ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
ที่สุดของพระศาสนา ? http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=31207 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 2 |
เจ้าของ: | ดอกรัก [ 29 เม.ย. 2010, 14:53 ] |
หัวข้อกระทู้: | ที่สุดของพระศาสนา ? |
เรียนถามถึง ที่สุดหรือยอดของพระศาสนา เช่น : ที่สุดของทาน ที่สุดของศีล ที่สุดของภาวนาและที่สุดของปัญญา คือสิ่งใด? ขอบพระคุณครับ ![]() |
เจ้าของ: | ningnong [ 29 เม.ย. 2010, 20:33 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: ที่สุดของพระศาสนา ? | ||
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() สวัสดีครับ คุณดอกรัก ขอเข้ามาร่วมแสดงความเห็นครับ ![]() ![]() เป้าหมายหรืออุดมคติของศาสนา ได้แสดงไว้หลายระดับ มีทั้งทางโลกและทางธรรม ซึ่งทุกเป้าหมายล้วนมีจริยธรรมและศีลธรรมเคียงคู่มาด้วยเสมอ สำหรับพุทธศาสนานั้น “นิพพาน” อันเป็นความพ้นทุกข์อย่างสมบูรณ์เด็ดขาด คือที่สุด ... ทาน ศีล ภาวนา หรือปัญญา ล้วนแต่เป็นหลัก เพื่อการเรียนรู้และฝึกอบรมตนให้มีคุณธรรม เพื่อให้สามารถทำลายกิเลสและความชั่วร้ายในใจตน เพื่อที่จะได้บรรลุถึงจุดหมายคือความดับทุกข์ได้ในที่สุด พระพุทธศาสนาถือเอาปัญญาเป็นคุณธรรมสูงสุด ซึ่งจะนำไปสู่จุดมุ่งหมายสูงสุด คือความหลุดพ้น (วิมุติ/นิพพาน) ตัวปัญญาเองเป็นเหมือนเครื่องมือขั้นสุดท้าย โดยอาจเริ่มจาก ทาน ศีล เพื่อเป็นการควบคุม กาย วาจา ใจ ให้อยู่ในระเบียบวินัยที่ดี และต้องประคองตนด้วยความไม่ประมาท รักษาจิตด้วยสติ มีสมาธิ เพื่อไม่ให้จิตฟุ้งซ่าน วุ่นวาย เมื่อจิตบริสุทธิ์ สะอาด สงบ ตั้งมั่นดีแล้ว ย่อมใช้ปัญญาได้อย่างดี พระพุทธศาสนา ไม่ต้องการให้บุคคลเชื่อสิ่งใดโดยปราศจากปัญญาหรือไม่ได้ตรองให้เห็นด้วยปัญญาก่อน พุทธวิธีที่ใช้สอนนั้นล้วนก้าวไปสู่ปัญญาทั้งสิ้น เพื่อให้บุคคลประจักษ์แจ้งด้วยตนเอง จนสามารถเป็นที่พึ่งแก่ตนได้ โดยอาศัยพระธรรมเป็นแนวทาง ดังพุทธดำรัสว่า “ท่านทั้งหลายจงมีตนและธรรมเป็นที่พึ่ง อย่าได้มีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่งเลย” ปัญญาจึงเป็นคุณธรรมสูงสุด พระพุทธองค์ทรงสอนธรรมเพื่อให้พุทธบริษัทมีปัญญาเป็นเครื่องรักษาตนและคุ้มครองตน และเพื่อจุดมุ่งหมายเพื่อความดับทุกข์ได้ในที่สุดครับ..... ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() เจริญในธรรมครับ ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]()
|
เจ้าของ: | ภูพิงค์ [ 29 เม.ย. 2010, 22:09 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ที่สุดของพระศาสนา ? |
หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี แห่งวัดหินหมากเป้ง อ. ศรีเชียงใหม่ จ. หนองคาย ได้แสดงพระธรรมเทศนา โอวาทหลังพระปาติโมกข์ ไว้ ณ วันที่ ๒๗ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๒๘ เรื่อง ที่สุดของพระพุทธศาสนา ความตอนหนึ่งว่า “ที่สุดของ ปัญญา คือ พระไตรลักษณ์ ที่สุดของ สมาธิ คือ อัปปนา ที่สุดของ ฌาน คือ อัปปนา ที่สุดของ ศีล คือ เจตนา ที่สุดของ ทาน คือ ศรัทธา” ติดตามอ่านเนื้อความเต็มได้ที่ http://www.thewayofdhamma.org/page3_1_2/41.html ![]() ผมมีความเห็นเพิ่มเติม ว่า “ที่สุดของ (โลกิย) ปัญญา คือ พระไตรลักษณ์ ที่สุดของ (โลกุตร) ปัญญา คือ อริยสัจ ๔” |
เจ้าของ: | enlighted [ 29 เม.ย. 2010, 23:29 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ที่สุดของพระศาสนา ? |
ที่สุด ก็มีอายุแค่ห้าพันปี ไง เหอๆๆ |
เจ้าของ: | เช่นนั้น [ 29 เม.ย. 2010, 23:46 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ที่สุดของพระศาสนา ? |
ดอกรัก เขียน: เรียนถามถึง ที่สุดหรือยอดของพระศาสนา เช่น : ที่สุดของทาน ที่สุดของศีล ที่สุดของภาวนาและที่สุดของปัญญา คือสิ่งใด? ขอบพระคุณครับ ![]() วิมุตติสุข คือที่สุดของศีล ที่สุดของปัญญา ที่สุดของภาวนา เสวยวิมุตติสุข ยามขันธ์ธาตุยังไม่แตกดับ เสวยวิมุตติสุข ยามธาตุขันธ์ริบหรี่ เสวยวิมุตติสุข แม้ขณะจิตดวงสุดท้าย และไม่ปฏิสนธิอีกต่อไป |
เจ้าของ: | noohmairu [ 30 เม.ย. 2010, 00:00 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ที่สุดของพระศาสนา ? |
เช่นนั้น เขียน: วิมุตติสุข คือที่สุดของศีล ที่สุดของปัญญา ที่สุดของภาวนา เสวยวิมุตติสุข ยามขันธ์ธาตุยังไม่แตกดับ เสวยวิมุตติสุข ยามธาตุขันธ์ริบหรี่ เสวยวิมุตติสุข แม้ขณะจิตดวงสุดท้าย และไม่ปฏิสนธิอีกต่อไป อิอิ ผู้เสวย คือที่สุดแห่ง อัตตา อนุโมทนาสาธุจ้า ![]() |
เจ้าของ: | enlighted [ 30 เม.ย. 2010, 00:09 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ที่สุดของพระศาสนา ? |
โอ เวทนาเกิดขึ้นแล้ว สุขกันเถอะเรา เหอๆๆ |
เจ้าของ: | คนดีที่โลกลืม [ 30 เม.ย. 2010, 01:12 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ที่สุดของพระศาสนา ? |
คุณ"ดอกรัก"ครับ ที่สุดของทาน คือ ให้ส่งที่ตนรักมากที่สุดแก่คนอื่นเพื่อช่วยเหลือเขา เช่น พระเวสสันดรยกเมียและลูกให้คนอื่น ที่สุดของศีล คือ ยอมทำผิดศีลเพื่อช่วยคนอื่น เช่น พระเท่งตะโกนโกหกว่า "ตำรวจมา ตำรวจมา" เพื่อช่วยคนที่กำลังโดนรุมกระทืบ ที่สุดของภาวนา คือ สามารถทำเจโตวิมุติที่ไม่กำเริบได้ โดยไม่ได้ทำวิปัสสนากรรมฐาน ทำแต่สมถะกรรมฐานหรือทำแต่สมาธิ เช่น พระพุทธเจ้า ซึ่งเป็นผู้ที่สามารถทำเจโตวิมุติที่ไม่กำเริบได้ โดยไม่ได้ทำวิปัสสนากรรมฐาน ที่สุดของปัญญา คือ เห็นไตรลักษณ์จริงๆ รู้ว่าสรรพสิ่งในโลกและในจักรวาล รวมทั้งใน 3 ภพ ล้วนเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เมื่อเห็นไตรลักษณ์จริงๆแล้ว จึงปล่อยวางทุกอย่าง ไม่ยึดมั่นในสิ่งใด |
เจ้าของ: | เช่นนั้น [ 30 เม.ย. 2010, 01:44 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ที่สุดของพระศาสนา ? |
enlighted เขียน: โอ เวทนาเกิดขึ้นแล้ว สุขกันเถอะเรา เหอๆๆ เป็นอย่างนั้น เป็นอย่างนั้น วิมุตติสุข คือเวทนาอันเป็นที่สุด สุขกันเถอะเรา ![]() Quote Tipitaka: [๗๓๔] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุนั้นหนอ
พิจารณาเห็นนิพพานโดยความเป็นทุกข์อยู่ จักเป็นผู้ประกอบด้วยอนุโลมขันติ ข้อนี้ไม่เป็นฐานะที่จะมีได้ ผู้ไม่ประกอบด้วยอนุโลมขันติ จักย่างลงสู่สัมมัตตนิยาม ข้อนี้ไม่เป็นฐานะที่จะมีได้ เมื่อไม่ย่างลงสู่สัมมัตตนิยาม จักทำให้แจ้งซึ่งโสดาปัตติผล สกทาคามิผล อนาคามิผล หรืออรหัตผล ข้อนี้ไม่เป็นฐานะที่จะมีได้ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุนั้นหนอ พิจารณาเห็นนิพพานโดยความเป็นสุขอยู่ จักเป็นผู้ประกอบด้วยอนุโลมขันติ ข้อนี้เป็นฐานะที่มีได้ ผู้ประกอบด้วยอนุโลมขันติ จักย่างลงสู่สัมมัตตนิยามข้อนี้เป็นฐานะที่มีได้ ผู้ย่างลงสู่สัมมัตตนิยาม จักทำให้แจ้งซึ่งโสดาปัตติผล สกทาคามิผล อนาคามิผล หรืออรหัตผล ข้อนี้เป็นฐานะที่มีได้ ฯ |
เจ้าของ: | เช่นนั้น [ 30 เม.ย. 2010, 01:49 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ที่สุดของพระศาสนา ? |
noohmairu เขียน: อิอิ ผู้เสวย คือที่สุดแห่ง อัตตา เป็นอย่างนั้น เป็นอย่างนั้น วิมุตติสุข ผู้เสวย คือ ที่สุดแห่ง อัตตา ![]() Quote Tipitaka: [๗๓๓] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุนั้นหนอ
พิจารณาเห็นธรรมไรๆโดยความเป็นอัตตาอยู่ จักเป็นผู้ประกอบด้วยอนุโลมขันติ ข้อนี้ไม่เป็นฐานะที่จะมีได้ ผู้ไม่ประกอบด้วยอนุโลมขันติ จักย่างลงสู่สัมมัตตนิยาม ข้อนี้ไม่เป็นฐานะที่จะมีได้ เมื่อไม่ย่างลงสู่สัมมัตตนิยาม จักทำให้แจ้งซึ่งโสดาปัตติผลสกทาคามิผล อนาคามิผล หรืออรหัตผล ข้อนี้ไม่เป็นฐานะที่จะมีได้ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุนั้นหนอ พิจารณาเห็นธรรมไรๆ โดยความเป็นอนัตตาอยู่ จักเป็นผู้ประกอบด้วยอนุโลมขันติ ข้อนี้เป็นฐานะที่มีได้ ผู้ประกอบด้วยอนุโลมขันติจักย่างลงสู่สัมมัตตนิยาม ข้อนี้เป็นฐานะที่มีได้ ผู้ย่างลงสู่สัมมัตตนิยาม จักทำให้แจ้งซึ่งโสดาปัตติผล สกทาคามิผล อนาคามิผล หรืออรหัตผล ข้อนี้เป็นฐานะที่มีได้ ฯ |
เจ้าของ: | enlighted [ 30 เม.ย. 2010, 08:26 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ที่สุดของพระศาสนา ? |
อนุโมทนาสาธุคร๊าบบ |
เจ้าของ: | ผงธุลีดิน [ 30 เม.ย. 2010, 10:40 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ที่สุดของพระศาสนา ? |
![]() ที่สุดของทาน คือ การให้ธรรมเป็นทาน ที่สุดของศีล คือ การไม่ทำบาปทั้งปวง ที่สุดของภาวนา คือ อัปนาสมาธิ ที่สุดของปัญญา คือ หมดความยึดมั่นถือมั่นทั้งปวง |
เจ้าของ: | ดอกรัก [ 30 เม.ย. 2010, 11:39 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ที่สุดของพระศาสนา ? |
ขออนุโมทนากับทุกท่านครับ สาธุ ![]() |
เจ้าของ: | ศรีสมบัติ [ 30 เม.ย. 2010, 14:55 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ที่สุดของพระศาสนา ? |
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ที่สุดแล้ว (ความว่าง) ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | เอรากอน [ 30 เม.ย. 2010, 18:42 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ที่สุดของพระศาสนา ? |
เช่นนั้น เขียน: noohmairu เขียน: อิอิ ผู้เสวย คือที่สุดแห่ง อัตตา เป็นอย่างนั้น เป็นอย่างนั้น วิมุตติสุข ผู้เสวย คือ ที่สุดแห่ง อัตตา ![]() Quote Tipitaka: [๗๓๓] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุนั้นหนอ พิจารณาเห็นธรรมไรๆโดยความเป็นอัตตาอยู่ จักเป็นผู้ประกอบด้วยอนุโลมขันติ ข้อนี้ไม่เป็นฐานะที่จะมีได้ ผู้ไม่ประกอบด้วยอนุโลมขันติ จักย่างลงสู่สัมมัตตนิยาม ข้อนี้ไม่เป็นฐานะที่จะมีได้ เมื่อไม่ย่างลงสู่สัมมัตตนิยาม จักทำให้แจ้งซึ่งโสดาปัตติผลสกทาคามิผล อนาคามิผล หรืออรหัตผล ข้อนี้ไม่เป็นฐานะที่จะมีได้ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุนั้นหนอ พิจารณาเห็นธรรมไรๆ โดยความเป็นอนัตตาอยู่ จักเป็นผู้ประกอบด้วยอนุโลมขันติ ข้อนี้เป็นฐานะที่มีได้ ผู้ประกอบด้วยอนุโลมขันติจักย่างลงสู่สัมมัตตนิยาม ข้อนี้เป็นฐานะที่มีได้ ผู้ย่างลงสู่สัมมัตตนิยาม จักทำให้แจ้งซึ่งโสดาปัตติผล สกทาคามิผล อนาคามิผล หรืออรหัตผล ข้อนี้เป็นฐานะที่มีได้ ฯ ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() |
หน้า 1 จากทั้งหมด 2 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |