ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
ทุกข์นี้เรารู้ที่กายใจ http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=34618 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | สัมมา [ 22 ก.ย. 2010, 19:59 ] |
หัวข้อกระทู้: | ทุกข์นี้เรารู้ที่กายใจ |
การทำกองทุกข์ให้สิ้นไปในชาตินี้สามารถกระทำได้โดยวิธีใดบ้างครับการที่เรากลัวการเกิดอีกเราคควรรักษา ศิล เจริญสมาธิ เกิดปัญญา |
เจ้าของ: | เช่นนั้น [ 22 ก.ย. 2010, 22:48 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ทุกข์นี้เรารู้ที่กายใจ |
สัมมา เขียน: การทำกองทุกข์ให้สิ้นไปในชาตินี้สามารถกระทำได้โดยวิธีใดบ้างครับการที่เรากลัวการเกิดอีกเราคควรรักษา ศิล เจริญสมาธิ เกิดปัญญา มีความคิดอย่างนี้ ก็น่าจะออกจากเรือนแล้ว บวชเป็นบรรพชิต นะครับ หาอาจารย์ที่ ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เป็นที่พึ่งที่อาศัยในการศึกษาพระธรรมครับ เจริญในธรรม หวังว่าท่านคง บรรลุธรรมโดยเร็ววันนะครับ |
เจ้าของ: | govit2552 [ 23 ก.ย. 2010, 01:13 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ทุกข์นี้เรารู้ที่กายใจ |
เพราะมีความเกิด ความแก่ความเจ็บและความตาย จึงตามมา ถ้าตายแล้ว หนีทุกข์พ้น ก็คงจะมีการส่งเสริมให้รีบตายกันไป จะได้พ้นทุกข์ .........แต่ ไม่ใช่อย่างนั้น นามรูปเกิดดับเกิดดับต่อเนื่องตลอดเวลา ความรู้สึกว่ามีเรา แม้ไม่มี แต่นามรูปซึ่งไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา ยังคงเกิดดับสืบต่อไป ไม่สิ้นสุด ความรู้สึกว่ามีเรา แม้มี นามรูปก็เกิดดับ นามรูปเก่าดับสลายไป นามรูปใหม่ก็เกิดแทนที่ด้วยความรวดเร็ว ร่างกายซึ่งเรายึดถือว่าเป็นตัวตนของเรา แม้มี นามรูปก็ยังคงเกิดดับเป็นนามรูปใหม่ๆอยู่ตลอดเวลา ร่างกายซึ่งเรายึดถือว่าเป็นตัวตนของเรา แม้ไม่มีแล้ว นามรูปก็ยังคงเกิดดับ เป็นนามรูปใหม่อยู่ตลอดเวลา ขณะที่เรารู้สึกตัว นามรูปซึ่งไม่ใช่เรา ก็เกิดดับตลอดเวลา ขณะที่เราไม่รู้สึกตัว นามรูปซึ่งไม่ใช่เรา ก็เกิดดับตลอดเวลา เราจึงมิได้มีจริง เป็นแต่สภาพธรรมที่เกิดขึ้น ชั่วคราวเท่านั้น วิธีที่จะหยุด กระแสเกิดดับของนามรูปได้ คือ การละตัณหา ซึ่งดูเหมือนจะไม่ง่ายเลย ที่จะละตัณหาได้ หนทางคือ การเจริญสติปัฏฐานสี่อยู่เป็นประจำทุกวัน ต้องมีสักวันที่บรรลุ |
เจ้าของ: | อินทรีย์5 [ 26 ก.ย. 2010, 01:19 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ทุกข์นี้เรารู้ที่กายใจ |
ต้องหาเวลาทำสมาธิ เพื่อให้จิตอยู่ชินกับความสงบเสียก่อน เพราะความสงบทำให้เหนความทุกขืได้ง่ายกว่าตอนไม่สงบ แต่ตอนไม่สงบจิตก้เปนทุกข์เหนทุกข์เหมือนแต่จะพิจารณาทุกข์ไม่ได้...เพราะ สมาธิยังไม่ถึงขั้น ยังไม่สามารถข้ามทุกข์ไปได้ และอีกอย่างการเรียนรู้และศึกษาในความทุกข์อันนี้ยัง น้อยอยู่ต้องศึกษาเข้าไปให้มากกว่านี้ วิธีการศึกษาก้คือภาวนาให้จิตอยู่กับคำภาวนาที่นึกกำกับจิตกับกายอีกที ทำให้ได้ที่เสียก่อน ตามหลักวิตกวิจารเสียก่อน พอมันได้ที่ก้กลายเปนปิติ สุข และเอกัคคตาตามลำดับแล้ว ตอนนั้นจิตจะมีพลังต่อสู้กับความทุกข์ได้ จะสามารถใช้ปัญญาพิจารนาสิ่งใดสิ่งหนึงได้ชัดขึ้น เหนรอยต่อของความสุขกับความทุกข์ได้ สุขกับทุกขต่างมาแทนที่กันและกัน หมดทุกขืก้จะสุข ความสุขหายไปทุกขืจะมาแทนที่ เหมือนกลางวันกับกลางคืน และต้องใช้ความอดทนในการปฏิบัติมากๆ |
เจ้าของ: | สุทธจิตโต [ 26 ก.ย. 2010, 09:55 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ทุกข์นี้เรารู้ที่กายใจ |
เจริญพร การจะทำให้กองทุกข์สิ้นไปนั้นต้องไม่เติมเชื้อทุกข์เพิ่มแล้วทุกข์จะค่อยๆคลายลงไปเอง เปรียบดังกองไฟที่ลุกโชนแล้วแต่เชื้อฟืนหมดไม่นานไฟก็จะดับเพราะไร้ฟืนฉันท์ใด กิเลสเมื่อไม่มีตัวเติมเชื้อให้แล้วย่อมสลายไปเองฉันท์นั้น แต่ที่คนส่วนใหญ่ทำไมถึงยังคงทุกข์อยู่เพราะยังเติมฟืนอยู่โดยที่รู้บ้างไม่รู้บ้างนั่นเอง เมื่อมีอารมณ์ ทะยานอยากในสิ่งใด อยากมี อยากหรืออยากได้ในสิ่งใด โยมก็ชั่งมันไปเลยไม่ต้องฝืนมันหรือไปทำตามมันปล่อยให้มันเกิดเองเป็นเองแต่เราไม่คอยเป็นเชื้อให้มันมันก็จะคลายตัวเองตามกฏแห่งอนิจจัง ยิ่งถ้าเราไปหาวิธีจะไปแก้ไขมันด้วยวิธีใดก็จะเป็นตัณหาซ้อนไม่รู้จักจบจักสิ้น ต้องปล่อยให้ทุกอารมณ์ความรู้สึกผ่านมาเองและผ่านไปเองโดยไม่มีตัวเราเข้าไปเกี่ยว สภาพจิตจริงนั้นๆอยู่นอกเหนือทั้งสุขทั้งทุกข์ นอกเหนือความคิดปรุงแต่ง นอกเหนือความรู้สึกต่างๆ นอกเหนือความเห็นความหมายใดๆ แต่ที่รู้สึกว่ามีสิ่งเหล่านี้เพราะอำนาจของโมหะอวิชชาที่ปิดบังความจริงและเราท่านทั้งหลายก็หลงเข้าไปเติมเชื้อฟืนให้โมหะอวิชชาเท่านั้นเอง ขอเจริญพร... |
เจ้าของ: | ชาติสยาม [ 26 ก.ย. 2010, 10:23 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ทุกข์นี้เรารู้ที่กายใจ |
สัมมา เขียน: การทำกองทุกข์ให้สิ้นไปในชาตินี้สามารถกระทำได้โดยวิธีใดบ้างครับ ตอบ สัมมา เขียน: ทุกข์นี้เรารู้ที่กายใจ รู้ที่กายใจก็เป็นการรักษาศีล เจริญสมาธิ เจริญจิตภาวนาในตัวอยู่แล้ว ครบทั้งหมดอยู่ในการรู้กายรู้ใจ |
เจ้าของ: | อนัตตาธรรม [ 27 ก.ย. 2010, 20:38 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: ทุกข์นี้เรารู้ที่กายใจ | ||
![]() การทำกองทุกข์ให้สิ้นไปในชาตินี้สามารถกระทำได้โดยวิธีใดบ้างครับการที่เรากลัวการเกิดอีกเราคควรรักษา ศิล เจริญสมาธิ เกิดปัญญา สิ่งพึงธรรม 1.หากัลยาณมิตร คือผู้ที่รู้จริง ทำได้จริงให้พบ แล้วศึกษา รับคำแนะนำ ฝึกหัดปฏิบัติกายใจกับท่าน 2.ปริยัติศาสนา ศึกษาข้อธรรมคำสอนที่ถูกต้องของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า คัดเฟ้นเอาเฉพาะความรู้เพื่อการปฏิบัติจริง ซึ่งจะไม่มาก ไม่ยุ่งยาก วกวน เยิ่นเย้อ จะลัดสั้น เรียบง่ายเข้าใจง่ายปฏิบัติได้ พิสูจน์ได้ทันที 3.ปฏิบัติศาสนา เมื่อรู้วิธีที่ถูกต้องแล้วก็ต้องลงมือปฏิบัติ พิสูจน์ธรรม ทันที จึงจะมีผล และทำให้เข้าใจข้อธรรมที่สูงขึ้น ลึกซึ้งขึ้น 4.ปฏิเวทศาสนา ถ้าปฏิบัติถูกวิธี จะสังเกตเห็นได้ว่ามีความเจริญก้าวหน้า เปลี่ยนแปลงในกาย จิต เพิ่มมากขึ้นทุกวัน จะเบากาย เบาใจ สุขกาย สุขใจ มากขึ้นทุกวัน จนที่สุดถึงนิพพานอันเป็นอมตะ ขอยกวิธีการปฏิบัติแบบหนึ่งมาให้พิจารณาในวันนี้ด้วยนะครับ พร้อมภาพแนะนำ ขอให้เจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไป สาธุ อนัตตา เป็นสุดยอดแห่งธรรมและคำบริกรรม ใครพิจารณาเห็นจริงจนใจยอมรับ ความสุข มรรค ผล นิพพาน จักเกิดตามมาทันที วิธีภาวนา อนัตตา มี 4 ขั้นตอน 1.บริกรรม อนัตตา ตามลมหายใจเข้าออก จนชำนาญและขึ้นใจ (ขั้นชำระนิวรณ์ 5 ) 2. บริกรรม อนัตตา ให้ทันปัจจุบันอารมณ์ เช่นเสียง เป็นปัจจุบัน จิตรู้ที่เสียงแล้วบริกรรม อนัตตา ตามทันที อารมณ์ใหม่เกิดขึ้นเช่น เจ็บ จิตรู้ที่เจ็บ บริกรรม อนัตตา ตามทันที คิด นึก จิตรู้ที่ คิด นึก บริกรรม อนัตตา ตามทันที (ขั้นฝึกสติให้ทันปัจจุบันอารมณ์) 3.บริกรรม อนัตตา ให้ทันปัจจุบันอารมณ์แล้ว สังเกต พิจารณาอารมณ์ปัจจุบันนั้นๆ โดยมีจุดมุ่งหมายของการพิจารณาให้เห็นถึงความเป็นอนัตตา หรือความบังคับไม่ได้ของอารมณ์นั้นๆ จนใจยอมรับความจริง (ขั้น พิจารณาให้เห็นถึงความเป็นอนัตตาของอารมณ์) 4. ทิ้งคำบริกรรม นั่งเฉยๆ ตั้งสติ ปัญญาขึ้นมาเฝ้าดู เฝ้าสังเกตพิจารณาปัจจุบันอารมณ์ ให้เห็น เข้าใจ ยอมรับความบังคับไม่ได้ หรือความเป็นอนัตตา ของปัจจุบันอารมณ์นั้นๆ สะสมความเข้าใจและยอมรับความบังคับไม่ได้ หรือความเป็นอนัตตา ของปัจจุบันอารมณ์ไว้ ทุกวัน เวลา นาที วินาที ที่ระลึกได้และมีโอกาส เมื่อใจยอมรับอนัตตาจนถึงที่อันสมควรแล้ว ความสุข มรรคญาณ ผลญาณ จักเกิดขึ้นตามมาเป็นผลด้วยตัวของเขาเองโดยอัตโนมัติ แม่แบบสำคัญที่จะช่วยให้เราเห็น เข้่าใจ จนจิตยอมรับ อนัตตา คือ ลมหายใจ เข้า - ออก ของเราทุกคน ถ้า สงสัยวิธีการปฏิบัติ ให้กลับมาลองฝึกหัด สังเกต พิจารณาลมหายใจของตนเองให้ดี เราจะได้พบ รู้จัก เข้าใจ และยอมรับ ความเป็น อนัตตา ได้จากแบบฝึกหัดตัวอย่าง หรือตันแบบอันสำคัญนี้ หลังจากนั้นก็นำความรู้ความเข้าใจที่ได้ไปประยุกต์ใช้กับ อารมณ์ ความรู้สึก สัมผัส ความนึกคิดต่างๆ ก็จะได้ผลเช่นเดียวกัน การ ฝึกหัดภาวนาอนัตตาทั้ง 4 ขั้นตอนนี้ให้ฝึกหัดไปทีละขั้นตอน จนชำนาญ แล้วจักเกิดผลดีแก่ชีวิต จิตใจ เข้าถึงธรรมได้โดยง่ายและลัดสั้น ขอให้พากันเกิดดวงตาเห็นธรรมเห็นอนัตตา เข้าถึงธรรม เข้าถึง มรรค ผล นิพพาน กัน ทันปิดประตูอบายได้ในชาตินี้ ทุกท่านทุกคนเทอญ ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]()
|
เจ้าของ: | อนัตตาธรรม [ 27 ก.ย. 2010, 20:43 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: ทุกข์นี้เรารู้ที่กายใจ | ||
![]()
|
เจ้าของ: | อนัตตาธรรม [ 27 ก.ย. 2010, 20:46 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: ทุกข์นี้เรารู้ที่กายใจ | ||
![]()
|
เจ้าของ: | อนัตตาธรรม [ 27 ก.ย. 2010, 20:49 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: ทุกข์นี้เรารู้ที่กายใจ | ||
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]()
|
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |