ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
ยุติกรรม ... ทำได้ http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=32595 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | เป็นใหญ่ [ 15 มิ.ย. 2010, 17:05 ] |
หัวข้อกระทู้: | ยุติกรรม ... ทำได้ |
ขอบคุณสำหรับคำชี้แนะแนวทางจากหลายท่าน ตามแนวทางจากของหลายๆ ท่านผมสรุปออกมาได้ว่า กรรมไม่สามารถที่จะลบล้างได้ แต่ผมได้ข้อสังเกตุว่า โดยแท้จริงแล้ว ยังมีบางข้อที่สามารถปฏิบัติได้ ซึ่งต่อไปนี้เป็นเพียงแนวคิดของผมเพียงคนเดียวเท่านั้น ผมขอยกตัวอย่างว่า เช่นหากว่าเรากำลังเดินอยู่ โดยไม่ทันได้ระวัง บังเอิญไปชนเขาหกล้มลง ซึ่งแน่นอนว่า คนที่โดนเราเดินชนจนหกล้มลงไป คงต้องโกรธเราเป็นแน่ และคงจะต้องดุด่าต่อว่าเราต่าง ๆ นา ๆ ว่าเดินยังไงไม่ดูตาม้าตาเรือ ซึ่งสิ่งเหล่านี้หากผมนำมาให้ท่านสมาชิกทุกท่านได้พิจารณาดูแล้วชักจูงเข้าไปสู่เรื่องของกรรม "ก็จะได้ข้อสังเกตุที่ว่า กรรมเกิดขึ้นจากเราเดินโดยไม่ระมัดระวังจนไปชนเขาจนล้มลง ผลคือเราคือลูกหนี้กรรม แล้วเจ้าหนี้ของกรรมก็คือคนที่โดนเราชนล้มลงไป บัดนี้ กรรมได้เกิดขึ้นแล้ว เหตุแห่งการทำให้กรรมนี้หมดลงได้คือ 1. เจ้าหนี้กรรมคือคนที่โดนเราชนล้มลง ให้อภัยแก่เราไม่ถือโทษโกรธ 2. เจ้าหนี้กรรมผลักเราจนล้มลง ถือได้ว่ากรรมนั้นหายกันไป" หากแต่นี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่ข้าพเจ้ายกตัวอย่างขึ้นมาเท่านั้น เพราะเห็นว่าเป็นมูลเหตุที่ทำให้เข้าใจง่ายที่สุด "ซึ่งแนวทางปฏิบัติจริงสามารถพูดคุยกันได้ คนที่ทำผิดไปแล้วหากเราให้อภัยเขา นั่นก็ควรจะเป็นการดีแล้วไม่ใช่หรือครับ แต่เราจะไปคุยกับเจ้ากรรมนายเวรที่ไหน ได้อย่างไรล่ะ จะต้องให้แก้แค้นกันไปมาไม่รู้จักจบสิ้นอย่างนั้นหรือ ซึ่งเหตุแห่งการยุติกรรม นั้นมีเพียงทางเดียว คือทำอย่างไรให้เจ้ากรรมนายเวรท่าน ยอมยุติกรรมนั้นให้ หากเจ้ากรรมนายเวร ยอมตัดกรรมให้ไม่ผูกใจเจ็บคิดแก้แค้นต่อกัน ผลที่ได้คือ เจ้ากรรมนายเวร ก็เป็นสุข ผู้ที่มีกรรมต่อกันก็เป็นสุขทั้งสองฝ่าย" แต่ใครละจะเป็นสื่อกลางให้เกิดการ "ยุติกรรม" นี้ได้ |
เจ้าของ: | -dd- [ 15 มิ.ย. 2010, 18:31 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ยุติกรรม ... ทำได้ |
เป็นใหญ่: อ้างคำพูด: "ก็จะได้ข้อสังเกตุที่ว่า กรรมเกิดขึ้นจากเราเดินโดยไม่ระมัดระวังจนไปชนเขาจนล้มลง ผลคือเราคือลูกหนี้กรรม แล้วเจ้าหนี้ของกรรมก็คือคนที่โดนเราชนล้มลงไป บัดนี้ กรรมได้เกิดขึ้นแล้ว เหตุแห่งการทำให้กรรมนี้หมดลงได้คือ 1. เจ้าหนี้กรรมคือคนที่โดนเราชนล้มลง ให้อภัยแก่เราไม่ถือโทษโกรธ 2. เจ้าหนี้กรรมผลักเราจนล้มลง ถือได้ว่ากรรมนั้นหายกันไป" มีเรื่องในพระไตรปิฎกเกี่ยวกับ นางขุขชุตตรา อุบาสิกาผู้เป็นเลิศในการแสดงธรรม เกี่ยวกรรมของนางประการต่างๆที่น่าสนใจ พึงนำมาพิจารณาเทียบเคียงกับสูตรสำเร็จเจ้ากรรมฯที่คุณ[b]เป็นใหญ่สรุปไว้ เพื่อการทำควมเห็นที่ถูกตรง ดังนี้.. [/b] บุพกรรมล้อเลียนพระ สมัยหนึ่ง ภิกษุทั้งหลายกราบทูลถามพระบรมศาสดาว่า:- “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เพราะกรรมอะไร นางขุชชุตตราจึงเป็นหญิงหลังค่อม พระเจ้าข้า ?” “ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ในอดีตชาติ พระปัจเจกพุทธเจ้าองค์หนึ่งเป็นผู้มีสภาพร่างกายเป็น คนค่อมนิดหน่อยมาฉันภัตตาหารในราชสำนักเป็นประจำ นางกุมาริกานางหนึ่งแสดงอาการเป็น คนค่อมล้อเลียนแบบพระปัจเจกพุทธเจ้า ด้วยความคึกคะนองต่อหน้าเพื่อนกุมาริกาทั้งหลาย เพราะกรรมนั้น จึงส่งผลให้เธอเป็นคนค่อมในอัตภาพนี้” “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เพราะกรรมอะไร นางขุชชุตตรา จึงเป็นทางทาสีของบุคคลอื่น พระเจ้าข้า ?” “ดูก่อนภิกษุทั้งหลายในอดีตครั้งที่พระพุทธเจ้านามว่ากัสสปะ นางได้เกิดในตระกูล เศรษฐีในเมืองพาราณสี มีภิกษุณีผู้เป้นพระอรหันต์รูปหนึ่ง ซึ่งมีความคุ้นเคยกับตระกูลของนาง มา เยี่ยมเยือนที่บ้าน ขณะนั้นนางกำลังแต่งตัวอยู่ ได้ออกปากขอให้พระเถรีผู้เป็นพระอรหันต์ช่วยหยิบกระเช้าเครื่องประดับส่งให้ พระเถรีนั้นคิดว่า..... “ถ้าเราไม่หยิบส่งให้ นางก็จักโกรธอาฆาตเรา เพราะกรรมนี้เมื่อนางตายไปแล้ว ก็จะไป เกิดในนรก แต่ถ้าเราหยิบส่งให้ นางก็จักเกิดเป็นหญิงรับใช้คนอื่น เพราะกรรมที่ใช้พระอรหันต์ นางภิกษุณีจึงเลือกกรรมสถานเบาเพื่อเป็นการอนุเคราะห์ต่อนาง จึงได้หยิบกระเช้าส่งให้ เพราะ กรรมนี้นางจึงเกิดเป็นหญิงรับใช้บุคคลอื่น” จากเรื่องนี้ นางขุชชุตตรา ทำบาปกับพระปัจเจกพุทธเจ้า และ ภิกษุณีผู้เป้นพระอรหันต์รูปหนึ่งมา จึงได้รับผลคือหลังค่อมและเกิดมาเป็นคนใช้ นี่แสดงว่าเจ้ากรรมฯของนางคือ พระปัจเจกพุทธเจ้า และ ภิกษุณีผู้เป้นพระอรหันต์ หรือเปล่า? ![]() จึงสรุปได้ว่ากรรมนั้นตนทำเอง ผลของกรรมมาจากกรรมที่ตนนั่นแหละทำไว้ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเจ้ากรรมฯที่ใหน... เรื่องเจ้ากรรมนายเวรนี่คนสมัยนี้กลัวกันจนขึ้นสมองถึงกับวิ่งเข้าหาพิธีกรรมแปลกๆ พอเหตุการณ์ประจวบว่าตนพ้นทุกข์ หลังจากผ่านพิธีนั้นก็เชื่อเป็นตุเป็นตะว่าแ่น่แล้ว พิธีนั้นเยี่ยมจริงเพราะมัน work ที่จริงแม้ไม่เข้าพิธี เมื่อกุศลเก่าที่เคยทำมีกำลังได้ปัจจัยมาส่งผลตนจึงพ้นทุกข์ได้ แต่เพราะไม่เคยได้สดับพระธรรมของพระพุทธเจ้าหรือไปฟังธรรมะปลอมมาจากแหล่งพาลมิตรจึงไม่อาจรู้ต้นสายปลายเหตุอะไรๆด้วยปัญญา กลายเป็นผู้เสื่อมจากศาสนาพุทธเพราะไปนับถือเทพรับองค์หรือขันธ์ กาละมังต่างๆไปอย่างงมงาย พอเสร็จพิธีก็มัวเมาประมาททำบาปกรรมไปอีก เพราะนึกได้แต่ว่า ถ้าทุกข์ก็..วิ่งไปรับขันธ์หรือองค์ทรงเจ้าเคาะกะโหลกฯลฯกันไป แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เคยอยากรับเลยคือ"ศีล" หรือรับแล้วก็ทิ้งไว้ที่ทำพิธี..จึงเลยเกิดมาชาติใดก็หลงกลัว"เจ้ากรรมนายเวร"ตั้งแต่รู้ความจนเข้าเตาเผา เพราะการที่ใครจะเชื่อฝังศีรษะในเรื่องใดก็ด้วยอำนาจเสพข้องสิ่งนั้นมาจนนับชาติไม่ถ้วนแ้ล้ว หาได้มาปิ๊งไอเดียนี้เฉพาะในปัจจุบันก็หาไม่...จึงพึงศึกษาพระธรรมที่ถูกต้องเพื่อปัญญาที่ไม่หลงในสิ่งที่ไม่มีเหตุผลรองรับ จะไม่ตกไปจากสิ่งที่ควรมีควรได้เมื่อได้พบพระพุทธศาสนาคือสัมมาทิฏฐิ ที่เป็นมงคลสูงสุดประการหนึ่งนั่นเทียว ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | ประยุทธ์ [ 15 มิ.ย. 2010, 21:58 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ยุติกรรม ... ทำได้ |
กรรมนั้นยุติในชาตินี้ได้ครับ ถ้าเราละอุปทานในขันธ์ ๕ ได้อย่างบริบูรณ์ ไม่ต้องกลับมาชดใช้อีกต่อไป แต่ถ้ายังละไม่ได้ กรรมนั้นหนักเบาอยู่ที่ตัวเราว่าเจตนาหรือไม่ครับ ขอเจริญในธรรมครับ ![]() |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |