วันเวลาปัจจุบัน 27 เม.ย. 2024, 13:41  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 10 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 พ.ค. 2010, 05:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 มี.ค. 2010, 14:54
โพสต์: 126

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


การศึกษาในรูปแบบต่างที่เราศึกษากันอยู่ ทั้งทางโลก หรือทางธรรม ( ปริยัต ) เป็นการศึกษาที่ไม่มีที่สิ้นสุน แม้จะตายและเกิดในกี่ภพกี่ชาติ แต่คนเราก็ยังชอบที่จะหาการศึกษานั้น ไม่ว่าจะต้องเสียทรัพย์สินเท่าใดก็ตาม แต่การปฏิบัติธรรม ทำสมาธิ เจริญวิปัสสนา เป็นการศึกษาที่มองเห็นที่สิ้นสุด แต่คนเรากับไม่ชอบ
จงหันมาปฏิบัติธรรมกันเถอะ แล้วจะได้ความสุขที่แท้จริง

สิ่งใดไม่น่ากลัวเท่ากับวัฏฏสงสาร


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 พ.ค. 2010, 07:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เห็นด้วย แต่บอกวิธีเค้าด้วยสิครับว่าทำอย่างนี้ๆ ปฏิบัติอย่างนี้ๆ เรียกว่าการปฏิบัติธรรม

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 พ.ค. 2010, 08:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ฝากข้อคิดนี้ไว้ด้วยครับ


เมื่อสิ้นยุคขององค์พระศาสดาแล้ว เวลาล่วงไป และคำสอนแผ่ไปในถิ่นต่างๆ

ความเข้าใจในพุทธธรรมก็แปรไปจากเดิม และ แตกต่างกันไปได้หลายอย่าง เพราะผู้ถ่ายทอด

สืบต่อ มีพื้นความรู้ การศึกษาอบรมสติปัญญาแตกต่างกัน

ตีความหมายพุทธธรรมแผกกันไปบ้าง นำเอาความรู้ ความเชื่อถือเดิมจากลัทธิศาสนาอื่น

เข้ามาผสมแทรกแซงบ้าง

อิทธิพลศาสนา และวัฒนธรรม ในท้องถิ่นเข้าผสมผสานบ้าง

คำสอนบางแง่เด่นขึ้น

บางแง่เลือนลง เพราะการย้ำ และเลี่ยงความสนใจ ตามความโน้มเอียง

และความถนัดของผู้รักษาคำสอนบ้าง

ทำให้เกิดความแตกแยกออกเป็นนิกายต่างๆ เช่น ที่แยกเป็นมหายานกับเถรวาท ตลอดจนนิกายย่อยๆ

ในสองนิกายใหญ่นั้น

สำหรับเถรวาทนั้น

แม้จะได้ชื่อว่า เป็นนิกายที่รักษาแบบแผนและคำสอนดั้งเดิมไว้ได้แม่นยำ ก็มิใช่จะพ้นไปจากความ

แปรเปลี่ยนได้โดยสิ้นเชิง

คำสอนบางส่วน แม้ที่อยู่ในคัมภีร์เอง ก็ยังเป็นปัญหาที่คนรุ่นปัจจุบัน ต้องนำมาถกเถียงคิดค้น

หาหลักฐานยืนยัน หรือปฏิเสธความเป็นของแท้แต่ดั้งเดิม ยิ่งความรู้ความเข้าใจที่ประชาชนเชื่อถือ

และปฏิบัติอยู่ด้วยแล้ว ความคลาดเคลื่อนก็ยิ่งมีได้มากและชัดเจนยิ่งขึ้น

บางกรณีกับเสมือนเป็นของตรงข้ามกับคำสอนเดิม หรือเกือบจะกลายไปเป็นลัทธิอื่น ที่คำสอนเดิม

คัดค้านแล้วก็มี

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 พ.ค. 2010, 08:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


หลักการ หรือ คำสอนใดก็ตาม ที่เป็นเพียงการคิดค้นหาเหตุผลในเรื่องความจริง เพื่อสนอง

ความต้องการทางปัญญา โดยมิได้มุ่งหมายและมิได้แสดงแนวทางสำหรับประพฤติปฏิบัติ

ในชีวิตจริง อันนั้น ให้ถือว่า ไม่ใช่พระพุทธศาสนา โดยเฉพาะอย่างที่ถือว่า เป็นคำสอนเดิมแท้

ของพระพุทธเจ้า

viewtopic.php?f=2&t=19015

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 พ.ค. 2010, 14:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 16:34
โพสต์: 1050

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ประยุทธ์ เขียน:
แต่การปฏิบัติธรรม ทำสมาธิ เจริญวิปัสสนา เป็นการศึกษาที่มองเห็นที่สิ้นสุด แต่คนเรากับไม่ชอบ
จงหันมาปฏิบัติธรรมกันเถอะ แล้วจะได้ความสุขที่แท้จริง

เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ...จะเห็นคนร่ำรวยมีฐานะ ส่งลูกเรียนถึงต่างประเทศ เพื่อให้ได้มาสิ่งซึ่งผู้คน..สังคมโลก..ยอมรับ.ปริญญาสูงสุด...ดอกเตอร์ อะไรประมาณนั้น..ซึ่งบางท่านก็นำความรู้นั้นมาพัฒนาประเทศ..บ้านเกิด..สังคมส่วนรวม เห็นกันเป็นรูปธรรม แต่บางท่านก็ได้มาเพียงเพื่อประดับบารมี.หรือเอาไว้เพื่ออวดอ้าง หลอกตัวเอง..หลอกคนอื่นที่วุฒิน้อยกว่า..เสียเงินทองที่พ่อแม่ส่งเสียไม่รู้เท่าไร..เพื่อหวังให้ลูกได้ปัญญา..มีปัญญา..ที่สังคมชาวโลกยอมรับ
.....แต่ปัญญาทางธรรม สังคมบ้านเราหาได้สนใจไม่ ทั้งๆ ที่ ค่าใช้จ่าย หรือเล่าเรียนต่างๆ แทบจะไม่มีเลย..โดยเฉพาะการปฏิบัติการทางจิต ทางวิญญานนั้น..หรือวิปัสสนากรรมฐาน..มีแจกจ่าย เผยแผ่ กว้างไกล คลอบคุม คำสอนต่างๆ ในโลกสมัยนี้ยุคแห่งการสื่อสารความเร็วนี้ หาได้ง่ายในเว็บ..ท่านต้องการเกจิอาจารย์ใด..คำสอนใดที่ตรงกับจริตของเรา มีพร้อมแล้ว..ไม่ต้องไปจับจ่ายหรือซื้อเหมือนสมัยก่อน
ชาวญาติสัมมาพุทธปฏิบัติเรา มีไว้เพื่อเป็นธรรมทาน..ตำรา ...คัมภีร์ต่างๆ พร้อมหมด พระครู บาอาจารย์ พร้อมหมด ล้วนแต่สอนไปในทิศทางเดียวกัน ส่วนพวกเราล่ะพร้อมหรือยัง??
ไม่ใช่ไปศึกษาถึงเมืองนอกเป็นดอกเตอร์มา..แต่เห็นท่านคุณหมอ ก็ยังไม่ลดกิเลส กลับเพิ่มขึ้นไปอีก บางรายเอาตัวไม่รอดถึงฆ่าผู้อื่น..หรือฆ่าตัวเองก็มีมาให้เห็นตามข่าวแล้ว..
...แต่ชาวพุทธสัมมาปฏิบัติเรา เพียงใช้อากาศหายใจ เข้า-ออก เจริญอานาปานสติ ไม่ได้ไปซื้อหาใช้เงินที่ไหน..ใช้ของฟรีที่มีอยู่ในธรรมชาตินี่แหละ..ท่านก็จะได้ปัญญาอย่างยิ่งยวด..แก้ปัญหาได้ทั้งทางโลก และทางธรรม..อันนี้ชาวพุทธบริษัทเราต้องพิจารณาให้ดีเพราะมันแตกต่างกันมาก รวมทั้งประโยชน์คุณค่าของชีวิต..เพราะพวกเราและสัตว์โลกทั้งหลายก็คือธรรมชาติ...ที่อาศัยอยู่ร่วมกันกับธรรมชาติพึ่งพาอาศัยธรรมชาติ..ปฏิบัติถูกต้องตรงตามธรรมชาติ..ไม่อกตัญญูต่อธรรมชาติ..เพียงเท่านี้ชาวโลกก็จะพบกับความสุข สงบ ไม่เบียดเบียนกัน..
ขอเจริญในธรรม :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 พ.ค. 2010, 15:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2007, 21:13
โพสต์: 2631

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


การปฏิบัติใดเมื่อปฏิบัติแล้วก่อให้เกิดนิพพิทา คือความหน่ายในใชาติภพ

ยังก่อให้เกิดความไม่ทะยานอยาก

กิเลสย่อมลดน้อยถอยลงไป

อย่างนี้เป็นสัมมาปฏิปทา


การปฏิบัติใดเมื่อปฏิบัติแล้วเกิดความฮึกเหิมในจิตใจ

มองเห็นความเก่งกาจของตนเหนือยิ่งผู้อื่น

ปฏิทานั้นเป็นมิจฉปฏิปทาแน่นอน


จงเริ่มต้นให้ถูก

ผลที่ตามมาจึงเป็นอริยมรรค


เมื่อเริ่มต้นถูก

แม้อาจารย์ท่านไหนก็นับว่าสอนถูก

เมื่อปฏิบัติแล้วก็แล้วกันไป

ปฏิบัติได้แล้วก็ถอนตัวเสีย

ก่อนกระชับพื้นที่ แล

.....................................................
นิพพานที่นี่ เดี๋ยวนี้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 พ.ค. 2010, 18:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




8DA1E_IMG_2132.jpg
8DA1E_IMG_2132.jpg [ 188.73 KiB | เปิดดู 3812 ครั้ง ]
ข้อคิดในการศึกษาพระพุทธศาสนา คือการรบกับกิเลส รบชนะหรือแพ้ลวงผู้อื่นได้

แต่ลวงตนเองไม่ได้แม้วินาทีเดียว

การปฏิบัติธรรมแม้รู้สึกเบื่อหน่าย หรือไม่เบื่อ หรือแม้ท่านผู้ปฏิบัติถูกทางทำลายอาสวะสิ้นแล้ว

ก็ยังใช้ชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ ตราบวันสิ้นลม

มิใช่หนีโลกหนีสังคมอยู่ในโลกแห่งจินตนาการ แล้วทำท่าทำทางเลียนแบบพระอริยะตามที่ตนได้ยินได้ฟังมา :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 พ.ค. 2010, 18:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ย้ำด้วยบทความนี้อีกครั้งหนึ่ง


หลักการ หรือ คำสอนใดก็ตาม ที่เป็นเพียงการคิดค้นหาเหตุผลในเรื่องความจริง เพื่อสนอง

ความต้องการทางปัญญา โดยมิได้มุ่งหมายและมิได้แสดงแนวทางสำหรับประพฤติปฏิบัติในชีวิตจริง

อันนั้นให้ถือว่า ไม่ใช่พระพุทธศาสนา โดยเฉพาะอย่างที่ถือว่า เป็นคำสอนเดิมแท้ของพระพุทธเจ้า

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 พ.ค. 2010, 18:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เพื่อให้ผู้เริ่มศึกษาศาสนาพิจาณาตามสติกำลังแห่งตน



เมื่อสิ้นยุคขององค์พระศาสดาแล้ว เวลาล่วงไป และคำสอนแผ่ไปในถิ่นต่างๆ

ความเข้าใจในพุทธธรรมก็แปรไปจากเดิม และ แตกต่างกันไปได้หลายอย่าง เพราะผู้ถ่ายทอดสืบต่อ

มีพื้นความรู้ การศึกษาอบรมสติปัญญาแตกต่างกัน ตีความหมายพุทธธรรมแผกกันไปบ้าง นำเอาความรู้

ความเชื่อถือเดิมจากลัทธิศาสนาอื่น เข้ามาผสมแทรกแซงบ้าง

อิทธิพลศาสนา และวัฒนธรรม ในท้องถิ่นเข้าผสมผสานบ้าง

คำสอนบางแง่เด่นขึ้น บางแง่เลือนลง เพราะการย้ำ และเลี่ยงความสนใจ ตามความโน้มเอียง และความถนัด

ของผู้รักษาคำสอนบ้าง

ทำให้เกิดความแตกแยกออกเป็นนิกายต่างๆ เช่น ที่แยกเป็นมหายานกับเถรวาท ตลอดจนนิกายย่อยๆ ในสอง

นิกายใหญ่นั้น

สำหรับเถรวาทนั้น แม้จะได้ชื่อว่า เป็นนิกายที่รักษาแบบแผนและคำสอนดั้งเดิมไว้ได้แม่นยำ ก็มิใช่จะพ้นไป

จากความแปรเปลี่ยนได้โดยสิ้นเชิง

คำสอนบางส่วน แม้ที่อยู่ในคัมภีร์เอง ก็ยังเป็นปัญหาที่คนรุ่นปัจจุบัน ต้องนำมาถกเถียงคิดค้นหาหลักฐานยืนยัน

หรือปฏิเสธความเป็นของแท้แต่ดั้งเดิม ยิ่งความรู้ความเข้าใจที่ประชาชนเชื่อถือและปฏิบัติอยู่ด้วยแล้ว

ความคลาดเคลื่อนก็ยิ่งมีได้มากและชัดเจนยิ่งขึ้น

บางกรณีกับเสมือนเป็นของตรงข้ามกับคำสอนเดิมหรือเกือบจะกลายไปเป็นลัทธิอื่น ที่คำสอนเดิมคัดค้านแล้วก็มี

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 พ.ค. 2010, 19:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


ประยุทธ์ เขียน:
การศึกษาในรูปแบบต่างที่เราศึกษากันอยู่ ทั้งทางโลก หรือทางธรรม ( ปริยัต ) เป็นการศึกษาที่ไม่มีที่สิ้นสุน แม้จะตายและเกิดในกี่ภพกี่ชาติ แต่คนเราก็ยังชอบที่จะหาการศึกษานั้น ไม่ว่าจะต้องเสียทรัพย์สินเท่าใดก็ตาม แต่การปฏิบัติธรรม ทำสมาธิ เจริญวิปัสสนา เป็นการศึกษาที่มองเห็นที่สิ้นสุด แต่คนเรากับไม่ชอบ
จงหันมาปฏิบัติธรรมกันเถอะ แล้วจะได้ความสุขที่แท้จริง

สิ่งใดไม่น่ากลัวเท่ากับวัฏฏสงสาร





แล้วแต่เหตุที่ทำมา ผลเลยเป็นเช่นนั้น
จึงได้มีเรื่องของบัวสี่เหล่าเป็นข้อเปรียบเทียบ
ตั้งแต่กิเลสน้อย
กิเลสปานกลาง
กิเลสมาก
กิเลสหนา ดวงตาจึงมืดบอด เพราะกิเลสบดบังดวงตาเอาไว้
เลยต้องตกเป็นอาหารแก่เต่าและปลาต่อไป คำว่า เต่าและปลา
ในที่นี้หมายถึง จมอยู่ในกองกิเลสต่อไป


" ครั้นอาตมภาพทราบว่าท้าวสหัมบดีพรหมอาราธนา และอาศัยความกรุณาในสัตว์ทั้งหลาย จึงตรวจดูโลกด้วยพุทธจักษุ.

เมื่ออาตมภาพตรวจดูโลกด้วยพุทธจักษุ ก็ได้เห็นหมู่สัตว์ซึ่งมีกิเลสดุจธุลีในจักษุน้อยก็มี
มีกิเลสดุจธุลีในจักษุมากก็มี


มีอินทรีย์แก่กล้าก็มี มีอินทรีย์อ่อนก็มี มีอาการดีก็มี มีอาการเลวก็มี จะพึงสอนให้รู้ได้ง่ายก็มี
จะพึงสอนให้รู้ได้ยากก็มี

บางพวกมีปกติเห็นโทษในปรโลกโดยเป็นภัยอยู่ก็มี เปรียบเหมือนในกอบัวขาบ ในกอบัวหลวง
หรือในกอบัวขาว ดอกบัวขาบ ดอกบัวหลวง หรือดอกบัวขาว ซึ่งเกิดในน้ำ เจริญในน้ำ

บางเหล่ายังไม่พ้นน้ำ จมอยู่ในน้ำ น้ำหล่อเลี้ยงไว้

บางเหล่า ตั้งอยู่เสมอน้ำ

บางเหล่า ตั้งขึ้นพ้นน้ำ น้ำไม่ติด ฉันใด

ดูกรราชกุมาร เมื่ออาตมภาพตรวจดูโลกด้วยพุทธจักษุ ก็ฉันนั้น
ได้เห็นหมู่สัตว์ซึ่งมีกิเลสดุจธุลีในจักษุน้อยก็มี มีกิเลสดุจธุลีในจักษุมากก็มี
มีอินทรีย์แก่กล้าก็มี มีอินทรีย์อ่อนก็มี มีอาการดีก็มี มีอาการเลวก็มี จะพึงสอนให้รู้ได้ง่ายก็มี
จะพึงสอนให้รู้ได้ยากก็มี บางพวกมีปกติเห็นโทษในปรโลกโดยเป็นภัยอยู่ก็ "

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 10 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 204 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร