ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
คนเรามีอดีตชาติจริงหรือ http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=32358 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 2 |
เจ้าของ: | peepong [ 06 มิ.ย. 2010, 15:46 ] |
หัวข้อกระทู้: | คนเรามีอดีตชาติจริงหรือ |
นักปฏิบัติธรรมจะต้องรู้อดีตชาติของตนหรือไม่ คนเราตายเกิดกันมากี่ภพกี่ชาติแล้ว จะรู้ได้ด้วยตนเองหรือไม่ จะต้องทำอย่างไร จริงหรือไม่ที่มีบางคนสามารถรู้ภพชาติของผู้อื่นได้ ถ้ามีคนบอกเราว่า เคยเกิดเป็นคนมาแล้วหลายชาติ เป็นผู้ที่มีทั้งบุญและมากมายด้วยความสามารถ ชาตินี้จะเป็นชาติสุดท้ายที่จะต้อง ปฏิบัติตนเพื่อพระพุทธศาสนา ควรจะใช้ปัญญาพิจารณาอย่างไร ฝากมายังญาติธรรมให้ความกระจ่างด้วยครับ ขอบคุณทุกท่านที่เมตตาคับ เจริญในธรรม |
เจ้าของ: | หลับอยุ่ [ 06 มิ.ย. 2010, 16:03 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: คนเรามีอดีตชาติจริงหรือ |
Quote Tipitaka: พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑ พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๑
มหาวิภังค์ ภาค ๑ พระวินัยปิฎก เล่ม ๑ มหาวิภังค์ ปฐมภาค ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น. เวรัญชกัณฑ์ เรื่องเวรัญชพราหมณ์ เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๑ บรรทัดที่ ๑ - ๑๖๔. หน้าที่ ๑ - ๗. http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_it ... agebreak=0 |
เจ้าของ: | หลับอยุ่ [ 06 มิ.ย. 2010, 16:07 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: คนเรามีอดีตชาติจริงหรือ |
วันนี้วันที่6เมื่อ6ปีก่อน เจ้าของกระทู้ ทำอะไรอยู่ที่ไหน กับใคร ???? ระลึกได้ไหมครับ??? เอาแค่ชาตินี่ก็พอ ปล ส่วนตัวผมระลึกไม่ได้และจำไม่ได้หรอกครับ ![]() |
เจ้าของ: | หลับอยุ่ [ 06 มิ.ย. 2010, 16:15 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: คนเรามีอดีตชาติจริงหรือ | ||
Quote Tipitaka: พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๒ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๔
มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ ๖. อากังเขยยสูตร ว่าด้วยข้อที่พึงหวังได้ ๑๗ อย่าง [๘๘] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ถ้าภิกษุจะพึงหวังว่า เราพึงระลึกชาติก่อนได้เป็นอันมาก คือ พึงระลึกได้ชาติหนึ่งบ้าง สองชาติบ้าง สามชาติบ้าง สี่ชาติบ้าง ห้าชาติบ้าง สิบชาติบ้าง ยี่สิบชาติบ้าง สามสิบชาติบ้าง สี่สิบชาติบ้าง ห้าสิบชาติบ้าง ร้อยชาติบ้าง พันชาติบ้าง แสนชาติบ้าง ตลอดสังวัฏกัปเป็นอันมากบ้าง ตลอดวิวัฏกัปเป็นอันมากบ้าง ตลอดสังวัฏวิวัฏกัป เป็นอันมากบ้างว่า ในภพโน้น เรามีชื่ออย่างนั้น มีโคตรอย่างนั้น มีผิวพรรณอย่างนั้น มีอาหาร อย่างนั้น เสวยสุขเสวยทุกข์อย่างนั้นๆ มีกำหนดอายุเพียงเท่านั้น ครั้นจุติจากภพนั้นแล้ว ได้ไปเกิดในภพโน้น แม้ในภพนั้น เราก็ได้มีชื่ออย่างนั้น มีโคตรอย่างนั้น มีผิวพรรณอย่างนั้น มีอาหารอย่างนั้น เสวยสุขเสวยทุกข์อย่างนั้นๆ มีกำหนดอายุเพียงเท่านั้น ครั้นจุติจากภพ นั้นแล้ว ได้มาเกิดในภพนี้ เราพึงระลึกถึงชาติก่อนได้เป็นอันมาก พร้อมทั้งอาการ พร้อมทั้งอุเทศ ด้วยประการฉะนี้เถิด ดังนี้ ภิกษุนั้น พึงเป็นผู้กระทำให้บริบูรณ์ในศีล หมั่น- *ประกอบธรรมเครื่องระงับจิตของตน ไม่ทำฌานให้เหินห่าง ประกอบด้วยวิปัสสนา พอกพูน สุญญาคาร. [๘๙] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ถ้าภิกษุจะพึงหวังว่า เราพึงเห็นหมู่สัตว์ที่กำลังจุติ กำลังอุปบัติ เลว ประณีต มีผิวพรรณดี มีผิวพรรณทราม ได้ดี ตกยาก ด้วยทิพยจักษุอันบริสุทธิ์ ล่วงจักษุ ของมนุษย์ พึงรู้ชัดซึ่งหมู่สัตว์ ผู้เป็นไปตามกรรมว่า สัตว์เหล่านี้ประกอบด้วยกายทุจริต วจี- *ทุจริต มโนทุจริต ติเตียนพระอริยเจ้า เป็นมิจฉาทิฏฐิ ยึดถือการกระทำด้วยอำนาจมิจฉาทิฏฐิ เมื่อตายไป เขาถึงเข้าอบาย ทุคติ วินิบาต นรก ส่วนสัตว์เหล่านี้ ประกอบด้วยกายสุจริต วจีสุจริต มโนสุจริต ไม่ติเตียนพระอริยเจ้า เป็นสัมมาทิฏฐิ ยึดถือการกระทำด้วยอำนาจ สัมมาทิฏฐิ เมื่อตายไป เขาเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ ดังนี้ เราพึงเห็นหมู่สัตว์ที่กำลังจุติ กำลัง อุปบัติ เลว ประณีต มีผิวพรรณดี มีผิวพรรณทราม ได้ดี ตกยากด้วยทิพยจักษุอันบริสุทธิ์ ล่วงจักษุของมนุษย์ พึงรู้ชัดซึ่งหมู่สัตว์ผู้เป็นไปตามกรรมด้วยประการฉะนี้เถิด ดังนี้ ภิกษุนั้น พึงเป็นผู้กระทำให้บริบูรณ์ในศีล หมั่นประกอบธรรมเครื่องระงับจิตของตน ไม่ทำฌานให้เหินห่าง ประกอบด้วยวิปัสสนา พอกพูนสุญญาคาร. เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๒ บรรทัดที่ ๑๐๒๔ - ๑๑๓๕. หน้าที่ ๔๓ - ๔๗. http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_it ... agebreak=0 ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]()
|
เจ้าของ: | หลับอยุ่ [ 06 มิ.ย. 2010, 16:21 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: คนเรามีอดีตชาติจริงหรือ | ||
[๘๕] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ถ้าภิกษุจะพึงหวังว่า เราพึงบรรลุอิทธิวิธีหลายประการ คือ คนเดียวพึงเป็นหลายคนก็ได้ หลายคนพึงเป็นคนเดียวก็ได้ ทำให้ปรากฏก็ได้ ทำให้หายไปก็ได้ ทะลุฝากำแพง ภูเขาไปได้ไม่ติดขัด เหมือนไปในที่ว่างก็ได้ พึงผุดขึ้น ดำลง แม้ในแผ่นดิน เหมือนในน้ำก็ได้ พึงเดินบนน้ำไม่แตกเหมือนเดินบนแผ่นดินก็ได้ เหาะไปในอากาศเหมือนนก ก็ได้ ลูบคลำพระจันทร์พระอาทิตย์ ซึ่งมีฤทธิ์ มีอานุภาพมากด้วยฝ่ามือก็ได้ ใช้อำนาจทางกาย ไปตลอดพรหมโลกก็ได้เถิด ดังนี้ ภิกษุนั้นพึงเป็นผู้กระทำให้บริบูรณ์ในศีล หมั่นประกอบ ธรรมเครื่องระงับจิตของตน ไม่ทำฌานให้เหินห่าง ประกอบด้วยวิปัสสนา พอกพูนสุญญาคาร ๑ Quote Tipitaka: เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๒ บรรทัดที่ ๑๐๒๔ - ๑๑๓๕. หน้าที่ ๔๓ - ๔๗.
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_it ... agebreak=0 ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]()
|
เจ้าของ: | หลับอยุ่ [ 06 มิ.ย. 2010, 16:24 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: คนเรามีอดีตชาติจริงหรือ |
peepong เขียน: นักปฏิบัติธรรมจะต้องรู้อดีตชาติของตนหรือไม่ คนเราตายเกิดกันมากี่ภพกี่ชาติแล้ว จะรู้ได้ด้วยตนเองหรือไม่ จะต้องทำอย่างไร จริงหรือไม่ที่มีบางคนสามารถรู้ภพชาติของผู้อื่นได้ ถ้ามีคนบอกเราว่า เคยเกิดเป็นคนมาแล้วหลายชาติ เป็นผู้ที่มีทั้งบุญและมากมายด้วยความสามารถ ชาตินี้จะเป็นชาติสุดท้ายที่จะต้อง ปฏิบัติตนเพื่อพระพุทธศาสนา ควรจะใช้ปัญญาพิจารณาอย่างไร ฝากมายังญาติธรรมให้ความกระจ่างด้วยครับ ขอบคุณทุกท่านที่เมตตาคับ เจริญในธรรม ถ้าปฏิบัติจนได้วิชชาสาม....เรื่องนี้ ธรรมดาครับ ![]() |
เจ้าของ: | จันทร์ ณ ฟ้า [ 06 มิ.ย. 2010, 16:38 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: คนเรามีอดีตชาติจริงหรือ |
คนที่พัฒนาจิตให้ตั้งมั่นเป็นสมาธิ จนได้ฌานของโลกิยอภิญญา ที่เรียกว่า ปุพเพนิวาสานุสติญาณ จะสามารถรู้เหตุกรรมในอดีตได้ผ่านทางข้อมูลของจิตไร้สำนึก ซึ่งจะบันทึกเรื่องราวจากชาติภพต่างๆที่ผ่านมาไว้ในรูปของพลังกรรม พลังนี้จะเป็นตัวนำให้เกิดการก่อตัวเป็นเจตสิกรวมกันเป็นดวงจิต สะท้อนออกมาเป็นเวทนาและความรู้สึก เป็นความเข้าใจจากกระบวนการย้อนกลับเหมือนการตรวจสอบDNA แล้วสืบย้อนไปได้ว่าใครเป็นพ่อแม่ แต่ผู้รู้ท่านว่าเรื่องอดีตไม่ได้นำไปสู่การพ้นทุกข์ ไม่ว่าชาตินี้ชาติไหนก็ล้วนแต่สมมติทั้งนั้น เป็นรูปนามเหมือนกัน ส่วนเรื่องที่มีคนบอกนั้นจริงๆแล้วเป็นพระพุทธองค์เท่านั้นที่จะพยากรณ์ได้ และหากคำที่เค้าบอกทำให้อัตตาของเราเพิ่มขึ้น ยิ่งเป็นกรงขังให้จิตคิดวนเวียนอยู่แต่เรื่องนี้ หลักกาลามสูตรก็ครอบคลุมไว้แล้ว อย่าได้ยึดถือโดยเชื่อว่าผู้พูดสมควรจะเชื่อได้ หรืออย่าได้ยึดถือโดยความนับถือว่าสมณะนี้เป็นครูของเรา ดังนั้น คำถามนี้ถ้าต้องการคำตอบ ต้องปฏิบัติด้วยตนเองจนเกิดภาวนามยปัญญา แล้วจะพบความจริงด้วยตนเอง ![]() |
เจ้าของ: | peepong [ 06 มิ.ย. 2010, 17:28 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: คนเรามีอดีตชาติจริงหรือ |
ขอบคุณญาติธรรมทุกท่านที่ให้ความรู้เพิ่มขึ้น ปฏิบัติอย่างไร ถึงจะได้วิชชาสามคับ ถ้าหากว่าการได้รู้อดีตโดยไม่ยึดติดอยู่ตรงนั้น แต่รู้เพื่อนำข้อผิดพลาดในการกระทำเมื่ออดีตนั้น ซึ่งอดีตก็แก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว เพราะมันเกิดขึ้นแล้ว นำเหตการณ์เหล่านั้นมาประกอบการพัฒนา ปรับปรุงตนเอง เพื่อปัจจุบันและอนาคต จะดีหรือไม่ |
เจ้าของ: | หลับอยุ่ [ 06 มิ.ย. 2010, 17:57 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: คนเรามีอดีตชาติจริงหรือ |
ในเล่มมีบอกไว้แล้วครับ |
เจ้าของ: | จันทร์ ณ ฟ้า [ 06 มิ.ย. 2010, 18:09 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: คนเรามีอดีตชาติจริงหรือ |
ความเห็นของผู้รู้ท่านว่าหากเรารู้เห็นอดีตชาติอาจจะทำให้หลงสมมติหนักขึ้นอีก แต่ผู้ไม่รู้อย่างดิฉันก็คิดว่ามีประโยชน์ในแง่ที่ จะทำให้เราเกิดความสลดสังเวช (เป็นความเห็นส่วนตัวนะ) และอาจเกิดความเบื่อหน่ายที่จะเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในสังสารวัฏ จนอยากจะหาทางออกจากวงกลมแห่งวัฏฏะนี้ ที่เค้าว่า อาศัยตัณหาเพื่อละตัณหาไงคะ แต่ท่านว่าถ้าทำอะไรด้วยความอยาก มันมักจะไม่ค่อยได้หรอกค่ะ ทำเหตุให้ดีที่สุดแต่ปล่อยวางผลนะคะ จากนั้นทางที่ควรทำต่อคือ ลดกำลังของสมาธิให้ต่ำลงมาจากระดับฌาน และพิจารณาสติปัฏฐาน 4 โดยมีกฎไตรลักษณ์เป็นเครื่องกรองปัญญาเห็นแจ้งให้เกิดขึ้น ซึ่งเป็นทางสายเดียวของการเดินไปสู่การพ้นทุกข์อย่างแท้จริง |
เจ้าของ: | หลับอยุ่ [ 06 มิ.ย. 2010, 18:23 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: คนเรามีอดีตชาติจริงหรือ |
มีแต่ทำฌาณให้แก่กล้า ออกจากฌาณมาให้นิวรณ์รุมทำไมครับ??? ยิ่งสติด้วยแล้ว จะบริสุทธิ์ที่ฌาณ 4 ![]() หากไม่มีกุศลจิตฌาณ อย่าไปหวัง สติปัฏฐาน4เลยครับ เส้นขนานกัน |
เจ้าของ: | หลับอยุ่ [ 06 มิ.ย. 2010, 18:44 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: คนเรามีอดีตชาติจริงหรือ |
เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๒ บรรทัดที่ ๑๗๕๔ - ๒๑๕๐. หน้าที่ ๗๓ - ๘๘. http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_it ... agebreak=0 เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๐ บรรทัดที่ ๖๒๕๗ - ๖๗๖๔. หน้าที่ ๒๕๗ - ๒๗๗. http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_it ... agebreak=0 |
เจ้าของ: | chulapinan [ 06 มิ.ย. 2010, 19:23 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: คนเรามีอดีตชาติจริงหรือ |
นักปฏิบัติเมื่อได้ฌานในระดับสกิทาคามีก็จะสามารถระลึกชาติได้ค่ะ แต่ไม่ได้รู้ทุกชาติรู้แต่ชาติหลักๆที่เกี่ยวโยงถึงอนาคตเท่านั้น และมีคนอื่นสามารถรู้อดีตชาติของเราได้ค่ะแต่เราต้องรู้เองก่อนค่ะ เมื่อรู้แล้วก็ไปสอบถามผู้รู้ได้ว่าใช่หรือไม่ถ้าใช่ก็ต้องตรงกัน ที่ต้องรู้เองเพราะมันเหลือเชื่อค่ะต้องพิสูจน์เอง ถือศีลทำสมาธิไปเรื่อยๆเมื่อถึงเวลาที่กรรมกำหนดปัญญาจะบอกเองค่ะ อ้อ ถ้าคนอื่นบอกมาแบบไม่เฉพาะเจาะจงก็ทำได้ค่ะอย่างกรณีที่คุณว่ามา กรณีของคุณก็คงจะประมาณว่าเคยสะสมบุญแบบพุทธศาสนามาเรื่อยๆ ชาตินี้ก็ไม่มีอะไรค่ะปฎิบัติสะสมบุญต่อไปค่่ะ วันนึงคุณอาจจะระลึกชาติได้ด้วยตัวคุณเองรู้แบบเฉพาะเจาะจงเลย |
เจ้าของ: | จันทร์ ณ ฟ้า [ 06 มิ.ย. 2010, 21:14 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: คนเรามีอดีตชาติจริงหรือ |
ขออภัยค่ะ อาจทำให้ความเข้าใจคลาดเคลื่อนจากเจตนาที่จะสื่อ ดิฉันหมายถึงว่า หากคุณจขกท.จะเจริญวิปัสสนาต่อต้องถอนออกมาจากฌานสูงๆน่ะค่ะ เท่าที่ทราบมา ปฐมฌานมีประโยชน์ในการเจริญวิปัสสนาโดยตรงที่สุดในฌานทั้ง 4 เพราะ ณ ขณะปัจจุบันจิตนี้ ครบองค์ฌานทั้ง5อยู่ สติยังบริบูรณ์อยู่เพราะยังทำหน้าที่ วิตก วิจารในอารมณ์นั้นๆได้อยู่ ส่วนองค์ฌานอื่นๆก็อำนวยประโยชน์ให้เกิดความสงบ ไม่ซัดส่าย อันเนื่องจากการระงับไปชั่วคราวของนิวรณ์5 ทำให้จิตตั้งมั่น มีกำลัง แต่ฌานตั้งแต่ทุติยฌานขึ้นไป สตินั้นได้เริ่มผ่อนคลายออก จิตอยู่กับสภาวะของณานอย่างค่อนข้างบริบูรณ์ คำบริกรรมที่ต้องอาศัยการวิตก วิจาร ที่ต้องใช้สติเป็นเครื่องอำนายไว้จึงหายไป จึงทำให้ไม่สามารถเจริญวิปัสสนาอันละเอียดอ่อนที่สุดได้ เพราะการเจริญวิปัสสนาต้องใช้ปัญญาที่มีสติเป็นผู้ช่วย ดังนั้นตั้งแต่ฌาน 2 ขึ้นไป จึงมีประโยชน์ในแง่เป็นเครื่องอยู่ให้เป็นสุข สร้างสมพลังของจิต ยิ่งขณะอยู่ในฌาน 4จะไม่สามารถเจริญวิปัสสนาได้โดยตรง เนื่องจากสตินั้นอยู่แต่ในเอกัคคตารมณ์และอุเบกขา กรณีที่บางท่านชาญจนเป็นวสีอาจเข้าฌานจนครบฌานที่4 แต่เมื่อจะเจริญวิปัสสนาก็ต้องถอนออกจากความสงบสบายนั้น จิตจะตั้งมั่น มีกำลัง มีผู้รู้ติดตัวอยู่อีกระยะหนึ่ง ก็สามารถเอามาดูกายดูใจให้เห็นตามความเป็นจริงได้ โดยพิจารณาดูขนผมเล็บฟันหนังว่าไม่ใช่เรา หรือดูลงไปตรงๆเลยว่ากายไม่ใช่เรา แต่เป็นสิ่งที่ถูกรู้ถูกดู จิตจะแยกออกมาเป็นผู้รู้ผู้ดูอยู่ต่างหาก (แยกรูป-นาม) หรือดูจิตใจที่เปลี่ยนแปลงจากสงบเป็นฟุ้งซ่าน เห็นว่าไม่เที่ยง บังคับไม่ได้ เมื่อพิจารณาร่างกายแล้ว ให้พิจารณาสภาวธรรมต่างๆเป็นไตรลักษณ์ต่อไป คือเจตนาที่ดิฉันจะสื่อถึงคุณจขกท. ดิฉันเกรงว่าหากไปติดความเพลิดเพลิน ความสุขสงบ หรือนิมิตอันเกิดจากกำลังของฌานสมาธิ ไม่เดินปัญญาต่อ จะกลับเป็นมิจฉาฌาน,มิจฉาสมาธิ ซึ่งให้โทษรุนแรงโดยที่เราอาจไม่รู้ตัวด้วยอำนาจอวิชชา เพราะความเป็นสังโยชน์อย่างละเอียด จนหลงคิดว่าเข้าสู่ภาวะนิโรธแล้ว ทั้งฌานและสมาธิเป็นเพียงเครื่องอยู่ เครื่องสนับสนุนการเจริญวิปัสสนาเพื่อให้เกิดปัญญา ที่จะเป็นทางปฏิบัติเพื่อความหลุดพ้นในที่สุด หากตั้งใจจะฝึกจริง ควรมีครูบาอาจารย์คอยชี้แนะแนวทางนะคะ หากผิดพลาดอะไรต้องขออภัยด้วยค่ะ |
เจ้าของ: | หลับอยุ่ [ 06 มิ.ย. 2010, 21:57 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: คนเรามีอดีตชาติจริงหรือ |
เขาทำฌาณให้เป็นวสี(ชำนาญ)กัน แล้วต่อเข้าสติปัฏฐาน อ่านตามลิงค์ดูแล้วกันว่า ถ้าไม่มีฌาณ จะไปเห็น ตับไตไส้พุง น้ำเลือด น้ำเหลือง ๆลๆ ได้ยังไง?? ไม่ต้องพูดถึง ดูจิต ดูธรรมเลยครับ ตาเนื้อมนุษย์เห็นได้จำกัด ถ้ากลัวติดฌาณ นั่นพวก....... ![]() ![]() |
หน้า 1 จากทั้งหมด 2 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |