วันเวลาปัจจุบัน 27 เม.ย. 2024, 05:07  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 19 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ธ.ค. 2009, 11:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ย. 2009, 07:25
โพสต์: 5

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อารมณืที่เจอในการภาวนามีมากมายร่วมพูดคุยเพื่อแลกเปลี่ยนความคิเหนครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ธ.ค. 2009, 12:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 พ.ย. 2009, 11:43
โพสต์: 14

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Ter_son เขียน:
อารมณืที่เจอในการภาวนามีมากมายร่วมพูดคุยเพื่อแลกเปลี่ยนความคิเหนครับ

tongue รบกวนสอบถามนิดนะคะ การนั่งสมาธิ การนั่งวิปัสนา กรรมฐาน แตกต่างกันมั้ยคะ ถ้าแตกต่างแตกต่างกันอย่างไรคะ tongue


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ธ.ค. 2009, 12:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 พ.ย. 2009, 11:43
โพสต์: 14

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: เคยนั่งสมาธิแล้วมีประสพการณ์มาเล่าสู่กันฟังค่ะ คือเมื่อ3ปีก่อนเคยพยายามนั่งสมาธิ แต่ก็ทำไม่ได้ค่ะ เพราะหลวงพ่อบอกให้กำหนดจิต ก็กำหนดไม่เป็นค่ะ จิตมันไม่นิ่ง จนกระทั่งมารู้จักน้องสาวคนหนึ่ง เธอเล่าว่า การนั่งสมาธิ ไม่ไช่การกำหนดจิตให้นิ่ง แต่ต้องเริ่มจากการตามจิตให้ทันก่อน จากนั้นดิฉันก็เริ่มนั่งใหม่ แล้วก็ฝึกตามจิตให้ทัน 2 อาทิตย์แรกจิตไปโน่นไปนี่ ไม่นิ่งเลยค่ะ แล้วพออาทิตย์ที่ 3 ดิฉันนั่งแล้วว่างเปล่า ตกใจมากค่ะ หาจิตตัวเองไม่เจอ พอถามหลวงพ่อท่านบอกว่า ว่างเปล่าน่ะดีแล้ว จะได้เริ่มกำหนดจิตได้ แปลว่าจิตเรานิ่งแล้ว ดิฉันก็นั่งต่อค่ะ มันว่างเปล่าจน "งง" ค่ะ แล้วจากนั้น จู่ๆ ดิฉันก็รู้สึกเหมือนมีคนมาโยกตัวบาง เหมือนเราลอยได้บ้าง ก็ตกใจ ถามหลวงพ่อท่านบอกว่า นั่นเรียกว่าขั้น "ปิติ" ไม่ต้องคิดอะไร ให้นิ่งไว้ ดิฉันก็ทำตามค่ะ พอเดือนที่ 2 มีอยู่วันหนึ่งดิฉันนั่งสมาธิหลังสวดมนต์ที่ห้องพระที่บ้าน ก็ได้ยินเสียงนกแสกร้อง 1 ครั้ง ดิฉันก็ตกใจ กลัวจะเกิดเหตุร้ายกับคนในครอบครัว ก็เที่ยวสอบถามเพื่อนๆ ทางเน็ตฯ บางคนก็บอกว่า มาร ,บางคนบอกเป็นเปรตมาขอส่วนบุญ ให้นั่งสมาธิเสร็จแล้วแผ่เมตตาให้เขา พี่คนสุดท้ายบอกว่านกแสกร้องเพราะเห็นท่านยมฑูตมารอรับวิณณาญ (อันนี้จริงค่ะ เพราะวันรุ่งขึ้นก็มีศพมาตั้งที่เมรุฯ จริงๆ)จากนั้นดิฉันก็นั่งต่อมาเรื่อยๆ จนกระทั่ง จู่ๆ ดิฉันรู้สึกเหมือนตัวเองหยุดหายใจ กลัวจะหยุดจริงๆ ดิฉันก็ลืมตาขึ้น แล้วพอไปถามท่านผู้รู้ท่านก็บอกว่าไม่ต้องกลัว นั่นน่ะมาถูกทางแล้ว แต่ พอหลังจากวันนั้นมาดิฉันนั่งก็ไม่มีอะไร ว่างเปล่า อยากเรียนถามท่านผู้รู้ว่า ดิฉันควรทำอย่างไรต่อไปดีคะ :b20:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ธ.ค. 2009, 19:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ก.พ. 2009, 20:42
โพสต์: 699


 ข้อมูลส่วนตัว


^ ก็ว่างเปล่าไปเรื่อยๆ จนกว่าจะเห็นแสงสว่างอะนะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ธ.ค. 2009, 19:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


หลวงพ่ออะไรขอรับ คนมีองค์ :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ธ.ค. 2009, 03:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2009, 20:05
โพสต์: 60

แนวปฏิบัติ: พิจารณา......
ชื่อเล่น: ดุ๊กดิ๊กๆ
อายุ: 24
ที่อยู่: นครสวรรค์

 ข้อมูลส่วนตัว


คนมีองค์ เขียน:
:b8: เคยนั่งสมาธิแล้วมีประสพการณ์มาเล่าสู่กันฟังค่ะ คือเมื่อ3ปีก่อนเคยพยายามนั่งสมาธิ แต่ก็ทำไม่ได้ค่ะ เพราะหลวงพ่อบอกให้กำหนดจิต ก็กำหนดไม่เป็นค่ะ จิตมันไม่นิ่ง จนกระทั่งมารู้จักน้องสาวคนหนึ่ง เธอเล่าว่า การนั่งสมาธิ ไม่ไช่การกำหนดจิตให้นิ่ง แต่ต้องเริ่มจากการตามจิตให้ทันก่อน จากนั้นดิฉันก็เริ่มนั่งใหม่ แล้วก็ฝึกตามจิตให้ทัน 2 อาทิตย์แรกจิตไปโน่นไปนี่ ไม่นิ่งเลยค่ะ แล้วพออาทิตย์ที่ 3 ดิฉันนั่งแล้วว่างเปล่า ตกใจมากค่ะ หาจิตตัวเองไม่เจอ พอถามหลวงพ่อท่านบอกว่า ว่างเปล่าน่ะดีแล้ว จะได้เริ่มกำหนดจิตได้ แปลว่าจิตเรานิ่งแล้ว ดิฉันก็นั่งต่อค่ะ มันว่างเปล่าจน "งง" ค่ะ แล้วจากนั้น จู่ๆ ดิฉันก็รู้สึกเหมือนมีคนมาโยกตัวบาง เหมือนเราลอยได้บ้าง ก็ตกใจ ถามหลวงพ่อท่านบอกว่า นั่นเรียกว่าขั้น "ปิติ" ไม่ต้องคิดอะไร ให้นิ่งไว้ ดิฉันก็ทำตามค่ะ พอเดือนที่ 2 มีอยู่วันหนึ่งดิฉันนั่งสมาธิหลังสวดมนต์ที่ห้องพระที่บ้าน ก็ได้ยินเสียงนกแสกร้อง 1 ครั้ง ดิฉันก็ตกใจ กลัวจะเกิดเหตุร้ายกับคนในครอบครัว ก็เที่ยวสอบถามเพื่อนๆ ทางเน็ตฯ บางคนก็บอกว่า มาร ,บางคนบอกเป็นเปรตมาขอส่วนบุญ ให้นั่งสมาธิเสร็จแล้วแผ่เมตตาให้เขา พี่คนสุดท้ายบอกว่านกแสกร้องเพราะเห็นท่านยมฑูตมารอรับวิณณาญ (อันนี้จริงค่ะ เพราะวันรุ่งขึ้นก็มีศพมาตั้งที่เมรุฯ จริงๆ)จากนั้นดิฉันก็นั่งต่อมาเรื่อยๆ จนกระทั่ง จู่ๆ ดิฉันรู้สึกเหมือนตัวเองหยุดหายใจ กลัวจะหยุดจริงๆ ดิฉันก็ลืมตาขึ้น แล้วพอไปถามท่านผู้รู้ท่านก็บอกว่าไม่ต้องกลัว นั่นน่ะมาถูกทางแล้ว แต่ พอหลังจากวันนั้นมาดิฉันนั่งก็ไม่มีอะไร ว่างเปล่า อยากเรียนถามท่านผู้รู้ว่า ดิฉันควรทำอย่างไรต่อไปดีคะ :b20:

ยกอารมณ์นั้นเข้าพิจารณากายและใจ ได้อีกนะครับ อย่าปล่อยให้มันว่างอยู่เฉยๆ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ธ.ค. 2009, 15:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ส.ค. 2009, 09:31
โพสต์: 639

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สภาวะธรรมมีมากมายค่ะ คนที่จะฝึกสมาธิควรฝึกให้ใจนิ่งก่อน นิ่งไม่ได้แปลว่าว่าง แต่นิ่งคือรู้ค่ะ รู้สภาวะของร่างกายของจิตใจ รู้เฉยๆ ไม่ต้องคิดอะไร

และเมื่อถึงเวลาที่คุณได้ปัญญาจากการถือศีล ทำสมาธิ คุณจะเข้าใจสภาวะธรรมค่ะ ว่าสภาวะธรรมก็คือสภาวะ เราเปลี่ยนแปลงเขาไม่ได้ เราได้แต่ยึดไว้ แล้วนั่นแหละค่ะที่พระพุทธองค์ท่านให้ปล่อยวางซะ แม้กระทั้งสภาวะธรรมของการมีตัวตน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ธ.ค. 2009, 21:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 พ.ย. 2009, 07:32
โพสต์: 95

แนวปฏิบัติ: หลักวิถีธรรมชาติ - อานาปานสติ,บริกรรมภาวนา
ชื่อเล่น: นุ
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


...สภาวะธรรม ตามหลักคำสอนของ องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็คือ กายกับใจ
...การกำหนดจิต จะเกิดจากการที่จิตเราเข้าสมาธิได้บ่อยๆเข้า สมาธิที่กล่าวถึงคือ ขั้นอุปจารสมาธิ และ อัปปนาสมาธิ จนจิตเราจำอารมณ์(อารมณ์กรรมฐาน)นั้นๆได้ ดังนั้นเมื่อเราคล่องตัวในการเข้าสมาธิแล้ว เพียงแค่กำหนดจิตขณะเข้าสมาธิ จิตเราจะลงสู่สมาธิได้เร็วขึ้น
...สำหรับผู้เริ่มต้นหรือเริ่มเข้าสู่สมาธิได้แล้ว ขอให้ใช้หลัก ภาวิตา พหุลีกตา มากๆเข้าไว้ครับ
...การบำเพ็ญสมาธิภาวนานั้น ผู้ปฎิบัติเมื่อเลือกใช้ ๑ ใน อารมณ์สมถกรรมฐาน ทั้ง๔๐ประการ(เช่น บริกรรมภาวนา,เพ่งกสิณ,กำหนดตามรู้ลมหายใจ เป็นต้น) หรือ วิปัสนากรรมฐาน(เช่นกำหนดรู้ตามอารมณ์จิต ,กำหนดรู้ลงที่กาย เป็นต้น) แล้ว เวลาี่เราไม่ได้ เดินจงกรม นั่งสมาธิภาวนา ก็ควรนึกถึงอารมณ์นั้น ตลอดเวลา เพื่อฝึกให้จิตเราติดอารมณ์นั้นๆได้อย่างมั่นคง

....ขอให้เจริญในธรรมครับ

.....................................................
จงทำศีลให้เป็น อธิศีล
ทำจิตให้เเป็น อธิจิต
ทำปัญญาให้เป็น อธิปัญญา


พื้นฐานคุณธรรมความเป็นมนุษย์คือ ศีล๕ กุศลกรรมบถ๑๐ หิริโอตัปปะ และความกตัญญู กตเวทิตา

จุดสูงสุดของการรู้ธรรม เห็นธรรม ก็คือ
...สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา ...สิ่งนั้นมีความดับไปเป็นธรรมดา


แก้ไขล่าสุดโดย ภาวิตา-พหุลีกตา เมื่อ 07 ธ.ค. 2009, 21:32, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ธ.ค. 2009, 00:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 พ.ค. 2009, 02:41
โพสต์: 5636

แนวปฏิบัติ: พอง ยุบ
ชื่อเล่น: เจ
อายุ: 0
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว www


อนุโมทนาสาธุค่ะ คุณมีองค์
ขอให้บำเพียรต่อไปนะค่ะ :b8:

เจริญในธรรม :b8:

.....................................................
"มิควรหวังร่มเงาจากก้อนเมฆ"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ธ.ค. 2009, 10:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 ต.ค. 2008, 09:55
โพสต์: 405


 ข้อมูลส่วนตัว


คนมีองค์ เขียน:
:b8: เคยนั่งสมาธิแล้วมีประสพการณ์มาเล่าสู่กันฟังค่ะ คือเมื่อ3ปีก่อนเคยพยายามนั่งสมาธิ แต่ก็ทำไม่ได้ค่ะ เพราะหลวงพ่อบอกให้กำหนดจิต ก็กำหนดไม่เป็นค่ะ จิตมันไม่นิ่ง จนกระทั่งมารู้จักน้องสาวคนหนึ่ง เธอเล่าว่า การนั่งสมาธิ ไม่ไช่การกำหนดจิตให้นิ่ง แต่ต้องเริ่มจากการตามจิตให้ทันก่อน จากนั้นดิฉันก็เริ่มนั่งใหม่ แล้วก็ฝึกตามจิตให้ทัน 2 อาทิตย์แรกจิตไปโน่นไปนี่ ไม่นิ่งเลยค่ะ แล้วพออาทิตย์ที่ 3 ดิฉันนั่งแล้วว่างเปล่า ตกใจมากค่ะ หาจิตตัวเองไม่เจอ พอถามหลวงพ่อท่านบอกว่า ว่างเปล่าน่ะดีแล้ว จะได้เริ่มกำหนดจิตได้ แปลว่าจิตเรานิ่งแล้ว ดิฉันก็นั่งต่อค่ะ มันว่างเปล่าจน "งง" ค่ะ แล้วจากนั้น จู่ๆ ดิฉันก็รู้สึกเหมือนมีคนมาโยกตัวบาง เหมือนเราลอยได้บ้าง ก็ตกใจ ถามหลวงพ่อท่านบอกว่า นั่นเรียกว่าขั้น "ปิติ" ไม่ต้องคิดอะไร ให้นิ่งไว้ ดิฉันก็ทำตามค่ะ พอเดือนที่ 2 มีอยู่วันหนึ่งดิฉันนั่งสมาธิหลังสวดมนต์ที่ห้องพระที่บ้าน ก็ได้ยินเสียงนกแสกร้อง 1 ครั้ง ดิฉันก็ตกใจ กลัวจะเกิดเหตุร้ายกับคนในครอบครัว ก็เที่ยวสอบถามเพื่อนๆ ทางเน็ตฯ บางคนก็บอกว่า มาร ,บางคนบอกเป็นเปรตมาขอส่วนบุญ ให้นั่งสมาธิเสร็จแล้วแผ่เมตตาให้เขา พี่คนสุดท้ายบอกว่านกแสกร้องเพราะเห็นท่านยมฑูตมารอรับวิณณาญ (อันนี้จริงค่ะ เพราะวันรุ่งขึ้นก็มีศพมาตั้งที่เมรุฯ จริงๆ)จากนั้นดิฉันก็นั่งต่อมาเรื่อยๆ จนกระทั่ง จู่ๆ ดิฉันรู้สึกเหมือนตัวเองหยุดหายใจ กลัวจะหยุดจริงๆ ดิฉันก็ลืมตาขึ้น แล้วพอไปถามท่านผู้รู้ท่านก็บอกว่าไม่ต้องกลัว นั่นน่ะมาถูกทางแล้ว แต่ พอหลังจากวันนั้นมาดิฉันนั่งก็ไม่มีอะไร ว่างเปล่า อยากเรียนถามท่านผู้รู้ว่า ดิฉันควรทำอย่างไรต่อไปดีคะ :b20:


ก่อนอื่นต้องอนุโมทนาบุญกับการปฏิบัติสมาธิของคุณด้วยครับ

สิ่งที่คุณทำ และสิ่งที่หลวงพ่อหรือผู้รู้แนะนำมาจากที่เล่านั้นถูกต้องดีงามแล้วครับ

สิ่งที่คุณถาม ว่าจะทำอย่างไรต้องไป ก่อนจะตอบได้จะต้องรู้จักสภาวะที่เกิดขึ้นนี้ให้ดีเสียก่อน เพราะหากเราไม่รู้จักสภาวะที่เกิดขึ้นนี้ให้ชัดเจนแล้ว เราก็จะไม่สามารถจัดการมันได้อย่างถูกต้อง หรือเกิดการเข้าใจผิดไปได้ เพราะสภาวะ "ว่างเปล่า" นี้มีหลายระดับด้วยกัน เท่าที่เล่าประสบการณ์มานั้น ลองสังเกตดูว่าเกิดขึ้นตอนไหน

โดยสังเกตว่า ก่อนเกิดอาการ "ว่างเปล่า" นั้นได้มีอาการ ปีติ สุข และลมหายใจดับไป เกิดขึ้นเป็นลำดับอย่างนี้มาก่อนหรือเปล่า โดยหากมีอาการเหล่านั้นเกิดขึ้นมาก่อน ก็แสดงว่าอาการ "ว่างเปล่า" นั้นเป็นอาการของจิตที่สงบแล้ว และกำลังก้าวข้ามขึ้นไปสู่ความสงบปราณีตอีกขั้น แต่ถ้ายังไม่ใช่ก็แสดงว่าเป็นเพียงแค่อาการของลมหายใจระงับไปเพราะใกล้จะเริ่มสงบเต็มที่....

ตรงนี้ถ้าจะให้ชัดเจนจริงๆ ต้องสังเกตและพิสูจน์ด้วยตนเอง โดยให้ลองหมั่นอยู่กับอารมณ์ว่างนี้ วิธีที่จะแนะนำ คือ หาวันว่างที่มีเวลาตอนกลางวันไม่ได้ไปไหน เช่น วันหยุดทำงาน เป็นต้น หรือหากไม่มีวันหยุดจริงๆ ไม่ว่างจริงๆ ก็เอาเวลาตอนกลางคืนช่วงที่ใช้นอนก็ได้ แต่จะไม่ดีเท่าตอนกลางวัน

พอหาเวลาได้แล้ว ก็ให้เข้าสมาธิไปถึงจุดที่มีอารมณ์ว่างนั้นปรากฏขึ้น แล้วนั่งทรงอารมณ์นิ่งว่างอย่างนั้นไว้ให้นานที่สุด ซึ่งหากเราสามารถทำได้แบบไม่เปลี่ยนอิริยาบถเลย หรือไม่มีแม้ปวดเมื่อย ไม่มีอาการง่วงนอน ไม่มีหลับฝัน ไม่มีความคิดแทรก ไม่มีลมหายใจปรากฏ ไม่มีได้ยินเสียงภายนอก มีแต่ว่างๆ เท่านั้นอยู่อย่างนั้น สามารถนั่งได้ตั้งแต่ตอนเช้าไปจนถึงค่ำหรือถึงกลางคืน หรือจนถึงเช้า หรือข้ามวันข้ามคืนกันไป โดยเหมือนเวลาผ่านไปแป๊บเดียวก็แสดงว่าจิตของเรานั้นได้เข้าสู่ "อรูปฌาน" แล้ว เป็นอาการว่างนั้นเป็นอาการของ "อรูปฌาน"

แต่ถ้าหากเรายังทำไม่ได้ ก็แสดงว่าอาการว่างนั้นเป็นอาการของลมหายใจหายไปเพราะจิตใกล้จะเริ่มเข้าสู่ความสงบเต็มที่...

ซึ่งหากอาการว่างนั้นไม่ได้เป็นอรูปฌาน แต่เป็นอาการของลมหายใจหายไปเพราะจิตใกล้จะเริ่มเข้าสู่ความสงบเต็มที่ก็ให้ทำการกำหนดรู้อยู่กับความว่างต่อเนื่องไปอย่างนั้นไม่ต้องทำอะไร ไม่ต้องตกใจกลัว เป็นเพียงสภาวธรรมดา แล้วลมหายใจจะกลับมาปรากฏอีกครั้งหนึ่ง พอลมหายใจกลับมาปรากฏ ก็ให้กลับมาสนใจอยู่กับลมหายใจอย่างนั้นต่อเรื่อยๆ ไป

แต่ถ้าหากอาการว่างนั้นเป็นอรูปฌาน ก็ให้หมั่นทำความชำนาญให้เกิด โดยหมั่นทรงอารมณ์ว่างอยู่อย่างนั้นเป็นเวลานานๆ ประจำๆ เข้าได้ไวขึ้นเรื่อยๆ .... เอาเพียงเท่านี้ก่อน เมื่อทำได้ชำนาญแล้วค่อยต่อยอดไปความสงบระงับที่เหนือขึ้นไป หรือนำไปเจริญวิปัสสนาต่อไปก็ได้

ณ ตอนนี้ลองสังเกตตรวจสอบดังกล่าวก่อน และทำเท่าที่แนะนำไปเท่านี้ก่อนก็แล้วกันครับ

ขอให้เจริญในธรรมครับ


แก้ไขล่าสุดโดย ศิรัสพล เมื่อ 08 ธ.ค. 2009, 10:30, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ธ.ค. 2009, 12:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2009, 08:46
โพสต์: 405

แนวปฏิบัติ: ดูจิต-อานา
ชื่อเล่น: ขวานผ่าซาก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


แนะนำให้ทำตามที่หลวงพ่อบอกจะดีกว่า นะครับ

จะได้ ทำสมาธิภาวนาได้ถูกทาง ไม่ไขว้เขว เดี๋ยว ลองโน้นลองนี่ จะสับสน เปล่า ๆ

ในเมื่อเริ่มต้น ได้ดีแล้ว ถูกทางแล้ว ก็ตรงดิ่งเลยครับ อย่า แล้ว ทำจะให้ มีศรัทธากล้าขึ้นคือเชื่อคำสั่ง

สอนของพระพุทธเจ้า พระธรรม และครูบาอาจารย์ของเรา จะทำให้มีความก้าวหน้าได้รวดเร็วกว่าปกติ

แต่ถ้า ขึน สงสัย อยู่ ก็จะเสียเวลาออกนอกลู่นอกทางซะมากกว่านะครับ

ขออนุโมทนานะครับ กับการเห็นความว่าง ที่มันก็ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ และเป็นอนัตตาในตัวของตัวมันเอง

cool

.....................................................
สุ จิ ปุ ลิ...(หัวใจนักปราชญ์)

ปัจจุบันธรรม

โยนิโส มนสิการ
สติ สัมปชัญญะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ธ.ค. 2009, 00:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 พ.ย. 2009, 11:43
โพสต์: 14

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ยกอารมณ์นั้นเข้าพิจารณากายและใจ ได้อีกนะครับ อย่าปล่อยให้มันว่างอยู่เฉยๆ[/quote]
ขอบคุณนะคะที่แนะนำค่ะ tongue


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ธ.ค. 2009, 00:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 พ.ย. 2009, 11:43
โพสต์: 14

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ภาวิตา-พหุลีกตา เขียน:
...สภาวะธรรม ตามหลักคำสอนของ องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็คือ กายกับใจ
...การกำหนดจิต จะเกิดจากการที่จิตเราเข้าสมาธิได้บ่อยๆเข้า สมาธิที่กล่าวถึงคือ ขั้นอุปจารสมาธิ และ อัปปนาสมาธิ จนจิตเราจำอารมณ์(อารมณ์กรรมฐาน)นั้นๆได้ ดังนั้นเมื่อเราคล่องตัวในการเข้าสมาธิแล้ว เพียงแค่กำหนดจิตขณะเข้าสมาธิ จิตเราจะลงสู่สมาธิได้เร็วขึ้น
...สำหรับผู้เริ่มต้นหรือเริ่มเข้าสู่สมาธิได้แล้ว ขอให้ใช้หลัก ภาวิตา พหุลีกตา มากๆเข้าไว้ครับ
...การบำเพ็ญสมาธิภาวนานั้น ผู้ปฎิบัติเมื่อเลือกใช้ ๑ ใน อารมณ์สมถกรรมฐาน ทั้ง๔๐ประการ(เช่น บริกรรมภาวนา,เพ่งกสิณ,กำหนดตามรู้ลมหายใจ เป็นต้น) หรือ วิปัสนากรรมฐาน(เช่นกำหนดรู้ตามอารมณ์จิต ,กำหนดรู้ลงที่กาย เป็นต้น) แล้ว เวลาี่เราไม่ได้ เดินจงกรม นั่งสมาธิภาวนา ก็ควรนึกถึงอารมณ์นั้น ตลอดเวลา เพื่อฝึกให้จิตเราติดอารมณ์นั้นๆได้อย่างมั่นคง

....ขอให้เจริญในธรรมครับ



tongue ขอบคุณมากๆค่ะสำหรับความรู้ ผู้น้อยจะโน้มไปปฏิบัติค่ะ :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ธ.ค. 2009, 00:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 พ.ย. 2009, 11:43
โพสต์: 14

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


murano เขียน:
^ ก็ว่างเปล่าไปเรื่อยๆ จนกว่าจะเห็นแสงสว่างอะนะ



tongue ขอบคุณกำลังใจค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ธ.ค. 2009, 00:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 พ.ย. 2009, 11:43
โพสต์: 14

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
หลวงพ่ออะไรขอรับ คนมีองค์ :b1:

:b8: ต้องขอโทษนะคะ เพราะไม่ได้สอบถามว่าท่านชื่ออะไร เพราะตอนนั้นไปนั่งรวมๆกับเพื่อน,แล้วก็คนที่ไม่รู้จักหลายๆคนค่ะ :b8:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 19 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 148 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร