วันเวลาปัจจุบัน 20 ก.ค. 2025, 02:54  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 15 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ส.ค. 2010, 07:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ส.ค. 2010, 11:59
โพสต์: 105

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อนัตตญาณ นั้นดุจเพียง อนัตตสัญญา
ทุกท่วงท่า อย่าถือสา หาความใด
มีเกิดขึ้น มีตั้งอยู่ มีดับหาย
ไม่แตกต่าง อะไรกับอนิจจสัญญา

อนัตตญาณ นั้นรู้เช่น เห็นอายตนะ
เห็นผัสสะ เห็นเวทนา เห็นตัณหา
สิ่งทั้งหลาย ล้วนเห็น เป็นอนัตตา
ไม่เห็นว่า เป็นบุคคล ตัวตนใด

อนัตตญาณ รู้ไม่ใช่ ใครที่รู้
ไม่หลงตู่ ว่าเป็นกู รู้ยิ่งใหญ่
หากว่าพบ เจอมีกู รู้เมื่อไร
วอนท่านทั้งหลาย อย่าเกรงใจ ตีให้ตาย

อนัตตญาณ ผ่านมาพบ ลานธรรมจักร
ขอหลบพัก ธรรมรอนแรม แจมอาศัย
ชวนเสวนา พุทธรรม ร่ายรำไป
ประมาทล่วงเกินใดๆ กราบขอขมาอภัย ทุกๆท่านครับ.


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ส.ค. 2010, 08:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ม.ค. 2010, 11:43
โพสต์: 523

แนวปฏิบัติ: ดูปัจจุบันอารมณ์ เจริญมรรค ๘
งานอดิเรก: ปฏิบัติธรรม
สิ่งที่ชื่นชอบ: ประทีปแห่งเอเซีย
ชื่อเล่น: อโศกะ
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ

tongue ยกมาร่วมแจม เพราะนี่คือทางสู่อนัตตา

อนัตตา เป็นสุดยอดแห่งธรรมและคำบริกรรม ใครพิจารณาเห็นจริงจนใจยอมรับ ความสุข มรรค ผล นิพพาน จักเกิดตามมาทันที

วิธีภาวนา อนัตตา มี 4 ขั้นตอน

1.บริกรรม อนัตตา ตามลมหายใจเข้าออก จนชำนาญและขึ้นใจ (ขั้นชำระนิวรณ์ 5 )

2. บริกรรม อนัตตา ให้ทันปัจจุบันอารมณ์ เช่นเสียง เป็นปัจจุบัน จิตรู้ที่เสียงแล้วบริกรรม อนัตตา ตามทันที อารมณ์ใหม่เกิดขึ้นเช่น เจ็บ จิตรู้ที่เจ็บ บริกรรม อนัตตา ตามทันที คิด นึก จิตรู้ที่ คิด นึก บริกรรม อนัตตา ตามทันที (ขั้นฝึกสติให้ทันปัจจุบันอารมณ์)

3.บริกรรม อนัตตา ให้ทันปัจจุบันอารมณ์แล้ว สังเกต พิจารณาอารมณ์ปัจจุบันนั้นๆ โดยมีจุดมุ่งหมายของการพิจารณาให้เห็นถึงความเป็นอนัตตา หรือความบังคับไม่ได้ของอารมณ์นั้นๆ จนใจยอมรับความจริง
(ขั้น พิจารณาให้เห็นถึงความเป็นอนัตตาของอารมณ์)

4. ทิ้งคำบริกรรม นั่งเฉยๆ ตั้งสติ ปัญญาขึ้นมาเฝ้าดู เฝ้าสังเกตพิจารณาปัจจุบันอารมณ์ ให้เห็น เข้าใจ ยอมรับความบังคับไม่ได้ หรือความเป็นอนัตตา ของปัจจุบันอารมณ์นั้นๆ สะสมความเข้าใจและยอมรับความบังคับไม่ได้ หรือความเป็นอนัตตา ของปัจจุบันอารมณ์ไว้ ทุกวัน เวลา นาที วินาที ที่ระลึกได้และมีโอกาส

เมื่อใจยอมรับอนัตตาจนถึงที่อันสมควรแล้ว ความสุข มรรคญาณ ผลญาณ จักเกิดขึ้นตามมาเป็นผลด้วยตัวของเขาเองโดยอัตโนมัติ

แม่แบบสำคัญที่จะช่วยให้เราเห็น เข้่าใจ จนจิตยอมรับ อนัตตา คือ ลมหายใจ เข้า - ออก ของเราทุกคน

ถ้า สงสัยวิธีการปฏิบัติ ให้กลับมาลองฝึกหัด สังเกต พิจารณาลมหายใจของตนเองให้ดี เราจะได้พบ รู้จัก เข้าใจ และยอมรับ ความเป็น อนัตตา ได้จากแบบฝึกหัดตัวอย่าง หรือตันแบบอันสำคัญนี้ หลังจากนั้นก็นำความรู้ความเข้าใจที่ได้ไปประยุกต์ใช้กับ อารมณ์ ความรู้สึก สัมผัส ความนึกคิดต่างๆ ก็จะได้ผลเช่นเดียวกัน

การ ฝึกหัดภาวนาอนัตตาทั้ง 4 ขั้นตอนนี้ให้ฝึกหัดไปทีละขั้นตอน จนชำนาญ แล้วจักเกิดผลดีแก่ชีวิต จิตใจ เข้าถึงธรรมได้โดยง่ายและลัดสั้น ขอให้พากันเกิดดวงตาเห็นธรรมเห็นอนัตตา เข้าถึงธรรม เข้าถึง มรรค ผล นิพพาน กัน ทันปิดประตูอบายได้ในชาตินี้ ทุกท่านทุกคนเทอญ

คัดลอกมาจากคำบรรยายวิธีปฏิบัติวิปัสสนาภาวนาของศูนย์วิปัสสนากรรมฐานพระพุทธบาทเนินฆ้อ อ.แกลง จ.ระยอง

onion cheesy Kiss Lips



โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ส.ค. 2010, 14:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อริยะสัจจ์ 4 คือสุดยอดแห่งธรรม และภาวนา

เจริญธรรม

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ส.ค. 2010, 16:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ส.ค. 2010, 11:59
โพสต์: 105

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อนัตตธรรม ชี้ธรรม อมตะ
ทุกผัสสะ อนัตตา ภาวนา
ธรรมเห็นธรรม นำหลุดพ้น เลิกค้นหา
อนุโมทนา ธรรมอนัตตา อนัตตาธรรม

นิ่งสงบ จบกิจ ไม่คิดต่อ
สิทธัตถะ รู้แล้วหนอ สุขเลิศล้ำ
ปฏิจจฯ นำชี้ทาง สว่างธรรม
นาคาค้ำ หนุนบังลังค์ บังผองภัย

อนัตตา อนิจจัง ทุกขังสิ้น
จรดแผ่นดิน ท่วมแผ่นฟ้า โลกาไหน
ไม่อาจหัก ไตรลักษ์ได้ แต่อย่างใด
ละสมุทัย แจ้งมรรคผล นิพพานเอย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ส.ค. 2010, 08:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ส.ค. 2010, 11:59
โพสต์: 105

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ทุกภูมิภพ ที่ได้พบ ประสพเห็น
เป็นเฉกเช่น เดียวกัน ทั้งนั้นหนา
อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
ทั้งภพนี้ หรือภพหน้า เหมือนกันหมด

ทั้งโลกนี้ ทั้งโลกหน้า โลกไหนๆ
โลกทุกใบ อนัตตานี้ หนีไม่พ้น
ธรรมสัมมา พาให้พบ จบโลกวน
เลิกดิ้นรน แสวงหา โลกใดๆ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ส.ค. 2010, 09:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ส.ค. 2010, 09:31
โพสต์: 16

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


tongue
ขอบคุณมากค่ะที่ชี้แนะ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา แต่ในชีวิต ยังต้องดำรงค์
ก็ยังคง มีกิเลสอยู่บ้าง เพื่อ จรรโลงโลก จะรักษา ธรรมอย่างไรให้ชีวิตเป็นสุขค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ส.ค. 2010, 17:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 พ.ย. 2008, 12:29
โพสต์: 814

ที่อยู่: กรุงเทพฯ

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
จะรักษา ธรรมอย่างไรให้ชีวิตเป็นสุขค่ะ

ก้ให้อภัยคนอื่นได้ โดยเฉพาะคนที่เป็นศัตรูคู่อริ และก้ให้อภัยตัวเองเวลาตัวเองทำผิด
ถ้าทำได้ชีวิตก้เป็นสุขครับ อีกอย่างที่สุขคือหาความสงบให้เกิดขึ้นภายในตัวเองให้ได้
เพราะความสงบ ความนิ่ง ความสว่าง ความว่าง เมื่อเกิดขึ้นล้วนแต่ทำให้จิตเกิดสุขที่มีค่ายิ่ง
และรักษาธรรมที่มีอยู่ให้คงอยู่ได้ด้วยครับ
:b41: :b41: :b41: :b41: :b47: :b48: :b48: :b48: :b40: :b40: :b40:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ส.ค. 2010, 18:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ส.ค. 2010, 11:59
โพสต์: 105

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กิเลสไม่ใชเรา ไม่ใช่ตัวตนของเรา
เพราะเหตุที่เราไปสำคัญผิด หลงว่ากิเลสคือตัวเรา หลงว่ากิเลสเป็นตัวตนของเรา
ชีวิตจึงต้องสับสนวุ่นวายไปกับกิเลส เป็นวัฏฏะที่ไม่รู้จักจบสิ้น ครับ

คิดดี,ดำริดี กับ คิดชั่ว,ดำริชั่ว เกิดจากที่เดียวกัน
ผลไม้เราเลือกทานแต่ที่มันทานได้
ไอ้ที่ทานไม่ได้ ถ้าเราไปคิดที่จะฝืนทานมัน ทุกข์มันก็จะเกิดเท่านั้นแหละ ครับ

ทั้งคิดดี ทั้งคิดชั่ว ล้วนแต่อนัตตาทั้งสิ้น
ทั้งกุศลและอกุศล ก็ล้วนแต่อนัตตาทั้งสิ้น ครับ

บุญก็รู้ว่าบุญ เจริญแล้วได้อะไร ดีก็หมั่นเจริญให้ยิ่งๆขึ้นไป ครับ
บาปก็รู้ว่าบาป กระทำลงไปแล้วได้อะไร ไม่ดีก็ถอยหลีกหนีออกมา อย่าพยายามเข้าไปคลุกคลี ครับ

สัมมาสังกัปโป...ดำริชอบ เจริญให้ยิ่งๆขึ้นไปครับ
เชื่อเรื่องบุญบาป เชื่อเรื่องกรรม วิบากกรรม
จะทำให้จิตเกิดความละอายต่อบาป เกรงกลัวต่อบาป...
จะทำให้จิตเกิดความปราโมทย์ เกิดปิติ เกิดความเบิกบาน ในการเจริญกุศล...

อยู่กับโลก อยู่ให้เหมือน ลิ้นงูอยู่ในปากงู
ภายนอกอย่างหนึ่ง ภายในอีกอย่างหนึ่ง
โลกเขาจะสมมุติว่าอย่างไร เราก็ว่าไปตามเขานั้นแหละครับ
แต่ใจของเราย่อมรู้แก่ใจของเราได้ดีว่า โลกนี้มันได้ซึมเข้ามาในจิตใจของเราได้หรือไม่.

เราอาจจะโกหกผู้อื่นได้ แต่เราจะตอแหลกับพระพุทธเจ้าไม่ได้
เพราะพระพุทธท่านอยู่เหนือโลก ท่านมองเห็นโลกทะลุปรุโปร่งไปหมด
ไม่ว่าเราจะอยู่ซอกไหน เหลือบไหนของโลก ท่านรู้ท่านมองเห็นหมด ครับ

คนโง่เท่านั้นแหละครับ ที่คิดว่าพระพุทธเจ้าท่านตายไปแล้ว
โลกมันถึงวุ่นวายหนักยิ่งขึ้นเข้าไปทุกวัน เพราะมันไม่เกรงใจพระพุทธเจ้า ไม่เกรงกลัวพระเจ้า
เพราะฉะนั้นคนโง่เท่านั้น ที่ต้องประสพกับความทุกข์ทรมาณ
คนโง่เท่านั้นที่ยังจะต้อง เวียนเกิด เวียนตาย ไม่รู้จบสิ้น.

ส่วนผู้ใดมีความศรัทธาเชื่อมั่นว่า
พระพุทธเจ้ายังคงอยู่รอบตัว อยู่รอบกาย อยู่รอบใจของเรานี้แหละ
ผู้นั้นก็จะมีความเกรงกลัวละอายต่อบาปอกุศลทั้งหลาย
ไม่กล้าที่จะกำหนัดยินดีหลงไหลเพลิดเพลินต่อกามทั้งหลายทั้งปวง
ความทุกข์ทรมาณอันเกิดจากกามทั้งหลาย ก็จะไม่บังเกิดขึ้นกับผู้ที่มีความศรัทธาต่อพระพุทธเจ้า.

ทำไมถึงกล้าพูดว่าพระพุทธเจ้ายังไม่ตาย
ถามว่า อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ยังคงมีอยู่ทั่วไปไหม
นั้นแหละ คือพระพุทธเจ้าองค์ที่ไม่รู้จักตาย คือพระผู้เป็นเจ้าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในจักรวาฬนี้

ถ้าเราให้ความเคารพพระพุทธเจ้า หรือพระผู้เป็นเจ้า ในความหมายนี้(อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา)
อะไรจะเกิดขึ้น... ความทุกข์ทรมาณ ความเจ็บปวดแสบร้อน อันเกิดจากตัณหาเป็นมูล
ก็จะมลายหายสิ้นไปทันทีทันใด
รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ธรรมมารมณ์ เป็นได้เพียงสักแตว่า เท่านั้น
ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ...อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ทั้งสิ้น

แม้แต่พระพุทธเจ้าองค์ที่ปรินิพพานไปเมื่อสองพันห้าร้อยกว่าปีนั้น
หรือพระพุทธเจ้าองค์ไหนๆก็ตาม ก็ล้วนแล้วแต่ให้ความเคารพในพระพุทธเจ้าที่เป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ทั้งสิ้น ลองไม่เคารพเชื่อฟังพระพุทธเจ้าอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ดูซิ อะไรจะเกิดขึ้น...

ทำอย่างไร ให้ชีวิตเป็นสุข?

ยอมรับความจริง ในทุกๆสิ่งที่ปรากฎเกิดขึ้น
ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะอาศัยเหตุปัจจัย
สิ่งที่ปรากฏเกิดขึ้นทั้งหลายทั้งปวง ทั้งรูปธรรม นามธรรม ทั้งหมดทั้งสิ้น
ไม่ใช่ตัวตน ไม่ควรยึดมั่นถือมั่นว่าเป็นตัวตนแต่อย่างใด

ความรู้สึกว่าเป็นตัวตนของเรา ว่าเป็นเรา นั้น
ก็เป็นเพียงสักแค่ว่าความรู้สึกเท่านั้น ไม่ใช่ของจริง ไม่ใช่ตัวตนของเราจริงๆแต่อย่างใดทั้งสิ้น
เพราะอาศัยเวทนา อาศัยตัณหา นี้แหละ จึงทำให้ความรู้สึกว่าเป็นตัวตนของเรา ว่าเป็นเรา เกิดมีขึ้นมาได้
หากปราศจากเวทนา ตัณหาเสียแล้ว ความรู้สึกว่าเป็นตัวตนของเรา ว่าเป็นเรา ก็จะไม่บังเกิดมีขึ้นมาได้แต่อย่างใดครับ

ดังนั้นทำอย่างไรจึงจะให้ชีวิตเป็นปกติสุข เกิดความสงบ สว่างร่มเย็นอยู่ตลอดเวลา
ก็ต้องพยายามทำให้ชีวิตปลอดจากตัณหาให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ครับ


แก้ไขล่าสุดโดย อนัตตญาณ เมื่อ 15 ส.ค. 2010, 19:05, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ส.ค. 2010, 08:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ส.ค. 2010, 11:59
โพสต์: 105

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


นิ่งสนิท จิตดับ ระงับหาย
เหลือเพียงกาย ไม่รู้สึก นึกคิดฝัน
ใครจะเรียก เพียกพร่ำ เพ้อรำพัน
ไม่ผินผัน หันตื่น ฟื้นกลับคืน

รอเพียงไฟ เขาใส่สุม รุมเผาร่าง
คือปลายทาง ว่างสุดท้าย ไม่ทนฝืน
รอดินน้ำลมไฟ หายไปกับ ไฟฟอนฟืน
สุขร่มรื่น ชื่นนิรัน นิพพานรอ...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ส.ค. 2010, 12:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 พ.ค. 2009, 09:34
โพสต์: 1478

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อิอิ....อิอิ....อิอิอิ

อิอิอิ....อิอิ....อิอิอิ

อิอิ....อิอิอิ....อิอิ

อิอิอิ....อิอิอิ....อิอิ...เอย...


อิ อิ :b9:

:b12:

:b2: :b2: อยากแต่งเป็นอย่างเขาบ้าง...หง่ะ... :b2: :b2:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ส.ค. 2010, 18:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ส.ค. 2010, 11:59
โพสต์: 105

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คิดคิด..... คิดคิด..... คิด.คิด.คิด
คิดจิตคิด....คิดคิด.....คิดติดคิด
จิตคิดจิต.....จิตคิดคิด.....คิดติดจิต
จิตไม่คิด คิดดัดจิต ติดขัดเอย... :b9:



แต่งตาย นั้นดีกว่า ที่แต่งเป็น
เพราะว่าตาย มีแต่เย็น ไม่เห็นร้อน
แต่งกลอนตาย ตายก่อนแต่ง โคลงไม่คลอน
ตายรื้อถอน เป็นปลูกสร้าง อย่างนั้นเอง... :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ส.ค. 2010, 08:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอโทษนะครับ ผมหาในหนังสืออย่างไรก็ไม่เจอคำว่า อนัตตญาณ

ค้นอย่างไรก็ไม่เจอคำนี้ และ ไม่อยู่ในวิปัสสนาญาณ16 ด้วย
ไม่ทราบว่าคำนี้มีสายมาอย่างไรครับช่วยอธิบายด้วย อยู่ในธรรมหมวดไหน???

ถ้ากำลังพูดถึงอนัตตา ในพระไตรลักษณ์ มีคำว่า ฆานสัญญา คือความเป็นแท่งหรือความเป็นก้อนบดบังอนัตตา เช่นเห็นเป็นคน แต่จริงๆธาตุต่างๆมารวมกัน พอสักหน่อยก็แยกแตกสลายเป็นธรรมดา

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ก.ย. 2010, 02:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


ผมเป็นหนึ่งในพุทธบริษัท4 คนหนึ่ง ขอแก้คำว่า อนัตตญาณ หน่อยครับ

คุณกำลังพูดถึงพระไตรลักษณ์อยู่ เป็นหนึ่งใน วิปัสสนาญาณ16 ชื่อว่า สัมมสนญาณ ครับ
แปลว่า ลักษณะที่เหมือนๆกันของสังขารทั้งปวง หรือ ลักษณะที่เสมอกันของสังขารทั้งปวง

พระไตรลักษณ์ มี อนิจจัง ความไม่เที่ยง
ทุกขัง ความเป็นทุกข์ หรือสิ่งที่ทนอยู่ในสภาพเดิมไม่ได้ เช่นเก้าอี้ถ้าจับหรือไม่ไปจับสักวันมันก็ผุพังของมันเอง
อนัตตา ความไม่ใช่ตัวของตน

ในโลกใบนี้มีเพียงพุทธศาสนาที่สอนเรื่องอนัตตา จึงถึงพร้อมปัญญา ถึง อริยมรรค
พระพุทธเจ้าท่านบอกตรงๆว่าพระองค์จะตรัสรู้หรือไม่ตรัสรู้ก็ตาม สภาวะทั้ง3ก็มีอยู่แล้ว

ผมเข้าใจแล้วจากการอ่านกลอนแต่ ถ้าจะเห็นตลอดสายตามการปฎิบัติวิปัสสนาก็ต้องเห็น ทุกขัง อนิจจังด้วย
แล้วเรียกชื่อไม่ตรงกับ พระธรรม ถ้าพระท่านเรียกก็ต้องเป็น สัมมสนญาณ คือ ญาณรู้พระไตรลักษณ์
ธรรมฐิติ คือ สภาวะที่คงอยู่ของธรรมทั้งหลายแบบนี้
ธัมมธาตุ คือ ความตั้งอยู่ของธรรมเป็นแบบนี้เอง
ธัมมนิยาม คือ กฎของธรรมเป็นแบบนี้เอง

ธรรมทั้งหลายทั้งปวงเป็นอนัตตา แต่ไม่ใช่ธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตญาณ เรียกชื่อไม่ตรงกับพระไตรปิฎกครับ

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.ย. 2010, 07:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ส.ค. 2010, 11:59
โพสต์: 105

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b45: กราบขอโทษ โปรดอภัย ความหมายชื่อ
อย่าได้ถือ สื่อหาความ ตามชื่อนั้น
อนัตตญาณ เพียงเรียกขาน แทนวิญญาณ
แทนสังขาร ที่จรผ่าน ลานธรรมจักร

:b45: อนัตตญาณ นั้นไม่ใช่ ใครที่รู้
ไม่หลงตู่ รู้เชี่ยวฌาน ญาณสำนัก
ญาณทั้งหลาย ไม่ปรุงกู รู้ตระหนัก
พระไตรลักษณ์ ประจักษ์ผ่าน ทุกญาณไป

:b45: อนัตตญาณ คำนี้ ไม่มีหรอก
ทั้งในนอก อักขรา ตำราไหน
ไม่ยึดติด ไม่ถูก-ผิด ไม่ติดใจ
อย่าใส่ใจ ค้นหาใคร ในญาณนี้

:b41: ปล่อยให้เป็น เห็นเป็นคำ ธรรมอนัตตา
อย่าให้ค่า ว่าเป็นชื่อ คนสัตว์ผี
ถือเป็นชื่อ แทนรู้หนึ่ง บรรดามี
รู้ชื่อนี้ ให้หมั่นคอย ปล่อยรู้เอย :b41: :b41: :b41:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.ย. 2010, 08:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ส.ค. 2010, 11:59
โพสต์: 105

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b46: ปล่อยรู้ได้ ได้ธรรมสูญ พูนเพิ่มผล
ไร้ตัวตน คนที่รู้ ดูอะไร
รู้เพียงธรรม อนัตตา นำหน้าไป
โลกทุกใบ ไม่เห็นใคร ในรู้นั้น

:b46: เห็นแต่ธรรม อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
สุญญตา รู้แน่วแน่ ไม่แปรผัน
รู้สังขาร รู้นามรูป รู้วิญญาณ
รู้ฌานญาณ รู้ใดๆ ให้ปล่อยเอย :b41: :b41: :b41:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 15 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร