ลานธรรมจักร
http://www.dhammajak.net/forums/

ทำอย่างไรจึงจะมีสุขในยุคปัจจุบัน
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=28643
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

เจ้าของ:  วรานนท์ [ 14 ม.ค. 2010, 23:03 ]
หัวข้อกระทู้:  ทำอย่างไรจึงจะมีสุขในยุคปัจจุบัน

:b8: :b8: :b8:

: พระมหานพดล ปุญญสุวัฑฒโก
: ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๔๗

เราคงยอมรับกันว่า ปัจจุบันนี้เป็นยุคเทคโนโลยีที่ทันสมัยทุกด้าน โดยเฉพาะการสื่อสารโทรคมนาคม สิ่งอำนวยความสะดวกมากมายเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นในมุมโลกเราก็รู้ได้ด้วยสื่อวิทยุโทรทัศน์ และปัจจุบันสื่อใหม่ล่าสุดที่ทำให้โลกเราดูจะแคบลงไปนั่นคือ อินเตอร์เนต ที่เปลี่ยนโลกของเราเข้าสู่ยุคไร้พรมแดนจริง ๆ

แต่เชื่อไหมว่า แม้โลกจะเจริญก้าวหน้าไปมากเพียงใด ปัญหาความทุกข์ยากก็ดูเหมือนจะพัฒนาเจริญตามเป็นเงาติดตามคุกคามชีวิตจิตใจมนุษย์เรามากขึ้น รุนแรงขึ้นไม่ว่าปัญหาโรคร้าย มหันตภัยเอดส์ ปัญหาอาชญากรรม ความเครียด ปัญหาความยากจน ปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาความขัดแย้งด้านการเมือง การศาสนา การฆ่าตัวตาย ไม่เว้นแต่ละวัน และล่าสุดที่กระทบต่อชะตากรรมของประเทศชาติอย่างมากที่สุดคือ ปัญหาการระบาดของยาบ้า ยาอี หรือยาเสพย์ติดทุกประเภททั้งที่สังคมมนุษย์มีความเจริญ ก้าวหน้าอยู่แล้ว ทำไมปัญหาจึงมากเหลือเกิน มากเสียจนคนยุคใหม่แทบจะหาความสงบสุขไม่ได้ ในปัจจุบันขาดความอิสระ ขาดความเป็นตัวของตัวเองเข้าไปทุกที นี่คือประเด็นปัญหาที่น่าพิจารณาในที่นี่ว่า ทำอย่างไรจึงจะมีสุข ในยุคปัจจุบัน

อันที่จริง ปัญหาที่กล่าวมาทั้งหมดเกิดมาจากจิตใจของเรานี้เอง สมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ทรงค้นคว้าจนพบแล้วชี้ให้เราดู เปิดเผยให้เราเห็น บอกให้เราฟังตลอดมาตั้ง 2547 ปีว่า โลกนี้ก็คือ ปัญหาหรือความทุกข์ที่เราต้องแก้ไขกันเรื่อยไป ตราบใดที่ยังไม่เข้าถึงกระแสแห่งพระนิพพาน ..ถึงตอนนี้แล้วเราจะหาความสุขไม่ได้เลยหรืออย่างไรข้อนี้พระพุทธองค์มีพุทธวิธีการสร้างสุขให้เราแล้ว และก็เป็นวิธีง่าย ๆ เชื่อว่าทุกท่านสามารถทำได้ไม่ยาก พุทธวิธีสร้างสุขดังกล่าวก็คือ

ประการแรก การให้ การเสียสละ เอื้อเฟื้อ เผื่อแผ่ แบ่งปัน ซึ่งเป็นคำที่เราคุ้นเคย และไม่ว่าจะเป็นสิ่งของปัจจัยสี่ หรือแม้แต่การให้ความรู้ ให้คำปรึกษาแนะนำ ให้กำลังใจ ให้น้ำใจ ให้เกียรติ ให้ความร่วมมือ เพื่อสร้างสรรค์แก่เพื่อนร่วมทุกข์ในวัฎสงสารนี้ แม้กระทั่งสัตว์เดรัจฉานอ่อนแอกว่าเรา พุทธวิธีข้อนี้ เรียกว่า "ทาน" คือ การให้นั้นเป็นการประสานมิตรภาพได้เป็นอย่างดี ผู้ให้ยอมเป็นที่รักของผู้รับ ไม่ว่าคนหรือสัตว์ ดังคำพระองค์ตรัสว่า "ทะทะมาโน ปิโย โหติ แปลว่า ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก" และพร้อมกันนี้ก็มี
คำโคลงโลกนิติสอนไว้น่าฟังว่า..

" ให้ท่านท่านจักให้ ตอบสนอง
ไหว้ท่านท่านจักปอง นอบไหว้
รักท่านท่านจักครอง ความรัก เรานา
สามสิ่งนี้เว้นไว้ แต่ผู้ทุรชน "

ประการที่สอง การรู้จักสำรวมระมัดระวังควบคุมกิริยาอาการที่ทำ คำที่พูดให้เป็นไปในทางที่สร้างสรรค์ประโยชน์ ไม่เป็นการเบียดเบียนตัวเองและคนรอบข้าง ไม่กระทบกระเทือนความสงบสุขของครอบครัว ชุมชน สังคม ประเทศชาติ และประชาคมโลก ทั้งหมดนี้ เรียกว่า "ศีล" ทางกายได้แก่การหลีกเลี่ยง ลด ละ เลิก พฤติกรรมที่ทำความเดือดร้อนทั้งหลายไม่เบียดเบียนทำร้ายร่างกายทั้งตัวเอง และคนอื่นด้วยจิตใจโหดเหี้ยม ด้วยความโกรธแค้นอาฆาตพยาบาทที่เรียกว่า ปาณาติปาตา เวระมะณี ไม่หยิบฉวย ลักขโมย จี้ปล้น หลอกลวง ฉ้อฉล ด้วยกลโกงเอาสิ่งของผู้อื่น มาเป็นของตัวเอง เรียกว่า อะทินนาทานา เวระมะณี และไม่ล่วงละเมิด บุตร ธิดา ภริยา สามีของคนอื่น ในทางเพศ เชิงชู้สาว ชายหนุ่ม อันผิดศีลธรรมจรรยา และกฎหมายก่อให้เกิดความร้าวฉานในครอบครัวตระกูลของเราเอง และคนอื่น ที่เรียกว่า กาเมสุ มิจฉาจารา เวระมะณี ทั้ง 3 ประการนี้เรียกว่า "กายสุจริต" ในส่วนคำพูดนั้น พยายามหลีกเลี่ยง ลด ละ เลิก การพูดคำเท็จ คำหยาบ คอส่อเสียด ยุแหย่ให้คนเขาทะเลาะเข้าใจผิดต่อกัน ไม่พูดเรื่องไร้สาระเรื่อยเปื่อยเพ้อเจ้อเกินจริง รวม 4 ประการนี้ เรียกว่า "วจีสุจริต" นอกจากนี้ การมีสติควบคุมตัวเองให้งดเว้น ละเลิกจากเสพ การส่งเสริม สนับสนุนค้าขายสิ่งเสพย์ติดมึนเมาที่ทำลายสุขภาพสติปัญญา เสียทรัพย์สิน เกียรติและศักดิ์ศรี วงศ์ตระกูลที่รู้จักกันว่า สุราเมระยะมัชชะปะมาทัฏฐานาเวระมะณี ใครมีศีลถือว่ามีเครื่องประดับที่งดงาม สง่าอาจหาญในทุกสถานที่ ทุกเวลาทุกสมาคม ดังพระบาลีว่า "สีลัง อาภะระณัง เสฎฐัง ศีลเป็นเครื่องประดับที่ยอดเยี่ยม" นอกจากนี้ศีลยังเป็นเครื่องหอมประดับชีวิตเกียรติศักดิ์วงศ์ตระกูลหอมติดแน่นทนทานตลอดเวลา ยิ่งกว่าของหอมใดๆ ในโลก ดังมีคำโคลงโลกนิติให้ข้อคิดไว้ว่า…
"หอมกลิ่นดอกไม้ที่ นับถือ
หอมแต่ตามลมฤา กลับย้อน
หอมแห่งกลิ่นกล่าวคือ ศีลสัตย์ นี้นา
หอมสุดหอมสะท้อน ทั่วใกล้ไกลถึง"

:b8: :b8: :b8:

เจ้าของ:  กบนอกกะลา [ 14 ม.ค. 2010, 23:11 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ทำอย่างไรจึงจะมีสุขในยุคปัจจุบัน

เห็นโลก...ตามความเป็นจริง

เห็นจริง..ก็สุขแล้ว..ครับ

:b12: :b12: :b12:

เจ้าของ:  มหาราชันย์ [ 15 ม.ค. 2010, 17:46 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ทำอย่างไรจึงจะมีสุขในยุคปัจจุบัน

บัณฑิตทั้งหลายย่อมเสวยสุขอันเกิดจากการกระทำกรรมดี
บัณฑิตทั้งหลายย่อมสรรเสริญสุขอันเกิดจากการกระทำกรรมดี
บัณฑิตทั้งหลายย่อมเสวยสุขอันเกิดจากการกระทำกรรมดีด้วยกายสุจริต
บัณฑิตทั้งหลายย่อมเสวยสุขอันเกิดจากการกระทำกรรมดีวจีสุจริต
บัณฑิตทั้งหลายย่อมเสวยสุขอันเกิดจากการกระทำกรรมดีมโนสุจริต


บัณฑิตทั้งหลายย่อมสรรเสริญสุขอันเกิดจากการกระทำกรรมดีด้วยกายสุจริต
บัณฑิตทั้งหลายย่อมสรรเสริญสุขอันเกิดจากการกระทำกรรมดีด้วยวจีสุจริต
บัณฑิตทั้งหลายย่อมสรรเสริญสุขอันเกิดจากการกระทำกรรมดีด้วยมโนสุจริต


ความสุขอันเกิดจากการกระทำความดีด้วย...
.....กายสุจริต
.....วจีสุจริต
.....และมโนสุจริต ย่อมเสวยสุขได้ในทุกยุคทุกสมัย




เจริญในธรรมครับ

เจ้าของ:  วรานนท์ [ 15 ม.ค. 2010, 19:47 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ทำอย่างไรจึงจะมีสุขในยุคปัจจุบัน

:b8: :b8: :b8:

อนุโมทนาสาธุกับท่านมหาราชันย์ครับ


:b8: :b8: :b8:

เจ้าของ:  เจ้านาง [ 16 ม.ค. 2010, 00:49 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ทำอย่างไรจึงจะมีสุขในยุคปัจจุบัน

:b8: อนุโมทนาสาธุค่ะคุณวรานนท์ :b8:

:b41: :b41: :b41: :b41: :b41:

เจ้าของ:  มหาราชันย์ [ 16 ม.ค. 2010, 22:41 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ทำอย่างไรจึงจะมีสุขในยุคปัจจุบัน

ผู้ใดรู้ระลึกชาติก่อนๆ ได้
เห็นสวรรค์และอบาย
บรรลุถึงความสิ้นชาติ
ผู้นั้นชื่อว่าเป็นมุนีผู้รู้ยิ่งถึงที่สุด
มุนีนั้นย่อมรู้จิตอันบริสุทธิ์
อันพ้นแล้วจากราคะทั้งหลายโดยประการทั้งปวง
เป็นผู้ละชาติและมรณะได้แล้ว
ชื่อว่ามีคุณครบถ้วนแห่งพรหมจรรย์
ชื่อว่าถึงฝั่งแห่งธรรมทั้งปวง
บัณฑิตกล่าวบุคคลผู้เช่นนั้นว่าเป็น พุทธะ.



เจริญในธรรมครับ

เจ้าของ:  Slot-C [ 17 ม.ค. 2010, 14:32 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ทำอย่างไรจึงจะมีสุขในยุคปัจจุบัน

ไม่ยึดติดกับสิ่งที่เกิด สิ่งที่มี สิ่งที่เป็น

สุขทุข์จะเกิดมันก็วนสลับกันไป ไม่สามารถอยู่กับเราได้ถาวร :b50:

หน้า 1 จากทั้งหมด 1 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/