเข้าใจลึกซึ้ง เมื่อเข้าใจไม่ลึกซึ้งก็จะไม่สามารถสร้าง know how จากการรู้นั้นได้ เมื่อไม่เข้าใจ ก็ไม่รู้วิธีการทำให้เกิด ไม่รู้วิธีการทำให้ตั้งอยู่ ไม่รู้วิธีการนำมาใช้เพราะไม่เข้าใจ ดังนั้นต้องทำให้เข้าใจด้วย การเข้าใจนั้นจะต้องไปเข้าใจองค์ประกอบและกลไก ในรายละเอียดต่าง ๆ ของสมาธิว่ามีอะไรเป็นองค์ประกอบบ้าง อย่างถ้าเราจะต้องสร้าง และเข้าสมาธิขึ้นมาเดี๋ยวนี้ เราจะต้องทำอย่างไรบ้าง เอาอะไรเป็นองค์ประกอบ เอาบรรยากาศ เป็นองค์ประกอบไหม เอาความตั้งใจเป็นองค์ประกอบไหม เอาสัญญาเก่ามาเป็นองค์ประกอบไหม เอาอารมณ์ใดมาเป็นองค์ประกอบ นี้ต้องเข้าใจ แล้วจะทำให้มันประกอบกันในสัดส่วนใด ตามขั้นตอนอย่างไร สมาธิจึงจะเกิดตาม ปรารถนา นี้คือความเข้าใจ หลังจากที่เราเข้าใจแล้วปฏิบัติไปเรื่อย ๆ ก็จะบรรลุธรรมโดยลำดับ ธรรมะโดยลำดับก็คือว่า เอาระดับหยาบก่อน อย่างเช่นการที่เราจะบรรลุสมาธิหรือ เข้าสู่สภาวะสมาธิก็คือทำให้สมาธิเป็นสภาวะแห่งเรา ณ ขณะนั้น เราเป็นสมาธิจริง ๆ ไม่ใช่เพี่ยงแค่เข้าใจสมาธิว่าฉันเข้าใจแล้วสมาธิน่ะ ฌาณหนึ่งมันจะต้องวิตกอยู่กับ องค์บริกรรมนะ แล้วต้องคอยวิจารณ์ ดูว่ามันเล็ก มันใหญ่ มันเบามันดังแค่ไหน อันนั้นแค่ความเข้าใจ ซึ่งยังไม่พอ จะต้องอยู่สภาวะนั้นจริง ๆ ทำจริง ๆ ทำจนกระทั่ง ได้สภาวะนั้นจริง ๆ เราก็จะบรรลุขั้นนั้น พอเราบรรลุขั้นยิ่ง ๆ ขึ้นไป ก็ในทำนองเดียวกัน คือเราต้องทำให้เข้าสภาวะนั้นจริง ๆ เอาอะไรให้เข้าสภาวะ ก็เอาใจของเรานั้นแหละ ดังนั้นสภาวะนั้นมันอยู่ที่ไหน มันก็อยู่ที่ใจของเรา ในใจของเรานั้นมันมีหลายสภาวะ เจตสิกทั้งหลายนั้นเมื่อมันรวมกัน โดยส่วนผสมที่ซับซ้อนสามารถเป็นได้กว่าสามหมื่นกว่าสภาวะ ถ้าแบ่งอย่างหยาบ ๆ ปรากฏได้ 121 สภาวะที่เราเรียกว่าจิต 121 ดวงนั่นเอง ดวงก็คือภาวะ ใจดวงเดียวแต่มี อาการปรากฎได้ 121 ภาวะใหญ่ ภาวะเหล่านี้มันอยู่ในใจของเราทั้งสิ้น เมื่อเราเข้าไป เป็นหนึ่งเดียวกับภาวะนั้น แล้วเรียกว่าสภาวะ เมื่อเราคุ้นเคยกับสภาวะจนควบคุมมันได้ บริหารมันได้ ใช้ประโยชน์จากมันได้เต็มที่ตลอดเวลาที่ปรารถนาก็เรียกว่าบรรลุธรรม นั้น ๆ ดังนั้นเมือทราบว่าสภาวะธรรมใดดีก็ต้องสร้างมันขึ้นมา หรือสภาวะใดมีอยู่แล้วแต่เราละเลยมัน ก็ต้องเข้าไปหามันใหม่ พอเป็นปัญญานี่ ปัญญามันจะมีอยู่สองขั้นตอน ขั้นตอนแรกคือ เราเห็นด้วยจิตของเราจริง ๆ หลังจากที่เราฝึกสมาธิของเรามาดี นิ่ง สว่าง ว่างพอสมควร เราเห็นด้วยจิตของเราจริง ๆ อย่างการเห็นธรรมชาตินั้นคือเห็นตัวธรรมชาติจริง ๆ ไม่ใช่เห็นแค่ต้นไม้ สายน้ำ ภูเขา แล้วบอกว่านี่คือธรรมชาติ ไม่ใช่นะ นั่นเป็นแค่ปรากฏการณ์ แห่งธรรมชาติ ยังไม่ใช่สภาวะธรรมชาติจริง ๆ หรือว่าธรรมชาติคือ ดิน น้ำ ลม ไฟ ฟ้า อากาศ ไม่ใช่นะ นั้นไม่ใช่ นั้นมันแค่ระดับความเข้าใจ ไม่ใช่ตัวปัญญา ปัญญาแท้นั้นมันเห็นเมทริกซ์ แห่งความมีอยู่และเป็นไปนะ รู้จักเมทริกซ์กันไหม หนังที่เขาสร้างเรื่องเมทริกซ์นะ นั่นเป็นส่วนหนึ่งที่เขาพยายามอธิบาย ก็ดีเหมือนกันแต่ยังไม่สมบูรณ์ เมทริกซ์ก็คือสภาพ ความสัมพันธ์อันซับซ้อนของความมีอยู่เป็นอยู่ ปัญญมันเห็น แม้ในระดับรากเหง้า และระดับ องค์ประกอบอันละเอียดอ่อน เห็นโครงสร้างทั้งหมดของธรรมชาติ ซึ่งเห็นด้วยตัวจิตโดยตรง คือ เอาจิตไปสัมผัสธรรมชาติโดยตรง อันนี้เป็นปัญญขั้นหนึ่ง ปัญญาขั้นที่สองเกิดขึ้นได้โดยเอาสภาวะแห่งใจไปเป็นสิ่งนั้น หรือเอาสิ่งนั้นมาเป็นใจ ให้ได้ นั้นคือปัญญาในการสร้างความสัมพันธ์เชิงสัมพัทธ์หรือบริหารธรรมชาติ เราอาจจะ เอาตัวเองไปเป็นสิ่งนั้น เราเลือกแล้วว่าธรรมชาติแห่งความว่างที่รองรับความมีทังหลายอยู่นั้น มันสงบล้ำลึก เราเอาตัวเองไปเป็นความว่างให้ได้ นั่นเป็นปัญญาขั้นที่สอง ทำหลังจากเห็น ด้วยจิตโดยตรง เราก็เอาไปเป็นโดยตรง นั่นคือบรรลุปัญญาขั้นสอง การบรรลุธรรมสุดยอดนั้นก็คือ หลังจากที่เรารู้เห็นทั้งหมดและเลือกเป็นบางอย่างแล้ว เราจะประจักษ์แจ้งว่าเป็นอะไรมันก็ไม่ประเสริฐเท่ากับความบริสุทธิ์ แล้วเราก็จะละ ความเป็นทั้งหมด แม้กระทั่งความว่าง เป็นผู้ประเสริฐ เป็นผู้วิเศษ เป็นคนดี เป็นสารพัดเป็น ละทิ้งหมด จนกระทั่งมันเหมือนกับเกิดอีกสภาวะหนึ่งขึ้นมาซึ่งไม่ใช่อะไรในธรรมชาติเลย มันเหนือธรรมชาติ ที่เราเรียกกันว่าพุทธะ นั่นแหละคือความบริสุทธิ์ ถ้าเริ่มเข้าเขตนิด ๆ ก็เริ่มเข้าเขตชั้นต้นเรียกว่าโสดาบัน ถ้ามากขึ้นก็จะเข้าเขตสกทาคามี ถ้ามากขึ้นก็เรียกอนาคามี ถ้าเต็มที่เต็มรอบร้อยเปอร์เซ็น พระพุทธเจ้าทรงใช้คำว่าเต็มรอบ เมื่อนั้นก็เป็นพระอรหันต์ ตอนที่เข้าเขตความบริสุทธิ์ล้วน ๆ นั้น จะมีปรากฏการณ์เกิดขึ้นในสารบบขันธ์ของเรา ทั้งร่างกายและจิตใจ เปลี่ยนไปชนิดหน้ามือเป็นหลังมือ มันจะเกิดอาการซึ่งแต่ละคนไม่เหมือนกัน บอกได้แต่เพียงว่าอาการดั่งว่าจะตาย จะบอกตัวอาการไม่ได้ เดี๋ยวจะเกิด mood making ขึ้นมา แล้วมันจะไม่ใช่ของจริง ดังนั้น เวลาเกิดอาการดั่งว่าจะตาย อย่ากลัวตาย ยอมตายไปเลย พอทะลุตรงนั้น แล้วจะเข้าเขตการบรรลุธรรมแท้จริง แต่คนส่วนใหญ่พอเจอตรงนั้น โอ้ยกลัว ถอยกลับ ๆ คือจ่อไปที่ประตูแล้วก็ถอยกลับ เลยไม่ทะลุธาตุถึงธรรมกันเสียที ฉะนั้น ถ้าใครกลัวตาย ไม่ถึง ไม่ถึงอริยะ แต่สามารถ บรรลุธรรมในขั้นโลกิยะได้ คือเข้าความว่างได้ เข้าสมาธิได้ มีปัญญยิ่งใหญ่ได้ อันนี้ได้ แต่ถ้าจะเข้าอริยะต้องพร้อมตาย ก็มันไม่ต้องเป็นอะไรแล้ว ถ้ามันจะตาย แล้วมันจะแปลกอะไร ใช่ไหม ตายก็ตาย ต้องปลงใจตายนะ ถ้าปลงใจตายสักพักหนึ่งอาการนั้นจะสงบ พอสงบแล้วท่านจะเข้าสู่เขตใหม่เลย มันเปลี่ยนไปหมด ร่างกายก็จะเปลี่ยน จิตใจ วิสัยทัศน์จะเปลี่ยนหมด และใน 3 วัน 5 วัน 7 วัน จะมีอาการต่าง ๆ ทั้งทางร่างกายและจิตใจชัดเจน ไม่ต้องห่วงเลยว่าจะ ไม่รู้ จะรู้ชัดเจนมาก และแต่ละคนไม่เหมือนกัน แต่มีแน่นอน |
เจ้าของ: | ชาติสยาม [ 26 ต.ค. 2010, 20:14 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: สภาวะ มีความหมายอย่างไร? |
ผมคิดว่า สภาวะเป็นคำเรียกแทนการประชุมกันของเหตุปัจจัย ณ เงื่อนไขหนึ่งๆ อย่างกองไฟกองหนึ่ง ก็เป็นสภาวะหนึ่ง คือเป็นการประชุมกันของเหตุและปัจจัยหลายอย่าง กล่าวคือ เชื้อเพลิง อุณภูมิ และอ๊อกซิเจน เมื่อประชุมกันอยู่ในเงื่อนไขที่เหมาะสม ก็กลายเป็นกองไฟ กองไฟก็เรียกว่าเป็นสภาวะหนึ่ง หรือถ้าจะพูดถึงสภาวะในตัวเรา เช่น เย็น ร้อน อ่อน แข็ง ดีใจ เสียใจ ทั้งหมดนี้ก็เป็นสภาวะ แต่ละสภาวะเหล่านี้ หากกล่าวโดยย่อแล้ว เมื่อแยกออก ก็ไม่พ้นเป็นการประชุมกันของรูป และ/หรือ นาม กล่าวได้ว่าเป็นการประชุมกันของขันธ์ 5 ของเรา ในเงื่อนไขต่างๆ เช่น ตาเห้นภาพ ก็เป็นการประชุมกันของ แสง+วัตถุ+ระบบรับภาพ(ตา)+จิตที่ไปรับรู้ผลผลิตจากระบบตา+ระบบความจำได้หมายรู้ ... รวมกันแล้วก็แปรผลมาเป็นคำว่า "ภาพ" ดังนั้น ภาพที่เราเห็นอยู่ในเวลานี้ ก็คือสภาวะหนึ่งๆ ในเวลาหนึ่งๆ |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 26 ต.ค. 2010, 20:25 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: สภาวะ มีความหมายอย่างไร? |
คุณ kokorado พอบอกชื่ออาจารย์ดังกล่าวได้ไหมครับ ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | จัทร์เพ็ญ [ 27 ต.ค. 2010, 08:09 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: สภาวะ มีความหมายอย่างไร? |
โมทนากับทุกท่านนะค่ะ สาธุ ![]() ![]() |
เจ้าของ: | อนัตตาธรรม [ 27 ต.ค. 2010, 08:40 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: สภาวะ มีความหมายอย่างไร? | ||
![]() รู้แล้ว คุณจันทร์เพ็ญจะเอาความรู้นี้ไปใช้ประโยชน์อย่างไรบ้าง นำมาเล่าต่อสู่กันฟังบ้างนะครับ โมทนา ![]()
|
เจ้าของ: | จัทร์เพ็ญ [ 27 ต.ค. 2010, 09:03 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: สภาวะ มีความหมายอย่างไร? |
อนัตตาธรรม เขียน: ![]() รู้แล้ว คุณจันทร์เพ็ญจะเอาความรู้นี้ไปใช้ประโยชน์อย่างไรบ้าง นำมาเล่าต่อสู่กันฟังบ้างนะครับ โมทนา ![]() ![]() ![]() จันทร์เพ็ญ อยากมีปัญญาเหมือนคนอื่นๆ เขานะค่ะ เคยอ่านเจอท่านบอกว่า "อยากมีปัญญาให้เขาหาท่านผู้รู้สอบถามเรื่องที่ไม่เข้าใจ จะทำให้เป็นคนมีปัญญา" นอกจากนี้ ผู้ถามและผู้ตอบเปรียบได้กับผู้ที่ชี้นำผู้อื่นด้วย คำถามดีคำตอบดี มีประโยชน์ ผู้อื่นก็ได้ปัญญาได้ประโยชน์ด้วย เป็นการให้ธรรมทานที่ถูกต้องคะ ที่เป็นห่วงคือ หากคำตอบแบบมั่วๆ หรือรู้ไม่จริง ไม่เพียงทำให้ผู้อื่นรู้ผิดตาม ยังทำให้พระธรรมบิดเบื่อนไปอีกด้วยนะค่ะ จันทร์เพ็ญคิดอย่างนี้คะ ![]() |
เจ้าของ: | วิริยะ [ 27 ต.ค. 2010, 12:52 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: สภาวะ มีความหมายอย่างไร? |
จัทร์เพ็ญ เขียน: ถามเรื่อง สภาวะ มีความหมายอย่างไร? พอจะมีตัวอย่างเปรียบเทียบให้เข้าใจง่ายๆ หรือเปล่าค่ะ สาธุคะ ![]() สภาวะ = สภาพความเป็นจริง ของสิ่งใดสิ่งหนึ่งในเวลาใดเวลาหนึ่ง เช่น สภาวะน้ำท่วมตอนนี้ยังไม่รุนแรงนัก สภาวะของคนไข้ตอนนี้มีแต่ทรงกับทรุด สภาวะธรรม หมายถึง สภาพความจริงของธรรม เช่น สภาพของรูปกาย คือ ธาตุสี่ ขันธ์ห้า สภาวะของสิ่งทั้งหลายทั้งปวง คือ ไตรลักษณ์ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เป็นต้น แหะ..ความเห็นส่วนตัว..ขอรับ ![]() |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 28 ต.ค. 2010, 10:18 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: สภาวะ มีความหมายอย่างไร? |
![]() อ่านความเห็นคุณวิริยะข้างบนแล้ว นึกถึงคำศัพท์ "รูปนาม" "รูปธรรมนามธรรม" ส่วนตัวคุณวิริยะ เห็นยังไงครับ ![]() |
เจ้าของ: | วิริยะ [ 28 ต.ค. 2010, 10:29 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: สภาวะ มีความหมายอย่างไร? |
กรัชกาย เขียน: อ่านความเห็นคุณวิริยะข้างบนแล้ว นึกถึงคำศัพท์ "รูปนาม" "รูปธรรมนามธรรม" ส่วนตัวคุณวิริยะ เห็นยังไงครับ ![]() แหะ..แหะ..เล่นถามปัญหาใหญ่ๆ อย่างนี้ คนปัญญาน้อยอย่างกระผม คงอธิบายได้ไม่มาก พอจะกล้อมแกล้ม ดังนี้ .. รูป สิ่งที่เห็นได้ด้วยตา จับต้องได้ เช่น:--- กายหรือร่างกาย ไม่ว่าคนหรือสัตว์ แบ่งเป็น ธาตุสี่ คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ นาม สิ่งที่ไม่มีรูป เช่น จิตใจ สิ่งที่รับรู้ไม่ได้ด้วยตาหรือเป็นชื่อที่ใช้เรียก คนสัตว์สิ่งของ เช่น:--- นายแมว โต๊ะ เก้าอี้ ฯลฯ รูปธรรม สิ่งที่รู้เห็นได้ ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย เช่น:-- รูป เสียง กลิ่น รส และสัมผัสได้ด้วยกาย นามธรรม คือ จิตใจ เวทนา สัญญา สังขารและวิญญาณ ท่านพระอาจารย์บางท่าน แบ่งเป็น ทางวัตถุ = รูปธรรม ทางจิตใจ = นามธรรม รูปธรรมและนามธรรมนี้ ต้องประกอบด้วยกัน รูปธรรมหากขาดนามธรรมท่านก็เรียกว่า "ตาย" ..ขอรับ ผิดถูกอย่างไร ขอท่านผู้รู้โปรดติชมได้อย่าเกรงใจเลย ..ขอรับ ![]() |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 28 ต.ค. 2010, 11:00 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: สภาวะ มีความหมายอย่างไร? |
วิริยะ เขียน: แหะ..แหะ..เล่นถามปัญหาใหญ่ๆ อย่างนี้ คนปัญญาน้อยอย่างกระผม คงอธิบายได้ไม่มาก พอจะกล้อมแกล้ม ดังนี้ .. รูป สิ่งที่เห็นได้ด้วยตา จับต้องได้ เช่น:--- กายหรือร่างกาย ไม่ว่าคนหรือสัตว์ แบ่งเป็น ธาตุสี่ คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ นาม สิ่งที่ไม่มีรูป เช่น จิตใจ สิ่งที่รับรู้ไม่ได้ด้วยตาหรือเป็นชื่อที่ใช้เรียก คนสัตว์สิ่งของ เช่น:--- นายแมว โต๊ะ เก้าอี้ ฯลฯ รูปธรรม สิ่งที่รู้เห็นได้ ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย เช่น:-- รูป เสียง กลิ่น รส และสัมผัสได้ด้วยกาย นามธรรม คือ จิตใจ เวทนา สัญญา สังขารและวิญญาณ ท่านพระอาจารย์บางท่าน แบ่งเป็น ทางวัตถุ = รูปธรรม ทางจิตใจ = นามธรรม ขอบคุณนะครับที่ช่วยชี้นำ ตามที่คุณวิริยะอธิบายนั้นหเมือนประหนึ่งคำว่า รูป-นามก็ดี รูปธรรม-นามธรรมก็ตาม ความหมาย เหมือนไม่ต่างกัน ทีนี้เราจะใช้คำพูดสั้นๆว่า รูป-นาม ไม่ใช้คำเต็มๆว่า รูปธรรม-นามธรรม จะมีอะไรผิดพลาดไหมครับ หรือบางคราวขยันพูดขยันเขียนหน่อยจะใช้คำเต็มๆว่า รูปธรรม-นามธรรม มีอะไรเสียหายไหมครับ |
เจ้าของ: | วิริยะ [ 28 ต.ค. 2010, 11:25 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: สภาวะ มีความหมายอย่างไร? |
หากแยกเป็นสองฝ่าย คือ ทางโลกและทางธรรม ทางโลก = ใช้คำว่า รูป-นาม เพื่ออธิบายให้เกิดความเข้าใจ ทางธรรม = ใช้คำว่า รูปธรรม-นามธรรม ใช้เรียกและอธิบายกัน ทางธรรมท่านอธิบายและมีรายละอียดมากว่า เท่านั้นเอง ถ้าเข้าใจอย่างนี้ จะใช้แบบสั้นหรือแบบยาวก็ไม่มีปัญหาอะไรครับ.. เป็นความเข้าใจส่วนตัวนะครับ..อาจผิดได้ ![]() |
หน้า 1 จากทั้งหมด 2 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |