วันเวลาปัจจุบัน 27 เม.ย. 2024, 04:15  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 5 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 มี.ค. 2010, 17:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 มี.ค. 2010, 17:15
โพสต์: 1

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ผมกำลังทุกข์ใจอย่างยิ่ง เมื่อเป็นคนสร้างปัญหารักซ้อนขึ้นมาเอง เรื่องเป็นดังนี้ครับ ผมมีแฟนอยู่แล้วหนึ่งคน สมมติชื่อเป็น A คบหากันมานานและเรามีอะไรลึกซึ้งกัน จนเมื่อได้เข้าทำงานที่แห่งหนึ่ง ก็ได้พบกับสาวอีกคนหนึ่งในที่ทำงานนั้นชื่อ B ซึ่งเธอก็มีแฟนอยู่ก่อนแล้ว ด้วยภาระหน้าที่ทำให้ได้ใกล้ชิดสนิทสนมกัน จนผมและ B เผลอมีอะไรกันและมีกันเรื่อยมา พอแฟนของ B รู้เข้าจึงขอเลิกกับ B ซึ่งเขาก็เสียใจมากเพราะคบหากันมาเกือบ 10 ปี และ B เองก็ไม่รู้ว่าผมมีแฟนอยู่ก่อนแล้วเพราะผมปกปิดเธอ

ในขณะที่ A ก็ไม่รู้ว่าผมไปมีคนอื่น แต่ด้วยความผิดของผมที่มันระลึกอยู่ในใจเสมอ เป็นเหตุให้ใจต้องเศร้าหมองอยู่เสมอ ปกติผมเป็นคนสนใจศึกษาธรรมะพอสมควร แต่พอเจอกับตัวเองกลับไม่ได้ใช้พระธรรมกล่อมใจตัวเองเลย กลับพ่ายแพ้ต่อกิเลส ไม่รู้ว่าเพราะเวรกรรมทำร่วมกันมาหรืออย่างไร ลึก ๆ ในใจผมอยากสารภาพความผิดต่อ A มาก แต่ก็ไม่กล้าที่จะบอก กลัวเธอเสียใจจนรับไม่ได้ เพราะเธอเป็นคนดีมากคนหนึ่ง แต่หากไม่บอก ผมก็ไม่อยากทำผิดไปมากกว่านี้แล้ว

ผมจึงอยากถามว่าควรทำอย่างไรดีครับ ระว่างสารภาพโดยตรงกับ A หรือปล่อยให้เหตุการณ์มันคลี่คลายของมันเองครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 มี.ค. 2010, 18:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 มิ.ย. 2008, 22:40
โพสต์: 1769

แนวปฏิบัติ: กินแล้วนอนพักผ่อนกายา
งานอดิเรก: ปลุกคน
สิ่งที่ชื่นชอบ: Tripitaka
ชื่อเล่น: สมสีสี
อายุ: 0
ที่อยู่: overseas

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
ไม่รู้ว่าเพราะเวรกรรมทำร่วมกันมาหรืออย่างไร


ตอบแบบฟันธง ว่านี่ไม่ใช่เรื่องของเวรกรรมทำร่วมกันมา หรือกรรมเก่าแต่ประการใด แต่เป็นเรื่องของ"บาปกรรมใหม่"ที่ทำร่วมกัน..ด้วยเหตุคือ"ตัณหาราคะ"อันหาขอบเขตไม่ได้ของตนครับ..เรื่องกิเลสตัณหานี้ ใครๆไม่พึงประมาทเลย ก็ขนาดพระเทวทัตได้ฌานอภิญญา..ยังคิดและทำชั่ว...ได้สุดๆ แล้วคนธรรมดาจะไม่เป็นทาสของกิเลสตัณหาย่อมหาได้ยากยิ่งแท้จึงหลงทำบาปก่อกรรมอย่างรื่นเริงทั่วทุกหัวระแหง...


อ้างคำพูด:
อยากสารภาพความผิดต่อ A มาก แต่ก็ไม่กล้าที่จะบอก กลัวเธอเสียใจจนรับไม่ได้ เพราะเธอเป็นคนดีมากคนหนึ่ง แต่หากไม่บอก ผมก็ไม่อยากทำผิดไปมากกว่านี้แล้ว


จริงทีเดียว คนที่ทำบาปกรรมใดๆย่อมเดือดร้อนใจเสมอ โดยเฉพาะหากทำบาปกับคนดีแล้วความเดือดร้อนย่อมมากขึ้น ยิ่งดีมากความเดือดร้อนยิ่งมากขึ้น ถ้าดีขนาดพระอรหันต์แล้ว ความเดือดร้อนจะถึงขั้นทันตาเห็นไปทีเดียว...นี่เพราะคุณความดีของคนดีย่อมมีอำนาจคุ้มครองท่านนั่นเอง..

เมื่อคุณทำผิดไปแล้วและสำนึกได้พร้อมคิดแก้ไข นี้ย่อมเป็นสิ่งน่าสรรเสริญมากครับ...ขอชื่นชมด้วยใจจริง.. :b35: :b35: :b47:

เห็นด้วยที่คุณจะสารภาพผิดกับ A ขอให้คุณแฟร์กับเธอว่า หากเธอไม่อาจยอมรับคุณและพฤติกรรมของคุณและต้องการเลิกคบไป คุณต้องยอมรับและไม่ยื้อยุดฉุดเธอไว้..คนบางคนมีปัญญามากพอที่จะเห็นแนวโน้มในอนาคตว่าหากต้องร่วมหัวจมท้ายกับคนที่ไม่มั่นคงโลเลย่อมไม่อาจหาความมั่นคงในชีวิตได้ดุจเดียวกับเอาต้นกล้วยมาปลูกเรือน..เขาอาจเสียใจมากมายครั้งนี้ เพราะไม่คาดคิด แต่มันจะเป็นการเสียใจครั้งเดียวในชีวิตก็ได้ .. แต่ถ้าเขาไม่ทราบความจริงวันนี้ อยู่กับคุณไปจนมีลูก วันหนึ่งความลับถูกเปิดเผยขึ้น เขาจะเสียใจและทุกข์มากขึ้นหลายครั้งเพราะไม่อาจจัดการอะไรๆได้เหมือนตอนนี้ .. เข้าทำนองเมื่อรู้ก็สายเกินไป


เมื่อคิดจะทำให้ถูกต้องก็ทำให้ถูกที่สุดนะครับ อย่างน้อยเมื่อถูกใครหลอกในอัตภาพหน้า ก็ยังได้โอกาสฟังคำสารภาพผิด คงดีกว่ามารู้อีกทีก็สายเกินแก้แล้ว จริงใหมครับ

เพื่อประโยชน์สุขแก่ตนและคนอื่น ใคร่ขอเชิญชวนมาประพฤติศีลกันให้มั่นคง จะได้ไม่เจอะเจอคนชั่วหรือพาลมิตร แล้วทำให้เราต้องทำบาปกรรมไปไม่หยุดหย่อน ปลอดภัยไว้ดีกว่าครับ สังสารวัฏนั้นน่ากลัวจริงๆ...

เอาใจช่วยลุ้นครับ :b46: :b47: :b48:

.....................................................
ศีล ๕ รักษาตนไม่ให้เกิดในอบายภูมิ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 มี.ค. 2010, 19:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 พ.ย. 2009, 17:20
โพสต์: 532

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


การสารภาพใช้แก้ปัญหาได้สำหรับอีกฝ่ายหนึ่งยอมรับและให้อภัย มันขึ้นอยู่กับบุคคลอีกฝ่ายว่าใจเขาเปิดกว้างหรือเปล่าสำหรับเรื่องแบบนี้ แต่กลับยิ่งสร้างปัญหาสำคัญบุคคลที่ไม่ย่อมรับ ไม่เปิดกว้าง ไม่ได้หมายถึงไม่ควรสารภาพ แต่ให้ดูโอกาส เวลาอันควรเหมาะสมไปพร้อม
ที่สำคัญตอนนี้คือตัวเอง ควรสารภาพผิดต่อตนเอง ที่ไปผิดศีลผิดธรรม ออกนอกลู่นอกทางไป ก็ตั้งต้นใหม่ เลิกพฤติกรรมแบบเดิมๆ หันหน้าเข้าศีลธรรมให้มากขึ้น ให้อภัยตนเองได้เสียก่อนแล้วค่อยไปให้คนอื่นให้อภัย ไปตามลำดับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 มี.ค. 2010, 21:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.พ. 2010, 13:35
โพสต์: 355

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ในทางศีลธรรม คุณแมวกระเจิงมีชู้กับ b เป็นการผิดศีลข้อ 3 แต่คุณแมวกระเจิงก็ติดใจ b จนอยากที้ง a ใช่หรือเปล่า?

คุณแมวกระเจิงรัก b ซึ่งเป็นชู้ ใช่หรือเปล่าล่ะ

ถ้ารักb ก็ต้องบอกเลิกกับ a จะคงรักสยองที่ทรมานใจ a ไว้ไม่ได้.... ต้องปล่อยเธอไป สักวันหนึ่งเธอก็จะลืมคุณเอง

ส่วนบาปที่คุณทำกับ a ก็จะยังคงอยู่ต่อไป ในวันหนึ่ง ชีวิตบัดซบของคุณยจะต้องรับผลกรรมจากบาปนั้น

แต่ถ้าคุณรัก a ต้องการอยู่กับ a ก็ต้องสารภาพกับเหมือนกัน ถ้าaรักคุณจริง เขาก็จะให้อภัยคุณ ในกรณีนี้จะจบแบบดี


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 มี.ค. 2010, 21:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ส.ค. 2009, 09:31
โพสต์: 639

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ในทางธรรมตามที่จุฬาภินันท์เข้าใจนะคะ:

มันเป็นวิบากกรรมแต่อดีตที่ทำให้เกิดผลในชาตินี้เป็นแบบนี้ค่ะ เรื่องไม่ดีเกิดขึ้นเพราะการถูกดลใจค่ะเพราะยังไงมันต้องเกิด กรรมกำหนดมาแบบนั้น

ทางที่จะแก้ไขอนาคตก็ทำไม่ได้อีกเพราะถูกกำหนดมาแล้วเหมือนกัน แต่...ผู้กำหนดกรรมก็ให้โอกาสคือสติเพื่อที่จะตัดกรรม ยิ่งตัดกรรมได้มากเท่าไหร่การเข้าถึงพระนิพพานก็ใกล้เข้าไปอีก นั่นคือข้อได้เปรียบของการเกิดมาเป็นมนุษย์ค่ะ

กรณีของคุณ คุณบอกคุณ A ไปเถอะค่ะแล้วรับการตัดสินใจของเธอโดยดี กรรมของคุณกับเธอก็จะถูกตัดไป แต่ถ้าคุณ A อโหสิให้คุณและคบคุณต่อชาติหน้าคุณเสียใจเพราะเธอแน่ แต่ถ้าให้เดา คุณ A ไม่ยกโทษให้คุณหรอกค่ะและคุณก็ไม่ควรรั้งเธอ

กับคุณ B คุณก็ไปสร้างวิบากต่อไปอีกแล้วกับแฟนคุณ B กรรมก็พันนัวเนีย วิถีทางธรรมคุณก็ควรขออโหสิกรรมจากแฟนคุณ B ให้ได้ ชาติหน้าคุณจะเสียเปรียบเขาแต่ก็แค่ชาตินั้นชาติเดียว ชาตินี้ก็ไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกันอีก ส่วนคุณ B คุณก็มีสองทางเลือกคือคบเธอเพื่อต่อกรรมทั้งดีทั้งไม่ดี หรือ อโหสิกรรมให้กันและกันแล้วต่างวางอุเบกขาชาตินี้กรรมก็หมดกันค่ะ

พอจะเข้าใจมั้ยคะ ทุกอย่างเกิดจากรรมทั้งสิ้นอย่างที่บอก อดีตเป็นเหตุแห่งปัจจุบันแต่ปัจจุบันมันมีทางที่จะตัดเหตุแห่งอนาคต ตัดโดยการยอมรับผลของมันโดยดุษฎีแล้วไม่ก่อกรรมเกี่นวเนื่องอีก นี่แหละค่ะวิถีทางแห่งโลกุตระ อย่างไรก็ตามอนาคตเองก็ถูกกำหนดไว้แล้วเช่นกัน เพราะเราอยู่ในกงจักรแห่งสัจธรรมกันทั้งนั้นค่ะ สติในปัจจุบันจึงควรถูกใช้ให้มากๆเพื่อตัดกรรมค่ะ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 5 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 180 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร