ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
ปราชญ์ทางโลกและปราชญ์ทางธรรมนั้นแตกต่างกันนะจ๊ะ http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=31313 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | คนดีที่โลกลืม [ 03 พ.ค. 2010, 18:18 ] |
หัวข้อกระทู้: | ปราชญ์ทางโลกและปราชญ์ทางธรรมนั้นแตกต่างกันนะจ๊ะ |
ปราชญ์ทางโลกและปราชญ์ทางธรรมนั้นแตกต่างกัน ปราชญ์ทางโลก คือ ผู้มีความรู้หรือมีปัญญาทางโลก อย่างไรก็ตาม ความรู้ของเขาเหล่านั้น ล้วนแล้วแต่เกิดจากมิจฉาทิฏฐิในแต่ละยุค แต่ผู้คนในยุคนั้นยอมรับในความรู้นั้นว่าเป็นความจริง เขาเลยกลายเป็นปราชญ์ในยุคนั้นไป เช่น คนในยุคนั้นยอมรับความคิดว่าโลกแบน คนที่พูดว่าโลกแบน และมีเหตุผลรองรับด้วยว่า"โลกแบน" คนๆนั้นก็เป็นปราชญ์หรือบัณฑิตไป พอในอีกสมัยหนึ่งเมื่อวิทยาการเจริญขึ้น ก็จะรู้ความจริงอีกแบบหนึ่งว่าโลกกลม คนที่พูดและมีเหตุผลรองรับว่า"โลกกลม" คนๆนั้นก็จะกลายเป็นปราชญ์หรือบัณฑิตแทน ส่วนคนที่บอกว่าโลกแบนก็กลับกลายเป็นไอ้ทึ่ม ไอ้หลังเขา ไอ้เฉิ่ม นอกจากนี้ ความรู้ทางโลกอื่นๆ ทั้งหมดล้วนเกิดจากความหลงเชื่อของคนในยุคนั้นว่าเป็นความจริง ทั้งๆที่ความรู้เหล่านั้นอาจจะไม่จริงอย่างนั้นก็ได้ เพราะความรู้ทางโลกมีการเปลี่ยนแปลงไปได้ตามกาลเวลา เพียงแต่ในยุคนั้นมนุษย์มีความรู้เพียงแค่นั้นเท่านั้น เขาเลยกลายเป็นปราชญ์ไป สรูป ความรู้ทางโลกที่เปลี่ยนแปลงไปได้ตามกาลเวลา สิ่งเหล่านี้ถือว่าเป็น "มิจฉาทิฎฐิ" ปราชญ์ทางธรรม คือ ผู้มีความรู้หรือปัญญาทางโลกอย่างถูกต้องสมบูรณ์จริงๆ ความรู้หรือปัญญาทางโลกอย่างถูกต้องสมบูรณ์จริงๆ = ความรู้ทางธรรม เพราะธรรมคือธรรมชาติ ความรู้เหล่านี้ไม่มีการเปลี่ยนแปลงไปได้ตามกาลเวลา (อกาลิโก) เช่น ความรู้จริงเรื่องปฏิจจสมุปบาท เรื่องกฎแห่งกรรม เรื่องนรก-สวรรค์ เรื่องจักรวาล ฯลฯ ปราชญ์ทางธรรม แท้จริงก็คือ พระพุทธเจ้า หรือตถาคต ต่างๆนั่นเอง เพราะพวกท่านเป็นสัพพัญญู คือ รู้อย่างแท้จริงทุกเรื่อง อย่างไรก็ตาม ปราชญ์ทางธรรม หรือผู้มีความรู้หริอมีปัญญาทางธรรมในระดับสาวก มี 3 ระดับ 1. ปริยัติปัญญา คือ มีความรู้ทางทฎษฎี ซึ่งเป็นความรู้ที่ผิดบ้างถูกบ้าง เพราะผู้สอนและผู้รับใช้อายตนะคือสมองคิดไปว่า มันเป็นเช่นนั้นเช่นนี้ ทำให้เกิดมิจฉาทิฏฐิได้ เช่น ความเชื่อที่ว่า ศาสนาพุทธเป็นอเทวนิยม ทั้งๆที่ ศาสนาพุทธเป็นเทวนิยม ที่สมบูรณ์ที่สุด เพราะบอกวิธีการเข้าไปสู่ความเป็นเทวะในทุกชั้นภูมิ ชั้นภูมิสูงสุด คือ พระอดิเทพ หรือเทวาติเทพ (พระพุทธเจ้าต่างๆ) และพระวิสุทธิเทพ(พระอรหันต์) 2. ปฏิบัติปัญญา เป็นปัญญาหรือความรู้จริงที่เกิดจากการปฏิบัติสมถและวิปัสสนากรรมฐาน ถ้าปฏิบัติสมถะหรือสมาธิจะได้ความรู้จริงทางโลก ไม่ใช่ความรู้ที่เป็นมิจฉาทิฎฐิ เปลี่ยนแปลงไปได้ตามกาลเวลา ถ้าปฏิบัติเฉพาะวิปัสสนากรรมฐาน จะไม่ได้ความรู้ทางโลก แต่จะได้ความรู้ทางธรรมเพื่อการหลุดพ้น สามารถชำระจิตใจให้บริสุทธิ์ได้ จนเป็นพระอรหันต์ 3. ปฏิเวธปัญญา หมายถึงปฏิบัติจนถึงที่สุด จนสามารถชำระจิตใจได้ ซึ่งเราเรียกว่า ได้มรรค ได้ผล ได้นิพพาน สรุป ความรู้ทางโลก เป็นความรู้หลง รู้ผิด คือไม่ใช่เป็นความรู้จริง ไม่เรียกว่าปัญญา จะเรียกว่า มิจฉาปัญญาก็ได้ ปราชญ์ทางโลก เป็นเพียงผู้คงไว้ซึ่งความจริงในยุคนั้นไว้ และยังพยายามค้นหาความจริงใหม่ๆต่อไปเรื่อยๆ แต่ถ้ายังค้นหาความจริงที่ใหม่กว่าไม่เจอ เขาก็ยังคงเป็นปราชญ์ทางโลกต่อไป ผู้ที่จะได้ความรู้ทางโลกและทางธรรมจนเป็นสัมมาทิฏฐิ จะมีแต่ผู้ปฏิบัติสมถะและวิปัสสนาจนเป็นพระอรหันต์เท่านั้น แต่ถ้าปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานอย่างเดียว แม้เป็นพระอรหันต์แล้ว ก็เป็นอรหันต์สุกขวิปัสสโก หมายความว่า ท่านยังมีมิจฉาทิฏฐิทางโลกอยู่ |
เจ้าของ: | arthem [ 03 พ.ค. 2010, 18:40 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ปราชญ์ทางโลกและปราชญ์ทางธรรมนั้นแตกต่างกันนะจ๊ะ |
โลกิยะ โลกุตระ ปราชญ์เขาเดินกลาง พระอรหันต์ท่านรู้แล้วละแล้วท่านไม่หลงผิดแล้ว แก้ไขนะครับ พระอรหันต์หลงผิดนั้นไม่มี เผลอพลั้งมีบ้างแต่หลงผิดนี้ไม่มี อันนี้ครูบาอาจารย์ท่านกล่าวมาอย่างนี้ ปราชญ์โลกใฝ่รู้เอารู้ ปราชญ์ธรรมใฝ่รู้เอาละ |
เจ้าของ: | คนดีที่โลกลืม [ 03 พ.ค. 2010, 22:41 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ปราชญ์ทางโลกและปราชญ์ทางธรรมนั้นแตกต่างกันนะจ๊ะ |
arthem เขียน: โลกิยะ โลกุตระ ปราชญ์เขาเดินกลาง พระอรหันต์ท่านรู้แล้วละแล้วท่านไม่หลงผิดแล้ว แก้ไขนะครับ พระอรหันต์หลงผิดนั้นไม่มี เผลอพลั้งมีบ้างแต่หลงผิดนี้ไม่มี อันนี้ครูบาอาจารย์ท่านกล่าวมาอย่างนี้ ปราชญ์โลกใฝ่รู้เอารู้ ปราชญ์ธรรมใฝ่รู้เอาละ พระอรหันต์หาใช่พระพุทธเจ้าไม่ ท่านจึงไม่ได้เป็นสัพพัญญู พระอรหันต์ไม่หลงผิดเรื่องอริยะสัจจ์ 4 แต่เรื่องราวทางโลก ยังหลงผิดประจำ ตัวอย่างที่พระอรหันต์หลงผิด เช่น หลวงตามหาบัวโดนนายสนธิหลอกลวงเรื่องทักษิณ ท่านเลยด่าว่าทักษิณแหลก ไอ้สินธิมันเลยบันทึกเสียงและภาพไว้ แล้วเอาไปเปิดตามเว็ปต่างๆ ตอนที่หลวงตามหาบัวด่าว่าทักษิณ หลวงตามหาบัวหลงกลลูกศิษย์ชั่ว ตกเป็นเครื่องมือเล่นเกมส์การเมืองสกปรกของมัน แต่หลังจากวันนั้นจนถึงปัจจุบัน มีคนมาถามเรื่องการเมืองกับหลวงตาประจำ แต่หลวงตาไม่ยอมตอบแม้คนถามจะมียศตำแหน่งใด ท่านก็จะเลี่ยงคำตอบเป็นอย่างอื่นแทน อีกตัวอย่างหนึ่ง หลวงพ่อฤาษีลิงดำท่านก็พยากรณ์เรื่องราวทางโลกผิดประจำ เช่น เรื่องเราจะพบบ่อน้ำมันใหญ่ในรัชกาลที่ 9 แล้วจะเป็นมหาอำนาจของโลกในรัชกาลนี้ |
เจ้าของ: | arthem [ 03 พ.ค. 2010, 22:55 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ปราชญ์ทางโลกและปราชญ์ทางธรรมนั้นแตกต่างกันนะจ๊ะ |
arthem เขียน: โลกิยะ โลกุตระ ปราชญ์เขาเดินกลาง พระอรหันต์ท่านรู้แล้วละแล้วท่านไม่หลงผิดแล้ว แก้ไขนะครับ พระอรหันต์หลงผิดนั้นไม่มี เผลอพลั้งมีบ้างแต่หลงผิดนี้ไม่มี อันนี้ครูบาอาจารย์ท่านกล่าวมาอย่างนี้
ปราชญ์โลกใฝ่รู้เอารู้ ปราชญ์ธรรมใฝ่รู้เอาละ |
เจ้าของ: | หลับอยุ่ [ 03 พ.ค. 2010, 22:58 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ปราชญ์ทางโลกและปราชญ์ทางธรรมนั้นแตกต่างกันนะจ๊ะ |
ทางโลกทางธรรมเรื่องเดียวกัน |
เจ้าของ: | คนดีที่โลกลืม [ 03 พ.ค. 2010, 23:23 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ปราชญ์ทางโลกและปราชญ์ทางธรรมนั้นแตกต่างกันนะจ๊ะ |
หลับอยุ่ เขียน: ทางโลกทางธรรมเรื่องเดียวกัน ถูกแล้วครับ ธรรม=ธรรมชาติ โลกก็เป็นเรื่องหนึ่งของธรรมชาติ |
เจ้าของ: | enlighted [ 05 พ.ค. 2010, 09:42 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ปราชญ์ทางโลกและปราชญ์ทางธรรมนั้นแตกต่างกันนะจ๊ะ |
เหอๆๆ เมเจอร์ ทางโลก กะ เมเจอร์ทางธรรม เป็นคนละเรื่องเลย ธรรมชาติแบบเหยียบเรือสองแคม |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |