วันเวลาปัจจุบัน 29 เม.ย. 2024, 14:38  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 45 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ต.ค. 2009, 17:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 เม.ย. 2008, 22:21
โพสต์: 112

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


นี่เป็นเรื่องจริงที่ผมเจอมานะ ขอเล่าเป็นแง่คิดเฉยๆ ขอบอกก่อนว่าไม่พาดพิงถึงใครทั้งนั้น และขอให้ผู้อ่านอย่าได้พยายามสืบหาว่าใครเป็นใครในเรื่องนี้ แค่จะเล่าว่ากรรมมีจริงเท่านั้นนะครับ

ผู้ป่วยของผมเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย ผมพยายามช่วยอย่างเต็มที่แต่ก้อมีอุปสรรคไปเสียซะหมด จะค่อยๆเล่าให้ฟัง

เริ่มแรกเธอเป็นมะเร็งมาก่อนอยู่แล้วต่อมามาหาผมเพราะท้องอืดมากๆๆๆ ผมก้อว่าต้องมีอะไรในท้องแน่ๆ เช่น มะเร็งกระจายในท้องเป็นต้น ที่โรงบาลไม่มีเครื่องมือ ก้อเลยส่งไปตรวจที่รพ.ศูนย์
---อุปสรรคครั้งที่หนึ่ง หมอที่โรงพยาบาลศูนย์ไม่อนุมัติทำเอกซเรย์ช่องท้องให้ เพราะอาการไม่ชัดเจน ไม่น่าจะใช่มะเร็งกระจาย คนไข้กลับมาหาผมอีก
---อุปสรรคครั้งที่สอง ผมส่งคนไข้ไปศูนย์มะเร็ง ขออนุมัติทำเอกซเรย์ช่องท้อง หมอที่นั่นก้อไม่อนุมัติอีก
---อุปสรรครั้งที่สาม คนไข้ไม่มีเงินเลยถ้าผมจะส่งทำที่รพ.เอกชล
---ผมก้อไม่รู้จะทำยังไง ผ่านไปผมก้อลืมคนไข้ไปแล้ว เพราะงานยุ่งมากๆๆ
--- อุปสรรคครั้งที่สี่ คนไข้มาหาผม อาการแย่มากแล้ว ผมก้อรีบส่งไปรพ.ศูนย์ ทีนี้ได้ทำเอกซเรย์สมใจเพราะอาการหนักมากๆๆๆ สรุปเป็นมะเร็งกระจายจริงๆๆด้วย อุดตันลำไส้ไปหมด ผ่าตัดไม่ได้แล้ว เป็นระยะสุดท้าย
คนไข้ขอกลับมาตายที่บ้าน ก้อกลับมาที่โรงพยาบาลผม
---อุปสรรคครั้งที่ห้า คนไข้อยู่ในสภาพโทรมมาก ก้อคนใกล้ตายนะ กินทางปากไม่ได้เลย เพราะลำไส้อุดตัน คือ กินไปมันก้อไม่ออกมา ก้อเลยต้องให้อาหารพิเศษทางเส้นเลือดแทน
--- อุปสรรคครั้งที่หก โรงพยาบาลผมไม่มีสารอาหารทางเส้นเลือดพิเศษนี้ ผมเลยเขียนไปขออนุเคราะห์ทางโรงพยาบาลศูนย์ที่ส่งคนไข้มา แต่ก้อไม่ได้รับอนุมัติ สรุปต้องจ่ายเงินเอง
ทางบ้านคนไข้จนมากๆ เป็นบ้านเช่า รายได้ประมง ลูกสาวหาคนเดียว ผมไปดูมาแล้วอนาถมาก
ลูกๆก้อกัดฟันหาเงินมาเป็นค่าอาหารให้แม่ ค่าอาหารทางเส้นเลือดพิเศษราคาหนึ่งพันแปดร้อยบาท อยู่ได้นานสองวัน ตอนนี้หมดไปเกือบสามหมื่นแล้ว ญาติก้อไม่ไหว
คนไข้มีชีวิตไปได้เพราะอาหารทางเส้นเลือดนี้เท่านั้น ถ้าไม่ได้อาหารนี้ ได้แต่น้ำเกลือ ก้อจะเหมือนอดอาหาร และจะตายจากอดอาหารแทน
---อุปสรรคครั้งที่หก จริงๆต้องส่งคนไข้กลับไปรพ.ศูนย์ แต่คนไข้ไม่อยากกลับ ก้อเข้าใจนะครับ คนมันจะตายอยู่แล้ว... ผมก้อเลยคิดแผนการ เขียนไปหาโรงพยาบาลศูนย์ใหม่ เชิงบอกว่าทางเราจะส่งคนไข้กลับโรงพยาบาลศูนย์นะเพราะไม่มีอาหารตัวนี้ ถ้าไม่อยากรับคนไข้ไปดูแลเพราะเรื่องแค่นี้ก้อให้
ส่งอาหารมา ปรากฎว่าจดหมายไม่ถึงแพทย์ พยาบาลหน้าห้องตรวจได้จดหมาย บอกว่าคนไข้ทำเรื่องออกจากโรงพยาบาลไปแล้ว ต้องให้มาหาเอง สรุปว่าไม่เจอแพทย์ แผนผมไม่สำเร็จ
---อุปสรรคครั้งที่เจ็ด ผมออกตัวไปขอรับบริจาคจากคหบดีผู้ใจบุญในชุมชน ปกติท่านจะเมตตาตลอด
แต่คราวนี้ท่านไม่ให้ ท่านบอกว่าไม่อยากช่วยคนที่จะตายแล้ว ช่วยไปก้อไม่ฟื้น เหมือนตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ สรุปว่าไม่ได้เงิน

กรรมอะไรของคนไข้น้อ มันช่างหนักเสียจริง บดบังเป็นอุปสรรคในการช่วยเหลือสำหรับผมเสียจริง

ผมนึกถึงเปรต ไม่ได้ว่าคนไข้นะ แค่เปรียบเปรย เปรตมีปากเท่ารูเข็ม กินก้อไม่ได้
คนไข้ผมก้อเหมือนกันมีปากก็กินไม่ได้แล้ว ต้องกินผ่านทางรูเข็ม คือเข็มเจาะเลือดให้สารอาหารพิเศษ

แม้แต่สารอาหารพิเศษก้อยังหาได้ยากลำบากเนื่องจากไม่มีเงิน

ผมว่ามันเป็นกรรม คนไข้ผมกำลังชดใช้กรรมอยู่ คุณเชื่ออย่างนี้ไหม

อาหารจะหมดแล้ว ผมเวทนาคนไข้ ผมเลยเอาเงินเดือนผมซื้ออาหารให้คนไข้แทน

กะว่าจะไปปรึกษาพระหลวงพ่อที่สนิทที่วัดที่ผมนับถือ ไปขอคำชี้แนะเรื่องนี้ ว่าจะนิมนต์ท่านมาเยี่ยมคนไข้หน่อย ท่านจะช่วยลดกรรมของคนไข้ผมได้ไหม เช่น ให้การดำเนินงานเรื่องอาหารเป็นไปได้สะดวกราบลื่น ไม่มีอุปสรรคเช่นนี้ หรือไม่ก้อให้คนไข้ผมละสังขารไปโดยไม่ทรมานยืดเยื้อเช่นนี้

ที่เล่ามานี้เป็นเรื่องจริง ผมเชื่อว่ากรรมมีจริงนะ :b6:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ต.ค. 2009, 18:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ก.ค. 2009, 08:36
โพสต์: 532

แนวปฏิบัติ: ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ
งานอดิเรก: อ่านหนังสือ
สิ่งที่ชื่นชอบ: กรรมทีปนี , วิมุตติรัตนมาลี , ภูมิวิลาสินี
ชื่อเล่น: เจ้านาง
อายุ: 0
ที่อยู่: อยู่ในธรรม

 ข้อมูลส่วนตัว


อนุโมทนากับคุณหมอด้วยนะคะ

ขอเสียมารยาทถามสักนิดเถิดค่ะว่าตอนนี้คนไข้ยังอยู่หรือเปล่าคะ

ขออภัยจริงๆค่ะ ขอบพระคุณค่ะ

:b8: :b8: :b8: :b8: :b8: :b8:

.....................................................
...รู้จักทำ รู้จักคิด รู้ด้วยจิต รู้ด้วยศรัทธา...
..................ศรัทธาธรรม..................


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ต.ค. 2009, 18:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 เม.ย. 2008, 22:21
โพสต์: 112

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ยังอยู่ครับ ยังไม่หมดกรรมครับ smiley


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ต.ค. 2009, 19:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ก.ค. 2009, 08:36
โพสต์: 532

แนวปฏิบัติ: ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ
งานอดิเรก: อ่านหนังสือ
สิ่งที่ชื่นชอบ: กรรมทีปนี , วิมุตติรัตนมาลี , ภูมิวิลาสินี
ชื่อเล่น: เจ้านาง
อายุ: 0
ที่อยู่: อยู่ในธรรม

 ข้อมูลส่วนตัว


รบกวนขอชื่อ นามสกุล ของคนไข้ได้หรือเปล่าคะ
จะช่วยเค้าน่ะค่ะ ถ้าไม่สะดวกทางนี้ ส่งมาที่ natcha19@windowslive.com ก็ได้ค่ะ
แล้วถ้าจะช่วยเรื่องค่าใช้จ่าย จะโอนเงินไปที่ไหนสะดวกคะ
ขอบพระคุณค่ะ

:b8: :b8: :b8: :b8: :b8:

.....................................................
...รู้จักทำ รู้จักคิด รู้ด้วยจิต รู้ด้วยศรัทธา...
..................ศรัทธาธรรม..................


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ต.ค. 2009, 01:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2009, 20:26
โพสต์: 1589

แนวปฏิบัติ: อรหัตตมัคค
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฎก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




R04.jpg
R04.jpg [ 21.11 KiB | เปิดดู 8168 ครั้ง ]
ตัณหาเป็นกระแสแห่งเหตุให้เกิดทุกข์
กระแสแห่งเหตุให้เกิดทุกข์เหล่าใดในโลก

สติ เป็นเครื่องกั้นกระแสเหล่านั้น.
เรากล่าวธรรมเป็นเครื่องกั้นกระแสทั้งหลาย
กระแสแห่งเหตุให้เกิดทุกข์เหล่านี้อันปัญญาย่อมปิดกั้นได้.



เจริญในธรรมครับ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ต.ค. 2009, 06:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ม.ค. 2009, 11:50
โพสต์: 147

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เจตพัฒน์ เขียน:
นี่เป็นเรื่องจริงที่ผมเจอมานะ ขอเล่าเป็นแง่คิดเฉยๆ ขอบอกก่อนว่าไม่พาดพิงถึงใครทั้งนั้น และขอให้ผู้อ่านอย่าได้พยายามสืบหาว่าใครเป็นใครในเรื่องนี้ แค่จะเล่าว่ากรรมมีจริงเท่านั้นนะครับ
ผู้ป่วยของผมเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย ผมพยายามช่วยอย่างเต็มที่แต่ก้อมีอุปสรรคไปเสียซะหมด จะค่อยๆเล่าให้ฟัง


กะว่าจะไปปรึกษาพระหลวงพ่อที่สนิทที่วัดที่ผมนับถือ ไปขอคำชี้แนะเรื่องนี้ ว่าจะนิมนต์ท่านมาเยี่ยมคนไข้หน่อย ท่านจะช่วยลดกรรมของคนไข้ผมได้ไหม เช่น ให้การดำเนินงานเรื่องอาหารเป็นไปได้สะดวกราบลื่น ไม่มีอุปสรรคเช่นนี้ หรือไม่ก้อให้คนไข้ผมละสังขารไปโดยไม่ทรมานยืดเยื้อเช่นนี้

ที่เล่ามานี้เป็นเรื่องจริง ผมเชื่อว่ากรรมมีจริงนะ :b6:

คุณหมอครับ สิ่งที่คุณหมอกำลังพยายามทำอยู่ มันทำให้คนไข้หายจาก
ความเจ็บปวดหรือหายจากโรคมะเร็งมั้ยครับ ตามความเห็นของผมกรรม
ของคนไข้ก็คือผลจากความเจ็บปวดที่ได้รับจากมะเร็ง ซึ่งกรรมจะยาวจะ
สั้นก็ขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่คนไข้มีชีวิตอยู่
---สิ่งที่คุณหมอกำลังทำอยู่ คือการพยายามยืดชีวิตคนไข้ แล้วเกิดอุปสรรคต่างๆ
คุณหมออย่าคิดว่าเป็นกรรมของคนไข้ซิครับ อันที่จริงแล้วมันเป็นกรรมที่คุณหมอ
กำลังพยายามสร้างกรรมใหม่ต่อคนไข้ การกระทำของคุณหมอถ้ามันสำเร็จ
ก็เท่ากับว่า เป็นการยืดระยะเวลาความเจ็บปวดของคนไข้ แทนที่จะได้รับความ
เจ็บปวดตามจริง แห่งกรรมหรือวัฏสงสารของตัวเอง
----ผมไม่ได้ว่าการกระทำของคุณหมอมันผิดนะครับ แต่ในทางธรรมแล้วคุณหมอ
ต้องยึด พรหมวิหารสี่ในข้ออุเบกขาครับ ช่วยได้เท่าที่จะทำได้ ไม่ใช่ช่วยจน
สุดฤทธิ์สุดเดชอย่างนี้ อย่างไรคนไข้ก็ไม่หายอยู่ดี เพราะเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย
----สมมุติสิ่งที่คุณหมอทำมันสำเร็จ แล้วจะได้อะไรครับ นอกจากว่าจะเห็น
คนไข้ต้องทนทุกข์ทรมาณนานขึ้นเท่านั้นเอง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ต.ค. 2009, 07:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 พ.ค. 2009, 02:41
โพสต์: 5636

แนวปฏิบัติ: พอง ยุบ
ชื่อเล่น: เจ
อายุ: 0
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว www


ดิฉันก็ขออนุโมทนากับคุณหมอค่ะ นอกจากจะมีจรรยาบรรณในอาชีพแล้ว
คุณหมอยังมึความเมตตาต่อผู้ที่ได้ชื่อว่ากำลังอยู่ในห้วงแห่งทุกข์ ไหนจะทุกข์เพราะโรคภัยไข้เจ็บ
ไหนจะทุกข์เพราะความขัดสน จะวางเฉยก็ได้ แต่คุณหมอก็เลือกที่จะเมตตา
ถูกแล้วสัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม แต่ถ้าเราอยู่ในสถานะการณ์ที่ช่วยได้ดิฉันก็ขอเลือก
ที่จะช่วยจนสุดฤทธิ์เช่นกันต่อให้ใครจะคิดว่า "ไม่มีประโยชน์" ก็จะต้องช่วย
ดีกว่าดูอยู่เฉยๆ ปล่อยให้เขาทรมานแบบไม่ทำอะไรเลย ขอเลือกอย่างแรกค่ะ ดิฉันขอชื่นชม
การกระทำของคุณหมอด้วยใจจริง หาไม่ง่ายนักในยุคปัจจุบันนี้ ขอส่งกำลังใจมาให้อีกหนึ่ง
ขอให้คุณหมอรักษาความดีเป็นหมอที่ดีตลอดไปนะค่ะ และดิฉันก็มีความปรารถนาเดียวกันกับ
คุณเจ้านางค่ะ ถ้าไม่รบกวนคุณหมอจนเกินไปนักขอมีส่วนร่วมตามแต่กำลังนะค่ะ
เจริญในธรรมค่ะ



:b41: :b41: :b41: :b43: :b41: :b41: :b41:

.....................................................
"มิควรหวังร่มเงาจากก้อนเมฆ"


แก้ไขล่าสุดโดย ทักทาย เมื่อ 08 ต.ค. 2009, 23:23, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ต.ค. 2009, 17:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ก.ย. 2009, 16:25
โพสต์: 23

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b41: :b41: :b41: ขออนุโมทนาบุญกับคุณหมอด้วยค่ะ...เมตตาธรรมค้ำจุนโลก...ขอให้เจริญในธรรมค่ะ :b41: :b41: :b41:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ต.ค. 2009, 10:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ส.ค. 2009, 15:01
โพสต์: 408

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


TAKSA เขียน:
เจตพัฒน์ เขียน:
นี่เป็นเรื่องจริงที่ผมเจอมานะ ขอเล่าเป็นแง่คิดเฉยๆ ขอบอกก่อนว่าไม่พาดพิงถึงใครทั้งนั้น และขอให้ผู้อ่านอย่าได้พยายามสืบหาว่าใครเป็นใครในเรื่องนี้ แค่จะเล่าว่ากรรมมีจริงเท่านั้นนะครับ
ผู้ป่วยของผมเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย ผมพยายามช่วยอย่างเต็มที่แต่ก้อมีอุปสรรคไปเสียซะหมด จะค่อยๆเล่าให้ฟัง


กะว่าจะไปปรึกษาพระหลวงพ่อที่สนิทที่วัดที่ผมนับถือ ไปขอคำชี้แนะเรื่องนี้ ว่าจะนิมนต์ท่านมาเยี่ยมคนไข้หน่อย ท่านจะช่วยลดกรรมของคนไข้ผมได้ไหม เช่น ให้การดำเนินงานเรื่องอาหารเป็นไปได้สะดวกราบลื่น ไม่มีอุปสรรคเช่นนี้ หรือไม่ก้อให้คนไข้ผมละสังขารไปโดยไม่ทรมานยืดเยื้อเช่นนี้

ที่เล่ามานี้เป็นเรื่องจริง ผมเชื่อว่ากรรมมีจริงนะ :b6:

คุณหมอครับ สิ่งที่คุณหมอกำลังพยายามทำอยู่ มันทำให้คนไข้หายจาก
ความเจ็บปวดหรือหายจากโรคมะเร็งมั้ยครับ ตามความเห็นของผมกรรม
ของคนไข้ก็คือผลจากความเจ็บปวดที่ได้รับจากมะเร็ง ซึ่งกรรมจะยาวจะ
สั้นก็ขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่คนไข้มีชีวิตอยู่
---สิ่งที่คุณหมอกำลังทำอยู่ คือการพยายามยืดชีวิตคนไข้ แล้วเกิดอุปสรรคต่างๆ
คุณหมออย่าคิดว่าเป็นกรรมของคนไข้ซิครับ อันที่จริงแล้วมันเป็นกรรมที่คุณหมอ
กำลังพยายามสร้างกรรมใหม่ต่อคนไข้ การกระทำของคุณหมอถ้ามันสำเร็จ
ก็เท่ากับว่า เป็นการยืดระยะเวลาความเจ็บปวดของคนไข้ แทนที่จะได้รับความ
เจ็บปวดตามจริง แห่งกรรมหรือวัฏสงสารของตัวเอง
----ผมไม่ได้ว่าการกระทำของคุณหมอมันผิดนะครับ แต่ในทางธรรมแล้วคุณหมอ
ต้องยึด พรหมวิหารสี่ในข้ออุเบกขาครับ ช่วยได้เท่าที่จะทำได้ ไม่ใช่ช่วยจน
สุดฤทธิ์สุดเดชอย่างนี้ อย่างไรคนไข้ก็ไม่หายอยู่ดี เพราะเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย
----สมมุติสิ่งที่คุณหมอทำมันสำเร็จ แล้วจะได้อะไรครับ นอกจากว่าจะเห็น
คนไข้ต้องทนทุกข์ทรมาณนานขึ้นเท่านั้นเอง



ขออนุโมทนากับคุณหมอด้วยนะค่ะ แต่ขอออกความคิดเห็นส่วนตัวหน่อยนะค่ะ อาจจะขัดกับคุณ Taksa นิดหน่อยค่ะ ดิฉันคิดว่าการที่คุณหมอต้องการช่วยเหลือผู้ป่วยอย่างเต็มที่และจริงใจ เป็นเพราะนิสัยส่วนตัวที่ดีและจรรยาบรรณของคุณหมอจึงไม่อาจทิ้งคนไข้ได้ เป็นการกระทำที่เป็นบุญค่ะ อะไรที่เราทำแล้วดี แล้วสบายใจ ก็ทำไปเถอะค่ะ เพื่ออานิสงค์ของตัวเราและครอบครัวของเราเอง ดีกว่าปล่อยให้ผู้ป่วยอยู่ตามมีตามเกิด แล้วผลสุดท้ายคุณหมอก็จะไม่สบายใจเอง (สวรรค์อยู่ในอก นรกอยู่ในใจ)


แก้ไขล่าสุดโดย คุณเพชร เมื่อ 08 ต.ค. 2009, 10:06, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ต.ค. 2009, 10:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2009, 17:12
โพสต์: 246

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: ขออนุโมทนา สาธุ ในบุญกุศลที่คุณหมอได้ช่วยเหลือคนไข้คนนี้คะ

คุณหมอเป็นคนดีจริง ๆ คะ ขอให้คุณหมอมีเมตตากับคนไข้อย่างนี้ตลอดไป
เพราะปัจจุบันช่างหายากจริง ๆ ที่หมอมีเมตตากับคนไข้โดยไม่หวังผลตอบแทน
และขอให้คุณหมอมีความสุขมาก ๆ คะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ต.ค. 2009, 11:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 ก.ย. 2009, 16:49
โพสต์: 21

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอสนับสนุนคุณหมออีกแรงค่ะ เข้าใจคุณหมอค่ะว่าอยากช่วยคนไข้ ขอคิดต่างกับคุณ TAKSA นิดหน่อยค่ะ คุณหมอไม่ได้แค่มีจิตเมตตาทำตามจรรยาบรรณ แต่ที่สำคัญคุณหมอมีความสำนึกในความเป็นมนุษย์และความเห็นอกเห็นใจเพื่อนมนุษย์ด้วยกันค่ะ ขอให้คุณหมอสู้ต่อไปค่ะ แต่สุดท้ายแล้วถ้าสิ่งใดที่จะเกิดและเป็นไปตามอย่างที่มันควรจะเป็นก็ปล่อยมันไป เพียงแต่คุณหมอทำให้เต็มที่เท่าที่เราจะสามารถทำได้ก็เพียงพอแล้วค่ะ ขออนุโมทนาบุญกับคุณหมอด้วยใจจริงค่ะ ขอเป็นกำลังใจให้อย่างสุดซึ้งให้คุณหมอสู้เต็มที่เท่าที่จะทำได้ค่ะ แล้วเชื่อว่าคุณหมอจะมีความสุขใจที่สุดค่ะ tongue


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ต.ค. 2009, 17:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ต.ค. 2009, 14:10
โพสต์: 4

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอชื่นชมคุณหมอด้วยคนค่ะ มีจรรยาบรรณที่ดีจริง ๆ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ต.ค. 2009, 19:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ม.ค. 2009, 11:50
โพสต์: 147

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คุณเพชร เขียน:
[ขออนุโมทนากับคุณหมอด้วยนะค่ะ แต่ขอออกความคิดเห็นส่วนตัวหน่อยนะค่ะ อาจจะขัดกับคุณ Taksa นิดหน่อยค่ะ ดิฉันคิดว่าการที่คุณหมอต้องการช่วยเหลือผู้ป่วยอย่างเต็มที่และจริงใจ เป็นเพราะนิสัยส่วนตัวที่ดีและจรรยาบรรณของคุณหมอจึงไม่อาจทิ้งคนไข้ได้ เป็นการกระทำที่เป็นบุญค่ะ อะไรที่เราทำแล้วดี แล้วสบายใจ ก็ทำไปเถอะค่ะ เพื่ออานิสงค์ของตัวเราและครอบครัวของเราเอง ดีกว่าปล่อยให้ผู้ป่วยอยู่ตามมีตามเกิด แล้วผลสุดท้ายคุณหมอก็จะไม่สบายใจเอง (สวรรค์อยู่ในอก นรกอยู่ในใจ)

ก่อนอื่นผมขอทำความเข้าใจกับคุณเพชร และเพื่อนสมาชิกด้วยนะครับ ว่าห้องที่เรา
กำลังโพสท์ข้อความแสดงความคิดเห็นอยู่นี้ เป็นห้องสนทนาธรรมนะครับ มันไม่ใช่
"ห้องความรัก ความพลัดพราก ความผูกพัน" การคุยกันในนี้มันน่าเกี่ยวกับธรรมะหรือคำ
สอนของพระพุทธเจ้า เหตุนี้การคุยกันในห้องสนทนาธรรม จึงควรคุยกันเรื่องคำสอนของ
ศาสดา ซึ่งทุกสิ่งอย่างล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องจริง มีเหตุมีผล ได้โปรดกรุณาอย่าใช้คำพูด
ที่มามาจากอารมณ์ที่ปรุงแต่ง มาใช้ในการสนทนาเลยครับ
....ซึ่งธรรมที่กล่าวถึงก็เป็นธรรมของพระพุทธเจ้า ธรรมหรือคำสอนนั้นเน้นให้เราอยู่กับ
สิ่งที่เป็นจริงในโลก อยู่กับเหตุและผล โดยปฏิบัติและทำความเข้าใจกับสิ่งต่างๆที่เรียกว่า
ธรรมหรือธรรมชาติ การเกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไปของธรรมนั้น ให้รู้ ละ เลิกแล้วปล่อยวางในที่สุด
......คุณเพชรครับผมก็ได้บอกไว้ตอนต้นแล้วว่า การกระทำของคุณหมอ
ไม่ผิด แต่คุณหมออาจจะเข้าใจข้อธรรมของพระพุทธเจ้าคลาดเคลื่อน อย่างเช่นบอกว่า
คุณหมอพยายามช่วยคนไข้ตั้งหลายวิธีแล้ว แต่มีอุปสรรคไม่สำเร็จ แล้วเหมาเอาเลยว่าเพราะ
คนไข้มีกรรม จึงมีผลเช่นนี้ ผมก็ให้ความเห็นแย้งไปว่าเป็นกรรมของคนไข้ มันคนละ
ส่วนกัน กรรมคนไข้แค่เป็นมะเร็งและเจ็บปวด แต่ว่ากันตามจริงแล้วจะว่าเป็นกรรมมันก็ไม่ถูกนัก
เพราะมันเป็นวัฏสงสาร เกิด แก่ เจ็บ ตายก็ต้องพบกันทุกคน
......ปัญหาหรือประเด็นมันอยู่ที่ คนไข้เป็นโรคมะเร็งระยะสุดท้ายและเจ็บปวด ผมจึงถาม
คุณหมอไงครับว่า สิ่งที่คุณหมอพยายามทำตั้งหลายอย่างแต่ไม่สำเร็จ ถ้ามันสำเร็จแล้ว
คนไข้จะหายมั้ย จะช่วยให้คนไข้หายจากอาการเจ็บปวดมั้ย ท่านลองย้อนไปดูท่านเศรษฐี
ที่ให้ความช่วยเหลือคุณหมอทุกครั้งซิครับคุณว่า ที่ท่านไม่ช่วยครั้งนี้ท่านใจไม้ไส้ระกำหรือครับ
ในความเห็นผมท่านเป็นคนใจบูญ และท่านคงปฏิบัติธรรมด้วย ท่านจึงมีปัญญาพอที่จะเข้าใจ
ถึงการปล่อยวาง และสามารถแยกแยะได้ว่า การทำบุญนั้นทำเพื่อสิ่งใด เป็นการทำบุญ
เอาหน้าหรือการทำบุญเพื่อการปล่อยวาง
......


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ต.ค. 2009, 19:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ม.ค. 2009, 11:50
โพสต์: 147

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คนธรรมดา เขียน:
ขอสนับสนุนคุณหมออีกแรงค่ะ เข้าใจคุณหมอค่ะว่าอยากช่วยคนไข้ ขอคิดต่างกับคุณ TAKSA นิดหน่อยค่ะ คุณหมอไม่ได้แค่มีจิตเมตตาทำตามจรรยาบรรณ แต่ที่สำคัญคุณหมอมีความสำนึกในความเป็นมนุษย์และความเห็นอกเห็นใจเพื่อนมนุษย์ด้วยกันค่ะ ขอให้คุณหมอสู้ต่อไปค่ะ แต่สุดท้ายแล้วถ้าสิ่งใดที่จะเกิดและเป็นไปตามอย่างที่มันควรจะเป็นก็ปล่อยมันไป เพียงแต่คุณหมอทำให้เต็มที่เท่าที่เราจะสามารถทำได้ก็เพียงพอแล้วค่ะ ขออนุโมทนาบุญกับคุณหมอด้วยใจจริงค่ะ ขอเป็นกำลังใจให้อย่างสุดซึ้งให้คุณหมอสู้เต็มที่เท่าที่จะทำได้ค่ะ แล้วเชื่อว่าคุณหมอจะมีความสุขใจที่สุดค่ะ tongue

คุณ คนธรรมดาครับ ผมก็ไม่ได้ว่าคุณหมอไม่มีเมตตาหรือไร้จรรยาบรรณนี่ครับ เพียงแต่ใน
สิ่งที่คุณหมอกำลังทำนะ มันเกิดประโยชน์ต่อคนไข้คนอื่นหรือไม่ คุณหมอก็ได้ช่วยคนไข้
โรคมะเร็งจนเต็มกำลังแล้ว ผมถึงบอกให้คุณหมอใช้พรหมวิหารสี่ในข้อวางอุเบกขา อย่าลืมนะว่า
คุณหมอไม่ได้มีคนไข้เพียงคนเดียว
......สิ่งที่คุณหมอกำลังพยาทำ เพื่อคนไข้โรคมะเร็งระยะสุดท้ายที่ไม่มีทางรักษา
ทำไมคุณหมอ ไม่ไปทำในสิ่งที่เป็นการป้องกันไม่ให้เกิดกับคนอื่นเหมือนกับคนไข้
โรคมะเร็งรายนี้ละครับ ผมว่ามันจะมีประโยชน์กว่าครับ
....ผมต้องกราบอภัยคุณคนธรรมดาก่อนนะครับ ที่จะเสนอแนะคุณสักเล็กน้อยครับ
การเห็นอกเห็นใจคน เป็นสิ่งดีที่น่ายกย่องครับ แต่มีข้อแม้นะครับว่าสิ่งนั้นต้องมาจาก
น้ำใสใจจริง และจะขาดเสียไม่ได้ก็คือ การใช้ปัญญาควบคู่ไปกับสิ่งนั้นด้วย
.....คำกล่าวข้างบนไม่เกี่ยวกับคุณหมอนะครับ คุณหมออาจมีเหตุผลส่วนตัวก็ได้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ต.ค. 2009, 20:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว



เล่าสู่กันฟังนะคะ ..
ไม่ได้สนับสนุนความคิดเห็นของใครๆนะคะ
ทุกอย่างย่อมมีเหตุ ( กรรมหรือการกระทำ ) มาก่อน ผล ( วิบาก ) จึงเป็นเช่นนั้น




มีอยู่ช่วงญาติเขามาขอร้องให้เราไปช่วยทำแผลคนเป็นมะเร็งลำไส้ ระยะสุดท้าย นึกถึงเรื่องนี้ครั้งใด สะเทือนใจทุกครั้ง เราไม่เอาตังค์ค่าทำแผล ญาติก็ไม่ยอม เราเลยนำเงินส่วนนั้นไปทำบุญ
เราทำแผลแล้วแนะนำให้เขาดูลมหายใจเข้าออกพร้อมกำหนดพุทโธไปด้วย ...

ช่วงนั้นเราเคยปฏิบัติแนวพุทโธมา เขาทรมาณมากๆเลยนะ ไหนจะแผลหน้าท้องที่เน่า ไหนจะแผลกดทับด้านแผ่นหลังเขา เราแอบร้องไห้ทุกครั้งหลังจากทำแผลให้กับเขา เขาทรมาณมากๆ เราพยายามทำให้แบบเบามือที่สุด ...

เขาบอกว่า เขาเจ็บปวดน้อยลงตั้งแต่ภาวนาพุทโธ มันไม่ปวดมากแบบเมื่อก่อน เราแนะนำให้ญาติซื้อเครื่องสังฆทานให้เขาได้ทำบุญใส่บาตรทุกวัน เขามีชีวิตอยู่ได้ 7 วันนะ ญาติเขาบอกว่า ก่อนเขาจะสิ้นลม เขาฝากคำขอบคุณมาถึงเรา เขาได้ไปในภพภูมิที่ดี เขาเห็นเทวดามารับเขา เราร้องไห้เลยนะตอนนั้นน่ะ ญาติเขาเองก็ร้องไห้กับเราด้วย ญาติเขาบอกว่า ถ้าไม่ได้เรา น้องสาวเขาอาจจะไม่ได้ไปดีก็ได้ อาจจะทรมาณมากๆก็ได้ ....



สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม สร้างเหตุอย่างไร ย่อมได้รับผลเช่นนั้น
ส่วนตัวเองนั้นได้ทำการบริจาคร่างกายไปหมดแล้ว ทุกส่วนอวัยวะให้เขานำไปใช้ประโยชน์ได้
สั่งเสียญาติพี่น้องไว้ล่วงหน้าหมดแล้วว่า ชีวิตคนเรานี้ไม่เที่ยง อะไรๆสามารถเกิดขึ้นกับเราได้
ตลอดเวลา ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับเรา แล้วเราอยู่ในสภาพหมดความรู้สึกไปแล้ว
ห้ามปั๊มหัวใจ ห้ามกระทำการใดๆต่อร่างกายทั้งสิ้น ให้โทรฯไปติดต่อรพ.ที่เราบริจาคร่างกายไว้
แม้แต่แม่ยังบ่นเลยว่าทำอะไรพิเรน แต่ได้บอกเหตุผลให้แม่ฟัง สุดท้ายแม่เลยไปบริจาคร่างกายอีกคน

เราควรเตรียมตัวให้พร้อมล่วงหน้า ไม่ใช่พอถึงวันที่ต้องตกตายไปจริงๆ แทนที่ร่างกายนี้จะถูกนำไปใช้
ในทางกุศลครั้งสุดท้าย เลยอดเลย ตายสิ้นไปโดยเปล่าประโยชน์ ...

เงินที่แม่เตรียมไว้ เงินฌาปนกิจ แม่เตรียมไว้สำหรับงานศพ จำนวน 1 แสนบาท
เราบอกแม่ว่า เงินนั้นให้แม่นำไปทำบุญ ไม่ต้องไปไปเสียค่าใช้จ่ายตรงนั้น เอาเงินไปทำกุศล
เพราะตอนนี้ชีวิตยังมีอยู่ ตายไปแล้ว เงินนี้ก็หมดประโยชน์ งานศพที่จัดก็เท่ากับตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ ไม่ได้กุศลแต่อย่างใด สำหรับตัวของแม่เอง ...

ส่วนด้านภาวนา แม่จะภาวนาพุทโธเป็นหลัก ไม่ว่าจะทำอะไรแม่จะพุทโธตลอดเวลา
เราบอกแม่ว่า ทำได้แค่ไหน ให้ทำไป ดีกว่าหายใจทิ้งเปล่าไปวันๆ แค่นั้นแม่ก็มีสติ มีจิตที่ผูกอยู่กับ
พุทโธตลอดเวลา ส่วนการแนะนำแนวทางอื่นๆเคยพูดคุยกับแม่แล้ว แม่ถนัดแบบนี้ ..
เราเข้าใจแม่ บอกว่า ไม่เป็นไร สะสมไปแต่ละชาติ ยังดีกว่าคนที่ไม่ได้ทำเลย
กุศลแต่ละคนสร้างสั่งสมมาไม่เท่ากัน สุดท้ายทุกคนย่อมถึงจุดหมายปลายทางเหมือนๆกัน
เพียงแต่จะช้าหรือเร็ว อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับเหตุที่เขากระทำกันในปัจจุบัน เหตุที่กระทำในปัจจุบัน
ส่งผลไปที่อนาคต ไปเป็นเหตุที่เกิดขึ้นในอนาคต ก็เลือกกันเอาเองละกัน ...

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


แก้ไขล่าสุดโดย walaiporn เมื่อ 08 ต.ค. 2009, 20:05, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 45 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 102 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร