ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
ปฏิบัติธรรมเพื่ออะไร http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=27780 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 2 |
เจ้าของ: | พงพัน [ 17 ธ.ค. 2009, 17:16 ] |
หัวข้อกระทู้: | ปฏิบัติธรรมเพื่ออะไร |
การปฏิบัติธรรม อย่างแรกที่ต้องรู้คือเป้าหมายสูงสุดในการปฏิบัติ ธรรมทุกอย่าง การปฏิบัติทุกอย่างควรจะต้องมีเป้าหมาย โดยดำเนินไปในทางสายกลาง ในทางที่จะไปสู่เป้าหมายนั้น (ถ้าใครไม่ทราบว่าอะไรคือทางสายกลางของตน ก็ให้ปฏิบัติตาม มรรคมีองค์ 8) เป้าหมายที่สูงสุดคืออะไร เราปฏิบัติตามหลักธรรมคำสอนขององค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้าเพื่ออะไร ท่านตรัสรู้อะไร และมุ่งหวังให้เหล่ามนุษย์เห็นในจุดใด ไปถึงในจุดใด นั่นก็คือการแจ้งในหลักอริยสัจ 4 เพื่อความพ้นทุกข์ ไม่กลับมาเกิดอีก บางคนปฏิบัติจะเอาแต่บุญแต่กุศล ความดีงามต่างๆ แต่ไม่เคยคิดปฏิบัติเพื่อความพ้นทุกข์ที่แท้จริง โดยหารู้ไม่ว่า บุญกุศลหรือความสุขนั้นก็เป็นตัวทุกข์ตัวหนึ่งเหมือนกัน แล้วสมควรแล้วหรือที่เราจะปฏิบัติธรรมเพียงเพื่อเอาแต่ความสุข ความดีงาม ความเป็นกุศลในชีวิต ถ้ามองที่จุดหมายการปฏิบัติที่แท้จริงแล้ว บุญ กุศล ความดีงามต่างๆเป็นสิ่งที่สำคัญ ควรมีไว้ แต่มีไว้เพื่อเป็นเพียงเครื่องมือเพื่อไปสู่พระนิพพานเท่านั้น ไม่ใช่สิ่งที่มีไว้เพื่อยึดมั่นถือมั่นแต่อย่างใด ปัจจุบันพุทธศาสนิกชนทั้งหลายแทบจะลืมหรือไม่เล็งเห็นถึงเป้าหมายสูงสุดนี้ เพราะคิดว่าการพ้นทุกข์ไม่ต้องกลับมาเวียนว่ายตายเกิดหรือการไปพระนิพพานนั้น ยากเกินกำลังของสามัญชนคนธรรมดาอย่างเรา ผู้ที่ทำได้น่าจะเป็นผู้ที่ปฏิบัติมานานๆหลายสิบปีหรือเป็นพระเท่านั้น ในสมัยพุทธกาล เมื่อพระพุทธเจ้าท่านแสดงธรรม มีอุบาสก อุบาสิกกา ภิกษุ ภิกษุณี ได้ดวงตาเห็นธรรม พ้นจากการกลับมาเวียนว่ายตายเกิดกันมากมาย โดยไม่ต้องมีสมาธิถึงขั้นฌานด้วยซ้ำ "เค้าเหล่านั้นทำได้อย่างไร เค้าเข้าไปเห็นความจริงอะไรกัน หรือพระพุทธเจ้าท่านปล่อยแสงใส่บุคคลเหล่านั้นขณะท่านทรงเทศนาหรือเปล่า" เปล่าเลย...... พระองค์ทรงเทศน์ ด้วยกริยาที่เรียบง่าย เทศน์หลักธรรมความเป็นจริง เน้นเรื่องหลักอริยสัจ 4 เพื่อให้เหล่าบุคคลที่ฟังพระธรรมเทศนานั้น เข้าไปเห็นตามความจริงของธรรม เกิดปัญญาละความยึดมั่นถือมั่นได้ในที่สุด สิ่งที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ผมไม่ได้นึกคิดขึ้นมาเองแต่อย่างใด ล้วนแล้วแต่มีครูบาอาจารย์ นักปฏิบัติ ยืนยันทั้งสิ้น และอ้างจากความเป็นจริงที่ผู้ปฏิบัติย่อมรู้ได้เห็นได้จริงอย่างแน่นอน นักปฏิบัติทั้งหลาย ไม่ควรประมาทหลงยึดกันอยู่กับสิ่งที่ไม่น่ายึดมั่นถือมั่น คือทุกสิ่งทุกอย่างที่เราเกิดมาแล้ว รู้ได้ เห็นได้ สัมผัสได้ทั้งหมด ท่านทั้งหลายไม่ควรประมาทในความรู้ความสามารถของตน เราเวียนว่ายตายเกิดกันมา กี่กัปกี่กัลป์แล้วจนไม่มีทางนับถ้วน ไม่ใช่ง่ายๆที่จะเกิดมาเป็นมนุษย์ ไม่ใช่ง่ายๆที่จะเกิดมาพบพระพุทธศาสนา และก็ไม่ใช่ง่ายๆอีกที่เกิดมาพบพระพุทธศาสนาแล้วได้ปฏิบัติธรรมในแนวทางที่ถูกต้อง เร่งเอาเถิด เพียรเอาเถิด ท่านอาจบรรลุเป้าหมายสูงสุดของพระพุทธศาสนา ในชาตินี้หรือไม่นานนี้ก็ได้ |
เจ้าของ: | กบนอกกะลา [ 17 ธ.ค. 2009, 23:53 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ปฏิบัติธรรมเพื่ออะไร |
พงพัน เขียน: เป้าหมายที่สูงสุดคืออะไร .... บางคนปฏิบัติจะเอาแต่บุญแต่กุศล ความดีงามต่างๆ แต่ไม่เคยคิดปฏิบัติเพื่อความพ้นทุกข์ที่แท้จริง โดยหารู้ไม่ว่า บุญกุศลหรือความสุขนั้นก็เป็นตัวทุกข์ตัวหนึ่งเหมือนกัน แล้วสมควรแล้วหรือที่เราจะปฏิบัติธรรมเพียงเพื่อเอาแต่ความสุข ความดีงาม ความเป็นกุศลในชีวิต กว่าคุณพงพันจะคิดได้อย่างนี้..ไม่ใช่เพราะบุญ..กุศลของคุณเองที่เคยทำมาดอกหรือ.. ทุกอย่างเกิดแต่เหตุแต่ปัจจัย..ทั้งนั้นแหละครับ อ้างคำพูด: ถ้ามองที่จุดหมายการปฏิบัติที่แท้จริงแล้ว บุญ กุศล ความดีงามต่างๆเป็นสิ่งที่สำคัญ ควรมีไว้ แต่มีไว้เพื่อเป็นเพียงเครื่องมือเพื่อไปสู่พระนิพพานเท่านั้น ไม่ใช่สิ่งที่มีไว้เพื่อยึดมั่นถือมั่นแต่อย่างใด สาธุ ![]() หากกำลังแขนขายังไม่แข็งแรงพอ..ก็เป็นธรรมดาเขาเหล่านั้นจะต้องอาศัยที่ยึดเกาะพยุงตัวเอาใว้..ครับ ชนเหล่าปทปรมะ..แม้ในกาลปัจจุบัน..จะมืดสนิท..แต่ไม่ได้ไม่มีโอกาศในกาลข้างหน้านะครับ.. อ้างคำพูด: ปัจจุบันพุทธศาสนิกชนทั้งหลายแทบจะลืมหรือไม่เล็งเห็นถึงเป้าหมายสูงสุดนี้ เพราะคิดว่าการพ้นทุกข์ไม่ต้องกลับมาเวียนว่ายตายเกิดหรือการไปพระนิพพานนั้น ยากเกินกำลังของสามัญชนคนธรรมดาอย่างเรา ผู้ที่ทำได้น่าจะเป็นผู้ที่ปฏิบัติมานานๆหลายสิบปีหรือเป็นพระเท่านั้น ไม่ใช่แค่ สิบ ๆ ปีหรอก ครับ.. คุณพงพันคิดว่าตัวเองเกิดมากี่ชาติแล้วครับ.. ไม่รู้หรอก..จริงมัย.. อ้างคำพูด: เราเวียนว่ายตายเกิดกันมา กี่กัปกี่กัลป์แล้วจนไม่มีทางนับถ้วน ไม่ใช่ง่ายๆที่จะเกิดมาเป็นมนุษย์ ไม่ใช่ง่ายๆที่จะเกิดมาพบพระพุทธศาสนา และก็ไม่ใช่ง่ายๆอีกที่เกิดมาพบพระพุทธศาสนาแล้วได้ปฏิบัติธรรมในแนวทางที่ถูกต้อง เร่งเอาเถิด เพียรเอาเถิด ท่านอาจบรรลุเป้าหมายสูงสุดของพระพุทธศาสนา ในชาตินี้หรือไม่นานนี้ก็ได้ สาธุ.. ![]() อ้างคำพูด: นักปฏิบัติทั้งหลาย ไม่ควรประมาทหลงยึดกันอยู่กับสิ่งที่ไม่น่ายึดมั่นถือมั่น คือทุกสิ่งทุกอย่างที่เราเกิดมาแล้ว รู้ได้ เห็นได้ สัมผัสได้ทั้งหมด ท่านทั้งหลายไม่ควรประมาทในความรู้ความสามารถของตน ของผู้อื่นด้วย..สาธุ ![]() อ้างคำพูด: ในสมัยพุทธกาล เมื่อพระพุทธเจ้าท่านแสดงธรรม มีอุบาสก อุบาสิกกา ภิกษุ ภิกษุณี ได้ดวงตาเห็นธรรม พ้นจากการกลับมาเวียนว่ายตายเกิดกันมากมาย โดยไม่ต้องมีสมาธิถึงขั้นฌานด้วยซ้ำ "เค้าเหล่านั้นทำได้อย่างไร เค้าเข้าไปเห็นความจริงอะไรกัน หรือพระพุทธเจ้าท่านปล่อยแสงใส่บุคคลเหล่านั้นขณะท่านทรงเทศนาหรือเปล่า" เปล่าเลย...... รู้ได้อย่างไรว่า..ขณะที่เขาเหล่านั้นได้ดวงตาเห็นธรรม..ไม่ได้มีสมาธิถึงขั้นของฌาณนะ.. ฌาณ..ญาณ..นี้มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับท่าทางนะ..มันอยู่ที่จิต..ของมันเคย ๆ ผลิกนิดเดียวก็ได้แล้ว ดูอย่างนักฟุตบอล.. พอคิดจะเตะปั่นลูกไซ้ดโค้งเข้าประตู..มันก็เตะเลย..แต่กว่าจะเตะโค้งสวยงามได้มันซ้อมมาไม่รู้เท่าไร..ถึงเวลาจะใช้จริง..มันเตะเลย..คนดูก็เห็นแค่นั้น..แต่ตอนซ้อม ๆ นะ.ไม่เห็น ยิ่งเป็นคนด้วยละก้อ..ไม่รู้เกิดมาแล้วเท่าไร..ซ้อมมาแล้วไม่รู้เท่าไร แต่เชื่อใว้อย่างหนึ่งเถอะว่า..เกิดมาเป็นคนที่พบพระพุทธศาสนาแล้วนี้..บุญกุศลมันถึงพร้อมแล้วละ..อยู่แค่จะตัดสินใจเดินตามบรมศาสดาหรือไม่..แค่นั้น โมทนาสาธุ..กับคุณพงพัน..ด้วยครับ ![]() แต่..นิดหนึ่ง..อย่าได้ไปประมาทเหล่านักบุญเลยครับ..เขากำลังทำเหตุปัจจัยของตัวเขาเองอยู่..ก็สาธุกับบุญของเขาด้วยจะดีกว่า..เป็นกุศลนะครับ |
เจ้าของ: | kanalove [ 18 ธ.ค. 2009, 00:37 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ปฏิบัติธรรมเพื่ออะไร |
อ้างคำพูด: ในสมัยพุทธกาล เมื่อพระพุทธเจ้าท่านแสดงธรรม มีอุบาสก อุบาสิกกา ภิกษุ ภิกษุณี ได้ดวงตาเห็นธรรม พ้นจากการกลับมาเวียนว่ายตายเกิดกันมากมาย โดยไม่ต้องมีสมาธิถึงขั้นฌานด้วยซ้ำ "เค้าเหล่านั้นทำได้อย่างไร เค้าเข้าไปเห็นความจริงอะไรกัน หรือพระพุทธเจ้าท่านปล่อยแสงใส่บุคคลเหล่านั้นขณะท่านทรงเทศนาหรือเปล่า" สมัยพุทธกาล คนส่วนใหญ่มีศีลบริสุทธิ์ มีจิตใจที่บริสุทธิ์ และตั้งมั่นต่อความดี เป็นสัมมาทิฐิคะ และสิ่งที่สำคัญคือ เป็นผู้ที่ดำรงชีวิตอย่างมีสติ คะ ผู้ที่ดำรงชีวิตอย่างมีสติ จะเป็นผู้ที่ศีลบริสุทธิ์ คะ ดังนั้นก็เลยสามารถบรรลุธรรมได้ง่ายๆ ตามบุญบารมีที่ท่านเหล่านั้นได้เพีนรสั่งสมมาคะ ><~~~ |
เจ้าของ: | มหาราชันย์ [ 18 ธ.ค. 2009, 04:33 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ปฏิบัติธรรมเพื่ออะไร |
อลงฺกโต เจปิ สมํ จเรยฺ สนฺโต ทนฺโต นิยโต พฺรหฺมจารี สพฺเพสุ ภูเตสุ นิธาย ทณฺฑํ โส พฺราหฺมโณ โส สมโณ ส ภิกฺขุ แม้ถ้าบุคคลประดับแล้ว พึงประพฤติสม่ำเสมอ เป็นผู้สงบ ฝึกแล้ว เที่ยงธรรม มีปกติประพฤติประเสริฐ วางเสียซึ่งอาชญาในสัตว์ทุกจำพวก, บุคคลนั้น เป็นพราหมณ์ เป็นสมณะ เป็นภิกษุ. เจริญในธรรมครับ |
เจ้าของ: | อโศกะ [ 18 ธ.ค. 2009, 06:26 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: ปฏิบัติธรรมเพื่ออะไร | ||
![]() ท่านจับประเด็นหัวใจคำสอน และกลยุทธ์ เคล็ดลับในการปฏิบัติธรรมตามคำสอน บอก ชี้ ของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ดีแล้ว ตรงแล้ว แม่นแล้ว ข้อย มัค ผล คือสิบ่ไก๋แล้ว บ่เทาจังสั้น อาจสิเสวยผลเบื้องต้นอยู่แล้ว ก่ บ่อจักฮู้ได้น้อ ขอเชิญกัลยาณมิตร กัลยาณบุคคล อย่างท่านพงพัน ท่านวรานนท์ เมตตา กรุณา ขยันมาโปรดในลานธรรมจักรบ่อยๆนะครับ ![]() ![]()
|
เจ้าของ: | เอรากอน [ 18 ธ.ค. 2009, 07:47 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ปฏิบัติธรรมเพื่ออะไร |
กบนอกกะลา เขียน: ...... รู้ได้อย่างไรว่า..ขณะที่เขาเหล่านั้นได้ดวงตาเห็นธรรม..ไม่ได้มีสมาธิถึงขั้นของฌาณนะ.. ฌาณ..ญาณ..นี้มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับท่าทางนะ..มันอยู่ที่จิต..ของมันเคย ๆ ผลิกนิดเดียวก็ได้แล้ว ดูอย่างนักฟุตบอล.. พอคิดจะเตะปั่นลูกไซ้ดโค้งเข้าประตู..มันก็เตะเลย..แต่กว่าจะเตะโค้งสวยงามได้มันซ้อมมาไม่รู้เท่าไร..ถึงเวลาจะใช้จริง..มันเตะเลย..คนดูก็เห็นแค่นั้น..แต่ตอนซ้อม ๆ นะ.ไม่เห็น ยิ่งเป็นคนด้วยละก้อ..ไม่รู้เกิดมาแล้วเท่าไร..ซ้อมมาแล้วไม่รู้เท่าไร ![]() ![]() ![]() ![]() อ้างคำพูด: แต่..นิดหนึ่ง..อย่าได้ไปประมาทเหล่านักบุญเลยครับ..เขากำลังทำเหตุปัจจัยของตัวเขาเองอยู่..ก็สาธุกับบุญของเขาด้วยจะดีกว่า..เป็นกุศลนะครับ ![]() ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | พงพัน [ 18 ธ.ค. 2009, 17:50 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ปฏิบัติธรรมเพื่ออะไร |
อนุโมทนาสาธุการ และน้อมรับในทุกความเห็นครับ ![]() ผมไม่เคยตั้งใจที่จะประมาทในความสามารถของผู้ใดเลยนะครับ เพียงแต่อยากจะมีส่วนช่วยกระตุ้นให้กัลยาณมิตรทั้งหลายเกิดความหึกเหิม มีกำลังใจ เวลาผมปฏิบัติบัติธรรม ทวนธรรมต่างๆก็ไม่เคยพิจารณาผู้อื่นหรือส่งจิตออกนอกกายใจของตัวเอง ที่ผมกล่าวมาทั้งหมดเพียงไม่อยากให้ผู้ที่มีความคิดดูถูกความรู้ความสามารถของตน ว่าตัวเองความรู้น้อย ปัญญาน้อย ชาตินี้คงปฏิบัติไปได้ไม่ถึงไหน จนทำให้หมดหวังในการปฏิบัติ ไม่มีความเพียร เหมือนตัวผมเองที่เคยประมาทตัวเองมาแล้ว พอหลวงพ่อท่านบอกว่าอย่าประมาทในตัวเอง คนในสมัยพุทธกาลก็คน เราก็คนเหมือนกัน ทำไมจะพ้นทุกข์ไม่ได้ ทำให้ผมเกิดความตั้งใจปฏิบัติธรรมมากขึ้น เพียรมากขึ้น จึงอยากให้คนที่เคยมีความคิดประมาทตัวเองเหมือนผม เปลี่ยนความคิดซะใหม่ หมั่นปฏิบัติ หมั่นพิจารณา ตามแนวทางที่ถูกต้องดังที่พระพุทธเจ้าทรงวางไว้ เพราะบารมีท่านอาจจะเต็มแล้ว สามารถหยุดการเวียนว่ายตายเกิดได้ในชาตินี้แล้วก็ได้ ส่วนผู้ที่ไม่ประมาทอยู่แล้วผมก็อนุโมทนาบุญด้วยอยู่แล้วครับ ไม่ได้ตั้งใจจะบอกว่าทุกท่านคือผู้ประมาทนะครับ ขอให้ทุกท่านที่ปารถนาความพ้นทุกข์รวมทั้งตัวผมเองด้วย จงพ้นทุกข์ได้ในชาตินี้ ทุกรูปนามครับ ![]() |
เจ้าของ: | กบนอกกะลา [ 18 ธ.ค. 2009, 22:28 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ปฏิบัติธรรมเพื่ออะไร |
เอรากอน เขียน: ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() วันต่อไปจะพาลงทะเล ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | เอรากอน [ 18 ธ.ค. 2009, 22:50 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ปฏิบัติธรรมเพื่ออะไร |
กบนอกกะลา เขียน: เอรากอน เขียน: ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() วันต่อไปจะพาลงทะเล ![]() ![]() ![]() จริง ๆ เวลาง่วงนอน ๆ อย่างนี้ ชอบอ่านความเห็นของท่านกบนะ ![]() ![]() บันเทิงดี ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | กบนอกกะลา [ 18 ธ.ค. 2009, 23:00 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ปฏิบัติธรรมเพื่ออะไร |
พงพัน เขียน: อนุโมทนาสาธุการ และน้อมรับในทุกความเห็นครับ ![]() ผมไม่เคยตั้งใจที่จะประมาทในความสามารถของผู้ใดเลยนะครับ เพียงแต่อยากจะมีส่วนช่วยกระตุ้นให้กัลยาณมิตรทั้งหลายเกิดความหึกเหิม มีกำลังใจ เวลาผมปฏิบัติบัติธรรม ทวนธรรมต่างๆก็ไม่เคยพิจารณาผู้อื่นหรือส่งจิตออกนอกกายใจของตัวเอง ![]() สาธุ..ครับ แต่ผมก็ไม่ได้ว่าท่านนะครับ..พูดเป็นกลาง ๆ นะ..เพราะก็เคยได้ยินคนที่ไปปฎิบัติธรรมด้วยกัน..บางคนเขาสนทนากัน..ทำนอง..คนอื่นมัวแต่ไปทำบุญชวนมาปฎิบัติธรรมก็ไม่มา..หลวงพ่อท่านดี..ทำไมไม่มากัน..วัดนี้ดี..วัดนั้นธรรมดา..ก็ทำบุญอยู่นั้นแหละ เราก็คิดว่า..เอ๋..มาปฎิบัติธรรมแต่กลับได้ทิฏฐิ..มานะ..ตัวเบ้อเร้อกลับบ้าน..แบบไม่รู้ตัวกันเลยเน๊าะ ปล. แม้ในขณะที่เรากำลังคิด..ว่าดีนั้นแหละ..เจ้ามานะก็กำลังอมหัวเราอยู่..ต้องมีเมตตาจึงจะปลอดภัย ก็ไม่ทราบว่าเคยได้ยินคำว่า..มันมีดีในเสีย..มีเสียในดี..บ้างหรือเปล่านะ? การจะหา..ดีในเสีย..นั้นหาง่าย ![]() ![]() แต่..จะหา..เสียในดี..ไม่ค่อยจะเจอ..เพราะมานะมันบัง ![]() ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | กบนอกกะลา [ 18 ธ.ค. 2009, 23:04 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ปฏิบัติธรรมเพื่ออะไร |
เอรากอน เขียน: จริง ๆ เวลาง่วงนอน ๆ อย่างนี้ ชอบอ่านความเห็นของท่านกบนะ ![]() ![]() บันเทิงดี ![]() ![]() ![]() เอ้าว..ง่วงแล้วหรอ.. ![]() ไอ้เราก็ว่าซีเรียตแล้วนะ..งัยกลายเป็น..บันเทิง..ไปได้งะ ![]() ![]() |
เจ้าของ: | เอรากอน [ 18 ธ.ค. 2009, 23:11 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ปฏิบัติธรรมเพื่ออะไร |
กบนอกกะลา เขียน: เอรากอน เขียน: จริง ๆ เวลาง่วงนอน ๆ อย่างนี้ ชอบอ่านความเห็นของท่านกบนะ ![]() ![]() บันเทิงดี ![]() ![]() ![]() เอ้าว..ง่วงแล้วหรอ.. ![]() ไอ้เราก็ว่าซีเรียตแล้วนะ..งัยกลายเป็น..บันเทิง..ไปได้งะ ![]() ![]() ก็ห้าทุ่มแล้ว ... ง่วงดิ่.. ท่านกบทำอะไร ดูเหมือนจะมาดึก ๆ ทุกทีเลย... ฮ้าาววววว... ![]() ![]() |
เจ้าของ: | กบนอกกะลา [ 18 ธ.ค. 2009, 23:20 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ปฏิบัติธรรมเพื่ออะไร |
เลิกทำงาน..ราว ๆ 20.00 น ส่งแฟนกลับบ้าน.. ![]() แวะคุยกะเพื่อนนิดหน่อย.. แล้วก็มาหน้าคอมฯ.. ![]() |
เจ้าของ: | อินทรีย์5 [ 19 ธ.ค. 2009, 19:29 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ปฏิบัติธรรมเพื่ออะไร |
![]() อ้างคำพูด: เป้าหมายที่สูงสุดคืออะไร เราปฏิบัติตามหลักธรรมคำสอนขององค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้าเพื่ออะไร ท่านตรัสรู้อะไร และมุ่งหวังให้เหล่ามนุษย์เห็นในจุดใด ไปถึงในจุดใด นั่นก็คือการแจ้งในหลักอริยสัจ 4 เพื่อความพ้นทุกข์ ไม่กลับมาเกิดอีก กล่าวได้ถูกต้องครับ เราปฏิบัติเพื่อหวังความพ้นทุกข์ จะได้ไม่ต้องเกิดอีก แต่ถ้าทำเพื่อตัดวัฏฏะไม่ได้ ก้เอาเพียงไปสู่โลกสวรรค์ก้ถือว่าดีแล้ว เพียงแต่การปฏิบัติธรรมถ้าศึกษาดูดี จะอยู่เหนือกรรมดีหรอืกรรมขาว กับกรรมชั่วหรือกรรมดำ คืออยู่เหนือกรรมทั้ง2 อย่างนี้ หรือจะเรียกว่า "มรรคกรรม" กรรมหรือการกระทำที่ปฏิบัติแล้วสามารถตัดวัฏฏะ3 ได้ สามารถเดินเข้าหา มรรค ผลได้ หาเดินสายนี้แล้วเป้าหมายถึงที่พึงควรพึง ทำมีอย่างเดียวคือนิพพานหรอืทำให้หมดกิเลส ถือเป็นสิ่งสำคัญสุดและละเอียด ที่สุดของชาวพุทธ เพียงแต่ว่าความตั้งใจและความพยายามของมุนุษย์แต่ละคนไม่เท่ากัน และก็ทำกรรมวัฏและอธิวาสนาในแต่ละชาติมาไม่เหมือนกัน จึงทำให้มนุษย์เกิดมามีความแตกต่างกันตามลำดับ:b39: ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ในเวปนี้มีผู้รู้อย่เยอะ การจะเห็นแตกต่างจากK พงพัน ถือเป็นเรือ่งปกติอยู่แล้วครับ ![]() มีอะไรดีๆ ก้นำมาเล่าสู่กันฟังอีกนะคับ ![]() ![]() |
เจ้าของ: | chulapinan [ 19 ธ.ค. 2009, 20:00 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ปฏิบัติธรรมเพื่ออะไร |
อ้างคำพูด: การปฏิบัติธรรม อย่างแรกที่ต้องรู้คือเป้าหมายสูงสุดในการปฏิบัติ ธรรมทุกอย่าง การปฏิบัติทุกอย่างควรจะต้องมีเป้าหมาย โดยดำเนินไปในทางสายกลาง ในทางที่จะไปสู่เป้าหมายนั้น (ถ้าใครไม่ทราบว่าอะไรคือทางสายกลางของตน ก็ให้ปฏิบัติตาม มรรคมีองค์ 8) เห็นด้วยเลยค่ะ อ้างคำพูด: เป้าหมายที่สูงสุดคืออะไร เราปฏิบัติตามหลักธรรมคำสอนขององค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้าเพื่ออะไร ท่านตรัสรู้อะไร และมุ่งหวังให้เหล่ามนุษย์เห็นในจุดใด ไปถึงในจุดใด นั่นก็คือการแจ้งในหลักอริยสัจ 4 เพื่อความพ้นทุกข์ ไม่กลับมาเกิดอีก ของจุฬาภินันท์คือ การได้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าค่ะ อ้างคำพูด: บางคนปฏิบัติจะเอาแต่บุญแต่กุศล ความดีงามต่างๆ แต่ไม่เคยคิดปฏิบัติเพื่อความพ้นทุกข์ที่แท้จริง โดยหารู้ไม่ว่า บุญกุศลหรือความสุขนั้นก็เป็นตัวทุกข์ตัวหนึ่งเหมือนกัน แล้วสมควรแล้วหรือที่เราจะปฏิบัติธรรมเพียงเพื่อเอาแต่ความสุข ความดีงาม ความเป็นกุศลในชีวิต ไม่ใช่แค่บางคนค่ะที่เอาแต่บุญ ทุกคนต่างหากที่จะเอาบุญ สำคัญที่ละกิเลสตัวนั้นได้มั้ย ไม่ต้องหวังว่าจะได้บุญน่ะค่ะ จะว่าไปบุญกุศลไม่ใช่ตัวทุกข์ แต่เป็นนามธรรมที่แยกออกมาชัดจากทุกข์และสุขค่ะ แต่ความสุขเป็นสุขแค่ชั่วคราว พ้นทุกข์ที่แท้คือพระนิพพานค่ะ อ้างคำพูด: ถ้ามองที่จุดหมายการปฏิบัติที่แท้จริงแล้ว บุญ กุศล ความดีงามต่างๆเป็นสิ่งที่สำคัญ ควรมีไว้ แต่มีไว้เพื่อเป็นเพียงเครื่องมือเพื่อไปสู่พระนิพพานเท่านั้น ไม่ใช่สิ่งที่มีไว้เพื่อยึดมั่นถือมั่นแต่อย่างใด ถูกเลยค่ะ จุฬาภินันท์เห็นด้วยสุดๆ อ้างคำพูด: ปัจจุบันพุทธศาสนิกชนทั้งหลายแทบจะลืมหรือไม่เล็งเห็นถึงเป้าหมายสูงสุดนี้ เพราะคิดว่าการพ้นทุกข์ไม่ต้องกลับมาเวียนว่ายตายเกิดหรือการไปพระนิพพานนั้น ยากเกินกำลังของสามัญชนคนธรรมดาอย่างเรา ผู้ที่ทำได้น่าจะเป็นผู้ที่ปฏิบัติมานานๆหลายสิบปีหรือเป็นพระเท่านั้น พุทธศาสนิกชนยังหวังพระนิพพานค่ะ และเห็นว่าเป็นการยาก ซึ่งก็ยากมากจริงๆ แต่ไม่เกินความพยายามค่ะ อย่างจุฬาภินันท์ก็ไม่คิดว่าจะเกินความเพียรพยายาม พุทธพจน์สุดท้ายของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า - "นิพพานบรรลุได้ด้วยความเพียรพยายามเท่านั้น" ค่ะ อ้างคำพูด: ในสมัยพุทธกาล เมื่อพระพุทธเจ้าท่านแสดงธรรม มีอุบาสก อุบาสิกกา ภิกษุ ภิกษุณี ได้ดวงตาเห็นธรรม พ้นจากการกลับมาเวียนว่ายตายเกิดกันมากมาย โดยไม่ต้องมีสมาธิถึงขั้นฌานด้วยซ้ำ "เค้าเหล่านั้นทำได้อย่างไร เค้าเข้าไปเห็นความจริงอะไรกัน หรือพระพุทธเจ้าท่านปล่อยแสงใส่บุคคลเหล่านั้นขณะท่านทรงเทศนาหรือเปล่า" เปล่าเลย...... พระองค์ทรงเทศน์ ด้วยกริยาที่เรียบง่าย เทศน์หลักธรรมความเป็นจริง เน้นเรื่องหลักอริยสัจ 4 เพื่อให้เหล่าบุคคลที่ฟังพระธรรมเทศนานั้น เข้าไปเห็นตามความจริงของธรรม เกิดปัญญาละความยึดมั่นถือมั่นได้ในที่สุด พระพุทธองค์ไม่ได้ปล่อยแสง แต่เมตตาสื่อจิตให้รู้และเข้าถึงค่ะ อ้างคำพูด: สิ่งที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ผมไม่ได้นึกคิดขึ้นมาเองแต่อย่างใด ล้วนแล้วแต่มีครูบาอาจารย์ นักปฏิบัติ ยืนยันทั้งสิ้น และอ้างจากความเป็นจริงที่ผู้ปฏิบัติย่อมรู้ได้เห็นได้จริงอย่างแน่นอน ต้องขออภัยนะคะถ้าจุฬาภินันท์จะบอกว่า มันยังไม่ใช่ความจริงทั้งหมดน่ะค่ะ อ้างคำพูด: นักปฏิบัติทั้งหลาย ไม่ควรประมาทหลงยึดกันอยู่กับสิ่งที่ไม่น่ายึดมั่นถือมั่น คือทุกสิ่งทุกอย่างที่เราเกิดมาแล้ว รู้ได้ เห็นได้ สัมผัสได้ทั้งหมด ท่านทั้งหลายไม่ควรประมาทในความรู้ความสามารถของตน เห็นด้วยค่ะ อ้างคำพูด: เราเวียนว่ายตายเกิดกันมา กี่กัปกี่กัลป์แล้วจนไม่มีทางนับถ้วน ไม่ใช่ง่ายๆที่จะเกิดมาเป็นมนุษย์ ไม่ใช่ง่ายๆที่จะเกิดมาพบพระพุทธศาสนา และก็ไม่ใช่ง่ายๆอีกที่เกิดมาพบพระพุทธศาสนาแล้วได้ปฏิบัติธรรมในแนวทางที่ถูกต้อง ถูกค่ะ แต่ว่าการพบพุทธศาสนาและได้ปฏิบัตินั้น ไม่ใช่เรื่องยาก เป็นเรื่องของบุญที่ทำน่ะค่ะ แค่ทำบุญ ทำดี ใครก็พบศาสนาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ค่ะ อ้างคำพูด: เร่งเอาเถิด เพียรเอาเถิด ท่านอาจบรรลุเป้าหมายสูงสุดของพระพุทธศาสนา ในชาตินี้หรือไม่นานนี้ก็ได้ เห็นด้วยค่ะ ไม่นานเลยถ้าเทียบกับชั่วกัปป์ชั่วกัลป์ |
หน้า 1 จากทั้งหมด 2 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |