วันเวลาปัจจุบัน 26 เม.ย. 2024, 17:59  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 9 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ธ.ค. 2009, 22:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2009, 00:02
โพสต์: 111

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b43: เคยอ่านในเว็บ และเคยฟังจากพระอาจารย์บางท่านว่า ฌาน 4 เป็นสัมมาสมาธิ เป็นฌานที่ดีในพระพุทธศาสนา แต่ก็เคยอ่านมาเหมือนกันว่าบางคนที่ได้ ฌาน 4 เมื่อตายไปเกิดเป็นพรหมลูกฟัก
เพราะเหตุอันใด ถ้าไม่อยากเป็นพรหมลูกฟักควรทำอย่างไร เรียนถามผู้รู้ช่วยตอบที
:b10: :b10:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ธ.ค. 2009, 07:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 พ.ย. 2009, 07:32
โพสต์: 95

แนวปฏิบัติ: หลักวิถีธรรมชาติ - อานาปานสติ,บริกรรมภาวนา
ชื่อเล่น: นุ
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กษมมาตา เขียน:
:b43: เคยอ่านในเว็บ และเคยฟังจากพระอาจารย์บางท่านว่า ฌาน 4 เป็นสัมมาสมาธิ เป็นฌานที่ดีในพระพุทธศาสนา แต่ก็เคยอ่านมาเหมือนกันว่าบางคนที่ได้ ฌาน 4 เมื่อตายไปเกิดเป็นพรหมลูกฟัก
เพราะเหตุอันใด ถ้าไม่อยากเป็นพรหมลูกฟักควรทำอย่างไร เรียนถามผู้รู้ช่วยตอบที
:b10: :b10:


ขออธิบายนิดนึงครับ โดยทั่วไปแล้ว สมาธิตั้งแต่ระดับ ฌาณที่๑ ถึง ฌาณที่๔ นั้น เป็นสมาธิสาธารณะ
เป็นสมาธิของทุกลัทธิทุกศาสนาที่มีการทำสมาธิ หลังจากทำสมาธิถึงขั้นฌาณที่๔ หรือ อัปปนาสมาธิ
ก็จะเป็นทางแยกไปตามลัทธิหรือศาสนานั้นๆ
เช่น ศาสนาพราหมณ์ ก็จะไปสายสมาบัติ๘ (ถ้าผมฟังมาไม่ผิดนะ) นั้นก็คือ จุดสูงสุดของเค้าคือ บรรลุสมาบัติ๘ (ซึ่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านได้บรรลุขั้นนั้นมาแล้ว แต่พระองค์ก็ทรงทราบว่า ยังไม่ใช่หนทางที่ถูกต้อง)
,ศานสนาพุทธเราก็สูงกว่านั้น ก็คือมุ่ง เพื่อ ขจัดซึ่งกิเลส เพื่อ หนทางแห่การบรรลุ มรรค ผล นิพพาน ,ส่วนศาสนาอื่นๆ ก็แยกกันไปตามกลักคำสอนของศาสนานั้นๆ

ถ้าไม่อยากเกิดเป็นพรหม ก็มุ่งมาเจริญวิปัสสนา(ตามหลักคำสอนของพระพุทธศาสนาของเรา) ครับ โดยพื้นฐานแล้ว ก็ปฎิบัติตามหลักของ ศีล สมาธิ ปัญญา ครับ เพราะว่า ศีลอบรมสมาธิ
สมาธิอบรมปัญญา ปัญญาอบรมจิต

ขอเจริญในธรรม

.....................................................
จงทำศีลให้เป็น อธิศีล
ทำจิตให้เเป็น อธิจิต
ทำปัญญาให้เป็น อธิปัญญา


พื้นฐานคุณธรรมความเป็นมนุษย์คือ ศีล๕ กุศลกรรมบถ๑๐ หิริโอตัปปะ และความกตัญญู กตเวทิตา

จุดสูงสุดของการรู้ธรรม เห็นธรรม ก็คือ
...สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา ...สิ่งนั้นมีความดับไปเป็นธรรมดา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ธ.ค. 2009, 09:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 เม.ย. 2008, 13:18
โพสต์: 1367

ที่อยู่: bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


ที่เป็นพรหมลูกฟักเพราะไม่เห็น "อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา"

ไม่อยากเป็นเช่นนั้นก็ต้องแจ้งในพระไตรลักษณ์นี่แหละ :b13: :b13:

.....................................................
ตั้งสติไว้ มองความจริงตามความเป็นจริง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ธ.ค. 2009, 20:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ก.พ. 2009, 20:42
โพสต์: 699


 ข้อมูลส่วนตัว


กษมมาตา เขียน:
ถ้าไม่อยากเป็นพรหมลูกฟักควรทำอย่างไร


ได้ฌาณ 4 แล้ว? :b6: :b6: :b6:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ธ.ค. 2009, 13:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 พ.ย. 2009, 17:20
โพสต์: 532

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


มี2ประเด่น คือติดในญาณอยู่ ไม่อยากเจริญญาณกลัวติดญาณ เพราะตอนนี้คุณรู้ละว่าโทษของมันถ้าทรงญาณต่อไปจะเป็นอย่างไร ถ้าฝึกแล้วไปติดมัน จริงๆแล้วโดยรหัสนัยความพ้นทุกข์ คือไม่สิ่งไหนยึดในสิ่งใดได้จริง หลุด พ้นตลอดอยู่แล้ว ธรรมะสั้นในเรื่องนี้ที่สั้นจะตะหนักและใช้ได้คือเตือนตัวเอง ไม่ใช่คอยทรงในรู้ในเห็น การคอยทรงอยู่นี้ละเป็นตัวคอยติด ตัวยึด แช่อาการ เรียกว่าเหตุละ และที่แนะนำได้ต่อไปคือหมั่นฟังธรรม ที่ตรงต่อสัจธรรมแบบตรง เพื่อเคลียร์อนุสัยเดิม หาฟังได้ในเว็บของวัดร่มโพธิธรรม ที่ จบโลก จบธรรม จบกรรม การปฏิบัติ เป็นขอรับ
หากผิดพลาดไม่แจ่มชัด ไม่ตรงต่อสัจธรรมอย่างไร ต้องขออภัย ขอโหสิกรรมต่อคุณเบื้องสูง ณ ที่ด้วย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ธ.ค. 2009, 17:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2009, 20:26
โพสต์: 1589

แนวปฏิบัติ: อรหัตตมัคค
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฎก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ความรู้เรื่องฌาน 4

ฌาน 4 มี 2 ประเภท

1.ฌาน 4 ที่เป็นเหตุ
2.ฌาน 4 ที่เป็นผล


1.ฌาน 4 ที่เป็นเหตุ

1.1.ฌาน 4 ที่เป็นรูปฌาน หรือรูปาวจรกุศล


1.2.ฌาน 4 ที่เป็นรูปฌาน หรือรูปาวจรกุศล ของผู้เบื่อหน่ายในจิตใจ ไม่ปราถรนาจะมีจิตใจ
ฌาน 4 อย่างนี้เป็นเหตุให้ไปเกิดเป็นพรหมลูกฟักครับ


1.3.ฌาน 4 ที่เป็น อรูปฌาน 4 หรือ อรูปาวจรกุศล

1.4.ฌาน 4 ที่เป็นโสดาปัตติมัคค

1.5.ฌาน 4 ที่เป็นสกทาคามีมัคค

1.6.ฌาน 4 ที่เป็นอนาคามีมัคค

1.7.ฌาน 4 ที่เป็นอรหัตตมัคค





2.ฌาน 4 ที่เป็นผล เป็นจิตฌาน 4 ที่มาทำหน้าที่จุติและปฏิสนธิได้ครับ

2.1.ฌาน 4 ที่เป็นรูปาวจรกุศลวิบาก จุติจากมนุษย์แล้ว ไปปฏิสนธิในพรหมโลกชั้นเวหัปผลา มีอายุขัย 500 กัปล์ เจริญสมณะธรรมต่อแล้วบรรลุมัคคผลได้


2.2.ฌาน 4 ที่เป็นรูปาวจรกุศลวิบากของผู้เบื่อหน่ายในจิตใจ ไม่ปราถรนาจะมีจิตใจ จุติจากมนุษย์แล้ว ไปปฏิสนธิในพรหมโลกชั้นอสัญญีสัตตา มีอายุขัย 500 กัปล์ ปุญญาภิสังขารบันดาลให้มีแต่รูปขันธ์ ไม่มีใจครอง มีอายุขัยครบ 500 กัปล์ มีจิตใจเกิดขึ้นเมื่อใดก็จุติมาสู่โลกมนุษย์นี้อีกครั้ง

2.3.ฌาน 4 ที่เป็น อรูปฌาน 4 หรือ อรูปาวจรกุศลวิบาก 4 ได้แก่
--อากาสานัญจายตนะฌานวิบาก จุติจากมนุษย์แล้ว ไปปฏิสนธิในอรูปพรหม ชั้น อากาสานัญจายตนะ มีอายุขัย 20,000 กัปล์
--วิญญานัญจายตนะฌานวิบาก จุติจากมนุษย์แล้ว ไปปฏิสนธิในอรูปพรหม ชั้น วิญญานัญจายตนะ มีอายุขัย 40,000 กัปล์
--อากิญจัญญายตนะฌานวิบาก จุติจากมนุษย์แล้ว ไปปฏิสนธิในอรูปพรหม ชั้น อากิญจัญญายตนะ มีอายุขัย 60,000 กัปล์
--เนวสัญญานาสัญญายตนะฌานวิบาก จุติจากมนุษย์แล้ว ไปปฏิสนธิในอรูปพรหม ชั้น เนวสัญญานาสัญญายตนะ มีอายุขัย 84,000 กัปล์

2.4.ฌาน 4 ที่เป็นโสดาปัตติผล จุติจากมนุษย์แล้ว ไปปฏิสนธิในพรหมโลกชั้นเวหัปผลา เจริญสมณะธรรมต่อจนบรรลุอรหัตตผลได้

2.5.ฌาน 4 ที่เป็นสกทาคามีผล จุติจากมนุษย์แล้ว ไปปฏิสนธิในพรหมโลกชั้นเวหัปผลา เจริญสมณะธรรมต่อจนบรรลุอรหัตตผลได้


2.6.ฌาน 4 ที่เป็นอนาคามีผล จุติจากมนุษย์แล้ว ไปปฏิสนธิในพรหมโลกชั้นสุทธาวาส ไม่หวลกลับมาปฏิสนธิสู่โลกมนษย์นี้อีกเจริญสมณะธรรมต่อจนบรรลุอรหัตตผลได้

2.7.ฌาน 4 ที่เป็นอรหัตตผล จุติจากมนุษย์อย่างเดียว ไม่ปฏิสนธิอีกแล้ว เรียกว่าดับขันธ์ปรินิพพานครับ


เจริญในธรรมครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ธ.ค. 2009, 18:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ก.ค. 2008, 23:37
โพสต์: 449

ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


พรหม ลูกฟัก เป้นพรหมชั้นเดียว ทีผู้ปฏิบัติธรรมในพุทธศาสนาจะไม่ไปเกิด แต่พรมหมลูกฟัก ก็ใช่ว่าจะไม่ดี เหมือนกับเราหลับไป นานแสนนาน ระหว่างนั้น ก็ไม่มีทุกข์ร้อนใด ๆ

.....................................................
สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ม.ค. 2010, 20:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2009, 00:02
โพสต์: 111

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b42: ขอบคุณทุกท่าน ที่เมตตา :b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ม.ค. 2010, 10:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ธ.ค. 2009, 22:46
โพสต์: 167

แนวปฏิบัติ: buddhism
อายุ: 0
ที่อยู่: nontaburi

 ข้อมูลส่วนตัว


smiley

ทำไมถึงเรียก พรหมลูกฟัก

อสัญญสัตตพรหม พรหมที่ไม่มีนามขันธ์ ๔ มีสัญญา เป็นต้น แต่ชื่อว่าเป็นสัตว์มีชีวิต เรียกพรหมลูกฟัก
หมายถึง พรหมที่ไม่มี เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ มีแต่เพียง รูปขันธ์ เท่านั้น


ในรูปพรหม ๑๖ ชั้น ท่านที่เจริญจตุตถฌาน (ตามสุตตันตนัย) หรือ ปัญจมฌาน(ตามอภิธรรมนัย) ฌานไม่เสื่อม จุติในภพใหม่ ด้วยอำนาจแห่งฌาน จะไปบังเกิดในภูมที่ชื่อเวหัปผลาพรหม

บรรดาท่านเหล่านั้น บางท่าน สำเร็จจตุถฌาน (ตามสุตตันตนัย) หรือ ปัญจมฌาน(ตามอภิธรรมนัย) โดยการเจริญ สัญญาวิราคภาวนา (การภาวนาเกิดเพราะความเบื่อหน่ายในนามขันธ์ ๔ เป็นต้น) จะบังเกิดในพรหมชั้นเวหัปผลาพวกหนึ่ง ที่เรียก ว่าอสัญญสัตตพรหม ไม่มีนาม มีแต่รูปขันธ์ เท่านั้น

ยังมีชีวิตอยู่ มีแต่เพียงรูปขันธ์ รูปร่างเป็นพรหม อวัยวะครบ แต่ไม่มี วิญญาณ ๖( จักษุ ฯลฯ มโนวิญญาณ) เวทนา สัญญา สังขาร (เจตสิก) มีชีวิตอยู่คล้ายดั่งลูกฟัก


:b8: :b8: :b8:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 9 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 136 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร