ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
ทำอย่างไรดีคะ กลุ้มใจจัง http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=32233 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 2 |
เจ้าของ: | somsee [ 31 พ.ค. 2010, 14:52 ] |
หัวข้อกระทู้: | ทำอย่างไรดีคะ กลุ้มใจจัง |
เมื่อปี2552 ฉันลาออกจากงานเพราะเลิกกันกับเเฟน เเฟนทำงานที่เดียวกันคะ เลิกกันเพราะฉันทนอยู่กับเขาไม่ได้จริงๆ เขาอารมณ์ร้ายมากคะ ถ้าไม่พอใจคือด่าด้วยคำหยาบ ทุบ ตี ตลอด จนฉันต้องหนีออกมา เเละเป็นสาเหตุให้ฉันต้องออกจากงานด้วย หลังจากนั้นฉันก็เดินหาสมัครงาน เเต่ก็ไม่ได้งานประจำทำ บางทีฉันก็ได้ทำงานพาร์ทไทม์บ้าง ซึ่งจ้างอยู่ 5 - 10 วัน (ขายของบนห้าง) เดือนมกราคม ปี53 ฉันได้งานประจำทำ เเต่ก็ดันมาเจ๊งในเดือนมีนาคม ได้ทำงานอยู่ 3 เดือน มารู้ตอนหลังๆ ว่าบริษัทกำลังจะเจ๊งอยู่เเล้ว ทั้งๆ ที่เป็นบริษัทใหญ่โต ครบรอบ 1 ปีเเล้วที่ยังหางานทำประจำไม่ได้ ส่วนงานพาร์ทไทม์ก็ร่อยหรอเเทบไม่งานพาร์ทไทม์ทำเเล้ว เวลาไปสมัครงาน คนสมัครงานก็เยอะคะ คู่เเข่งจบปริญญาตรี ใหม่ๆ กันทั้งนั้น ฉันก็จบเเค่ปวส. หุ่น และ หน้าตาก็ไม่ดี ด้วยคะ หลายครั้งไปสมัครงานเขาไม่เรียกสัมภาษณ์เลย รูปหมดไปหลายโหลเเล้วคะ ไม่รู้จะทำไงดี ทุกๆวันก็ต้องดิ้นรนหาเงินเพื่อใช้จ่ายให้พอได้หางานไป เริ่มท้อเเล้วคะ จะกลับไปอยู่บ้านกับเเม่ เเม่ก็เเก่เเล้ว หนูเองจะกลายเป็นภาระให้เเม่ซะเปล่าๆ ก็เลยทนสู้หางานต่อไป เหมือนจะได้งาน พอถึงวันจะทำ ก็ต้องเลื่อนออกไป เเล้วก็เงียบๆ ไปเลยคะ พรุ่งนี้ยังคิดไม่ออกเลยจะอยู่ยังไง จะเดินหรือจะหยุด |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 31 พ.ค. 2010, 16:03 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ทำอย่างไรดีคะ กลุ้มใจจัง |
สงสารประเทศไทยและประชาชนคนไทยครับ เป็นไปตามหลักธรรมนี้เลย ผู้นำประเทศ ไม่จัดสรรปันทรัพย์ (คือสร้างงาน) ให้แก่เหล่าชน (คนตกงาน) ผู้ไร้ทรัพย์ => ความยาก จนระบาดทั่ว => โจรขโมยปล้นชิงวิ่งราว(อทินนาทาน) ระบาดทั่ว => การใช้อาวุธระบาดทั่ว => การฆ่า ฟันกันในหมู่มนุษย์ (ปาณาติบาต)ระบาดทั่ว => การหลอกลวงกัน (มุสาวาท)ระบาด การส่อเสียด กาเมสุมิจฉาจาร ผรุสวาทและสัมผัปปลาป อภิชฌาและพยาบาท มิจฉาทิฏฐิ อธรรมราคะ ความละโมบ มิจฉาธรรม ความไม่นับถือถือพ่อแม่สมณพราหมณ์ และการไม่เคารพนับถือกันตามฐานะ ระบาดทั่ว => อายุสั้นวรรณะเสื่อม (จักกวัตติสูตร) |
เจ้าของ: | ศรีสมบัติ [ 31 พ.ค. 2010, 16:05 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ทำอย่างไรดีคะ กลุ้มใจจัง |
เห็นใจและเป็นกำลังใจให้อดทนและสู้ต่อไปครับ... อันเศรษฐกิจยุคนี้..มันก็ไม่ค่อยจะดีซะด้วย...ผู้ประกอบการผู้ใดทุนไม่สูงจริงก็จะพังคลืนลงมาทันที มีหนทาง ๒ อย่าง(ความเห็นของกระผมครับ) ๑.คนเราต้องมีญาติพี่น้องหรือเพื่อนบ้างล่ะ...ยามเราตกงานอยู่นี้ต้องขอพึ่งพาอาศัยเขาก่อน..แล้วค่อยๆ หาช่องทาง..หาแหล่งทำงาน...ไม่ทราบว่าคุณอยู่ กทม.หรือเปล่า?? ลองมาพัทยาเมืองท่องเที่ยวบ้าง..ที่นี่น่าจะมีงานให้เลือกหลายประเภทหลายตำแหน่ง ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ความรู้-วุฒิการศึกษา..และต้องไม่เลือกงาน สรุปแล้วข้อแรก..สู้ต่อไป.. ๒.กลับไปอยู่กับแม่..จะได้คอยดูแลท่าน..ต้องไม่เป็นภาระแก่ท่าน..หางานแถวบ้าน..หรือทำเกษตรแบบพอเพียง(อยู่แบบสันโดษ)รายได้น้อยหน่อย..แต่ถ้าเราประหยัดพอเพียง..ก็จะอยู่ได้แบบอบอุ่นเลยล่ะครับ... ยังไงอย่าลืม...เจริญภาวนา สวดมนต์ไหว้พระด้วยนะครับ...อันนี้อาจจะช่วยเราได้..ไม่ใช่ช่วยให้ได้งานเร็วๆนะครับ..จะช่วยทางใจเราไม่ให้คิดวิตกกังวล..จนเป็นผลให้ไม่มีความมั่นใจกับสิ่งต่างๆที่ผ่านมาในชีวิตประจำวัน..คือว่าให้มีสติอยู่ตลอดเวลานะครับ..ยังไงๆ คิดซะว่ายังมีคนอื่นที่ทุกข์ร้อนกว่าเรามาก..และสุดท้ายแม่..อ้อมอกแม่เป็นทางสุดท้ายให้เราเลือก ถ้าเราไม่สบายกายและใจท่านยังรอเราอยู่เสมอทุกเวลาครับ. ขอเจริญในธรรม ![]() |
เจ้าของ: | -dd- [ 31 พ.ค. 2010, 17:54 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ทำอย่างไรดีคะ กลุ้มใจจัง |
เป็นกำลังใจอีก๑หน่วยครับ.. ในยามที่อกุศลวิบากได้ปัจจัยมาส่งผลแล้วย่อมเข้าถึงความกันดารโดยประการต่างๆ..ปัจจัยที่ทำให้วิบากไม่ดีมาส่งผลในยามนี้คือ "กาลวิบัติ" คือช่วงเวลาที่เศรษฐกิจระส่ำระสายกระทบไปทั่วทุกมุมของประเทศ งานที่เคยหาได้ก็กลายเป็นของที่หาไม่ได้ หรือได้แล้วก็ถูกงดไป..เวลานี้คงต้องทำใจให้ยอมรับในวิบากอันตนนั่นเองที่ทำเหตุเก่าไม่ดีมาไว้ก่อน (รับรองว่าไม่ได้เกิดเพราะบังเอิญแน่).. จากนั้นก็ไม่พึงท้อแท้หรือยุติการดิ้นรนขวนขวายในการหางาน เพราะการประกอบตนด้วยวิริยะอุตสาหะนั้นย่อมเป็นช่องทางหนึ่งที่จะเป็นปัจจัยแก่กุศลวิบากมาส่งผลได้ เมื่อได้รับการจ้างงาน เรียกว่ามีปโยคะสมบัติ.. อีกประการหนึ่ง โดยสภาพความจริงของสิ่งทั้งปวงคืออาการที่ไม่เที่ยง ไม่ตั้งอยู่ถาวรตลอดไป ต้องแปรเปลี่ยนแปลงไปตามเหตุปัจจัยเช่นกัน... เวลานี้ตกงานอยู่ก็ไม่ได้หมายถึง ว่าจะเป็นคนตกงานตลอดไป อาศัยความขวนขวายของตน ไม่เลิกรานั่นก็ย่อมประสบช่องทางที่จะได้รับความสำเร็จสมประสงค์ได้.. สำหรับความอัตคัตขัดสนที่ประสบอยู่ หากพึ่งญาติไม่ได้ก็คงต้องพาตนไปพึ่งหน่วยงานหรือมูลนิธิการกุศลต่างๆที่มีอยู่ พอประทังไปชั่วคราว.. เท่าที่ทราบเวลานี้ คือ.. โครงการที่ 3 : ร่มโพธิ์แก้ว ของหลวงพ่อพระพยอม http://www.suankaew.or.th/ http://www.suankaew.or.th/ ติดต่อ เลขที่ 1 หมู่ 1 ต.บางเลน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี 11140 โทรศัพท์ 02-595-1444 , 02-921-5602-4 กด 106 , 02-921-6466 , 081-850-9796 โทรสาร 02-595-1222 , 02-921-9466 ขอให้พ้นวิกฤติโดยเร็วไวนะครับ .... ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | -dd- [ 31 พ.ค. 2010, 17:55 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: ทำอย่างไรดีคะ กลุ้มใจจัง | ||
แผนที่ครับ:
|
เจ้าของ: | chulapinan [ 31 พ.ค. 2010, 19:15 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ทำอย่างไรดีคะ กลุ้มใจจัง |
มันเป็นกรรมค่ะต้องทำใจยอมรับมันให้ได้แต่กรรมจะไม่ปิดทางค่ะ พยายามต่อไปนะคะ ทางแห่งชีวิตมีกรรมเป็นผู้ลิขิตไว้แล้วตามบุญบาปที่ทำมา ลองสร้างบุญเพิ่มด้วยการถือศีลทำสมาธิดูก็ดีค่ะ บุญจากการปฏิบัติในปัจจุบันสามารถตอบแทนในปัจจุบันได้ค่ะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ |
เจ้าของ: | ชาติสยาม [ 31 พ.ค. 2010, 19:44 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ทำอย่างไรดีคะ กลุ้มใจจัง |
โชคดีแล้ว ที่ว่าโชคดี เพราะหลุดจากผู้ชายคนนั้นมาได้ ก็ต้องขอบใจตัวเองที่มีความใจกล้า มีความอดทน คนมากมายไม่สามารถหลุดออกมาจากผู้ชายประเภทนั้นได้ บางคนต้องทนทั้งชีวิต มีลูกกับเขา ก็จมชนิดโงหัวไม่ขึ้นเลยตลอดชีวิต พ่อไม่ดี มีกี่บ้านที่ลูกจะเป็นทองเนื้อเก้า ไม่เอาอย่างพ่อ โตมาลูกก็ชั่ว ผัวก็เลว เป็นบ่วงเป็นโซ่คล้องชีวิตเอาไว้ให้ตกต่ำ นี่นับว่ามีบุญแล้ว ถึงหลุดมาได้นะ นับว่าโชคดีมากๆ ใจเด็ดๆอย่างนี้ดีครับ ผู้หญิงตัวคนเดียว ใจต้องเด็ด ที่ว่าโชคดีอีกอันก็ลองคิดดูว่า เมื่อก่อนจะหลุดมา ทุกข็ทั้งกาย ทุกข์ทั้งใจ ไหนงานจะหนัก ไหนผัวจะชั่ว ทุกช์ซ้ำทุกข์ซ้อน นี่หลุดมาได้แล้ว ทุกข์มันหายไปตั้งครึ่งหนึ่งแล้วนะ ทุกข์จากผัวมันหายไป ที่เหลือนี่มันเป้นทุกข์ของการทำมาหากิน มันเป็นภาระกิจของชีวิต มันเป้นทุกข์ตามธรรมชาติ พระพุทธศาสนาเป้นเรื่องของเหตุและผล ทำอะไร ได้อย่างนั้น คุณหาเงินได้ 100 บาท คุณก็มีสิทธิ์ใช้ 100 บาท นี่แหละกรรม นี่แหละกฏแห่งกรรม โดยไม่ต้องไปพูดถึงชาติก่อนชาติหน้า คนบางคน ทำชีวิตเงินดือน อาจจะไม่ขึ้นนะ แต่ทำเองอาจจะรุ่ง ยิ่งคุณผ่านอะไรยากๆมาได้ขนาดนี้ แสดงว่ามีน้ำใจเด็ดเดี่ยวอยู่ คนรวยในบ้านในเมือง พูดกันตามตรง ถ้าเอามาเรียงกัน 10 คน จะมีปริญญาสักกี่คน มีแต่เป็นเจ้านายคนมีปริญญาทั้งนั้น แข่งปริญญาลำบาก ก็แข่งกำลังอึดดีกว่า ภาษิตว่า ลิขิตฟ้า หรือจะสู้มานะคน โลกนี้ไม่มีใครสบายมาแต่เกิด แม้กระทั่งคนที่รวยอยู่ทุกวันนี้ ที่เราเห็นว่าเขาเกิดมาบนกองเงินกองทอง สบาย ไม่ต้องทำอะไร พ่อแม่ปู่ย่าตายายของเขา ก็ปากกัดตีนถีบทั้งนั้น ลองนับสืบขึ้นไปดูเถิด แลกด้วยชีวิตทั้งนั้นแหละ เขาถึงรวยได้ ลำบากขนาดนั้น อุตสาหะขนาดนั้น มันถึงยังเหลือส่งมาถึงลูกหลานของเขา ทำ 100 ได้ 100 ไม่ทำอะไร ย่อมหวังอะไรไม่ได้ ผู้ชายคนไหน ไม่เอาไหน ไม่เก่งกว่าเรา แถมยังมาให้เราเป็นภาระ ต้องทิ้งมันให้หมดนะ ถ้าเดนตาย ไม่กลัวลำบาก มันจะลำบากแค่พักเดียวเท่านั้นแหละ ถ้ากลัวลำบาก จะได้ลำบากไม่รู้จบ สู้ๆนะ |
เจ้าของ: | ขอบคุณธรรมะ [ 31 พ.ค. 2010, 20:16 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ทำอย่างไรดีคะ กลุ้มใจจัง |
![]() |
เจ้าของ: | จันทร์ ณ ฟ้า [ 06 มิ.ย. 2010, 03:00 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ทำอย่างไรดีคะ กลุ้มใจจัง |
ขอเล่าให้ฟังนะคะ เพื่อนเรียนจบป.ตรีแต่หางานทำไม่ได้ เค้ากังวลอยู่พักนึง ต่อมาเริ่มไปรับของมาขายในรถเข็น(kiosk)ในห้าง จากรถคันแรก ขยับเป็น2คัน 3คัน และเริ่มไปขายที่จตุจักร ตอนนี้เค้ามีร้านประจำอยู่มาบุญครอง และมีรายได้เดือนละหลายแสน มากกว่ามนุษย์เงินเดือนอย่างเราไม่รู้กี่เท่าT_T อีกกรณีนึงร้านไก่ย่างพระรามเก้า เค้าก็เริ่มจากโต๊ะขายไก่ย่างริมถนนเล็กๆเองค่ะ แล้วก็เก็บเล็กผสมน้อย จนขยายร้านใหญ่โตจนทุกวันนี้ แต่คงไม่ใช่ทุกรายที่ประสบความสำเร็จ แรกๆอาจมีล้มลุกคลุกคลาน ต้องอดทน และนำความผิดพลาดในอดีตเป็นบทเรียน หากมีโอกาสเข้าร้านหนังสือ ลองเปิดๆดูหนังสือเกี่ยวกับประวัติของคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตนะคะ ไม่มีใครที่ไม่เคยลำบากมาก่อน ส่วนตัวเห็นว่าสำคัญที่ทำเล อาจเริ่มจากย่านคนทำงานเยอะๆก็ได้ค่ะ เป็นของกินอร่อยๆ สะอาดๆ ไม่แพงมากก็น่าจะขายได้ไม่ยาก อย่างหน้า office แม่ค้าข้าวไข่เจียวกล่องละ10บาท เค้าก็อยู่มาได้นาน และรายได้น่าจะเป็นที่พอใจพอสมควร ลองพิจารณาดูนะคะ ศึกษาหลายๆด้านก่อนตัดสินใจค่ะ |
เจ้าของ: | somsee [ 08 มิ.ย. 2010, 03:11 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ทำอย่างไรดีคะ กลุ้มใจจัง |
ขอบคุณทุกท่านนะคะ ที่ให้คำปรึกษาเเละให้กำลังใจ ตอนนี้ได้งานเป็นเซลล์คะ ยังไม่่รู้อนาคตว่าจะทำได้ดีเเค่ไหนเพราะต้องเร่งยอดตามเป้าหมาย ยังไงก็ต้องสู้กันต่อไปคะ |
เจ้าของ: | ศรีสมบัติ [ 08 มิ.ย. 2010, 10:47 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ทำอย่างไรดีคะ กลุ้มใจจัง |
ให้กำลังใจ สู้ๆๆๆ ![]() ![]() ![]() อันดับแรก...ทำงานเพื่อให้ได้งานและเนื้อคุณภาพของงาน อันดับสองรองลงมา....สิ่งตอบแทนจะตามมา..คือเกียรติ..และเงินตรา.. ขอเจริญในธรรม ![]() |
เจ้าของ: | somsee [ 10 มิ.ย. 2010, 18:42 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ทำอย่างไรดีคะ กลุ้มใจจัง |
![]() ![]() |
เจ้าของ: | mars21 [ 11 มิ.ย. 2010, 16:17 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ทำอย่างไรดีคะ กลุ้มใจจัง |
ใจเย็นๆก่อนตั้งสติให้ดี ก่อนอื่นต้องหยุดเรื่องส่วนตัวให้ได้โดยการเลิกคิดเรื่องมีคู่ไปก่อนถ้าลูกเป็นคนดีจริงลูกต้องเชื่อมั่นในความดีเพียรทำแต่ความดีแล้วพ่อจะช่วย (จงไปจุดธูปกลางแจ้งหน้าบ้านและตั้งจิตระลึกถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์พระบิดาแห่งความดีขอให้พระองค์ช่วย)แต่ห้ามบนบานสิ่งอื่นนอกจากจะตั้งมั่นในการทำความดี จงเชื่อและศรัทธาแล้วจะสำเร็จอย่างไม่หน้าเชื่อ และห้ามคิดชั่วทำชั่วเด็ดขาดไม่เช่นนั้นลูกจะทุกข์กว่าเดิมและไม่มีใครช่วยลูกได้ (ขอให้โชคดี พบเจอแต่สิ่งดีๆ เถิด)สู้ๆ |
เจ้าของ: | somsee [ 12 มิ.ย. 2010, 18:13 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ทำอย่างไรดีคะ กลุ้มใจจัง |
ขอขอบคุณ คุณ mars21 นะคะ ตอนนี้ฉันคบกับผู้ชายอายุเยอะคนหนึ่ง เเต่พี่เค้าก็ไม่จริงใจมากมายเท่าไหร่หรอกคะ เค้าก็คบกันหลายคน เเต่ด้วยความเสียใจกับความผิดหวังที่ผ่านมา ทำให้ฉันทำใจได้ในตรงนี้ ฉันคบเขาเพียงเพื่อให้เขาเป็นเพื่อนคู่คิด นอกจากนั้น เพียงให้ฉันได้รักเขาก็พอคะ โดยที่ฉันไม่ได้ต้องการอะไรจากเขามากมาย มันทำให้ฉันมีความสุขมากกับการที่ได้รู้จักเขา ส่วนเรื่องงานคะเข้าทำงานได้ไม่นาน ก็เครียดเพราะงานเป็นงานไม่มั่นคงเท่าไหร่ถ้าทำยอดขายไม่ได้ฉันก้อต้องโดนไล่ออก เพียงเเต่ตอนนี้ฉันไม่มีงานก็เลยต้องทำไปก่อนคะ เเละก็มองหางานสำรองเอาไว้เผื่อความไม่เเน่นอนในวันข้างหน้า ขอขอบคุณทุกกำลังใจคะ บางวันใจฉันก็เข้มเเข็งไม่สะท้านต่ออะไร เเต่บางวันฉันก็อ่อนเเอเหลือเกิน จนไม่รู้จะทำยังไง ก็จะเปิดเวปนี้ขึ้นมาอ่าน เพื่อให้กำลังใจตัวเอง |
เจ้าของ: | จันทร์ ณ ฟ้า [ 14 มิ.ย. 2010, 00:52 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ทำอย่างไรดีคะ กลุ้มใจจัง |
ขออนุญาตคุณ somseeนะคะ อ่านแล้วรู้สึก...ถึงความรู้สึก เพราะดิฉันก็เคยเจอทุกข์เยอะๆเช่นกัน ยังไงก็ต้องระลึกว่าทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎไตรลักษณ์นะคะ ถึงแม้ไม่ใช่พี่คนนี้ ถึงจะเป็นคนที่แสนดีแค่ไหน วันนึงก็ต้องพบกับความเปลี่ยนแปลงและพลัดพรากอยู่ดี ขอให้คุณ somsee ทำบุญกิริยาวัตถุ 10 สม่ำเสมอ (ไม่จำเป็นต้องใช้เงินก็ได้ค่ะ) คู่ไปกับการภาวนา คอยรู้สึกตัวในระหว่างวัน รู้สึกถึงความมีอยู่และความเคลื่อนไหวของกายและใจ ด้วยใจตั้งมั่นและเป็นกลาง แต่หากไม่เป็นกลาง ก็คอยรู้ทันความไม่เป็นกลางนั้น รู้เท่าที่จะรู้ได้ ไม่จำเป็นต้องรู้ตัวตลอดเวลา เพราะสติก็ไม่เที่ยง คนเราทุกข์เพราะใจไหลไปอยู่ในเรื่องที่คิด และแถมเรายังช่วยจิตคิดอีกชั้น เลยทุกข์ซ้ำเข้าไปอีก แต่ทันทีที่เรารู้ว่าจิตกำลังคิด(แต่ไม่ใช่รู้เรื่องที่คิด) ทุกข์จะหล่นหายไปเยอะเลยค่ะ และแบ่งเวลาสวดมนต์สั้นๆหรือดูลมหายใจ ขณะสวดหรือดูลมก็คอยรู้สึกว่าใจมันหนีไปคิด หรือใจแนบแน่นอยู่กับบทสวดหรือลมหายใจ แล้ววันนึงจะพบว่า ปัญหากับความรู้สึกทุกข์มันเป็นคนละตัวกัน ปัญหามารุมเร้าเราอยู่ แต่มันเหมือนกระเด็นอยู่ห่างๆ เราไม่ได้ทุกข์ไปกับมันด้วยเลย ไม่ต้องเชื่อดิฉันก็ได้ค่ะ แต่ลองพิสูจน์ดูด้วยตัวเองนะคะ เอาใจช่วยนะคะ ............................................................................. บุญกิริยาวัตถุ ๑๐ (สิ่งอันเป็นที่ตั้งแห่งการทำบุญ ๑๐ ประการ) คือ ๑. ให้ทาน แบ่งปันผู้อื่นด้วยสิ่งของ ไม่ว่าจะให้ใครก็เป็นบุญ (ทานมัย) การให้ทานเป็นการช่วยขัดเกลาความเห็นแก่ตัว ความคับแคบ ความตระหนี่ถี่เหนียว และความติดยึดในวัตถุ นอกจากนี้สิ่งของที่เราแบ่งปันออกไปก็จะเป็นประโยชน์กับบุคคลหรือชุมชนโดยส่วนรวม (วัตถุทาน ธรรมทาน อภัยทาน) ๒. รักษาศีล (ศีลมัย) เป็นการฝึกฝนที่จะ ลด ละ เลิกความชั่ว ไม่ไปเบียดเบียนใคร มุ่งที่จะทำความดี เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ผู้อื่นเป็นการหล่อเลี้ยงบ่มเพาะให้เกิดความดีงามและพัฒนาคุณภาพชีวิตไม่ให้ตกต่ำ ๓. เจริญภาวนา(ภาวนามัย) การภาวนาเป็นการพัฒนาจิตใจและปัญญา ทำให้จิตสงบ ไม่มีกิเลส ไม่มีเรื่องเศร้าหมอง เห็นคุณค่าสิ่งต่าง ๆ ตามความเป็นจริง ผู้ที่ภาวนาอยู่เสมอย่อมเป็นหลักประกันว่า จิตจะมีความสงบ ชีวิตมีความสุข คุณภาพชีวิตดีขึ้น สูงขึ้น ๔. อ่อนน้อมถ่อมตน ผู้น้อยอ่อนน้อมถ่อมตนต่อผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่ก็แสดงออกในความมีเมตตาต่อผู้น้อย และต่างก็อ่อนน้อมต่อผู้มีคุณธรรมรวมถึงการให้เกียรติ ให้ความเคารพในความแตกต่างซึ่งกันและกันทั้งในความคิด ความเชื่อและวิถีปฏิบัติของบุคคลและสังคมอื่น เป็นการลดความยึดมั่นถือมั่นในความเป็นตัวตน ก็เป็นบุญ (อปจายนมัย) ๕. ช่วยเหลือสังคมรอบข้าง ช่วยเหลือสละแรงกาย เพื่องานส่วนรวม หรือช่วยงานเพื่อนบ้านที่ต้องการความช่วยเหลือ ก็เป็นบุญ (ไวยาวัจจมัย) ๖. เปิดโอกาสให้คนอื่นมาร่วมทำบุญกับเรา หรือในการทำงานก็เปิดโอกาสให้คนอื่นมีส่วนร่วมทำ ร่วมแสดงความคิดเห็น รวมไปถึงการอุทิศส่วนบุญให้แก่ผู้ที่ล่วงลับไปแล้วด้วย ก็เป็นบุญ (ปัตติทานมัย) ๗. ยอมรับและยินดีในการทำความดี หรือทำบุญของผู้อื่น การชื่นชมยินดีหรืออนุโมทนาไม่อิจฉาหรือระแวงสงสัยในการกระทำความดีของผู้อื่น ก็เป็นบุญ (ปัตตานุโมทนามัย) ๘. ฟังธรรม บ่มเพาะสติปัญญาให้สว่างไสว ฟังธรรมะ ฟังเรื่องที่ดีมีประโยชน์ต่อสติปัญญา หรือมีประโยชน์ต่อการดำเนินชีวิตที่ดี เป็นความจริง ความดี ความงาม ก็เป็นบุญ (ธรรมสวนมัย) ๙. แสดงธรรม ให้ธรรมะและข้อคิดที่ดีกับผู้อื่น แสดงธรรมนำธรรมะไปบอกกล่าว เผื่อแผ่ให้คนอื่นได้รับฟัง ให้เขาได้รู้จักวิธีการดำเนินชีวิตที่ดี เป็นเรื่องของความจริง ความดี ความงามก็เป็นบุญ (ธรรมเทศนามัย) ๑๐. ทำความเห็นให้ถูกต้องและเหมาะสม มีการปรับทิฏฐิ แก้ไขปรับปรุงพัฒนาความคิดเห็น ความเข้าใจให้ถูกต้องตามธรรม ให้เป็นสัมมาทัศนะอยู่เสมอ เป็นการพัฒนาปัญญาอย่างสำคัญ ถือเป็นบุญด้วยเช่นกัน (ทิฏฐุชุกรรม) |
หน้า 1 จากทั้งหมด 2 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |