ขอบคุณคุณศรีสมบัติค่ะ จุฬาภินันท์เห็นด้วยตามที่คุณว่ามาเลย

ตอบคุณ bbby ต่อนะคะ ตอบตามกำลังปัญญาที่ได้จากการถือศีลและทำสมาธิน่ะค่ะ

จุฬาภินันท์อ่านเรื่องของคุณแล้วบอกได้เลยว่าใช่ สิ่งศักดิ์สิทธิ์มาบอกตามคำอธิษฐานของคุณค่ะ สามคนนั้นทรมานและเขาสำนึกผิดเลยขออธิษฐานเหมือนกันให้คุณได้รู้ ทำตามที่เงาดำบอกนะคะนั่นแหละค่ะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ถือศีลทำสมาธิแผ่เมตตาส่วนบุญส่วนกุศลให้เขาบอกอโหสิกรรมให้เขา อธิษฐานให้ตัวคุณเองด้วยว่าจะขอเลิกอาฆาตพยาบาทใดๆ ความอาฆาตพยาบาทนั้นแบกไว้ก็เป็นทุกข์แล้วค่ะ

อ้อ ทุกข์ของคุณคือคุณมีความเห็นไปคนละทางกับใครคะ มันเกี่ยวเนื่องกันแน่นอนเพราะเหตุย่อมทำให้เกิดผล คุณอยากรู้เหตุแห่งผลคุณได้รู้แล้วแต่มันยังไม่หมดค่ะ ลองอธิษฐานอีกก็ได้นะคะเผื่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านเมตตาค่ะ

มาร นั่นแหละคือคุณ พระพุทธเจ้าจำแนกผีออกเป็น 31 ภูมิ ต่ำสุดคือผีนรก ดีขึ้นมาหน่อยก็เป็นเปรต เป็นสัมภเวสี สูงขึ้นก็เป็นผีที่เรียกเทวดา นางฟ้า พรหม

คุณจะจำแนกผีเป็นมารได้ก็ต่อเมื่อคุณเข้าสู่กระแสนิพพาน เห็นว่าสรรพจิตในทุกภพภูมิไม่ใช่ตัวตน เป็นเพียงมายา คุณจึงเรียกว่า ผีเป็นมารได้

ใส่ร้ายป้ายสีคนอื่น ตัองแสดงเหตุผล และบอกด้วยว่ากำลังพูดเรื่องอะไร จะค้านต้องให้รู้เรื่องด้วยว่าค้านเรื่องอะไร

คุณจุฬาภินันท์ค่ะ เราอ่านมาถึงตรงข้อความนี้
แล้วขำน่ะค่ะ คุณเก่งน่ะค่ะ คุณมีสัมผัสตรงนี้
คนที่ฝึกการนั่งสมาธิมานาน จะมีสัมผัสตรงนี้จริงๆน่ะค่ะ
เราก็มีบ้าง แต่บางครั้งเหมือนยังสับสนอยู่ค่ะ

ใช่ค่ะ ตรงจุดที่คุณถาม "คนที่มีความเห็นไม่ตรงกับเรามันเกี่ยวเนื่องกันแน่นอน"

ใช่ค่ะ ปัญหาที่เกิด ก็เกิดจากคนนี้หละค่ะ แฟนของเราเองค่ะ
ต้องขอโทษด้วยน่ะค่ะ ที่เราข้ามตรงนี้ไป
คือเราคิดว่าคงไม่สำคัญเท่าไหร่

พอเราถามเงาดำว่า

" เราทำอะไรผิดเค้าถึงต้องฆ่าเรา"

เงาดำเค้าก็ชี้ไปที่ด้านหน้า แล้วบอกว่า "ดูโน่นสิ"
เราก็เห็นมีบ้านหลังใหญ่หลังหนึ่ง
แล้วก็มีผู้หญิงแต่งตัวแบบสาวเหนือ สมัยโบรานหลายคน
พวกเค้าเหมือนทำงานกวาดพื้นถูบ้านกัน
แล้วก็มีรถขับเข้ามา พวกเค้าก็พูดว่า"มาแล้วๆ"

แล้วผู้หญิงที่อยู่บนบ้าน ก็เดินมาดูที่ตรงหน้าต่าง
ผู้หญิงคนนั้นก็คือ ผู้หญิงที่โดนพามาฆ่า
แล้วเราก็เห็นผู้ชายคนนั้นลงจากรถ
เราก็พูดว่า "นั่นแฟนเรานี่นา"
ภาพนั้นก็หายไปค่ะ
เงาดำก็บอกว่า "ใช่" เราก็เลยเข้าใจ

เรามาคิดๆดูน่ะค่ะ คนเรานี่ ที่ต้องเป็นเวรเป็นกรรมต่อกันนี่
เราคิดว่าส่วนใหญ่ จะมาจากเรื่องของตัณหา+ราค่ะน่ะค่ะ

พอหลังจากที่เรารู้ เราก็เลยรู้ว่า เรื่องทั้งหมดมาจากกรรมของเรานี่เอง
เราสร้างขึ้นมาเอง ทั้งอดีตและปัจุบัน

คือนิสัยของเรา เราไม่ชอบเรื่องการใส่ร้าย หรือไปพูดให้คนอื่นเค้าเสียหาย
ถ้าใครมาพูดเรื่องอะไรที่มั่วๆถึงเรา เราจะเป็นคนที่ชอบสาปแช่งค่ะ
ซึ่งตอนนั้นเราคิดว่าเราไม่บาป เพราะเค้าเป็นฝ่ายผิด
พอเงาดำพูดถึงตรงที่ ให้เราหยุดการสาปแช่งซะ
เราตกใจเลยค่ะ เราก็คิดว่าเค้ารู้ได้ยังไง

แล้วก็เวลาที่เราสวดมนต์หรือนั่งสมาธิ
เราไม่เคยเอ่ยคำว่า อโหสิกรรมให้ใครเลยค่ะ
เพราะเราคิดว่า การเอ่ยคำว่าอโหสิกรรม
หมายถึงพูดตอนที่เรารดน้ำศพกับตอนไหว้หน้าศพค่ะ

แล้วเราก็ทำตามที่เงาดำพูด ช่วงนั้นเราจะทำบุญทำทานบ่อยค่ะ
ถ้าเราว่างเราจะนั่งสวดมนต์ แล้วก็อโหสิกรรมให้เค้า
ทานอาหารมังสวิรัต

เรื่องในครอบครัวของเราก็ดีขึ้นค่ะ แต่ก็ใช้เวลานานเหมือนกันน่ะค่ะ
คือจะค่อยๆดีขึ้นน่ะค่ะ
จนปัจจุบัน ถือว่าใช้ได้ค่ะ แฟนเราเค้ากลับไปเป็นคนเก่าค่ะ
แล้วคุยกันใหม่น่ะค่ะ

คุณคนดีโลกไม่ลืมคะ จุฬาภินันท์ขอบคุณสำหรับความรู้ แต่อยากบอกด้วยว่าคุณไม่มีสิทธิ์ว่าใครเป็นมาร เคารพในความเห็นของกันและกันสิคะนั่นคือวิถีแห่งประชาธิปไตยค่ะ

คุณกับจุฬาภินันท์ให้นิยามคำว่าผีแตกต่างกันเท่านั้นเองค่ะ

คุณ bbby เข้าใจถูกแล้วค่ะ สิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือเงาดำนั่นให้โอกาสคุณในเรื่องความคิดสาบแช่ง คุณทำบุญมามากอย่าให้ความคิดที่เป็นพิษมาลดทอนบุญของคุณเลย อย่างที่จุฬาภินันท์บอกค่ะให้คุณอธิษฐานด้วยว่าขอเลิกอาฆาตพยาบาท เป็นการบอกจิตใต้สำนึกของคุณด้วยน่ะค่ะเวลาคุณทำสมาธิ

การที่มาพบเจอกันอีกในชาติปัจจุบันเพราะมีกรรมร่วมกันมา แฟนคุณในอดีตชาติไม่ชอบนิสัยชอบนินทาว่าร้ายและสาบแช่งของคุณค่ะ ความเห็นในชาตินี้เลยไม่ตรงกันทำให้คุณเป็นทุกข์ คุณก็ทำตามที่คุณเข้าใจจากการที่เงาดำมาบอกคุณอะไรๆจะดีขึ้นค่ะ

http://www.magnoliathailand.com/webboar ... pic=4720.0


คุณจุฬาภินันท์ค่ะเรานำlinkนี้มาให้คุณดูค่ะ

ดูแล้วนะคะคุณ bbby งานดูอลังการค่ะแสดงถึงศรัทธาของเจ้าของงาน

มาแอบฟังค่ะ.....ขอบคุณจ๊ะ

ผมไม่ได้ว่าคุณ แต่ผมพูดความจริง พระพุทธเจ้ายืนยันว่าผีมีจริง ท่านเรียกว่า สัมภเวสี เปรต เทวดา พรหม ฯลฯ แต่คุณไปบอกว่าไม่มี และเรียกว่านั่นคือ"มาร" ผมจึงบอกว่า คุณนั่นแหลคือมาร พูดให้ชัดเลย ความคิดผิดๆของคุณคือ "มาร" ที่แฝงตัวอยู่ในพุทธศาสนา เพื่อให้ผู้คนเข้าใจผิดว่า ผีไม่มีจริง

"เคารพในความเห็นของกันและกันสิคะนั่นคือวิถีแห่งประชาธิปไตยค่ะ" ถูกต้อง แต่คุณอยู่ในเว็บพุทธศาสนา แล้วมาบอกว่า ผี เป็นมาร ทั้งๆที่คุณยังไม่เข้าสู่กระแสพระนิพพาน =คุณบอกว่า ผีไม่มีจริง = คุณว่าพระพุทธองค์โกหก

คุณคนดีที่โลกลืืม กระทู้นี้จุฬาภินันท์บอกไปแล้วว่าระดับจิตสำนึกเท่านั้นเอง นิยามผีของจุฬาภินันท์คือผีที่โผล่ออกมาให้คนเห็นน่ะค่ะ นอกนั้นพวกสัมภเวสีหรืออะไรมีจริงทั้งนั้นค่ะ จุฬาภินันท์กำหนดกรอบของกระทู้แค่นั้นเอง ตอบอยู่ในคำตอบให้คุณ keaksim น่ะค่ะ

มันมีเยอะน่ะค่เลยจำกัดวงไว้แค่นั้น

ผีมันอยู่ในหัวเรา จิตใต้สำนึก ตอนเราเด็กๆพวกผู้ใหญ่นำมันมาฝังในหัวเรา ผมไม่เคยให้ลูกสาวผมรู้เรื่องผีเลย เมื่อใครมาหลอกผี จะถูกผมต่อว่า เมื่อโตขึ้นผมจึงอธิบายความหมายของผีให้ฟังอย่างที่ผมเคยเข้าใจ
ผมมีคาถาปราบผีที่ได้ผล 100 เปอร์เซ็นต์มาฝาก ลูกสาวผมสองคนตอนเรียน ม.ต้น เวลาแก่ไปเข้าค่าย เพื่อนจะเข้าห้องน้ำตอนกลางคืนต้องให้ลูกสาวผมไปเป็นเพื่อนทุกคน
เมื่อเจอผีให้ท่อง มันคืออะไร มันคืออะไร มันคืออะไร ไปเรื่อยๆไม่ต้องหยุด ตาจ้องไปที่จุดหมายแล้วค่อยๆเดินเข้าไปใกล้ๆ ถ้าไม่กล้าท่านให้กำนิ้วโป้งทั้งสองมือให้แน่ท่านว่าผีมันจะกลัว แล้วเดินเข้าไปดูมันคืออะไร

อนุโมทนาสาธุคร๊าบบ