ลานธรรมจักร
http://www.dhammajak.net/forums/

ประยุกต์กรรม ๕ มาเป็นหลักบริหารได้ไหม
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=32945
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

เจ้าของ:  mahanoi [ 01 ก.ค. 2010, 22:44 ]
หัวข้อกระทู้:  ประยุกต์กรรม ๕ มาเป็นหลักบริหารได้ไหม

tongue อยากทราบรายละเอียดเรื่องกรรม ๕ อย่าง
กมฺมสกา
กมฺมทายาทา
กมฺมพนฺธุ
กมฺมโยนิ
กมฺมปฏิสรณา

ว่าถ้าเราจะมาประยุกต์หลักกรรมอันนี้มาเป็นหลักการบริหารงานหรือกิจการต่างๆนั้น
เราจะนำมาประยุกต์ใช้แบบไหนอย่างไร

ขอขอบคุณล่างหน้า

เจ้าของ:  mahanoi [ 04 ก.ค. 2010, 22:50 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ประยุกต์กรรม ๕ มาเป็นหลักบริหารได้ไหม

:b40: :b40: ความหมายของคำตามที่ได้ยินได้ฟังมาเขาแปลว่า

กมฺมสกา เขาแปลว่า มีกรรมเป็นของตน
แต่เราสงสัยว่าถ้าจะใช้คำว่ามีกิจการเป็นของตนเองได้หรือไม่

กมฺมทายาทา เขาแปลว่ามีกรรมเป็นทายาท มีกรรมเป็นมรดกบ้าง
เราก็คิดว่าถ้าเราเหมาความหมายเอาว่า มีผู้สืบสานงาน ในทำนองนี้ได้ใหม

กมฺมพนฺธุ เขาแปลว่า มีกรรมเป็นพวกพ้อง และก็พ้องกับคำว่ากรรมพันธุ์
เราจะถือเอาความหมายในทำนองว่า มีสายงาน หรือคล้ายๆ รูปแบบขององค์กรที่มีความซับซ้อนหลายๆชั้น ได้ไหมหนอ..

กมฺมโยนิ เขาแปลว่ามีกรรมเป็นกำเนิด มีกรรมเป็นแดนเกิด
เรามาพินิจพิจารณาว่าถ้าเราจะเอาความหมายในเชิงคล้ายๆกับว่าเมื่อบุคคลเข้าทำงานแล้วจำเป็นจะต้องมีการสมมติบัญญัติตำแหน่งหน้าที่ให้เขาทำ แล้วก็ทำให้เขาเกิดเป็นนั้นเป็นนี้ เช่นเป็นผู้อำนวยการ เป็นฯลฯ มันพอจะฟังได้หรือเปล่า

กมฺมปฏิสรณา เขาแปลว่ามีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย
เราก็เห็นชัดว่าคนทั้งหลายเขาอาศัยการทำงานเลี้ยงชีวิต และและก็คิดไปว่ากิจการนั้นๆที่เราสร้างทำขึ้นจำเป็นจะต้องบริหารให้พึ่งตัวเองได้ กิจการอยู่รอดเป็นตัวของตัวเอง :b26:

นี้เป็นความคิดเห็นที่เราพิจารณาดู จะมีความเป็นจริงอยู่แค่ไหนนั้น อยากจะปรึกษาผู้รู้ทั้งหลายในลานธรรมจักรของเรา ถ้าเป็นไปได้เราอาจจะได้ความรู้ไหม่ๆ ที่สามารถนำไปใช้งานได้จริงๆ

ส่วนเพื่อนๆ ทั้งหลายมีความคิดเห็นเป็นอย่างไร ช่วยพูดให้ฟังหน่อย
ขอบคุณหลายๆ เด้อครับ : :b8: :b8: :b8: b41:

เจ้าของ:  จันทร์ ณ ฟ้า [ 05 ก.ค. 2010, 00:22 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ประยุกต์กรรม ๕ มาเป็นหลักบริหารได้ไหม

เอ่อ อ่านกระทู้แล้วก็งงๆ รอผู้รู้มาตอบเหมือนกันค่ะ^^
แต่คิดว่า ถ้าจะประยุกต์หลักธรรมมาใช้กับการบริหารงานน่าจะเป็นหลักอิทธิบาท 4
(ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา)
ถ้าจะโยงถึงเรื่องกรรม ก็เป็นมุมมองที่ว่า งานเป็นสิ่งที่เราต้องทำแทบทุกวัน
การทำงานเป็นการสร้างกรรมที่ต้องทำซ้ำๆเป็นกิจวัตรจึงให้ผลแรง
จึงควรเลือกทำงานที่เป็นสัมมาอาชีวะ

ส่วนความเห็นที่คุณจขกท.โยงเรื่องกรรมกับงานข้างต้นนั้น
มองว่าไม่น่าเกี่ยวกันเท่าไหร่ค่ะ
และยังนึกไม่ออกว่าจะใช้ความหมายที่เชื่อมโยงนี้ให้เกิดประโยชน์กับงานเพิ่มขึ้นยังไง
ที่จริงหากทุกคนในองค์กรตระหนักถึงเรื่องกรรม
รู้ว่ากรรมทุกอย่างที่กระทำไปแล้ว ทั้งใจ วาจา กาย
เป็นของตน เป็นแดนเกิด เป็นเผ่าพันธุ์ เป็นทายาท เป็นที่พึ่ง
ก็จะทำให้องค์กรปกติสุข และเจริญก้าวหน้าได้มากๆเลย
เป็นความเห็นส่วนตัวนะคะ ผิดพลาดยังไงต้องขออภัยด้วยค่ะ

เจ้าของ:  mahanoi [ 04 พ.ย. 2010, 21:58 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ประยุกต์กรรม ๕ มาเป็นหลักบริหารได้ไหม

เราคิดว่าหลักอิทธิบาทนั้นเป็นหลักธรรมที่เป็นคุณธรรมอันเป็นคุณสมบัติในการทำงาน
แต่หลักกรรมห้าประการนี้เมื่อพิจารณาแล้วเราดูเหมือนว่ามันเป็นหลักวิชาการการบริหารงานมากกว่า
ที่เข้าใจกันมา เพราะที่เราเข้าใจกันมานั้นมันเป็นเหมือนกับสิ่งปลอบประโลมใจเฉยๆ เช่นอะไรก็โทษแต่กรรม เราเคยทำมาในอดีต ชดใช้กันซะให้หมด เป็นกรรมของเรา ฯลฯ ซึ่งเป็นส่วนอดีต เราจะไปแก้ไขอะไรได้ แต่คำว่ากรรม จริงๆ นั้นเป็นเรื่องของการกระทำ จึงเป็นสิ่งที่เราต้องทำลงไปจึงมีผลต่อไปได้

อีกอย่างกรรมห้านี้เราพิจารณาเห็นว่ามันน่าจะนำมาเป็นหลักบริหารจัดการกิจการได้ และคิดว่าน่าจะเข้ากับวิทยาการสมัยใหม่ได้อย่างลงตัว ถ้าเป็นอย่างนี้เราสามารถพัฒนาหลักกรรมเป็นหลักวิชาการได้อย่างสมบูรณ์ในตัว
เช่น...
กมฺมสกา ก็คือจะทำกิจการใดๆ ในกิจการนั้นๆ จะต้องพึ่งตัวของตัวเองได้ ยืนบนลำแข้งของตัวเองให้ต้นเองคือกิจการนั้นๆดำรงอยู่ได้เป็นต้น

จึงเสนอหัวข้อนี้ขึ้นเผื่อว่าสมาชิกเรามีแนวคิดดีๆ มีประโยชน์ต่อการทำความเข้าใจต่อไปได้นั่นเอง

หน้า 1 จากทั้งหมด 1 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/