วันเวลาปัจจุบัน 05 ส.ค. 2025, 18:44  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 13 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ก.พ. 2010, 17:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 พ.ย. 2009, 16:20
โพสต์: 537

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เป็นพระอรหันต์แล้วจะยังหลงคิดว่าความดีของตนเสื่อมได้หรือไม่
ลองดูกรณีนี้กันว่า จะมีพระอรหันต์องใหนคิดแบบนั้นหรือ และความดีของท่านจะเสื่อมไปจริงหรือเปล่า

พระอัสสชิ เป็นพระอรหันต์รุ่นแรก เมื่อเวลาที่ทุกขเวทนาเข้ามาครอบงำจัดท่านก็ร้องอ๋อยๆๆ ทนไม่ไหวแล้วบอก เธอทั้งหลายทูลองค์สมเด็จพระจอมไตรให้มาโปรดพระอัสสชิด้วยเถิด

“ภันเต ภควา ข้าแต่องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าผู้เจริญพระพุทธเจ้าข้า ความดีของข้าพระพุทธเจ้าที่ได้มาแล้วคงจะสลายตัวไปเสียแล้ว บุญกุศลใดที่ได้เจริญมา คงช่วยให้ข้าพระพุทธเจ้าล่วงจากความเจ็บปวดนี้ไปไม่ได้แล้ว ”

องค์สมเด็จพระจอมไตรจึงได้มีพระพุทธฎีกาตรัสถามพระอัสสชิ ว่า

“อัสสชิ เธอเห็นว่ารูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ที่เราเรียกว่าร่างกาย นี่มันเป็นเธอหรือ”

พระอัสสชิก็ตอบว่า

“ไม่ใช่ พระพุทธเจ้าข้า”

“หรือว่าเธอเป็นร่างกาย?”

“ไม่ใช่ พระพุทธเจ้าข้า”

“เธอมีในร่างกาย ร่างกายมีในเธอหรือ?”

พระอัสสชิก็ตอบ “ไม่ใช่พระพุทธเจ้าข้า”

ในเมื่อพระอัสสชิตอบอย่างนั้น องค์สมเด็จพระทรงธรรม์ก็ทรงตรัสว่า

"ถ้าอย่างนั้นความดีของเธอยังไม่เสื่อม”

หมดวาระของขันธ์๕ ที่จะทรงตัวได้ ปรากฏว่าพระอัสสชิก็นิพพาน แทนที่จะไปเวียนว่ายตายเกิดในวัฏสงสาร ท่านก็ไม่เป็นอย่างนั้น

นี้แสดงให้เห็นถึงความไม่เที่ยงของขันธ์๕
และตราบใดที่ขันธ์ยังไม่ดับ แม้แต่ขันธ์ของพระอรหันต์ก็ยังไม่เที่ยงเช่นกัน


แก้ไขล่าสุดโดย พงพัน เมื่อ 15 ก.พ. 2010, 18:11, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ก.พ. 2010, 17:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 15 ก.พ. 2010, 17:11
โพสต์: 1

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อยากรู้ต้องลงมือปฎิบัติครับ จะได้ไม่โง่ :b53:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ก.พ. 2010, 18:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3832

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


เอ แปลกๆนะ

เราว่า ตามทฤษฏีนะ
พระอรหันต์นี่ จิตของท่านไม่เนื่อง ไม่ข้อง ไม่คลุก ไม่ย้อม ด้วยบุญหรือบาป
เรียกว่า เหนือบุญเหนือบาป เป็นอิสระจากบุญและบาป
บุญบาปเป้นสังขารธรรม เป็นสังขตธรรม
ถ้าเป้นพระอรหันต์ ย่อมต้องมีสังขารปรุเปกขาญาน
ย่อมทราบแจ้งถึงกำเนิดของบุญและบาปว่าเป็นสังขารธรรม
ดังนั้น ถ้าถึงความเป็นพระอรหันต์แล้ว ไม่น่าจะสงสัยในบุญบาปอีก

ผมไม่แน่ใจนะ แต่น่าจะลองลำดับพระอัสชิดูว่า ตอนที่ท่านทูลถามนี่
พระคัมภีรย์ว่าท่านเป็นพระอรหันต์หรือยัง
ผมคิดว่า น่าจะยังไม่ถึง

ส่วนที่พระพุทธเจ้าโปรดพระอัสชิที่ว่า รูปไม่รวมกับนาม นามไม่รวมกับรูป
ไม่มีรูปในนาม ไม่มีนามในรูป นั้น
น่าจะเป็นแสดงสมรรถนะของพระโสดาบันให้พระอัสชิฟัง

ทั้งหมดนี้ ผมไม่ได้อ่านละเอียดนะ แต่ตั้งข้อสังเกตุไว้อย่างนี้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ก.พ. 2010, 18:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ธ.ค. 2009, 22:46
โพสต์: 167

แนวปฏิบัติ: buddhism
อายุ: 0
ที่อยู่: nontaburi

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:

ผู้ที่ตั้งกระทู้ กรุณาอ้างที่มาในพระไตรปิฏกนิดนึงครับ จะขอบพระคุณมาก

จะได้นำมาให้พวกเราดูเป็นธรรมทาน
..














.


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ก.พ. 2010, 19:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 พ.ย. 2009, 16:20
โพสต์: 537

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


(เอาแล้วไง จะโดนเสนอชื่อเข้าบัญชีดำมั้ยเรา)
จำไม่ได้ด้วยสิว่าอยู่ในพระไตรปิฏกเล่มที่เท่าไหร่ หมวดไหน วรรคใด
ขออ้างถึง คำสอนของพระราชพรหมยาน(หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) นะครับ
จากหนังสือ ตายแล้วไม่สูญ แล้วไปไหน


เรื่อง พระอัสสชิพระสาวกรุ่นแรกของพระพุทธเจ้า ก่อนที่จะนิพพานมีทุกขเวทนาอย่างหนัก

"..คืนวันที่ ๔ มกราคม ๒๕๓๒ เวลาประมาณ ๒๒.๐๐น. อากาศก็เริ่มร้อน อาตมามีอาการปวดท้องอย่างหนักมีอาการคล้ายเป็นบิด รู้สึกอุจจาระแข็งมาก เพราะไปซอยสายลมมาทุกคราวโรคที่มีอยู่ก็ทวีขึ้น ๓-๔ เท่า เนื่องจากต้องนั่งเครียดทั้งวันและมีการพูดตลอดเวลาที่รับแขก ต้องใช้ขันติอย่างหนัก ถ้าถามว่า "ใช้ได้อย่างไร" ก็ขอตอบว่า "ใช้ได้เท่าที่พึงจะใช้ได้ ถ้าเกินวิสัยจริงๆ ก็ลุกไม่ขึ้นเหมือนกัน" ดูอย่างท่าน พระอัสสชิ ซึ่งเป็นพระสาวกรุ่นแรกขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก่อนที่จะนิพพาน ท่านก็เป็นโรคกระเพาะอย่างหนัก ทั้งปวดทั้งเสียด อึดอัดทนไม่ไหว ท่านจึงคิดในใจว่าเวลานี้เราเสื่อมจากความดีแล้วหรือ จึงให้พระไปตามพระพุทธเจ้ามา เมื่อองค์สมเด็จพระจอมไตรเสด็จมาท่านจะลุกมาจากที่นอน พระพุทธเจ้าตรัสว่า "อัสสชิ นอนตามนั้นเถิด ตถาคตจะนั่งในที่ที่เขาจัดให้นั่งตามสมควร" ท่านก็กราบทูลพระองค์ว่า "เวลานี้ทุกขเวทนาหนักพระเจ้าข้า ข้าพระพุทธเจ้าทนไม่ไหว" พระพุทธเจ้าทรงมีพระพุทธฎีกาตรัสว่า "อัสสชิ เธอระงับกายสังขารไม่อยู่หรือ" หมายถึงใช้อานาปานุสติ กำหนดรู้ลมหายใจเข้าออก ถ้าจิตเป็นสมาธิตามสมควร ทุกขเวทนาจะคลายตัว ท่านก็กราบทูลว่า "ทนไม่ไหวพระเจ้าข้า ระงับไม่อยู่ ความดีที่ข้าพระพุทธเจ้าได้มาแล้ว คงจะสลายตัวไปแล้ว" พระพุทธเจ้าจึงตรัสถามว่า "อัสสชิ เธอถือว่าร่างกายเป็นของเธอหรือ" ท่านก็ตอบว่า "ไม่ใช่พระเจ้าข้า" พระองค์ถามว่า "หรือว่าเธอเห็นว่าเธอมีในร่างกาย" พระอัสสชิก็ตอบว่า "ไม่ใช่พระเจ้าข้า" ก็รวมความว่า ท่านอัสสชิยังถือว่าร่างกายไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา เราไม่มีในร่างกาย ร่างกายไม่มีในเรา เมื่อท่านตอบอย่างนี้แล้วพระพุทธเจ้าก็มีพระพุทธฎีกาตรัสว่า "อัสสชิ ความดีของเธอไม่เสื่อม ความดียังทรงตนอยู่" หลังจากนั้นเมื่อพระอัสสชิพบองค์สมเด็จพระบรมครูแล้วไม่นานก็นิพพาน

แสดงให้เห็นว่าขึ้นชื่อว่า ขันติ มันจะทนได้ก็แค่พอจะทนไหว ถ้าเกินกำลังเมื่อไร อาตมาก็เช่นเดียวกับพระอัสสชิ แต่ทว่าท่านเป็นพระอรหันต์ในสมัยตอนต้นพุทธกาล เป็นพระอรหันต์ที่มีกำลังยิ่งยวดมาก เพราะยังไม่มีใครเป็นตัวอย่างเป็นแบบฉบับของพระอรหันต์ ฉะนั้นการเป็นอรหันต์เวลานั้นต้องใช้กำลังใจสูงมาก มีความฉลาดมาก มีความอดทนมาก มีความเข้มแข็งมาก

ขอให้บรรดาท่านพุทธบริษัท มีความเข้าใจในร่างกายเป็นสำคัญ วิปัสสนาญาณทุกข้อก็คือร่างกาย ให้พิจารณาร่างกายตามความเป็นจริงว่า ร่างกายเป็นโทษ ร่างกายเป็นทุกข์ ร่างกายน่าเบื่อหน่าย ร่างกายนี้เราควรจะวางเฉย เพราะว่าขืนเอาจิตใจติดตามร่างกายคิดว่า ร่างกายจะไม่แก่มันก็ต้องแก่ คิดว่าร่างกายจะไม่ป่วยไข้ไม่สบายมันก็ต้องป่วย คิดว่าร่างกายจะไม่มีทุกขเวทนามันก็ต้องมีทุกข์ ถ้ากำลังใจเราฝืนเราก็มีทุกข์ กำลังใจเราไม่ฝืนก็ไม่มีทุกข์ ยอมรับมัน ถ้าความแก่เข้ามาถึงก็ยอมรับความแก่ เมื่อความป่วยเข้ามาถึงก็ยอมรับว่าธรรมดาของร่างกายมันจะป่วย ความตายจะเข้ามาถึงก็ยอมรับว่าเป็นธรรมดาของร่างกายมันต้องตาย และก็พยายามหนีร่างกายด้วยการคิดว่า ขึ้นชื่อว่าการเกิดอย่างนี้จะมีกับเราชาติเดียวเป็นชาติสุดท้าย ต่อไปการเกิดมีร่างกายที่ประกอบไปด้วยความทุกข์อย่างนี้เราจะไม่มีอีก


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ก.พ. 2010, 19:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 พ.ย. 2009, 16:20
โพสต์: 537

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ชาติสยาม เขียน:
เอ แปลกๆนะ

เราว่า ตามทฤษฏีนะ
พระอรหันต์นี่ จิตของท่านไม่เนื่อง ไม่ข้อง ไม่คลุก ไม่ย้อม ด้วยบุญหรือบาป
เรียกว่า เหนือบุญเหนือบาป เป็นอิสระจากบุญและบาป
บุญบาปเป้นสังขารธรรม เป็นสังขตธรรม
ถ้าเป้นพระอรหันต์ ย่อมต้องมีสังขารปรุเปกขาญาน
ย่อมทราบแจ้งถึงกำเนิดของบุญและบาปว่าเป็นสังขารธรรม
ดังนั้น ถ้าถึงความเป็นพระอรหันต์แล้ว ไม่น่าจะสงสัยในบุญบาปอีก

ผมไม่แน่ใจนะ แต่น่าจะลองลำดับพระอัสชิดูว่า ตอนที่ท่านทูลถามนี่
พระคัมภีรย์ว่าท่านเป็นพระอรหันต์หรือยัง
ผมคิดว่า น่าจะยังไม่ถึง

ส่วนที่พระพุทธเจ้าโปรดพระอัสชิที่ว่า รูปไม่รวมกับนาม นามไม่รวมกับรูป
ไม่มีรูปในนาม ไม่มีนามในรูป นั้น
น่าจะเป็นแสดงสมรรถนะของพระโสดาบันให้พระอัสชิฟัง

ทั้งหมดนี้ ผมไม่ได้อ่านละเอียดนะ แต่ตั้งข้อสังเกตุไว้อย่างนี้


ขอบคุณคุณชาติสยามมากครับที่ตั้งข้อให้สังเกตุกัน
ขออธิบายตามความรู้ที่มีนะครับ

พระอัสสชิเถระ ได้บรรพชาอุปสมบทด้วยวิธีเอหิภิกขุอุปสัมปทา
ต่อมาได้ฟังพระธรรมเทศนาชื่อว่า อานัตตลักขณสูตร จึงบรรลุเป็นพระอรหันต์ในตอนนั้นแล้วอ่ะครับ
ตอนที่ท่านเกิดทุกขเวทนาทางกายอย่างหนักเป็นช่วงที่ท่านใกล้ดับขันธ์แล้วครับ

ผมว่าที่พระพุทธองค์ตรัสถามย้ำว่าร่างกายมีในเรา เรามีในร่างกายหรือไม่
ร่างกายที่ว่าคงจะหมายถึงขันธ์๕ มิใช่แค่รูปกายเพียงอย่างเดียว

ขันธ์ของท่านเกิดทุกขเวทนาอย่างหนัก แปรปรวนไม่เที่ยงตามสภาวะของมัน
รวมถึงความคิด(สังขาร)ที่แปรปรวนตามไปด้วย จนคิดว่าความดีได้เสื่อมไปแล้ว
แต่อย่างไรซะความเป็นอรหันต์ของท่านไม่ได้เสื่อมและไม่มีวันเสื่อมได้
อย่างที่คุณชาติสยามบอกว่าจิตเหนือบุญเหนือบาปแล้วนั่นแหละครับ
แต่ขันธ์ของท่านยังคงอยู่ใต้กฎธรรมชาติ ใต้กฎไตรลักษณ์ ยังต้องรับบุญรับบาปอยู่
และสังขาร(ความคิดที่ท่านคิดว่าความดีของท่านเสื่อม)ไม่ใช่จิต จึงยังต้องใต้กฎบุญและบาป
ความสงสัยในบุญบาปก็ไม่ใช่จิตท่านสงสัยแต่เป็นอาการของสังขาร(ความคิดปรุงแต่ง)ที่สงสัย

พระพุทธองค์จึงทรงต้องตรัสถามย้ำให้ขันธ์ที่ไม่เที่ยงนั้นเห็นและยอมรับอีกที
พระอัสสชิเห็นตามที่พระองค์ถามย้ำ ขันธ์ของท่านจึงยอมรับว่าความดีของท่านไม่ได้หายไปไหนจริงๆ


แก้ไขล่าสุดโดย พงพัน เมื่อ 15 ก.พ. 2010, 19:53, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ก.พ. 2010, 20:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.พ. 2010, 13:35
โพสต์: 355

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


พระอรหันต์ยังมีขันธ์ 5 อยู่ ขันธ์ 5 ของท่านจึงแพ้มารได้ ไม่เพียงแต่ร่างกายเท่านั้น แม้แต่สมองของท่านก็แพ้มารได้

เช่น หลวงตามหาบัว ท่านเป็นอรหันต์แล้ว เรื่องแพ้กิเลสไม่มี แต่สมองของท่านกลับแพ้มาร โดนลูกศิษย์ของตัวเอง(สนธิ ลิ้มทองกุล) ยุยงและใช้เป็นเครื่องมือให้ด่าทักษิณ แล้วแบบถ่ายเทปไว้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ก.พ. 2010, 23:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2009, 08:46
โพสต์: 405

แนวปฏิบัติ: ดูจิต-อานา
ชื่อเล่น: ขวานผ่าซาก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สติวินโย :b55:

.....................................................
สุ จิ ปุ ลิ...(หัวใจนักปราชญ์)

ปัจจุบันธรรม

โยนิโส มนสิการ
สติ สัมปชัญญะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ก.พ. 2010, 23:36 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


พงพัน เขียน:
นี้แสดงให้เห็นถึงความไม่เที่ยงของขันธ์๕
และตราบใดที่ขันธ์ยังไม่ดับ แม้แต่ขันธ์ของพระอรหันต์ก็ยังไม่เที่ยงเช่นกัน


สิ่งบรรดามีในสามโลก..ล้วนตกอยู่ในอำนาจ..ของไตรลักษณ์..ทั้งนั้นละครับ

ขันธ์มันก็สมบัติของโลก..ดี ๆ นี้เอง..มันไม่ได้เป็นอรหันต์ไปตามนี้ครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ก.พ. 2010, 23:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 พ.ย. 2009, 16:20
โพสต์: 537

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
พงพัน เขียน:
นี้แสดงให้เห็นถึงความไม่เที่ยงของขันธ์๕
และตราบใดที่ขันธ์ยังไม่ดับ แม้แต่ขันธ์ของพระอรหันต์ก็ยังไม่เที่ยงเช่นกัน


สิ่งบรรดามีในสามโลก..ล้วนตกอยู่ในอำนาจ..ของไตรลักษณ์..ทั้งนั้นละครับ

ขันธ์มันก็สมบัติของโลก..ดี ๆ นี้เอง..


อนุโมทนาสาธุครับ :b8:

แม้แต่ไตรลักษณ์ ก็ยังเป็นไตรลักษณ์


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ก.พ. 2010, 23:58 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


..แม้แต่ไตรลักษณ์ ก็ยังเป็นไตรลักษณ์..

ใช่เลยครับ..ไตรลักษณ์..มีได้ก้อไม่มีได้..เกิดได้ก้อไม่เกิดได้

หากไตรลักษณ์ไม่เป็นไตรลักษณ์..ก็ไม่รู้จักนิพพานไปทำไม? :b12: :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ก.พ. 2010, 11:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7520

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


tongue
:b12:
อ้างคำพูด:
คนดีที่โลกลืม : เขียน
พระอรหันต์ยังมีขันธ์ 5 อยู่ ขันธ์ 5 ของท่านจึงแพ้มารได้ ไม่เพียงแต่ร่างกายเท่านั้น แม้แต่สมองของท่านก็แพ้มารได้

เช่น หลวงตามหาบัว ท่านเป็นอรหันต์แล้ว เรื่องแพ้กิเลสไม่มี แต่สมองของท่านกลับแพ้มาร โดนลูกศิษย์ของตัวเอง(สนธิ ลิ้มทองกุล) ยุยงและใช้เป็นเครื่องมือให้ด่าทักษิณ แล้วแบบถ่ายเทปไว้

:b8:
...คุณคนดีที่โลกลืมคิดผิดก็คิดใหม่ได้...ยังไม่มีอะไรสายเกินแก้ไขนะจ๊ะ...
...ข้าพเจ้า...ขอเป็นตัวแทนให้คุณคนดีที่โลกลืมขอขมากับองค์หลวงตามหาบัวนะ...
...คุณคนดีที่โลกลืมเคยทราบหรือไม่ว่าหลวงตาท่านไม่ให้คุณสนธิเดินทางกลับกทม...
...เพราะมีเหตุที่คนคิดลอบทำร้ายคุณสนธิ...จึงให้นอนที่วัดป่าบ้านตาดแล้วถ่ายทอดไปกทม...
:b20:
...องค์หลวงตาท่านมีญาณหยั่งทราบ...ไม่มีใครมาสั่งให้ท่านทำอะไรแบบไม่มีเหตุผลได้หรอกนะ...
...ข้าพเจ้าเคยได้ฟังหลวงตาท่านเทศน์สดๆมากับหู...ท่านติดตามข่าวสารบ้านเมืองและท่านเตือน...
...คุณทักษิณว่า...ให้เลิกความคิดที่จะเป็นประธาน..นาธิบดี...หลวงตาเตือนด้วยความเมตตาเพราะ...
...เห็นว่าเป็นศิษย์เคยมากราบหลวงตาและมาพักค้างคืนที่วัดป่าบ้านตาด...ถ้าไม่ล้มเลิกความคิดนี้...
...ต่อไปจะหมดเนื้อหมดตัว...และไม่มีแผ่นดินอยู่...ถ้าข้าพเจ้าจำไม่ผิดท่านเทศน์ไว้ปีพ.ศ.2549...
:b1:
...ถ้าไม่ทราบความจริง...ไม่ควรเขียนอะไรเกี่ยวกับพระอรหันต์แบบเลื่อนลอย...มันบาปกรรมนะจ๊ะ...
:b13:
:b48: :b48: :b48: :b48: :b48:


แก้ไขล่าสุดโดย Rosarin เมื่อ 16 ก.พ. 2010, 11:13, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ก.พ. 2010, 00:42 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


สาธุ..คุณรส..

ที่มีจิต..เมตตาคุณคนดีฯ

:b8: :b8:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 13 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร