ลานธรรมจักร
http://www.dhammajak.net/forums/

มีคำถามมาถามครับ
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=27617
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

เจ้าของ:  tammylala [ 10 ธ.ค. 2009, 23:49 ]
หัวข้อกระทู้:  มีคำถามมาถามครับ

ถ้าเด็กซนนำดินสอไปขีดโดนตัวพระเครื่องจะถือว่าบาปไหม

เจ้าของ:  walaiporn [ 10 ธ.ค. 2009, 23:55 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: มีคำถามมาถามครับ


เมื่อคุณเห็นเหตุการณ์แบบนั้น คุณคิดว่ายังไงล่ะคะ

เจ้าของ:  tammylala [ 11 ธ.ค. 2009, 00:13 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: มีคำถามมาถามครับ

คิดว่าไม่น่จะบาปใช่หรือไม่ครับ

เจ้าของ:  kanalove [ 11 ธ.ค. 2009, 00:17 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: มีคำถามมาถามครับ

เด็กคนนั้น เขาไม่มีเจตนาน่ะ

แต่การกระทำทุกอยางนั้นมีผล ทั้งหมด ไม่ว่าจะด้วยอะไรทั้งสิ้น

แต่เมื่อไม่มีเจตนา(เพราะความไม่รู้) ผลที่ได้จึงได้ไม่เต็มร้อย

เด็กคนนั้นเขาจะได้เศษกรรมน่ะ แม้ว่าเขาจะไม่ได้เจตนาก็ตาม

เจ้าของ:  TAKSA [ 11 ธ.ค. 2009, 05:52 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: มีคำถามมาถามครับ

kanalove เขียน:
เด็กคนนั้น เขาไม่มีเจตนาน่ะ

แต่การกระทำทุกอยางนั้นมีผล ทั้งหมด ไม่ว่าจะด้วยอะไรทั้งสิ้น

แต่เมื่อไม่มีเจตนา(เพราะความไม่รู้) ผลที่ได้จึงได้ไม่เต็มร้อย

เด็กคนนั้นเขาจะได้เศษกรรมน่ะ แม้ว่าเขาจะไม่ได้เจตนาก็ตาม

สมมุติมีต้นกล้วยออกลูกประหลาด มาขึ้นอยู่ในที่ดินของผม
พอชาวบ้านได้ข่าวก็พากันมาผูกผ้าแดง กราบไหว้กัน(แต่ไม่ได้ขอหวย)

มาวันหนึ่งผมต้องใช้ที่ตรงนั้น ผมมีเจตนาฟันต้นกล้วยนั้นทิ้ง
ถ้าทำอย่างนี้แล้วผมจะบาปมั้ยครับ จะมีเศษกรรมมั้ยครับ :b9:

เจ้าของ:  bbb [ 11 ธ.ค. 2009, 09:04 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: มีคำถามมาถามครับ

ไม่บาปหรอกนะครับ
พระเครื่องก็ไม่ได้ทำมาจากอะไรที่ไหน
เด็กก็ไร้เดียงสาอยู่ อนุโมทนาครับ
(อย่าลืมเก็บไว้ที่ดีๆ ละ อิอิ)

เจ้าของ:  chulapinan [ 11 ธ.ค. 2009, 16:09 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: มีคำถามมาถามครับ

ไม่บาปค่ะ เด็กเจตนาก็จริง แต่เจตนาของเด็กเพราะเล่นสนุก ไม่ใช่ลบหลู่ แต่สนุกแล้วหาของเล่น แกยังแยกแยะไม่ได้ ผู้ใหญ่ก็ไม่ควรลงโทษ แค่สอนก็พอค่ะ

เจ้าของ:  kanalove [ 11 ธ.ค. 2009, 16:54 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: มีคำถามมาถามครับ

TAKSA เขียน:
kanalove เขียน:
เด็กคนนั้น เขาไม่มีเจตนาน่ะ

แต่การกระทำทุกอยางนั้นมีผล ทั้งหมด ไม่ว่าจะด้วยอะไรทั้งสิ้น

แต่เมื่อไม่มีเจตนา(เพราะความไม่รู้) ผลที่ได้จึงได้ไม่เต็มร้อย

เด็กคนนั้นเขาจะได้เศษกรรมน่ะ แม้ว่าเขาจะไม่ได้เจตนาก็ตาม

สมมุติมีต้นกล้วยออกลูกประหลาด มาขึ้นอยู่ในที่ดินของผม
พอชาวบ้านได้ข่าวก็พากันมาผูกผ้าแดง กราบไหว้กัน(แต่ไม่ได้ขอหวย)

มาวันหนึ่งผมต้องใช้ที่ตรงนั้น ผมมีเจตนาฟันต้นกล้วยนั้นทิ้ง
ถ้าทำอย่างนี้แล้วผมจะบาปมั้ยครับ จะมีเศษกรรมมั้ยครับ :b9:


ถ้าเป็นต้นกล้วยที่แปลกพิศดารกว่าต้นกล้วยทั่วไป แสดงว่า น่าจะมีเทพาอารักษ์ หรือนางไม้สิงสถิตอยู่

ก็ลองคิดดูล่ะกัน ถ้าต้นกล้วยนั้นเป็นบ้านของเขาแล้วคุณไปฟันทิ้งจะเกิดอะไรขึ้น?

เจ้าของ:  TAKSA [ 11 ธ.ค. 2009, 18:36 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: มีคำถามมาถามครับ

kanalove เขียน:
TAKSA เขียน:
kanalove เขียน:
เด็กคนนั้น เขาไม่มีเจตนาน่ะ

แต่การกระทำทุกอยางนั้นมีผล ทั้งหมด ไม่ว่าจะด้วยอะไรทั้งสิ้น

แต่เมื่อไม่มีเจตนา(เพราะความไม่รู้) ผลที่ได้จึงได้ไม่เต็มร้อย

เด็กคนนั้นเขาจะได้เศษกรรมน่ะ แม้ว่าเขาจะไม่ได้เจตนาก็ตาม

สมมุติมีต้นกล้วยออกลูกประหลาด มาขึ้นอยู่ในที่ดินของผม
พอชาวบ้านได้ข่าวก็พากันมาผูกผ้าแดง กราบไหว้กัน(แต่ไม่ได้ขอหวย)

มาวันหนึ่งผมต้องใช้ที่ตรงนั้น ผมมีเจตนาฟันต้นกล้วยนั้นทิ้ง
ถ้าทำอย่างนี้แล้วผมจะบาปมั้ยครับ จะมีเศษกรรมมั้ยครับ :b9:


ถ้าเป็นต้นกล้วยที่แปลกพิศดารกว่าต้นกล้วยทั่วไป แสดงว่า น่าจะมีเทพาอารักษ์ หรือนางไม้สิงสถิตอยู่

ก็ลองคิดดูล่ะกัน ถ้าต้นกล้วยนั้นเป็นบ้านของเขาแล้วคุณไปฟันทิ้งจะเกิดอะไรขึ้น?

เขาก็คงไปหาที่อยู่ใหม่ละครับ บ้านของเขาแต่มันที่ของผม เป็นนางไม้คิด
จะทำอะไรตามใจชอบได้หรือ ค่าเช่าก็ไม่ให้ แถมทำให้ชาวบ้านมารบกวนผมอีก
ถ้าขืนยังไม่ไป เจอขอหาบุกรุกแน่ นางไม้ก็นางไม้เถอะ :b13:

เจ้าของ:  เอรากอน [ 11 ธ.ค. 2009, 18:40 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: มีคำถามมาถามครับ

TAKSA เขียน:

เขาก็คงไปหาที่อยู่ใหม่ละครับ บ้านของเขาแต่มันที่ของผม เป็นนางไม้คิด
จะทำอะไรตามใจชอบได้หรือ ค่าเช่าก็ไม่ให้ แถมทำให้ชาวบ้านมารบกวนผมอีก
ถ้าขืนยังไม่ไป เจอขอหาบุกรุกแน่ นางไม้ก็นางไม้เถอะ :b13:


:b2: :b2: "คนใจร้ายยยยยย......" :b2: :b2: :b2:

นางไม้ฝากมาบอก...ค่ะ

:b32: :b32: :b32:

เจ้าของ:  kanalove [ 11 ธ.ค. 2009, 18:54 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: มีคำถามมาถามครับ

อ้างคำพูด:
เขาก็คงไปหาที่อยู่ใหม่ละครับ บ้านของเขาแต่มันที่ของผม เป็นนางไม้คิด
จะทำอะไรตามใจชอบได้หรือ ค่าเช่าก็ไม่ให้ แถมทำให้ชาวบ้านมารบกวนผมอีก
ถ้าขืนยังไม่ไป เจอขอหาบุกรุกแน่ นางไม้ก็นางไม้เถอะ

ตามสบาย =-="

เจ้าของ:  Bwitch [ 12 ธ.ค. 2009, 13:06 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: มีคำถามมาถามครับ

วิธีห้ามจิตไม่ให้คิดอกุศล

ธรรมชาติของจิตไม่ชอบอยู่นิ่ง ชอบนึกคิดไปต่างๆ นานา เช่น นึกคิดไปในทางกามบ้าง นึกคิดไปในทางอาฆาตพยาบาทบ้าง การนึกคิดในทางที่ไม่ดีเหล่านี้เรียกว่า อกุศลวิตก การห้ามจิตไม่ให้นึกคิด ในทางอกุศลทำได้ยาก บุคคลส่วนมากไม่ต้องการคิดในทางอกุศล แต่มักจะอดคิดไม่ได้ คิดจนนอนไม่หลับหรือเป็นโรคประสาทก็มี คิดจนฆ่า ตัวตายไปก็มี ตรงกันข้าม เมื่อต้องการคิดเรื่องที่เป็นบุญเป็นกุศล มักจะคิดในทางกุศลได้ไม่นาน การห้ามจิตไม่ให้คิดอกุศลจึงเป็นเรื่องสำคัญ ในที่นี้จะได้กล่าวถึงวิธีห้ามจิตไม่ให้คิดอกุศล ๕ วิธี คือ

๑. เมื่อใส่ใจอารมณ์ใดอยู่ อกุศลวิตกเกิดขึ้น ก็ให้ใส่ใจอารมณ์อื่นที่เป็นกุศลและเป็นคู่ปรับกัน เช่น เมื่อนึกคิดไปในทางราคะ ก็ให้หันมาเจริญอสุภสัญญา พิจารณาว่า ร่างกายนี้เป็นของเน่าเปื่อยไม่สะอาด มีของโสโครกไหลออกอยู่เนืองๆ จะหาสิ่งที่เป็นแก่นสาร หรือสิ่งประเสริฐ ในกายนี้ไม่ได้เลย เมื่อมาใส่ใจอารมณ์อื่นที่เป็นกุศล คือ อสุภสัญญา ย่อมละราคะได้ ถ้าโลภอยากได้ข้าวของเงินทองต่างๆ ก็ให้พิจารณาว่า ทรัพย์สมบัติเหล่านั้นเป็นของกลางสำหรับแผ่นดิน ไม่มีใครเป็นเจ้าของที่แท้จริง เป็นเพียงของที่ยืมมาใช้ชั่วคราว ตายแล้วก็เอาไปไม่ได้ ต้องทิ้งไว้ในโลกให้ผู้อื่นใช้ต่อไป เมื่อมาใส่ใจในเรื่องอื่นที่เป็นกุศล คือ ความไม่มีเจ้าของและเป็นของชั่วคราว ย่อมละความโลภในทรัพย์สมบัติได้ ถ้านึกคิดไปในทางเบียดเบียนด้วยอำนาจโทสะ ก็พึงเจริญเมตตาด้วยการระลึกถึงพุทธพจน์ ที่เป็นไปเพื่อคลายความอาฆาต เช่น พุทธพจน์ในกกจูปมสูตร (๑๒/๒๗๒) ที่ว่า

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย หากจะมีพวกโจรผู้มีความประพฤติต่ำช้า เอาเลื่อยที่มีที่จับทั้งสองข้าง เลื่อยอวัยวะใหญ่น้อยของพวกเธอ แม้ใน เหตุนั้น ภิกษุใดมีใจคิดร้ายต่อโจรเหล่านั้น ภิกษุนั้นไม่ชื่อว่าเป็นผู้ทำตามคำสอนของเรา เพราะเหตุที่อดกลั้นไม่ได้นั้น

ภิกษุทั้งหลาย แม้ในข้อนั้น พวกเธอพึงศึกษาอย่างนี้ว่า จิตของเราจักไม่แปรปรวน เราจักไม่เปล่งวาจาลามก เราจักอนุเคราะห์ด้วยสิ่งที่เป็นประโยชน์ เราจักมีจิตเมตตาไม่มีโทสะภายใน เราจักแผ่เมตตาจิต ไปถึงบุคคลนั้น และเราจักแผ่เมตตาจิตอันไพบูลย์ ใหญ่ยิ่ง หาประมาณมิได้ ไม่มีเวร ไม่มีพยาบาท ไปตลอดโลก ทุกทิศทุกทาง ซึ่งเป็นอารมณ์ของจิตนั้น

เมื่อมาใส่ใจอารมณ์อื่นอันเป็นกุศล คือ เจริญเมตตา ย่อมละโทสะได้ เหมือนช่างไม้ผู้ฉลาด ใช้ลิ่มอันเล็กตอก โยก ถอน ลิ่มอันใหญ่ออก ฉะนั้น

๒. เมื่อใส่ใจอารมณ์อื่นอันเป็นกุศลอยู่ อกุศลวิตกยังเกิดขึ้นเรื่อยๆ ก็ควรพิจารณาโทษของอกุศลวิตกว่า ย่อมเป็นไปเพื่อเบียดเบียนตนบ้าง เบียดเบียนผู้อื่นบ้าง เบียดเบียนทั้งตนและผู้อื่นบ้าง ทำให้ปัญญาดับ ก่อให้เกิดความคับแค้น ให้ผลเป็นความทุกข์ความเดือดร้อน ไม่เป็นไปเพื่อพระนิพพาน เมื่อพิจารณาโทษอยู่อย่างนี้ ย่อมละอกุศลวิตกนั้นได้ เหมือนชายหนุ่มหรือหญิงสาวรู้ว่า มีซากศพซึ่งเป็นของปฏิกูลน่ารังเกียจผูกอยู่ที่คอ ย่อมรีบทิ้งซากศพนั้นโดยเร็ว

๓. เมื่อพิจารณาโทษของอกุศลวิตกนั้นอยู่ อกุศลวิตกยังเกิดขึ้นเรื่อยๆ ก็อย่าใส่ใจ อย่านึกถึงอกุศลวิตกนั้น เมื่อไม่นึก ไม่ใส่ใจ ก็ย่อมละอกุศลวิตกนั้นได้ เหมือนบุรุษผู้มีจักษุ ไม่ต้องการจะเห็นรูปที่ผ่านมา เขาพึงหลับตาเสีย หรือเหลียวไปทางอื่นเสีย

พระโบราณาจารย์ก็เคยใช้วิธีนี้ แก้ความกระวนกระวายของติสสสามเณรที่ต้องการลาสิกขา เรื่องมีอยู่ว่า

ติสสสามเณรคิดจะลาสิกขา จึงแจ้งให้พระอุปัชฌาย์ทราบ พระเถระจึงหาวิธีเบนความสนใจของสามเณร โดยกล่าวว่า ในวิหารนี้หาน้ำได้ยาก เธอจงพาเราไปที่จิตตลดาบรรพต สามเณรก็กระทำตาม พระเถระกล่าวกับสามเณรอีกว่า เธอจงสร้างที่อยู่ใหม่ให้เป็นที่อยู่อาศัยเฉพาะบุคคลคนหนึ่ง สามเณรก็รับคำ แล้วสามเณรก็เริ่มสิ่งทั้งสามพร้อมๆ กัน คือ เรียนคัมภีร์สังยุตตนิกายตั้งแต่ต้น การชำระพื้นที่ที่เงื้อมเขา และการบริกรรมเตโชกสิณจนถึงอัปปนา เมื่อเรียนสังยุตตนิกาย จบลงแล้ว ก็เริ่มทำที่อยู่ในถ้ำ

เมื่อทำกิจทั้งปวงสำเร็จแล้ว ก็แจ้งให้พระอุปัชฌาย์ทราบ พระอุปัชฌาย์กล่าวว่า สามเณร ที่อยู่เฉพาะบุคคล ที่เธอทำเสร็จนั้น ทำได้ยาก เธอนั่นแหละจงอยู่

สามเณรนั้น เมื่ออยู่ในถ้ำตลอดราตรี ได้อุตุสัปปายะ จึงยังวิปัสสนาให้เจริญ แล้วบรรลุพระอรหัต ปรินิพพานในถ้ำนั้นแหละ ชนทั้งหลายจึงเอาธาตุของสามเณรก่อสร้างพระเจดีย์ไว้

นี้คือเรื่องของติสสสามเณรที่ถูกพระอุปัชฌาย์เบนความสนใจ ให้ไปกระทำสิ่งอื่นที่เป็นกุศล จนลืมความคิดที่จะลาสิกขา เมื่อไม่ใส่ใจ ไม่นึกถึง ความคิดที่จะลาสิกขาก็ดับไปเอง

๔. เมื่อไม่นึกไม่ใส่ใจในอกุศลวิตกนั้น อกุศลวิตกยังเกิดขึ้นเรื่อยๆ ก็ควรใส่ใจถึงเหตุของอกุศลวิตกนั้นว่า อกุศลวิตกนั้นมีอะไรเป็นเหตุ มีอะไรเป็นปัจจัย เพราะเหตุไรจึงเกิดขึ้น เมื่อค้นพบเหตุปัจจัยอันเป็นมูลรากแล้ว อกุศลวิตกนั้นย่อมจะเบาบางลง แล้วถึงความดับไป โดยประการทั้งปวง

๕. เมื่อใส่ใจถึงเหตุแห่งอกุศลวิตกนั้นอยู่ อกุศลวิตกยังเกิดขึ้นเรื่อยๆ ก็พึงกัดฟันด้วยฟัน ดุนเพดานด้วยลิ้น ข่ม บีบคั้น บังคับจิตด้วยจิต เมื่อข่มจิตอย่างนี้ ย่อมละอกุศลวิตกนั้นเสียได้ เหมือนบุรุษผู้มีกำลังมากจับบุรุษผู้มีกำลังน้อยไว้ได้ แล้วบีบกด เค้นที่ศีรษะ คอ หรือก้านคอไว้ให้แน่น ทำบุรุษนั้นให้เร่าร้อน ให้ลำบาก ให้สยบ ฉะนั้น
(วิตักกสัณฐานสูตร ๑๒/๒๕๖)

วิธีควบคุมอกุศลวิตกทั้ง ๕ วิธีนี้ อาจย่อให้สั้นเพื่อให้จำได้ง่าย ดังนี้ คือ
๑. เปลี่ยนนิมิต หันมาคิดเรื่องที่เป็นกุศลและเป็นคู่ปรับกัน

๒. พิจารณาโทษา พิจารณาโทษของความคิดฝ่ายชั่ว

๓. อย่าไปสน อย่าสนใจความคิดฝ่ายชั่ว หางานอื่นทำ

๔. ค้นเหตุที่คิด หาสาเหตุของความคิดฝ่ายชั่ว

๕. ข่มจิต เอาฟันกัดฟัน เอาลิ้นกดเพดาน เพื่อข่มจิต

ผู้ที่ฝึกหัดตามวิธีทั้ง ๕ นี้จนชำนาญ ย่อมควบคุมความคิดของตนได้ เมื่อต้องการคิดเรื่องใดก็คิดเรื่องนั้นได้ ไม่ต้องการคิดเรื่องใด ก็เลิกคิดเรื่องนั้นได้ การควบคุมความคิดได้ดังใจนึกเช่นนี้เป็นประโยชน์อย่างมากทั้งทางโลกและทางธรรม

เจ้าของ:  Bwitch [ 12 ธ.ค. 2009, 13:07 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: มีคำถามมาถามครับ

tongue แต่ละคำถามนี่ เฮ้ออ....

อยากให้ จขกท มีความสุขบ้าง จริงๆ นะ :b16: :b8:

หน้า 1 จากทั้งหมด 1 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/