ลานธรรมจักร
http://www.dhammajak.net/forums/

สงสัยค่ะ..........ขอความรู้จากท่านๆด้วยค่ะ
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=33707
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

เจ้าของ:  bbby [ 09 ส.ค. 2010, 08:56 ]
หัวข้อกระทู้:  สงสัยค่ะ..........ขอความรู้จากท่านๆด้วยค่ะ

สงสัยค่ะ..........ขอความรู้จากท่านๆด้วยค่ะ

คือประมาณ2อาทิตย์ที่ผ่านมา เราฝันว่าเราสวดคำว่า
<พุทธะมะอะอุ...อะโมพุทธายะ>
คือเห็นตัวเองนั่งสวดคำนี้ทั้งคืน พอรู้สึกตัวก็เลยรู้ว่า จริงๆแล้ว
ตัวเราก็นอนสวดด้วย เพราะตอนรู้สึกตัวตื่น เราได้ยินเสียงของเรา
สวดคำว่า <ธายะ>
เราก็เลยคิดว่า เราไม่ได้ฝันว่าเรานั่งสวดอย่างเดียว
เรานอนอยู่เราก็สวดด้วย พอตอนเช้าเราก็คิดว่าคำสวดนี้
ไม่น่าจะมีแค่2ประโยค น่าจะต้องมีคำข้างหลังอีก
เราก็เลยไปหาในgoogle
เราก็เจอ เราก็จดคำสวดมา


เราก็มานั่งสวด โดยดูคำสวดใแผ่นกระดาษ เรามีความรู้สึกว่า 2 ประโยคแรก(คือจำได้แม่น)
สวดแล้วเสียงดูดีน่ะ แต่ประโยคหลังๆ เหมือนเสียงแข็งๆ เราก็เลยหยุดก่อน

คือพอดีช่วงนั้น ใจเราจะไปอยู่กับการนั่งสมาธิมากกว่า ถ้าว่างก็จะนั่งสมาธิ
จนมีอยู่วันหนึ่ง เราไปนั่งเล่นอยู่ขางนอกบ้าน เราก็คิดว่าถ้าเราหยิบกระดาษ
ที่เราจดคำสวดออกมาด้วยก็ดีน่ะ จะได้มาฝึกนั่งสวด

คือเราจำได้2ประโยคแรก เราก็เลยสวด ทีนี้พอเราสวดถึงคำว่า<อะโมพุทธายะ> เราสวดคำหลังต่อได้เองเลยค่ะ
คือ<วิระทะโย_วิระโทนายัง>เราสวดจนจบได้เลย เราก็
เอ๊ะ!ทำไมเราสวดได้ เราก็ลองสวดครั้งที่2-3อีก
เราก็เอ๊ะ!ทำไมเราสวดได้ เราสวดถูกหรือปล่าว เราก็เข้าบ้านมาดูในแผ่นกระดาษ
ที่เราจดไว้ พอเราดู เราก็ อุ๊ย!เราสวดถูกหมดเลย
เป็นไปได้ไงอ่ะ!

พอตอนกลางคืน เราก็ฝันว่า มีผู้ชายคนหนึ่งมาหาเรา แล้วบอกว่า
"เธอสวดมนต์คาถานี้น่ะ"
แล้วก็บอกว่าเราอยู่ในทีมของเค้า แต่ไม่ได้อธิบายอะไร
ว่าเรพาะอะไร แล้วก็บอกว่าไปแล้วน่ะ
เพราะคืนนี้ เค้าจะต้องไปบอกหลายคน แล้วเค้าก็ยื่นกระดาษ
ขนาดแผ่นA4ให้เราดู เราก็เห็นชื่อเต็มกระดาษแผ่นนั้นค่ะ

แล้วเค้าก็บอกว่า " คนที่มีชื่อในนี้ทั้งหมด จะต้องสวดมนต์คาถานี้"



ทีนี้มาถึงข้อสงสัยของเราแล้วน่ะค่ะ คือบางครั้งเราก็นั่งสวดคาถานี้อย่างเดียว
โดยไม่ได้ทำอะไร บางครั้งเราเล่นคอมพ์ เราก็สวดคาถานี้ไปด้วย

บางครั้งเราพาสุนัขไปเดินเล่น ข้างนอกช่วงเช้ากับช่วงเย็น
เราก็สวดคาถานี้ด้วย ถ้าเราปลูกต้นไม้เราก็สวด

ทีนี้เราขอถามว่า การที่เราทำอะไรอยู่ แล้วเราสวดไปด้วย ถูกหรือผิดค่ะ
การสวดมนต์นี่ ต้องนั่งพนมมือไปด้วยทุกครั้งเหรอค่ะ
แล้วถ้าเรานั่งสวดเป็นชั่วโมง ก็ต้องนั่งพนมมือเหรอค่ะ

เราสงสัยมา2อาทิตย์แล้วล่ะค่ะ แต่หาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้
เราขอความรู้ เรื่องนี้จากท่านๆด้วยน่ะค่ะขอบคุณค่ะ :b8: :b41: :b55: :b49:

เจ้าของ:  บัวสีน้ำเงิน [ 09 ส.ค. 2010, 09:04 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: สงสัยค่ะ..........ขอความรู้จากท่านๆด้วยค่ะ

สวดมนต์บทไหนก็ดีทั้งนั้น ถ้าสวดแบบมีสติไปด้วย ไม่สวดแบบนกแก้วนกขุนทอง
ส่วนเรื่องฝันอย่าไปปักใจเชื่ออะไรมาก
แต่ฝันว่าได้สวดมนต์ก็เป็นมงคล ทำให้จิตใจดี มีกำลังใจ

เจ้าของ:  natdanai [ 09 ส.ค. 2010, 09:52 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: สงสัยค่ะ..........ขอความรู้จากท่านๆด้วยค่ะ

bbby เขียน:
ทีนี้เราขอถามว่า การที่เราทำอะไรอยู่ แล้วเราสวดไปด้วย ถูกหรือผิดค่ะ

ไม่มีถูกผิดหรอกครับ ถ้ามันทำแล้วได้ผล(เกิดสมาธิ)ก็เรียกว่าถูก แต่ถ้าไม่ได้ผล ก็เรียกว่าผิด
อ้างคำพูด:
การสวดมนต์นี่ ต้องนั่งพนมมือไปด้วยทุกครั้งเหรอค่ะ

แล้วถ้าเรานั่งสวดเป็นชั่วโมง ก็ต้องนั่งพนมมือเหรอค่ะ

ถ้าใช้กายสวดก็ต้องทำเช่นนั้น แต่ถ้าใช้ใจสวดก็ไม่ต้องครับเพราะใจไม่มีมือให้พนม :b32: :b32:

เจ้าของ:  student [ 11 ส.ค. 2010, 02:20 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: สงสัยค่ะ..........ขอความรู้จากท่านๆด้วยค่ะ

แปลกจัง ฝันแบบนั้นมีเหตุมาจากอะไรหนอ

เจ้าของ:  Inborn [ 11 ส.ค. 2010, 11:13 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: สงสัยค่ะ..........ขอความรู้จากท่านๆด้วยค่ะ

:b48: ฝันว่าได้สวดมนต์นั้น ก็เป็นมงคลดีแล้วครับ
การสวดมนต์ก็มีอานิสงส์หลายอย่าง เช่นทำให้จิตเป็นสมาธิเป็นต้น ฯลฯ
ถ้าคุณชอบสวดมนต์ก็ควรศึกษาดูครับจะได้รู้ความหมายและใช้อย่างถูกต้อง ในเว็บธรรมะมีเรื่องเกี่ยวกับการสวดมนต์แทบทุกเว็บ
คำว่า "อะโม"นั้นน่าจะเป็น "นะโม" มากกว่านะครับ คำเต็มคือ " นะโมพุทธายะ "ครับ

เจ้าของ:  -dd- [ 11 ส.ค. 2010, 12:40 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: สงสัยค่ะ..........ขอความรู้จากท่านๆด้วยค่ะ

bbby:

อ้างคำพูด:
ทีนี้มาถึงข้อสงสัยของเราแล้วน่ะค่ะ คือบางครั้งเราก็นั่งสวดคาถานี้อย่างเดียว
โดยไม่ได้ทำอะไร บางครั้งเราเล่นคอมพ์ เราก็สวดคาถานี้ไปด้วย

บางครั้งเราพาสุนัขไปเดินเล่น ข้างนอกช่วงเช้ากับช่วงเย็น
เราก็สวดคาถานี้ด้วย ถ้าเราปลูกต้นไม้เราก็สวด

ทีนี้เราขอถามว่า การที่เราทำอะไรอยู่ แล้วเราสวดไปด้วย ถูกหรือผิดค่ะ


เรื่องราวในความฝันนั้น น่าจะมาจากสัญญาเก่าที่ท่าน bbby เคยสะสมไว้ก่อน และด้วยอัธยาศัยที่ฝักใฝ่ในการสวดมนตร์ ทั้งการที่เคยรับรู้เรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับการสวดมนตร์มา จิตจึงปรุงเป็นเรื่องราวคือฝันได้..ที่ว่าไม่เคยพบหรือสวดมาก่อน แต่สามารถสวดได้นั้น ขออธิบายว่า จิตนั้นมีเจตสิกที่เข้าประกอบตัวหนึ่งรียกว่าสัญญา คือความจำได้หมายรู้ แม้เคยเห็นมานานมากจนคิดว่าลืมไปแล้ว แต่สัญญาได้บันทึกไว้แล้วย่อมไม่สูญหายไปไหน ยังเรียกกลับมาได้ด้วยกำลังของสติ..เข้าใจว่าท่าน bbby เจริญสมาธิอยู่เนืองๆย่อมเป็นปัจจัยสนับสนุนให้สติมั่นคงขึ้น จึงสามารถท่องบทสวดฯนี้ที่อาจเคยผ่านตามาในสมัยเมื่อนานมาแล้วหรือแม้จากอดีตชาติก็ย่อมเป็นได้..

ส่วนคำถามที่ข้างบน เรื่องถูกผิดในอาการสวดนั้น ขอให้ท่าน bbby สำรวจ/ถามตนเอง(ไม่ต้องตอบมาในที่นี้)..ว่าประสงค์หรือมีเจตนาอะไรในการสวดเช่นนั้น หากปรารภว่าคุณของบทสวดมีพิศดาร สามารถป้องกันภยันตราย ให้มีความเจริญแก่ธุรกิจแลสรรพวิเศษสิ่งทั้งปวง ก็พึงทราบว่า ในขณะสวดนั้นจิตเป็นไปกับโลภะและโมหะเป็นพื้น เมื่ิอกล่าวถึงโลภะและโมหะก็ย่อมหมายถึงอกุศลแต่ถ่ายเดียว ไม่อาจเป็นกุศลไปได้..

แต่หากปรารภว่า เราจะสวดเพื้อระลึกถึงคุณของพระพุทธพระธรรมหรือพระสงฆ์ หรือเพื่อสาระแห่งธรรม จิตย่อมเป็นไปกับศรัทธาและเพราะทราบความหมายของบทสวด ปัญญาก็ย่อมแล่นไปด้วย ดังนี้จิตจึงเป็นกุศลในขณะสวดนั้น..หรือหากคิดว่าต้องการให้จิตเป็นสมาธิ ก็พิจารณาว่า ขณะสวดแล้วทำกิจกรรมอื่นๆนั้นจิตจะเป็นสมาธิได้จริงหรือเปล่า เพราะกิจกรรมอื่นๆพร้อมกับการสวดมนตร์ย่อมไม่อาจรวมลงสู่สมาธิได้จริง เพราะจุดหมายต่างกัน ต้องอาศัยความปรุงแต่งของจิตที่ต่างกัน มีการสลับชวนะอย่างว่องไว หากทำได้ก็คงเป็นคุณสมบัติของพระอริยบุคคล หรือพระพุทธเจ้าเท่านั้น .... เช่นเมื่อต้องจูงสุนัขไปเดิน ใจย่อมส่งไปเพื่อดูบ้างฟังบ้าง ว่าสุนัขจะไปทางใด ต้องระวังมิให้ไปถ่ายในที่อันไม่ควร ต้องดูว่าจะไปไกลถึงไหน กลับเมื่อใด หรือสุนัขไปขุดคุ้ยตามกอหญ้า ฯลฯเป็นต้น แล้วจะสวดมนตร์ได้ต่อเนื่ิองหรือไม่ อย่างไร..ตรงนี้ท่าน bbbyพิจารณาความถูกผิดด้วยตัวเองย่อมได้คำตอบที่ถูกต้องครับ..

เรื่องการพนมมือสวดมนตร์ก็มิได้มีหลักระเบียบอะไร หากไม่สะดวกพนมมือก็ไม่ต้องพนม ที่พนมก็เป็นกุศลคือกายกรรมที่เป็นไปด้วยความเคารพนอบน้อม มีอานิสงค์เพิ่มเติมนอกเหนือไปจากการสวดมนตร์เท่านั้นเอง..

การทำสิ่งใดๆ ขอให้พิจารณาประโยชน์ว่ามีประการใด มีเหตุผลถูกต้องรองรับหรือไม่ อย่างไร..ไม่ทำเพราะไม่รู้หรือเชื่อดายตามเขาไป สอบทานกับกัลยาณชนให้ถ่องแท้ ... หากใครๆสวดมนตร์แล้วปลอดภัยได้ดีจริง คนส่วนมากคงไม่พบอุบัติเหตุ และร่ำรวยแ่้ล้ว เพราะทำได้ง่าย ไม่ต้องขวนขวายกุศลอื่นใดอีก ..นี่คือการขาดเหตุผลและงมงายนะครับ..


:b47: :b46: :b47:

เจ้าของ:  bbby [ 11 ส.ค. 2010, 14:07 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: สงสัยค่ะ..........ขอความรู้จากท่านๆด้วยค่ะ

หายไปไหนมาค่ะคุณdd
งานยุ่งหรือไม่สบายค่ะ :b1: :b38: :b41: :b55: :b49:

เจ้าของ:  -dd- [ 11 ส.ค. 2010, 15:59 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: สงสัยค่ะ..........ขอความรู้จากท่านๆด้วยค่ะ

แขนไม่รักดี :b2: ครับคุณ bbby เจ็บแขนเวลาจิ้มดีดน่ะครับเลยพักนาน :b7:
คุณbbby คงสบายดีนะครับ :b12: :b47: :b48: :b49:

เจ้าของ:  อินทรีย์5 [ 11 ส.ค. 2010, 19:51 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: สงสัยค่ะ..........ขอความรู้จากท่านๆด้วยค่ะ

ผมว่าดีนะครับ เอาคำว่า นะโมพุทธายะ มองท่องในใจหรือท่องออกเสียงเป็นประจำ ก็เหมือนภาวนา
พุทโธ คือเอาพระมาสถิตย์ไว้ใน ให้ใจนึกแต่คำว่าพระ พุทโธ หรือพุทธะ ก้คงมีความหมายเฉกเช่น
เดียวกัน คือผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน แต่จิตจะเบิกบาน ต้องหัดบริกรรมภาวนานึกถึงพระพุทธอย่ในใจตลอด
เวลาก้อย่างที่ผู้เล่าเล่ามานี่แหละ พอทำเป็นอัตโนมัติจิตใต้สำนึกก้นึกถึงโดยอัติโนมัติและท่องออกมา
ถูกต้องด้วย จริงๆคำภาวนาเหล่าเป็นหลักหรือให้จิตเกาะ เมื่อจิตมีที่เกาะมันก็จะสงบแล้วนิ่ง จากนิ่งก้
กลายเป็นความว่าง ความว่างของจิตมีผลมากในการพัฒนาจิต เพราะจุดหมายของสมถะคือทำให้จิต
ว่างเพื่อทำให้จิตมีคุณภาพหรือใช้ประโยชน์อย่างอื่นๆต่อไป :b39:

ดังนั้นที่จขกท. เล่ามาผมเหนด้วย เรียกว่าเป็นบริหารเวลาและควบคุมจิตด้วยการภาวนาให้คุ้นกับ
คำว่านะโมพุทธายะ ซึ่งเป็นประโยชน์การทำให้จิตเป็นสมาธิขึ้นและทำอะไรก้จะง่ายขึ้นด้วย ดังนั้น
หากภาวนาจนจิตสบายและเกิดสมาธิจริงๆแล้ว นั่นแหละครับถึงจะเหนความหมายของคำ นะ-โม-
พุท-ธา-ยะ :b40:

ถ้าสายของหลวงพ่อฤาษีฯ คำภาวนาคำนี้จะทำให้เกิดมโนยิทธิได้ง่าย ใช้ภาวนาเพื่อสร้างฤทธิทางใจ
โดยอาศัยอำนาจของปิติอย่างแรงกล้า+สมาธิช่วงสั้นๆเปนแรงส่ง แล้วอธิษฐานจิตหรืออยากเห็นโดยน้อมจิตไปยังสิ่งที่อยากรู้อยากเห็น ดังนั้นคำภาวนี้จึงเป็นที่นิยมใช้กันในสายของการเน้นอภิญญาสมาธิ :b48:

อีกคำที่ผมลืมพูดถึง คำว่า พุทธะมะอะอุ มาจากคำว่าพุทธะหรือพุทโธ + คำว่า มะอะอุหรืออุอะมะ
พุทธะคือรู้แจ้งและมีความไม่ประมาทอยู่ตลอดเวลากาล ส่วนคำว่า."มะอะอุ"นี้ ถ้าเคยสวดยอดพระกัณ
ณ์ ของหลวงปู่แสง จะพบคำนี้บ่อยมาก คำๆนี้เป็นหัวใจพระรัตนตรัย หมายถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ นี่เอง :b41:

เจ้าของ:  bbby [ 11 ส.ค. 2010, 20:43 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: สงสัยค่ะ..........ขอความรู้จากท่านๆด้วยค่ะ

ขอบคุณทุกๆท่านมากน่ะค่ะ ที่ให้ความรู้กับเรา คนละนิดคนละหน่อย
คือที่เราสงสัย คือคำว่า พุทธะ
นี่เป็นคำใหญ่น่ะ เราก็เลยคิดว่าเราทำถูกหรือปล่าว

แล้วทีนี้เราทำอะไรเราก็สวด คือเหมือนติดคำนี้ไปเลย คือขับรถก็สวด
นั่งรออาหารก็สวดแต่สวดในใจ ถ้าอยู่ในบ้านจะสวดออกเสียง

เวลาสวด เราจะรู้สึกเหมือนจิตเรานิ่งค่ะ ยิ่งถ้าสวดโดยไม่ออกเสียงน่ะค่ะ(สวดในใจ)
เหมือนเรานั่งสมาธิ แต่รับรู้น่ะ แต่จิตนิ่งแบบ
เราก็บอกไม่ถูกค่ะ คุณอินทรีย์5

ตอนแรกเราก็สงสัยน่ะ ว่าทำไมเรานอนสวดคำนี้ทั้งคืน
ก็คงจะใช่แบบที่คุณddพูดน่ะค่ะ

เรื่องภพชาติเรื่องอดีตชาติของคนเรานี่ เหมือนเราเดินตามเส้นวงกลมน่ะค่ะ
พอเราเดินๆไป เราก็ต้องกลับไปสู่เหตุการณ์อย่างเก่าต่อ
พวกคุณคิดแบบที่เราคิดหรือปล่าวค่ะ :b8: :b41: :b55: :b48:

หน้า 1 จากทั้งหมด 1 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/