ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
เข้าพรรษา http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=32943 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | วรานนท์ [ 01 ก.ค. 2010, 20:38 ] |
หัวข้อกระทู้: | เข้าพรรษา |
![]() ![]() ![]() การอธิฐานเข้าพรรษาเป็นกิจอย่างหนึ่งที่พระภิกษุพึงกระทำ ตามที่พระผู้มีพระภาคทรงอนุญาตไว้ในอุโบสถขันธ์พระวินัย ในสมัยก่อนนอกพรรษา ภิกษุทั้งหลายจาริกไปในที่ต่างๆ เพื่อแนะนำประชาชนให้รู้จักหลักธรรมอันควรประพฤติปฏิบัติ เพื่อความเจริญรุ่งเรืองแห่งความเป็นอยู่ของประชาชน มีความเป็นอยู่ร่วมกันด้วยความสงบ ที่เรียกว่าประกาศศาสนา เมื่อถึงฤดูฝนก็ตก ทางไม่สะดวก เพราะมีฝนตกเสมอ เป็นความลำบาก จึงทรงอนุญาตให้ภิกษุจำพรรษา คืออยู่ประจำไม่จาริกไปในที่ต่าง ๆ ตลอด ๓ เดือน เพราะเหตุที่ภิกษุอยู่ประจำที่นี้ จึงเป็นโอกาสให้กิจวัตรของพระศาสนาบริบูรณ์ยิ่งขึ้น เมื่อจวนใกล้เข้าพรรษาท่านพุทธศาสนิกชนผู้มีศรัทธาอันแรงกล้า ก็ให้บุตรหลานของตนบรรพชาเป็นเณรบ้าง อุปสมบทเป็นพระภิกษุบ้าง เพื่อประพฤติพรหมจรรย์ และศึกษาเล่าเรียนธรรมวินัย เป็นการอบรมกายวาจาใจของตนให้คลายจากความคิด เสริมสร้างความดีความชอบให้เกิดในตน อันเป็นผลกุศลบุญแก่ผู้บรรพชาอุปสมบทบ้าง แก่บิดามารดาญาติพี่น้องบ้าง และเป็นผลดีแก่พระศาสนาที่ผู้ศรัทธาได้ประพฤติพรหมจรรย์สืบต่อสมณะวงศ์ไว้ เมื่อวันเช่นนี้มาถึง พุทธศาสนิกชนผู้มีศรัทธาทั้งหลาย จึงพร้อมกันบำเพ็ญกุศล มีสมาทานศีล ถวายทาน ฟังพระธรรมเทศนาตามโอกาส เพื่อบูชาคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอบรมบ่มนิสัยให้เว้นจากการทำ พูด คิด ไม่ดีที่ตนเคยผิดพลาดมาแต่ก่อน ตั้งใจอธิฐานประกอบความดีตามศรัทธา บางท่านตั้งใจไม่ดื่นสุราเมรัย บางท่านตั้งใจรักษาศีลอุโบสถ บางท่านตั้งใจฟังเทศน์ ตลอดพรรษา ในเรื่องของการเข้าพรรษานั้น วันเข้าพรรษา กำหนดเป็น 2 ระยะ คือ ปุริมพรรษา และ ปัจฉิมพรรษา 1. ปุริมพรรษา คือ วันเข้าพรรษาต้น ตรงกับวันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๘ ของทุกปี หรือราวเดือนกรกฎาคม (หากเป็นปีอธิกมาส ก็จะเลื่อนไปเป็น วันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๘ หลัง) และออกพรรษาในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๑ ราวเดือนตุลาคม 2. ปัจฉิมพรรษา คือ วันเข้าพรรษาหลัง ตรงกับวันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๙ หลัง หรือราวเดือนสิงหาคม และจะออกพรรษาในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๒ ราวเดือนพฤศจิกายน (ในปัจจุบันไม่มีการเข้าพรรษาแบบนี้แล้ว เพราะจะไม่ได้รับกฐิน เนื่องจากวันปวารณาออกพรรษา เป็นวันสุดท้ายในการทอดกฐิน) วันเข้าพรรษา คือ วันที่พระภิกษุสงฆ์อธิษฐานว่าจะพักประจำอยู่ ณ ที่แห่งใดแห่งหนึ่ง ตลอดระยะเวลาฤดูฝน มีกำหนด 3 เดือนตามพระวินัยบัญญัติ โดยไม่ไปค้างแรมในที่อื่น เรียกกันโดยทั่วไปว่า “จำพรรษา” วันเข้าพรรษาตรงกับฤดูฝน จึงมีชื่อเรียกตามภาษาบาลีว่า “วัสสานะ” มีกำหนดตามฤดูฝน 4 เดือน แต่ให้อยู่ประจำอาวาสเพียง 3 เดือน พอเดือนที่ 4 กำหนดให้หาจีวรมาผลัดเปลี่ยนใหม่ เรียกว่า “เดือนจีวรกาล” และเป็นช่วงที่พุทธศาสนิกชนจะประกอบพิธีทอดกฐิน ในสมัยโบราณ พระภิกษุสงฆ์องค์ใดที่ไม่พร้อมจะอยู่พรรษาในช่วงแรก (ปุริมพรรษา) สามารถอธิษฐานเข้าพรรษาในช่วงหลัง (ปัจฉิมพรรษา) ได้ แต่ในปัจจุบัน พระภิกษุไม่นิยมการเข้าพรรษาแบบที่ว่านี้ เพราะจะไม่ได้รับกฐิน เนื่องจากต้องอธิษฐานออกพรรษาในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๒ ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของกำหนดการทอดกฐินตามพุทธานุญาต อีกทั้งพระภิกษุสงฆ์ในปัจจุบันมีวัดวาอารามให้อยู่จำพรรษาสะดวกกว่าในสมัยโบราณ ประวัติความเป็นมาของวันเข้าพรรษา แต่เดิมในสมัยพุทธกาล พระพุทธเจ้าไม่ได้ทรงบัญญัติพระวินัยให้พระสงฆ์สาวกอยู่ประจำพรรษา เหล่าภิกษุสงฆ์จึงต่างพากันออกเดินทางเผยแผ่พระพุทธศาสนาในสถานที่ต่างๆ โดยไม่ย่อท้อ ทั้งในฤดูหนาว ฤดูร้อน และฤดูฝน ต่อมาชาวบ้านได้พากันติเตียนว่า พวกสมณะศากยบุตรไม่ยอมหยุดสัญจรแม้ในฤดูฝน ในขณะที่พวกพ่อค้าและนักบวชในศาสนาอื่นๆ ต่างพากันหยุดสัญจรในช่วงฤดูฝนนี้การที่พระภิกษุสงฆ์จาริกไปในที่ต่างๆ แม้ในฤดูฝน อาจเหยียบย่ำข้าวกล้าของชาวบ้านได้รับความเสียหาย หรืออาจไปเหยียบย่ำโดนสัตว์เล็กสัตว์น้อยที่ออกหากินจนถึงแก่ความตาย เมื่อพระพุทธองค์ทรงทราบเรื่อง จึงได้วางระเบียบให้พระภิกษุสงฆ์เข้าอยู่ประจำที่ตลอดระยะเวลา 3 เดือนแห่งฤดูฝนภิกษุสงฆ์ที่อธิษฐานเข้าพรรษาแล้ว จะไปค้างแรมที่อื่นนอกเหนือจากอาวาสที่อยู่ของตนไม่ได้แม้แต่คืนเดียว หากไปแล้วไม่สามารถกลับมาในเวลาที่กำหนดคือก่อนรุ่งสาง ถือว่าพระภิกษุรูปนั้นขาดพรรษา แต่หากมีกรณีจำเป็น 4 ประการต่อไปนี้ ภิกษุผู้อยู่พรรษาสามารถกระทำ สัตตาหกรณียะ คือ ไปค้างที่อื่นได้ โดยไม่ถือว่าเป็นการขาดพรรษา แต่ต้องกลับมาภายในระยะเวลา 7 วัน คือ 1. ไปรักษาพยาบาลพระภิกษุ หรือบิดามารดาที่เจ็บป่วย 2. ไประงับไม่ให้ภิกษุสึก 3. ไปเพื่อกิจธุระของคณะสงฆ์ เช่น ไปหาอุปกรณ์มาซ่อมแซมวัดซึ่งชำรุดในพรรษานั้น 4. ทายกนิมนต์ไปฉลองศรัทธาในการบำเพ็ญกุศล ประโยชน์ในการเข้าพรรษาของพระภิกษุ 1. เป็นช่วงที่ชาวบ้านประกอบอาชีพทำไร่นา หากภิกษุสงฆ์เดินทางจาริกไปในสถานที่ต่างๆ อาจไปเหยียบต้นกล้าหรือสัตว์เล็กสัตว์น้อยให้ได้รับความเสียหายล้มตาย 2.หลังจากเดินทางจาริกไปเผยแผ่พระพุทธศาสนามาเป็นเวลา 8-9 เดือน พระภิกษุสงฆ์จะได้หยุดพักผ่อน 3. เป็นเวลาที่พระภิกษุสงฆ์จะได้ประพฤติปฏิบัติธรรมสำหรับตนเอง และศึกษาเล่าเรียนพระธรรมวินัย ตลอดจนเตรียมการสั่งสอนประชาชนเมื่อถึงวันออกพรรษา 4. เพื่อจะได้มีโอกาสอบรมสั่งสอนและบวชให้กับกุลบุตรผู้มีอายุครบบวช อันเป็นกำลังสำคัญในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาต่อไป 5. เพื่อให้พุทธศาสนิกชนได้มีโอกาสบำเพ็ญกุศลเป็นการพิเศษ เช่น การทำบุญตักบาตร หล่อเทียนเข้าพรรษา ถวายผ้าอาบน้ำฝน รักษาศีล เจริญภาวนา ถวายจตุปัจจัยไทยธรรม งดเว้นอบายมุข และมีโอกาสได้ฟังพระธรรมเทศนาตลอดเวลาเข้าพรรษา การประกอบพิธีเข้าพรรษาในปัจจุบัน การประกอบพิธีในวันสำคัญนี้ แบ่งออกเป็น 3 ประการ คือ 1. พิธีหลวง หรือ พระราชพิธี 2. พิธีราษฎร์ หรือ พิธีของพุทธศาสนิกชนทั่วไป 3. พิธีสงฆ์ พระราชพิธี องค์พระประมุขแห่งชาติ ผู้ทรงอุปถัมภกพระพุทธศาสนา พระองค์ได้ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลเนื่องในเทศกาลเข้าพรรษาเป็นประจำทุกปี เช่น การถวายเทียนพรรษาแก่วัดต่างๆ ถวายพุ่มเทียนแด่พระภิกษุสงฆ์ ถวายจตุปัจจัยไทยธรรม ทรงศีล ทรงธรรม จนเป็นพระราชประเพณีมาตราบเท่าทุกวันนี้ พิธีราษฎร์ สำหรับประชาชนทั่วไป เมื่อถึงวันเข้าพรรษา ก็จะทำบุญตักบาตรเป็นกรณีพิเศษ เช่น ถวายสังฆทาน ถวายผ้าอาบน้ำฝน ถวายดอกไม้ธูปเทียนจตุปัจจัยไทยธรรม และผู้มีศรัทธาแก่กล้าก็จะทำการเข้าพรรษาด้วย คือ การงดเว้นจากอบายมุข สิ่งเสพติด สุราเมรัย ไม่เกี่ยวข้องกับอบายมุขต่างๆ ตลอดระยะเวลา 3 เดือนของการเข้าพรรษา ซึ่งจะเป็นหนทางให้สามารถละเลิกได้ตลอดกาลในโอกาสข้างหน้า พิธีสงฆ์ ทุกวัดจะมีการอธิษฐานเข้าพรรษา โดยเริ่มจาก 1. พระสงฆ์มาพร้อมกันที่โบสถ์หรือสถานที่กำหนด เพื่อทำวัตรสวดมนต์ในตอนเย็น 2. แสดงพระธรรมเทศนาเรื่องการเข้าพรรษา หรืออ่านประกาศเรื่องการเข้าพรรษา เพื่อ ก. บอกให้รู้เรื่องประวัติ ความเป็นมา และเหตุผลที่ต้องมีการเข้าพรรษา ข. บอกให้รู้ถึงภารกิจ ที่ภิกษุสงฆ์ต้องกระทำในช่วงวันเข้าพรรษา เช่น ศึกษาพระธรรมวินัย ปฏิบัติธรรม และบอกให้ทราบถึงเรื่องที่ไม่สามารถไปค้างคืนที่อื่นได้ในช่วงเข้าพรรษา ค. บอกกติกาที่ควรปฏิบัติร่วมกัน ขณะอยู่ร่วมพรรษา 3. ขอขมาโทษต่อกัน 4. ปฏิบัติตามธรรมเนียมประเพณีของทางวัดร่วมกัน เช่น บางวัดอาจมีการสวดมนต์จนถึงรุ่งเช้า หรือกิจกรรมอื่นๆ ในวันเข้าพรรษา ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | ทักทาย [ 01 ก.ค. 2010, 21:57 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: เข้าพรรษา |
ปุจฉา ปีนี้เข้าพรรษาและออกพรรษา ตรงกับวันที่เท่าไหร่ค่ะ? ไม่มีปฏิทินไทย เลยไม่ทราบแม้กระทั่งวันพระ ในแต่ละเดือนเลยค่ะท่าน อนุโมทนาค่ะ ![]() |
เจ้าของ: | สาวิกาน้อย [ 07 ก.ค. 2010, 16:08 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: เข้าพรรษา |
taktay เขียน: ปุจฉา ปีนี้เข้าพรรษาและออกพรรษา ตรงกับวันที่เท่าไหร่ค่ะ? ไม่มีปฏิทินไทย เลยไม่ทราบแม้กระทั่งวันพระ ในแต่ละเดือนเลยค่ะท่าน อนุโมทนาค่ะ ![]() ![]() วันจันทร์ที่ ๒๖ กรกฎาคม ๒๕๕๓ ตรงกับวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๘-๘ เป็น วันอาสาฬหบูชา วันอังคารที่ ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๕๓ ตรงกับวันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๘-๘ เป็น วันเข้าพรรษา วันเสาร์ที่ ๒๓ ตุลาคม ๒๕๕๓ ตรงกับวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๑ เป็น วันออกพรรษา (เป็น วันปิยมหาราช ด้วยจ๊ะ) |
เจ้าของ: | ภัทร์ไพบูลย์ [ 07 ก.ค. 2010, 19:17 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: เข้าพรรษา |
สาธุครับ ท่านสาวิกาน้อย อนุโมทนาด้วยความเคารพ ![]() ![]() ![]() เทพบุตร |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 07 ก.ค. 2010, 19:46 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: เข้าพรรษา |
ตั้งใจจะงดเหล้าเบียร์สักสามเดือน ![]() ![]() |
เจ้าของ: | ทักทาย [ 07 ก.ค. 2010, 20:20 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: เข้าพรรษา |
อนุโมทนาสำหรับ วิสัชนาค่ะท่านสาวิกาน้อย ![]() |
เจ้าของ: | ทักทาย [ 07 ก.ค. 2010, 21:06 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: เข้าพรรษา |
กรัชกาย เขียน: ตั้งใจจะงดเหล้าเบียร์สักสามเดือน ![]() ![]() ขอบิณฑบาต รัก โลภ โกรธและหลง ด้วยจะได้ไหมค่ะ? สาธุค่ะ ![]() |
เจ้าของ: | วรานนท์ [ 08 ก.ค. 2010, 17:25 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: เข้าพรรษา |
![]() ![]() ![]() กรัชกาย เขียน: ตั้งใจจะงดเหล้าเบียร์สักสามเดือน ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() อนุโมทนาสาธุด้วยครับ ![]() ![]() ![]() |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |