วันเวลาปัจจุบัน 21 มิ.ย. 2025, 17:29  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 4 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 มิ.ย. 2010, 17:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2007, 21:13
โพสต์: 2631

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


อะไรคือการจะตัดสินว่าอะไรคือ

ใบไม้นอกกำมือ

สัทธรรมปฏิรูป

ในเมือสิ่งนั้นๆไม่มีในพระไตรปิฎก

.....................................................
นิพพานที่นี่ เดี๋ยวนี้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 มิ.ย. 2010, 18:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 ต.ค. 2008, 09:55
โพสต์: 405


 ข้อมูลส่วนตัว


ถาม : อะไรคือการจะตัดสินว่าอะไรคือ ใบไม้นอกกำมือ, สัจธรรมปฏิรูป ในเมื่อสิ่งนั้นๆ ไม่มีในพระไตรปิฏก

ตอบ : คำถามของคุณ mes จะต้องแยกตอบเป็น ๒ ข้อแยก ได้แก่ อะไรคือเครื่องตัดสินว่าเป็นใบไม้นอกกำมือ หากไม่มีในพระไตรปิฏก ๑ อะไรเป็นเครื่องตัดสินว่าเป็นสัจธรรมปฏิรูป หากไม่มีในพระไตรปิฏก ๑

๑.๑ อะไรคือเครื่องตัดสินว่าเป็นใบไม้นอกกำมือ? หากไม่มีในพระไตรปิฏก

วิธีตัดสินว่าเป็นใบไม้นอกกำมือหรือไม่ ทำได้โดยนำสิ่งที่ต้องการตรวจสอบมาเปรียบเทียบกับหลักการที่ว่า...

"ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ มิใช่พรหมจรรย์เบื้องต้น ย่อมไม่เป็นไปเพื่อความหน่าย ความคลายกำหนัด ความดับ ความสงบ ความรู้ยิ่ง ความตรัสรู้ นิพพาน"

ดูเพิ่มเติมได้ที่ : http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=19&A=10376&Z=10392&pagebreak=0

ถ้าหากจัดเข้าในหลักการนี้ แสดงว่าเป็นใบไม้นอกกำมือ
แต่หากไม่เข้าในหลักการนี้ แสดงว่าไม่เป็นใบไม้นอกกำมือ

๑.๒ อะไรเป็นเครื่องตัดสินว่าเป็นสัจธรรมปฏิรูป หากไม่มีในพระไตรปิฏก

วิธีตัดสินว่าเป็นสัจธรรมปฏิรูปหรือไม่ ทำได้โดยนำสิ่งที่ต้องการตรวจสอบมาเทียบเคียงกับพระไตรปิฏกทั้งวินัยปิฏก พระสุตตันตปิฏก พระอภิธรรมปิฏก และอรรถกถาจารย์ หากรวมลงกันไม่ได้ แสดงว่าเป็นสัจธรรมปฏิรูป หากรวมลงกันได้แสดงว่าไม่เป็นสัจธรรมปฏิรูป ดังอรรถกถาจารย์กล่าวไว้ดังนี้

มหาปเทสวณฺณนา
. . . . . . . . . .
บทว่า สุตฺเต โอตาเรตพฺพานิ ได้แก่ พึงสอบสวนในพระสูตร.

บทว่า วินเย สนฺทสฺเสตพฺพานิ ได้แก่ เทียบเคียงในพระวินัย.

ก็ในที่นี้ ที่ชื่อว่าสูตร ได้แก่วินัย.

เหมือนที่ท่านกล่าวไว้ว่า ห้ามไว้ในที่ไหน ห้ามไว้ในเมืองสาวัตถี ห้ามไว้ในสุตตวิภังค์๑- (สุต ในที่นี้หมายถึงวินัย). ที่ชื่อวินัย ได้แก่ขันธกะ เหมือนอย่างที่ท่านกล่าวไว้ว่า โกสมฺพิยํ วินยาติสาเร ในเรื่องละเมิดพระวินัย (วินัย ในที่นี้หมายถึงขันธกะ) ในเมืองโกสัมพี. เมื่อเป็นเช่นนี้ ชื่อว่าไม่ยึดถือวินัยปิฏก. ชื่อว่ายึดถือพระวินัยอย่างนี้ คือ อุภโตวิภังค์ชื่อว่าสูตร ขันธกปริวารชื่อว่าวินัย. อีกนัยหนึ่ง ยึดถือปิฎกทั้ง ๒ อย่างนี้ คือ สุตตันตปิฏกชื่อว่าพระสูตร วินัยปิฏกชื่อว่าวินัย. อีกอย่างหนึ่ง ก่อนอื่น ไม่ยึดถือปิฏกทั้ง ๓ แม้อย่างนี้ สุตตันตปิฏก อภิธัมมปิฏก ชื่อว่าสูตร วินัยปิฏก ชื่อว่าวินัย.

ธรรมดาพุทธพจน์ไรๆ ที่ชื่อว่าไม่ใช่สูตร ก็มีอยู่ คือ ชาดก ปฏิสัมภิทา นิทเทส สุตตนิบาต ธรรมบท อุทาน อิติวุตตกะ วิมานวัตถุ เปตวัตถุ เถรคาถา เถรีคาถา อปทาน.

. . . . . . . . . .

ก็ปิฏก ๓ที่ยกขึ้นสู่สังคีติ ๓ ชื่อว่าสุตตะ ในปกิณณกะมีสุตตะเป็นต้น. ข้อที่เข้ากันได้กับกัปปิยะ ชื่อว่าสุตตานุโลม. อรรถกถา ชื่อว่าอาจริยวาท. ปฏิภาณของตน ตามความคาดหมายตามความรู้ ชื่อว่าอัตตโนมัติ.

ในปกิณณกะเหล่านั้น สุตตะ ใครๆ คัดค้านไม่ได้ เมื่อคัดค้านสุตตะนั้น ก็เท่ากับคัดค้านพระพุทธเจ้าด้วย. ส่วนข้อที่เข้ากับได้กับกัปปิยะ ควรถือเอาเฉพาะข้อที่สมกับสุตตะเท่านั้น นอกนั้นไม่ควรถือเอา. แม้อาจริยวาทเล่า ก็ควรถือเอาแต่ที่สมกับสุตตะเท่านั้น นอกนั้นไม่ควรถือเอา. ส่วนอัตตโนมัติเพลากว่าเขาทั้งหมด. แม้อัตตโนมัตินั้นก็ควรถือเอาแต่ที่สมกับสุตตะเท่านั้น นอกนั้นไม่ควรถือเอา.

ก็สังคีติมี ๓ เหล่านี้คือ ปัญจสติกสังคีติ (สังคายนาครั้งที่ ๑) สัตตสติกสังคีติ (ครั้งที่ ๒) สหัสสิกสังคีติ (ครั้งที่ ๓). แม้สุตตะเฉพาะที่มาในสังคีติ ๓ นั้น ควรถือเอาเป็นประมาณ. นอกนั้นเป็นที่ท่านตำหนิ ไม่ควรถือเอา.

จริงอยู่ บทพยัญชนะแม้ที่ลงกันได้ในสุตตะนั้น พึงทราบว่าลงกันไม่ได้ในพระสูตรและเทียบกันไม่ได้ในพระวินัย.

ที่มา :
http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=10&i=67&p=3

ขอให้เจริญในธรรม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 มิ.ย. 2010, 14:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.ค. 2006, 06:25
โพสต์: 2058


 ข้อมูลส่วนตัว


ความหมายของ คำว่า สัทธรรมปฏิรูป



จาก พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์
พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต)


อ้างคำพูด:
ปฏิรูป สมควร, เหมาะสม, ปรับปรุงให้สมควร;
ถ้าอยู่ท้ายในคำสมาสแปลว่า “เทียม” “ปลอม” “ไม่แท้”
เช่น สัทธรรมปฏิรูป แปลว่า “สัทธรรมเทียม” หรือ “ธรรมปลอม”

สัทธรรมปฏิรูป สัทธรรมปลอม, สัทธรรมเทียม




และ พระพุทธพจน์ที่ทรงตรัสถึง สัทธรรมปฏิรูป


จาก สัทธรรมปฏิรูปกสูตร

http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.p ... 846&Z=5888


[๕๓๔] ดูกรกัสสป เหตุฝ่ายต่ำ ๕ ประการเหล่านี้ ย่อมเป็นไปพร้อม เพื่อความฟั่นเฟือน เพื่อความเลือนหายแห่งพระสัทธรรม

เหตุฝ่ายต่ำ ๕ ประการเป็นไฉน คือ
ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ในธรรมวินัยนี้ ไม่เคารพยำเกรงในพระศาสดา ๑
ในพระธรรม ๑
ในพระสงฆ์ ๑
ในสิกขา ๑
ในสมาธิ๑

เหตุฝ่ายต่ำ ๕ ประการเหล่านี้แล ย่อมเป็นไปพร้อมเพื่อความฟั่นเฟือน เพื่อ
ความเลือนหายแห่งพระสัทธรรม ฯ

[๕๓๕] ดูกรกัสสป เหตุ ๕ ประการเหล่านี้แล ย่อมเป็นไปพร้อมเพื่อ ความตั้งมั่น ไม่ฟั่นเฟือน ไม่เลือนหายแห่งพระสัทธรรม

เหตุ ๕ ประการเป็นไฉน คือ
ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ในธรรมวินัยนี้ มีความเคารพยำเกรงในพระศาสดา ๑
ในพระธรรม ๑
ในพระสงฆ์ ๑
ในสิกขา ๑
ในสมาธิ๑

เหตุ ๕ ประการเหล่านี้แล ย่อมเป็นไปพร้อมเพื่อความตั้งมั่น ไม่ฟั่นเฟือน
ไม่เลือนหายแห่งพระสัทธรรม ฯ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 มิ.ย. 2010, 14:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.ค. 2006, 06:25
โพสต์: 2058


 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
อะไรเป็นเครื่องตัดสินว่าเป็นสัจธรรมปฏิรูป หากไม่มีในพระไตรปิฏก



คห.ส่วนตัว


สิ่งที่อาจจะไม่มีบันทึกไว้ในพระไตรปิฎก สิ่งใดเป็นสัทธรรมปฏิรูป หรือ ไม่เป็นสัทธรรมปฏิรูป....

ก็ น่าจะดูตรงที่ว่า " เป็นไปพร้อม เพื่อความฟั่นเฟือน เพื่อความเลือนหายแห่งพระสัทธรรม "... ใน ๕ลักษณะ ตามพระสูตร นั้น หรือไม่


ถ้ามีลักษณะที่ว่า เป็นเหตุฝ่ายต่ำเหล่านี้

Quote Tipitaka:
ไม่เคารพยำเกรงในพระศาสดา ๑
ในพระธรรม ๑
ในพระสงฆ์ ๑
ในสิกขา ๑
ในสมาธิ๑


ก็เข้าข่ายสัทธรรมปฏิรูป


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 4 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร