ลานธรรมจักร
http://www.dhammajak.net/forums/

ปฏิบัติธรรมเพื่ออะไร
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=27780
หน้า 1 จากทั้งหมด 2

เจ้าของ:  พงพัน [ 17 ธ.ค. 2009, 17:16 ]
หัวข้อกระทู้:  ปฏิบัติธรรมเพื่ออะไร

การปฏิบัติธรรม อย่างแรกที่ต้องรู้คือเป้าหมายสูงสุดในการปฏิบัติ
ธรรมทุกอย่าง การปฏิบัติทุกอย่างควรจะต้องมีเป้าหมาย
โดยดำเนินไปในทางสายกลาง ในทางที่จะไปสู่เป้าหมายนั้น
(ถ้าใครไม่ทราบว่าอะไรคือทางสายกลางของตน ก็ให้ปฏิบัติตาม มรรคมีองค์ 8)

เป้าหมายที่สูงสุดคืออะไร
เราปฏิบัติตามหลักธรรมคำสอนขององค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้าเพื่ออะไร
ท่านตรัสรู้อะไร และมุ่งหวังให้เหล่ามนุษย์เห็นในจุดใด ไปถึงในจุดใด
นั่นก็คือการแจ้งในหลักอริยสัจ 4 เพื่อความพ้นทุกข์ ไม่กลับมาเกิดอีก

บางคนปฏิบัติจะเอาแต่บุญแต่กุศล ความดีงามต่างๆ แต่ไม่เคยคิดปฏิบัติเพื่อความพ้นทุกข์ที่แท้จริง
โดยหารู้ไม่ว่า บุญกุศลหรือความสุขนั้นก็เป็นตัวทุกข์ตัวหนึ่งเหมือนกัน
แล้วสมควรแล้วหรือที่เราจะปฏิบัติธรรมเพียงเพื่อเอาแต่ความสุข ความดีงาม ความเป็นกุศลในชีวิต

ถ้ามองที่จุดหมายการปฏิบัติที่แท้จริงแล้ว บุญ กุศล ความดีงามต่างๆเป็นสิ่งที่สำคัญ ควรมีไว้
แต่มีไว้เพื่อเป็นเพียงเครื่องมือเพื่อไปสู่พระนิพพานเท่านั้น
ไม่ใช่สิ่งที่มีไว้เพื่อยึดมั่นถือมั่นแต่อย่างใด

ปัจจุบันพุทธศาสนิกชนทั้งหลายแทบจะลืมหรือไม่เล็งเห็นถึงเป้าหมายสูงสุดนี้
เพราะคิดว่าการพ้นทุกข์ไม่ต้องกลับมาเวียนว่ายตายเกิดหรือการไปพระนิพพานนั้น
ยากเกินกำลังของสามัญชนคนธรรมดาอย่างเรา
ผู้ที่ทำได้น่าจะเป็นผู้ที่ปฏิบัติมานานๆหลายสิบปีหรือเป็นพระเท่านั้น

ในสมัยพุทธกาล เมื่อพระพุทธเจ้าท่านแสดงธรรม
มีอุบาสก อุบาสิกกา ภิกษุ ภิกษุณี ได้ดวงตาเห็นธรรม
พ้นจากการกลับมาเวียนว่ายตายเกิดกันมากมาย
โดยไม่ต้องมีสมาธิถึงขั้นฌานด้วยซ้ำ
"เค้าเหล่านั้นทำได้อย่างไร เค้าเข้าไปเห็นความจริงอะไรกัน หรือพระพุทธเจ้าท่านปล่อยแสงใส่บุคคลเหล่านั้นขณะท่านทรงเทศนาหรือเปล่า"
เปล่าเลย......
พระองค์ทรงเทศน์ ด้วยกริยาที่เรียบง่าย
เทศน์หลักธรรมความเป็นจริง เน้นเรื่องหลักอริยสัจ 4
เพื่อให้เหล่าบุคคลที่ฟังพระธรรมเทศนานั้น เข้าไปเห็นตามความจริงของธรรม
เกิดปัญญาละความยึดมั่นถือมั่นได้ในที่สุด

สิ่งที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ผมไม่ได้นึกคิดขึ้นมาเองแต่อย่างใด
ล้วนแล้วแต่มีครูบาอาจารย์ นักปฏิบัติ ยืนยันทั้งสิ้น
และอ้างจากความเป็นจริงที่ผู้ปฏิบัติย่อมรู้ได้เห็นได้จริงอย่างแน่นอน

นักปฏิบัติทั้งหลาย ไม่ควรประมาทหลงยึดกันอยู่กับสิ่งที่ไม่น่ายึดมั่นถือมั่น
คือทุกสิ่งทุกอย่างที่เราเกิดมาแล้ว รู้ได้ เห็นได้ สัมผัสได้ทั้งหมด
ท่านทั้งหลายไม่ควรประมาทในความรู้ความสามารถของตน

เราเวียนว่ายตายเกิดกันมา กี่กัปกี่กัลป์แล้วจนไม่มีทางนับถ้วน
ไม่ใช่ง่ายๆที่จะเกิดมาเป็นมนุษย์ ไม่ใช่ง่ายๆที่จะเกิดมาพบพระพุทธศาสนา
และก็ไม่ใช่ง่ายๆอีกที่เกิดมาพบพระพุทธศาสนาแล้วได้ปฏิบัติธรรมในแนวทางที่ถูกต้อง

เร่งเอาเถิด เพียรเอาเถิด ท่านอาจบรรลุเป้าหมายสูงสุดของพระพุทธศาสนา
ในชาตินี้หรือไม่นานนี้ก็ได้

เจ้าของ:  กบนอกกะลา [ 17 ธ.ค. 2009, 23:53 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ปฏิบัติธรรมเพื่ออะไร

พงพัน เขียน:

เป้าหมายที่สูงสุดคืออะไร
....

บางคนปฏิบัติจะเอาแต่บุญแต่กุศล ความดีงามต่างๆ แต่ไม่เคยคิดปฏิบัติเพื่อความพ้นทุกข์ที่แท้จริง
โดยหารู้ไม่ว่า บุญกุศลหรือความสุขนั้นก็เป็นตัวทุกข์ตัวหนึ่งเหมือนกัน
แล้วสมควรแล้วหรือที่เราจะปฏิบัติธรรมเพียงเพื่อเอาแต่ความสุข ความดีงาม ความเป็นกุศลในชีวิต


กว่าคุณพงพันจะคิดได้อย่างนี้..ไม่ใช่เพราะบุญ..กุศลของคุณเองที่เคยทำมาดอกหรือ..

ทุกอย่างเกิดแต่เหตุแต่ปัจจัย..ทั้งนั้นแหละครับ

อ้างคำพูด:
ถ้ามองที่จุดหมายการปฏิบัติที่แท้จริงแล้ว บุญ กุศล ความดีงามต่างๆเป็นสิ่งที่สำคัญ ควรมีไว้
แต่มีไว้เพื่อเป็นเพียงเครื่องมือเพื่อไปสู่พระนิพพานเท่านั้น
ไม่ใช่สิ่งที่มีไว้เพื่อยึดมั่นถือมั่นแต่อย่างใด

สาธุ :b8:
หากกำลังแขนขายังไม่แข็งแรงพอ..ก็เป็นธรรมดาเขาเหล่านั้นจะต้องอาศัยที่ยึดเกาะพยุงตัวเอาใว้..ครับ

ชนเหล่าปทปรมะ..แม้ในกาลปัจจุบัน..จะมืดสนิท..แต่ไม่ได้ไม่มีโอกาศในกาลข้างหน้านะครับ..

อ้างคำพูด:
ปัจจุบันพุทธศาสนิกชนทั้งหลายแทบจะลืมหรือไม่เล็งเห็นถึงเป้าหมายสูงสุดนี้
เพราะคิดว่าการพ้นทุกข์ไม่ต้องกลับมาเวียนว่ายตายเกิดหรือการไปพระนิพพานนั้น
ยากเกินกำลังของสามัญชนคนธรรมดาอย่างเรา ผู้ที่ทำได้น่าจะเป็นผู้ที่ปฏิบัติมานานๆหลายสิบปีหรือเป็นพระเท่านั้น

ไม่ใช่แค่ สิบ ๆ ปีหรอก ครับ..
คุณพงพันคิดว่าตัวเองเกิดมากี่ชาติแล้วครับ..
ไม่รู้หรอก..จริงมัย..

อ้างคำพูด:
เราเวียนว่ายตายเกิดกันมา กี่กัปกี่กัลป์แล้วจนไม่มีทางนับถ้วน
ไม่ใช่ง่ายๆที่จะเกิดมาเป็นมนุษย์ ไม่ใช่ง่ายๆที่จะเกิดมาพบพระพุทธศาสนา
และก็ไม่ใช่ง่ายๆอีกที่เกิดมาพบพระพุทธศาสนาแล้วได้ปฏิบัติธรรมในแนวทางที่ถูกต้อง

เร่งเอาเถิด เพียรเอาเถิด ท่านอาจบรรลุเป้าหมายสูงสุดของพระพุทธศาสนา
ในชาตินี้หรือไม่นานนี้ก็ได้


สาธุ.. :b8:

อ้างคำพูด:
นักปฏิบัติทั้งหลาย ไม่ควรประมาทหลงยึดกันอยู่กับสิ่งที่ไม่น่ายึดมั่นถือมั่น
คือทุกสิ่งทุกอย่างที่เราเกิดมาแล้ว รู้ได้ เห็นได้ สัมผัสได้ทั้งหมด
ท่านทั้งหลายไม่ควรประมาทในความรู้ความสามารถของตน


ของผู้อื่นด้วย..สาธุ :b8:

อ้างคำพูด:
ในสมัยพุทธกาล เมื่อพระพุทธเจ้าท่านแสดงธรรม
มีอุบาสก อุบาสิกกา ภิกษุ ภิกษุณี ได้ดวงตาเห็นธรรม
พ้นจากการกลับมาเวียนว่ายตายเกิดกันมากมาย
โดยไม่ต้องมีสมาธิถึงขั้นฌานด้วยซ้ำ
"เค้าเหล่านั้นทำได้อย่างไร เค้าเข้าไปเห็นความจริงอะไรกัน หรือพระพุทธเจ้าท่านปล่อยแสงใส่บุคคลเหล่านั้นขณะท่านทรงเทศนาหรือเปล่า" เปล่าเลย......

รู้ได้อย่างไรว่า..ขณะที่เขาเหล่านั้นได้ดวงตาเห็นธรรม..ไม่ได้มีสมาธิถึงขั้นของฌาณนะ..
ฌาณ..ญาณ..นี้มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับท่าทางนะ..มันอยู่ที่จิต..ของมันเคย ๆ ผลิกนิดเดียวก็ได้แล้ว

ดูอย่างนักฟุตบอล..
พอคิดจะเตะปั่นลูกไซ้ดโค้งเข้าประตู..มันก็เตะเลย..แต่กว่าจะเตะโค้งสวยงามได้มันซ้อมมาไม่รู้เท่าไร..ถึงเวลาจะใช้จริง..มันเตะเลย..คนดูก็เห็นแค่นั้น..แต่ตอนซ้อม ๆ นะ.ไม่เห็น

ยิ่งเป็นคนด้วยละก้อ..ไม่รู้เกิดมาแล้วเท่าไร..ซ้อมมาแล้วไม่รู้เท่าไร

แต่เชื่อใว้อย่างหนึ่งเถอะว่า..เกิดมาเป็นคนที่พบพระพุทธศาสนาแล้วนี้..บุญกุศลมันถึงพร้อมแล้วละ..อยู่แค่จะตัดสินใจเดินตามบรมศาสดาหรือไม่..แค่นั้น

โมทนาสาธุ..กับคุณพงพัน..ด้วยครับ :b8:

แต่..นิดหนึ่ง..อย่าได้ไปประมาทเหล่านักบุญเลยครับ..เขากำลังทำเหตุปัจจัยของตัวเขาเองอยู่..ก็สาธุกับบุญของเขาด้วยจะดีกว่า..เป็นกุศลนะครับ

เจ้าของ:  kanalove [ 18 ธ.ค. 2009, 00:37 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ปฏิบัติธรรมเพื่ออะไร

อ้างคำพูด:
ในสมัยพุทธกาล เมื่อพระพุทธเจ้าท่านแสดงธรรม
มีอุบาสก อุบาสิกกา ภิกษุ ภิกษุณี ได้ดวงตาเห็นธรรม
พ้นจากการกลับมาเวียนว่ายตายเกิดกันมากมาย
โดยไม่ต้องมีสมาธิถึงขั้นฌานด้วยซ้ำ
"เค้าเหล่านั้นทำได้อย่างไร เค้าเข้าไปเห็นความจริงอะไรกัน หรือพระพุทธเจ้าท่านปล่อยแสงใส่บุคคลเหล่านั้นขณะท่านทรงเทศนาหรือเปล่า"

สมัยพุทธกาล คนส่วนใหญ่มีศีลบริสุทธิ์ มีจิตใจที่บริสุทธิ์ และตั้งมั่นต่อความดี
เป็นสัมมาทิฐิคะ

และสิ่งที่สำคัญคือ
เป็นผู้ที่ดำรงชีวิตอย่างมีสติ คะ
ผู้ที่ดำรงชีวิตอย่างมีสติ จะเป็นผู้ที่ศีลบริสุทธิ์ คะ

ดังนั้นก็เลยสามารถบรรลุธรรมได้ง่ายๆ ตามบุญบารมีที่ท่านเหล่านั้นได้เพีนรสั่งสมมาคะ
><~~~

เจ้าของ:  มหาราชันย์ [ 18 ธ.ค. 2009, 04:33 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ปฏิบัติธรรมเพื่ออะไร

อลงฺกโต เจปิ สมํ จเรยฺ
สนฺโต ทนฺโต นิยโต พฺรหฺมจารี
สพฺเพสุ ภูเตสุ นิธาย ทณฺฑํ
โส พฺราหฺมโณ โส สมโณ ส ภิกฺขุ



แม้ถ้าบุคคลประดับแล้ว
พึงประพฤติสม่ำเสมอ
เป็นผู้สงบ ฝึกแล้ว เที่ยงธรรม
มีปกติประพฤติประเสริฐ
วางเสียซึ่งอาชญาในสัตว์ทุกจำพวก,
บุคคลนั้น เป็นพราหมณ์ เป็นสมณะ เป็นภิกษุ.




เจริญในธรรมครับ

เจ้าของ:  อโศกะ [ 18 ธ.ค. 2009, 06:26 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ปฏิบัติธรรมเพื่ออะไร

tongue อนุโมทนาสาธุกับคุณพงพัน ในข้อธรรมมะและความเห็นทางธรรมอันจับใจของ่ทาน ชุ่มชื้น เย็นกาย สบายใจ จริงๆครับ


ท่านจับประเด็นหัวใจคำสอน และกลยุทธ์ เคล็ดลับในการปฏิบัติธรรมตามคำสอน บอก ชี้ ของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ดีแล้ว ตรงแล้ว แม่นแล้ว ข้อย มัค ผล คือสิบ่ไก๋แล้ว บ่เทาจังสั้น อาจสิเสวยผลเบื้องต้นอยู่แล้ว ก่ บ่อจักฮู้ได้น้อ


ขอเชิญกัลยาณมิตร กัลยาณบุคคล อย่างท่านพงพัน ท่านวรานนท์ เมตตา กรุณา ขยันมาโปรดในลานธรรมจักรบ่อยๆนะครับ
:b8:
cool

ไฟล์แนป:
100_3755_resize_resize.JPG
100_3755_resize_resize.JPG [ 51.24 KiB | เปิดดู 5346 ครั้ง ]

เจ้าของ:  เอรากอน [ 18 ธ.ค. 2009, 07:47 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ปฏิบัติธรรมเพื่ออะไร

กบนอกกะลา เขียน:
......
รู้ได้อย่างไรว่า..ขณะที่เขาเหล่านั้นได้ดวงตาเห็นธรรม..ไม่ได้มีสมาธิถึงขั้นของฌาณนะ..
ฌาณ..ญาณ..นี้มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับท่าทางนะ..มันอยู่ที่จิต..ของมันเคย ๆ ผลิกนิดเดียวก็ได้แล้ว

ดูอย่างนักฟุตบอล..
พอคิดจะเตะปั่นลูกไซ้ดโค้งเข้าประตู..มันก็เตะเลย..แต่กว่าจะเตะโค้งสวยงามได้มันซ้อมมาไม่รู้เท่าไร..ถึงเวลาจะใช้จริง..มันเตะเลย..คนดูก็เห็นแค่นั้น..แต่ตอนซ้อม ๆ นะ.ไม่เห็น

ยิ่งเป็นคนด้วยละก้อ..ไม่รู้เกิดมาแล้วเท่าไร..ซ้อมมาแล้วไม่รู้เท่าไร



:b32: :b12: วันก่อนเรื่องลู่ วันนี้ ลงภาคสนาม... :b32: :b32:

อ้างคำพูด:
แต่..นิดหนึ่ง..อย่าได้ไปประมาทเหล่านักบุญเลยครับ..เขากำลังทำเหตุปัจจัยของตัวเขาเองอยู่..ก็สาธุกับบุญของเขาด้วยจะดีกว่า..เป็นกุศลนะครับ


:b16: :b1: :b16: :b1:

เจ้าของ:  พงพัน [ 18 ธ.ค. 2009, 17:50 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ปฏิบัติธรรมเพื่ออะไร

อนุโมทนาสาธุการ และน้อมรับในทุกความเห็นครับ :b8:

ผมไม่เคยตั้งใจที่จะประมาทในความสามารถของผู้ใดเลยนะครับ
เพียงแต่อยากจะมีส่วนช่วยกระตุ้นให้กัลยาณมิตรทั้งหลายเกิดความหึกเหิม มีกำลังใจ
เวลาผมปฏิบัติบัติธรรม ทวนธรรมต่างๆก็ไม่เคยพิจารณาผู้อื่นหรือส่งจิตออกนอกกายใจของตัวเอง

ที่ผมกล่าวมาทั้งหมดเพียงไม่อยากให้ผู้ที่มีความคิดดูถูกความรู้ความสามารถของตน
ว่าตัวเองความรู้น้อย ปัญญาน้อย ชาตินี้คงปฏิบัติไปได้ไม่ถึงไหน
จนทำให้หมดหวังในการปฏิบัติ ไม่มีความเพียร
เหมือนตัวผมเองที่เคยประมาทตัวเองมาแล้ว
พอหลวงพ่อท่านบอกว่าอย่าประมาทในตัวเอง คนในสมัยพุทธกาลก็คน เราก็คนเหมือนกัน ทำไมจะพ้นทุกข์ไม่ได้
ทำให้ผมเกิดความตั้งใจปฏิบัติธรรมมากขึ้น เพียรมากขึ้น

จึงอยากให้คนที่เคยมีความคิดประมาทตัวเองเหมือนผม เปลี่ยนความคิดซะใหม่
หมั่นปฏิบัติ หมั่นพิจารณา ตามแนวทางที่ถูกต้องดังที่พระพุทธเจ้าทรงวางไว้
เพราะบารมีท่านอาจจะเต็มแล้ว สามารถหยุดการเวียนว่ายตายเกิดได้ในชาตินี้แล้วก็ได้

ส่วนผู้ที่ไม่ประมาทอยู่แล้วผมก็อนุโมทนาบุญด้วยอยู่แล้วครับ
ไม่ได้ตั้งใจจะบอกว่าทุกท่านคือผู้ประมาทนะครับ

ขอให้ทุกท่านที่ปารถนาความพ้นทุกข์รวมทั้งตัวผมเองด้วย
จงพ้นทุกข์ได้ในชาตินี้ ทุกรูปนามครับ :b1:

เจ้าของ:  กบนอกกะลา [ 18 ธ.ค. 2009, 22:28 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ปฏิบัติธรรมเพื่ออะไร

เอรากอน เขียน:
:b32: :b12: วันก่อนเรื่องลู่ วันนี้ ลงภาคสนาม... :b32: :b32:

:b16: :b1: :b16: :b1:


วันต่อไปจะพาลงทะเล :b32: :b32: :b32:

เจ้าของ:  เอรากอน [ 18 ธ.ค. 2009, 22:50 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ปฏิบัติธรรมเพื่ออะไร

กบนอกกะลา เขียน:
เอรากอน เขียน:
:b32: :b12: วันก่อนเรื่องลู่ วันนี้ ลงภาคสนาม... :b32: :b32:

:b16: :b1: :b16: :b1:


วันต่อไปจะพาลงทะเล :b32: :b32: :b32:


จริง ๆ เวลาง่วงนอน ๆ อย่างนี้ ชอบอ่านความเห็นของท่านกบนะ :b32: :b32:
บันเทิงดี

:b32: :b32: :b32:

เจ้าของ:  กบนอกกะลา [ 18 ธ.ค. 2009, 23:00 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ปฏิบัติธรรมเพื่ออะไร

พงพัน เขียน:
อนุโมทนาสาธุการ และน้อมรับในทุกความเห็นครับ :b8:

ผมไม่เคยตั้งใจที่จะประมาทในความสามารถของผู้ใดเลยนะครับ
เพียงแต่อยากจะมีส่วนช่วยกระตุ้นให้กัลยาณมิตรทั้งหลายเกิดความหึกเหิม มีกำลังใจ

เวลาผมปฏิบัติบัติธรรม ทวนธรรมต่างๆก็ไม่เคยพิจารณาผู้อื่นหรือส่งจิตออกนอกกายใจของตัวเอง

:b1:


สาธุ..ครับ

แต่ผมก็ไม่ได้ว่าท่านนะครับ..พูดเป็นกลาง ๆ นะ..เพราะก็เคยได้ยินคนที่ไปปฎิบัติธรรมด้วยกัน..บางคนเขาสนทนากัน..ทำนอง..คนอื่นมัวแต่ไปทำบุญชวนมาปฎิบัติธรรมก็ไม่มา..หลวงพ่อท่านดี..ทำไมไม่มากัน..วัดนี้ดี..วัดนั้นธรรมดา..ก็ทำบุญอยู่นั้นแหละ

เราก็คิดว่า..เอ๋..มาปฎิบัติธรรมแต่กลับได้ทิฏฐิ..มานะ..ตัวเบ้อเร้อกลับบ้าน..แบบไม่รู้ตัวกันเลยเน๊าะ

ปล. แม้ในขณะที่เรากำลังคิด..ว่าดีนั้นแหละ..เจ้ามานะก็กำลังอมหัวเราอยู่..ต้องมีเมตตาจึงจะปลอดภัย

ก็ไม่ทราบว่าเคยได้ยินคำว่า..มันมีดีในเสีย..มีเสียในดี..บ้างหรือเปล่านะ?

การจะหา..ดีในเสีย..นั้นหาง่าย :b12: :b12:

แต่..จะหา..เสียในดี..ไม่ค่อยจะเจอ..เพราะมานะมันบัง :b11: :b11:

:b12: :b12:

เจ้าของ:  กบนอกกะลา [ 18 ธ.ค. 2009, 23:04 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ปฏิบัติธรรมเพื่ออะไร

เอรากอน เขียน:

จริง ๆ เวลาง่วงนอน ๆ อย่างนี้ ชอบอ่านความเห็นของท่านกบนะ :b32: :b32:
บันเทิงดี

:b32: :b32: :b32:


เอ้าว..ง่วงแล้วหรอ.. :b12:

ไอ้เราก็ว่าซีเรียตแล้วนะ..งัยกลายเป็น..บันเทิง..ไปได้งะ :b9: :b9:

เจ้าของ:  เอรากอน [ 18 ธ.ค. 2009, 23:11 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ปฏิบัติธรรมเพื่ออะไร

กบนอกกะลา เขียน:
เอรากอน เขียน:

จริง ๆ เวลาง่วงนอน ๆ อย่างนี้ ชอบอ่านความเห็นของท่านกบนะ :b32: :b32:
บันเทิงดี

:b32: :b32: :b32:


เอ้าว..ง่วงแล้วหรอ.. :b12:

ไอ้เราก็ว่าซีเรียตแล้วนะ..งัยกลายเป็น..บันเทิง..ไปได้งะ :b9: :b9:


ก็ห้าทุ่มแล้ว ... ง่วงดิ่..
ท่านกบทำอะไร ดูเหมือนจะมาดึก ๆ ทุกทีเลย...

ฮ้าาววววว... :b30: :b30:

เจ้าของ:  กบนอกกะลา [ 18 ธ.ค. 2009, 23:20 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ปฏิบัติธรรมเพื่ออะไร

เลิกทำงาน..ราว ๆ 20.00 น

ส่งแฟนกลับบ้าน.. :b16:

แวะคุยกะเพื่อนนิดหน่อย..

แล้วก็มาหน้าคอมฯ.. :b12:

เจ้าของ:  อินทรีย์5 [ 19 ธ.ค. 2009, 19:29 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ปฏิบัติธรรมเพื่ออะไร

:b40:
อ้างคำพูด:
เป้าหมายที่สูงสุดคืออะไร
เราปฏิบัติตามหลักธรรมคำสอนขององค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้าเพื่ออะไร
ท่านตรัสรู้อะไร และมุ่งหวังให้เหล่ามนุษย์เห็นในจุดใด ไปถึงในจุดใด
นั่นก็คือการแจ้งในหลักอริยสัจ 4 เพื่อความพ้นทุกข์ ไม่กลับมาเกิดอีก

กล่าวได้ถูกต้องครับ เราปฏิบัติเพื่อหวังความพ้นทุกข์ จะได้ไม่ต้องเกิดอีก
แต่ถ้าทำเพื่อตัดวัฏฏะไม่ได้ ก้เอาเพียงไปสู่โลกสวรรค์ก้ถือว่าดีแล้ว
เพียงแต่การปฏิบัติธรรมถ้าศึกษาดูดี จะอยู่เหนือกรรมดีหรอืกรรมขาว
กับกรรมชั่วหรือกรรมดำ คืออยู่เหนือกรรมทั้ง2 อย่างนี้ หรือจะเรียกว่า
"มรรคกรรม" กรรมหรือการกระทำที่ปฏิบัติแล้วสามารถตัดวัฏฏะ3 ได้
สามารถเดินเข้าหา มรรค ผลได้ หาเดินสายนี้แล้วเป้าหมายถึงที่พึงควรพึง
ทำมีอย่างเดียวคือนิพพานหรอืทำให้หมดกิเลส ถือเป็นสิ่งสำคัญสุดและละเอียด
ที่สุดของชาวพุทธ เพียงแต่ว่าความตั้งใจและความพยายามของมุนุษย์แต่ละคนไม่เท่ากัน
และก็ทำกรรมวัฏและอธิวาสนาในแต่ละชาติมาไม่เหมือนกัน จึงทำให้มนุษย์เกิดมามีความแตกต่างกันตามลำดับ:b39: :b39: :b39: :b39: :b39: :b39:

ในเวปนี้มีผู้รู้อย่เยอะ การจะเห็นแตกต่างจากK พงพัน ถือเป็นเรือ่งปกติอยู่แล้วครับ cool
มีอะไรดีๆ ก้นำมาเล่าสู่กันฟังอีกนะคับ :b55: :b47:

เจ้าของ:  chulapinan [ 19 ธ.ค. 2009, 20:00 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ปฏิบัติธรรมเพื่ออะไร

อ้างคำพูด:
การปฏิบัติธรรม อย่างแรกที่ต้องรู้คือเป้าหมายสูงสุดในการปฏิบัติ
ธรรมทุกอย่าง การปฏิบัติทุกอย่างควรจะต้องมีเป้าหมาย
โดยดำเนินไปในทางสายกลาง ในทางที่จะไปสู่เป้าหมายนั้น
(ถ้าใครไม่ทราบว่าอะไรคือทางสายกลางของตน ก็ให้ปฏิบัติตาม มรรคมีองค์ 8)


เห็นด้วยเลยค่ะ

อ้างคำพูด:
เป้าหมายที่สูงสุดคืออะไร
เราปฏิบัติตามหลักธรรมคำสอนขององค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้าเพื่ออะไร
ท่านตรัสรู้อะไร และมุ่งหวังให้เหล่ามนุษย์เห็นในจุดใด ไปถึงในจุดใด
นั่นก็คือการแจ้งในหลักอริยสัจ 4 เพื่อความพ้นทุกข์ ไม่กลับมาเกิดอีก


ของจุฬาภินันท์คือ การได้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าค่ะ

อ้างคำพูด:
บางคนปฏิบัติจะเอาแต่บุญแต่กุศล ความดีงามต่างๆ แต่ไม่เคยคิดปฏิบัติเพื่อความพ้นทุกข์ที่แท้จริง
โดยหารู้ไม่ว่า บุญกุศลหรือความสุขนั้นก็เป็นตัวทุกข์ตัวหนึ่งเหมือนกัน
แล้วสมควรแล้วหรือที่เราจะปฏิบัติธรรมเพียงเพื่อเอาแต่ความสุข ความดีงาม ความเป็นกุศลในชีวิต


ไม่ใช่แค่บางคนค่ะที่เอาแต่บุญ ทุกคนต่างหากที่จะเอาบุญ สำคัญที่ละกิเลสตัวนั้นได้มั้ย ไม่ต้องหวังว่าจะได้บุญน่ะค่ะ

จะว่าไปบุญกุศลไม่ใช่ตัวทุกข์ แต่เป็นนามธรรมที่แยกออกมาชัดจากทุกข์และสุขค่ะ แต่ความสุขเป็นสุขแค่ชั่วคราว พ้นทุกข์ที่แท้คือพระนิพพานค่ะ

อ้างคำพูด:
ถ้ามองที่จุดหมายการปฏิบัติที่แท้จริงแล้ว บุญ กุศล ความดีงามต่างๆเป็นสิ่งที่สำคัญ ควรมีไว้
แต่มีไว้เพื่อเป็นเพียงเครื่องมือเพื่อไปสู่พระนิพพานเท่านั้น
ไม่ใช่สิ่งที่มีไว้เพื่อยึดมั่นถือมั่นแต่อย่างใด


ถูกเลยค่ะ จุฬาภินันท์เห็นด้วยสุดๆ

อ้างคำพูด:
ปัจจุบันพุทธศาสนิกชนทั้งหลายแทบจะลืมหรือไม่เล็งเห็นถึงเป้าหมายสูงสุดนี้
เพราะคิดว่าการพ้นทุกข์ไม่ต้องกลับมาเวียนว่ายตายเกิดหรือการไปพระนิพพานนั้น
ยากเกินกำลังของสามัญชนคนธรรมดาอย่างเรา
ผู้ที่ทำได้น่าจะเป็นผู้ที่ปฏิบัติมานานๆหลายสิบปีหรือเป็นพระเท่านั้น


พุทธศาสนิกชนยังหวังพระนิพพานค่ะ และเห็นว่าเป็นการยาก ซึ่งก็ยากมากจริงๆ แต่ไม่เกินความพยายามค่ะ อย่างจุฬาภินันท์ก็ไม่คิดว่าจะเกินความเพียรพยายาม

พุทธพจน์สุดท้ายของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า - "นิพพานบรรลุได้ด้วยความเพียรพยายามเท่านั้น" ค่ะ

อ้างคำพูด:
ในสมัยพุทธกาล เมื่อพระพุทธเจ้าท่านแสดงธรรม
มีอุบาสก อุบาสิกกา ภิกษุ ภิกษุณี ได้ดวงตาเห็นธรรม
พ้นจากการกลับมาเวียนว่ายตายเกิดกันมากมาย
โดยไม่ต้องมีสมาธิถึงขั้นฌานด้วยซ้ำ
"เค้าเหล่านั้นทำได้อย่างไร เค้าเข้าไปเห็นความจริงอะไรกัน หรือพระพุทธเจ้าท่านปล่อยแสงใส่บุคคลเหล่านั้นขณะท่านทรงเทศนาหรือเปล่า"
เปล่าเลย......
พระองค์ทรงเทศน์ ด้วยกริยาที่เรียบง่าย
เทศน์หลักธรรมความเป็นจริง เน้นเรื่องหลักอริยสัจ 4
เพื่อให้เหล่าบุคคลที่ฟังพระธรรมเทศนานั้น เข้าไปเห็นตามความจริงของธรรม
เกิดปัญญาละความยึดมั่นถือมั่นได้ในที่สุด


พระพุทธองค์ไม่ได้ปล่อยแสง แต่เมตตาสื่อจิตให้รู้และเข้าถึงค่ะ

อ้างคำพูด:
สิ่งที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ผมไม่ได้นึกคิดขึ้นมาเองแต่อย่างใด
ล้วนแล้วแต่มีครูบาอาจารย์ นักปฏิบัติ ยืนยันทั้งสิ้น
และอ้างจากความเป็นจริงที่ผู้ปฏิบัติย่อมรู้ได้เห็นได้จริงอย่างแน่นอน


ต้องขออภัยนะคะถ้าจุฬาภินันท์จะบอกว่า มันยังไม่ใช่ความจริงทั้งหมดน่ะค่ะ

อ้างคำพูด:
นักปฏิบัติทั้งหลาย ไม่ควรประมาทหลงยึดกันอยู่กับสิ่งที่ไม่น่ายึดมั่นถือมั่น
คือทุกสิ่งทุกอย่างที่เราเกิดมาแล้ว รู้ได้ เห็นได้ สัมผัสได้ทั้งหมด
ท่านทั้งหลายไม่ควรประมาทในความรู้ความสามารถของตน


เห็นด้วยค่ะ

อ้างคำพูด:
เราเวียนว่ายตายเกิดกันมา กี่กัปกี่กัลป์แล้วจนไม่มีทางนับถ้วน
ไม่ใช่ง่ายๆที่จะเกิดมาเป็นมนุษย์ ไม่ใช่ง่ายๆที่จะเกิดมาพบพระพุทธศาสนา
และก็ไม่ใช่ง่ายๆอีกที่เกิดมาพบพระพุทธศาสนาแล้วได้ปฏิบัติธรรมในแนวทางที่ถูกต้อง


ถูกค่ะ แต่ว่าการพบพุทธศาสนาและได้ปฏิบัตินั้น ไม่ใช่เรื่องยาก เป็นเรื่องของบุญที่ทำน่ะค่ะ แค่ทำบุญ ทำดี ใครก็พบศาสนาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ค่ะ

อ้างคำพูด:
เร่งเอาเถิด เพียรเอาเถิด ท่านอาจบรรลุเป้าหมายสูงสุดของพระพุทธศาสนา
ในชาตินี้หรือไม่นานนี้ก็ได้


เห็นด้วยค่ะ ไม่นานเลยถ้าเทียบกับชั่วกัปป์ชั่วกัลป์

หน้า 1 จากทั้งหมด 2 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/