ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
ละรูปนาม http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=27293 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | พงพัน [ 27 พ.ย. 2009, 15:17 ] |
หัวข้อกระทู้: | ละรูปนาม |
"....การปฏิบัติทั้งหมดเราไม่ได้ไปละอะไรเลย เพียงแต่ไปรู้ความจริง แล้วก็หยุดความจริง โดยที่ไม่หลงความจริง และไม่ฝืนความจริง ...รู้ในธรรมชาติ แล้วก็ไม่หลงในธรรมชาติ และปล่อยวางทุกอย่างให้เป็นไปตามธรรมชาติทั้งหมด เพราะเราก็เป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ ขันธ์ ๕ ก็เป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ ตัวผู้รู้ก็เป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ สิ่งที่ถูกรู้ก็เป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติเช่นกัน จริงๆแล้วเป็นธรรมชาติทั้งหมด ไม่มีเราอยู่เลย เป็นเพียงสมมติของธรรมชาติทั้งหมด ....ถ้าเราแจ้งในธรรม ในกระบวนการของมันทั้งหมดแล้ว มองไปทางไหนก็ไม่มีเรา มองอนาคตก็ไม่มีเรา มองอดีตก็ไม่มีเรา แม้ในปัจจุบันก็หาเราไม่เจอ ทั้งสิ่งที่ถูกรู้และตัวผู้รู้ หาเราไม่เจอในกองขันธ์ ๕ และรูป-นาม นี้ มองไปทางไหนก็มีแต่ธาตุ มองทางไหนก็มีแต่สมมติ มองทางไหนก็มีแต่ของที่ไม่เที่ยง เกิด-ดับ อยู่อย่างนั้น หาความเป็นอะไรไม่มี เพราะทุกอย่างเป็นสมมติทั้งหมด ในเมื่อเป็นสมมติ เรายึดไว้ก็เป็นอุปาทาน เมื่อยึดอุปาทานก็ทำให้เกิด “ทุกข์”...การละตัณหาก็คือการละตัวอุปาทานนั้นเอง ...ในปฏิจจสมุปบาทก็เป็นอย่างนั้น มันคือวงจรที่เราไม่ได้ไปละอะไรเค้าเลย เพียงแต่ไปเข้าใจวงจรของเขา ว่าเมื่อมีสิ่งนี้ สิ่งนี้จึงเกิดขึ้น เพียงดับตัวใดตัวหนึ่งวงจรก็ดับหมด ดับอวิชชาวงจรก็ดับ ดับรูป-นาม วงจรก็ดับหมด ดับตัวใดตัวหนึ่งในปฏิจจสมุปบาทวงจรก็ดับทั้งหมด การดับก็คือการละ การไม่ยึดด้วยความเข้าใจนั่นเอง .....เพราะฉะนั้นการปฏิบัติเราไม่ได้ไปเอาอะไร ถ้ายังเอาอยู่ก็ยังไปนิพพานไม่ได้ เพียงแต่ไม่เอามันทั้งหมด ไม่เอาขันธ์ ๕ ไม่ยึดขันธ์ ๕ หาเราไม่เจอในรูป หาเราไม่เจอนาม หาเราไม่เจอในสมมติทั้งปวง จึงเป็นวิมุติหลุดพ้น" (หลวงพ่อชานนท์ วัดป่าเจริญธรรม จ.ชลบุรี) สัพเพธรรมา อนัตตาติ สรรพสิ่งและธรรมทั้งหลายล้วนไม่มีตัวตน ผู้รู้แจ้งในธรรมชาติ ย่อมเข้าใจธรรมชาติ และสามารถปล่อยวางธรรมชาติ ให้เป็นธรรมชาติได้ แจกหนังสือและMP3"หลักการพิจาณาเพื่อถอดถอนความยึดมั่นถือมั่น" ไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆครับ เพียงทิ้งชื่อและที่อยู่ไว้ที่เว็บไซต์ด้านล่างนี้ครับ http://www.watpachareongtham-chonburi.c ... art=292065 |
เจ้าของ: | Rosarin [ 27 พ.ย. 2009, 15:33 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ละรูปนาม |
![]() ![]() ...พระอรหันต์ท่านสละแล้วซึ่งทรัพย์สมบัติทางโลก... ...เปรียบเสมือนท่านถ่มน้ำลายทิ้งไปเรียบร้อยแล้ว... ...ธรรมะเป็นของกลาง...ทรัพย์สินเงินทองเป็นของกลาง... ...ท่านสละแล้ว...แต่กลับมากมานทับถมทวีคูณ ![]() ...ผู้แสวงหาให้ได้มามากๆ...ก็ควรขยันในทางที่ถูกที่ควร...ส่วนผู้ที่ไม่รู้..ไม่รู้ตัวมากกว่า... ...กิเลสในตัวทุกคนถึงไม่หามันก็มีเป็นสมบัติติดเนื้อ...ติดตัว...ติดใจเรามา... ...ใครขยันหาอันไหนมาก...ก็ย่อมได้สิ่งนั้นมาก...ขยันสร้างกิเลสก็เกิดกิเลส... ![]() ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | chulapinan [ 28 พ.ย. 2009, 15:28 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ละรูปนาม |
สำหรับผู้ปฏิบัติแรกๆ ไม่ต้องคิดอะไรทั้งนั้นค่ะ ทำแค่บอกตัวเองว่าทำอะไรอยู่ จมูกหายใจเข้าออก ปากแห้ง เมื่อยคอ ฯลฯ อะไรแบบนั้นค่ะ เพราะต้องเริ่มจากปฏิบัติสมาธิ แต่เมื่อถึงสมาธิขั้นสูง คือ แจ้งในธรรมระดับโสดาบันแล้ว ก็เข้าอัปปนาสมาธิ ซึ่งสามารถทำวิปัสสนากรรมฐานได้แล้ว และเมื่อนั้น ในสมาธิ เราคิดอะไรก็ได้ค่ะ คิดโดยอิงสัจธรรม แล้วคำตอบจะมีในทุกๆสิ่งที่สงสัยค่ะ แต่กว่าจะขั้นนั้นได้ก็เหนื่อยกันเลยทีเดียว สิ่งที่ต้องละในการปฏิบัติมีเพียง กิเลสค่ะ ยิ่งละกิเลสได้ จิตยิ่งมีกำลัง เพราะจิตเบาจากกิเลส ก็จะเปิดรับธรรมง่ายขึ้น สิ่งที่ต้องเติมมากคือ ความเพียรพยายาม เติมมาก แต่ทำอย่างพอดีค่ะ |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |