ลานธรรมจักร
http://www.dhammajak.net/forums/

เรื่อง อนัตตา
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=25717
หน้า 1 จากทั้งหมด 2

เจ้าของ:  Passa [ 19 ก.ย. 2009, 19:15 ]
หัวข้อกระทู้:  เรื่อง อนัตตา

นี้เป็นวิสัชนาสำหรับท่านที่พยายามหา "อัตตา" ในพระพุทธศาสนาครับ

1. ข้อที่ว่าพระพุทธองค์ทรงจำแนกร่างกายออกเป็น 5 ขันธ์ และทรงตรัสว่าขันธ์ 5 นี้ไม่มีอัตตา แต่ก็มิได้ทรงตรัสว่ากายของคนนั้น ๆ จะไม่มีอัตตา นอกเหนือจากขันธ์ 5 (ส่วนอื่น ๆ)

ประการแรก พระท่านสอนว่าร่างกายของคนเราประกอบด้วย ขันธ์ 5 เท่านั้น และไม่ประกอบด้วยสิ่งใดอื่น

ประการที่สอง พระท่านตรัสไว้ว่า "สัพเพ สังขารา อนิจจา, สัพเพ สังขารา ทุกขา, สัพเพ ธัมมา อนัตตา" (ธรรมบท หมวดทาง 277, 278, 279)


2. หลักฐานจากพระไตรปิฎก... อัลคัททูปมสูตร โอปัมมวรรค มัชฌิมนิกาย (281)
Quote Tipitaka:
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ปุถุชนในโลกนี้ ผู้ไม่ได้สดับ ไม่เห็นพระอริยะทั้งหลาย ไม่ฉลาดในธรรม ของพระอริยะ ไม่ได้รับแนะนำในธรรมของพระอริยะ ไม่เห็นสัตบุรุษ ไม่ฉลาดในธรรมของสัตบุรุษ ไม่ได้รับแนะนำแล้วในธรรมของสัตบุรุษ

ย่อมพิจารณาเห็นรูปว่า นั่นของเรา เราเป็นนั่น นั่นเป็นอัตตาของเรา ย่อมพิจารณาเห็นเวทนาว่า นั่นของเรา เราเป็นนั่น นั่นเป็นอัตตาของเรา ย่อมพิจารณาเห็นสัญญาว่า นั่นของเรา เราเป็นนั้น นั่นเป็นอัตตาของเรา ย่อมพิจารณาเห็นสังขารทั้งหลายว่า นั่นของเรา เราเป็นนั่น นั่นเป็นอัตตาของเรา ย่อมพิจารณาเห็นรูปที่เห็นแล้ว เสียงที่ฟังแล้ว กลิ่น รส โผฏฐัพพะที่ทราบแล้ว อารมณ์ที่รู้แจ้งแล้ว ถึงแล้ว แสวงหาแล้ว ใคร่ครวญแล้วด้วยใจว่า นั่นของเรา เราเป็นนั่น นั้นเป็นอัตตาของเรา


3. จากพุทธพจน์ "อัตตาหิ อัตตโน นาโถ", " พวกเธอจงมีตนเป็นเกาะ มีตนเป็นที่พึ่ง มิใช่ มีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่ง" และ "หาผู้หญิง หรือ หาตัวเอง ดีกว่ากัน" (กับเจ้าชาย ๓๐ องค์)

จากทั้งสามประโยคนี้ คำว่า "อัตตา" "ตน" เป็นสรรพนาม และเมื่อดูบริบทโดยรอบ จะพบว่าพระท่านมิได้ตรัสสิ่งได้เกี่ยวกับ "อาตมัน" เลยแม้แต่น้อย อาตมัน กับ สามวลีนี้ ไม่เกี่ยวข้องกันเลย


ขอขอบคุณข้อมูลจาก ศ. Walpola Rahula จากหนังสือ เรื่อง What the Buddha taught ครับ (พิมพ์ปี 2502) :b8:

และแล้วแขกไม่ได้รับเชิญก็มา... (ขอร้องละครับ อย่าโพสต์เลย ขี้เกียจอ่าน มันยาวและน่าเบื่อ)

เจ้าของ:  มหาราชันย์ [ 19 ก.ย. 2009, 21:27 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: เรื่อง อนัตตา

สวัสดีครับ


แล้วเคยสงสัยไหมครับว่า....

1.ละอัตตาแล้วได้อะไร ??

2.เจริญ อนัตตา แล้วได้อะไร ??



....................................................................................
สมาธินั้น มีความไม่ฟุ้งซ่านเป็นลักษณะ
มีความกำจัดความฟุ้งซ่านเป็นรส
มีความไม่หวั่นไหวเป็นเครื่องปรากฏ
มีความสุขความเจริญเป็นปทัฏฐาน




เจริญในธรรมครับ

เจ้าของ:  Passa [ 19 ก.ย. 2009, 21:53 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: เรื่อง อนัตตา

มหาราชันย์ เขียน:
สวัสดีครับ


แล้วเคยสงสัยไหมครับว่า....

1.ละอัตตาแล้วได้อะไร ??

2.เจริญ อนัตตา แล้วได้อะไร ??



....................................................................................
สมาธินั้น มีความไม่ฟุ้งซ่านเป็นลักษณะ
มีความกำจัดความฟุ้งซ่านเป็นรส
มีความไม่หวั่นไหวเป็นเครื่องปรากฏ
มีความสุขความเจริญเป็นปทัฏฐาน




เจริญในธรรมครับ


แต่ก่อนยังไม่ค่อยรู้ ตอนนี้ไม่ค่อยยึดติดในอัตตาเท่าใดแล้ว พอจะเข้าใจบ้างครับ (แต่ยังเข้าใจไม่หมดอยู่ดี) แต่ก่อนเคยทุกข์ปางจะตาย เดี๋ยวนี้ไม่แล้วครับ :b12:

เจ้าของ:  กบนอกกะลา [ 19 ก.ย. 2009, 22:14 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: เรื่อง อนัตตา

มหาราชันย์ เขียน:


แล้วเคยสงสัยไหมครับว่า....

1.ละอัตตาแล้วได้อะไร ??

2.เจริญ อนัตตา แล้วได้อะไร ??





พอดี..ไม่สงสัยแล้ว..
1 กะ 2 ก็ขอชมเฉย ๆ ละกันนะครับ

เจ้าของ:  moddam [ 19 ก.ย. 2009, 22:40 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: เรื่อง อนัตตา

อัตตา ก็สมมติ

อนัตตา ก็สมมติ

เจ้าของ:  mes [ 20 ก.ย. 2009, 08:42 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: เรื่อง อนัตตา

อ้างคำพูด:
อัตตา ก็สมมติ

อนัตตา ก็สมมติ



นิพานสมมุติด้วยไหมครับ

เจ้าของ:  yahoo [ 20 ก.ย. 2009, 09:49 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: เรื่อง อนัตตา

mes เขียน:
อ้างคำพูด:
อัตตา ก็สมมติ

อนัตตา ก็สมมติ



นิพานสมมุติด้วยไหมครับ


:b12:

อุ้ย...!

:b13:

เจ้าของ:  มหาราชันย์ [ 20 ก.ย. 2009, 21:52 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: เรื่อง อนัตตา

mes เขียน:
นิพานสมมุติด้วยไหมครับ




สาธุครับ



เป็นคำถามที่ยอดเยี่ยมมากครับ






เจริญในธรรมครับ


ไฟล์แนป:
20060707163411teelawzoo2[1].jpeg
20060707163411teelawzoo2[1].jpeg [ 29.96 KiB | เปิดดู 5206 ครั้ง ]

เจ้าของ:  ชาติสยาม [ 20 ก.ย. 2009, 21:59 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: เรื่อง อนัตตา

ได้ข่าวว่า นิิพพาน มีลักษณะเป็นวิสังขาร อสังขตธรรม
ไม่สามารถถูกปรุงสร้างขึ้นมาได้

ส่วน"สมมุติ" ก็น่าจะเป็นสิ่งเดียวกับคำว่า "สังขาร"


:b28:

เจ้าของ:  บัวศกล [ 21 ก.ย. 2009, 01:40 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: เรื่อง อนัตตา

ตัวสภาพของอนัตตา ไม่ใช่สมมุติ แต่คือตัวกฏธรรมชาติ และคือตัวสัจจธรรม
ที่ทุกสรรพสิ่ง ล้วนตกอยู่ภายใต้ กฏอันเดียวกันนี้ ไม่มีสิ่งใดสักสิ่งที่ถูกยกเว้น

แต่คำว่าอนัตตา เป็นถ้อยคำสมมุติ ที่ถูกบัญญัติขึ้น เพื่อสำหรับให้เรียกสภาพของ
อนัตตา ซึ่งทรงตัวอยู่ในฐานะของกฏธรรมชาติ

ถึงแม้จะเพิกถอนสมมุติบัญญัติออกจากทุกสภาพในโลก จนไม่เหลือถ้อยคำสักคำผุดขึ้นมาจากจิต
แต่สภาวธรรม ก็ยังเป็นสิ่งที่มีอยู่จริง ทั้งสิ่งที่กำลังเกิดดับ ไหลเวียนเปลี่ยนแปลง
และทั้งสิ่งที่ไม่เกิดดับ ไม่ไหลเวียน ไม่เปลี่ยนแปลง และทั้งตัวกฏธรรมชาติที่ทรงอยู่
ทุกสิ่งล้วนคือสภาวธรรม ที่มีอยู่และทรงอยู่ในธรรมชาติ

คำว่าสมมุติบัญญัติ คือถ้อยคำที่ถูกสร้างขึ้น สำหรับบ่งชี้สภาวะทั้งปวงในโลก
เมื่อสิ้นสมมุติบัญญัติ เพราะการระงับถ้อยคำอันปรุงแต่งของจิต จิตก็เพียงแต่หมดคำพูด
หมดการแยกแยะ หมดการบ่งชี้ และมั่นหมายต่อสภาพธรรมหรือสภาวะใดๆให้เป็นอย่างใดทั้งสิ้น

สภาวะอย่างนี้ จะหมดคำพูด ที่จะเรียกกล่าว ทุกสภาพทุกสภาวะของธรรมชาติ
แม้แต่คำว่าอนัตตา หรือคำว่าอัตตาก็ไม่มี จิตไม่มีคำเรียกสิ่งใดทั้งนั้น

การที่จิตสามารถเข้าถึงสภาพของการเพิกถอนสมมุติบัญญัติ ในสภาพนั้นถึงจะไม่มีถ้อยคำกล่าว
ว่าอัตตา หรืออนัตตา แต่สภาพนั้นก็ัยังจะทรงตัวอยู่โดยความเป็นอนัตตาอยู่ดี
จิตเพิกถอนได้แต่เฉพาะคำเรียก ไม่ได้ก้าวพ้นไปจากตัวสภาพของอนัตตาแต่อย่างใด


อนัตตาไม่ใช่สิ่งที่จะเกิดหรือดับ เพราะอนัตตาไม่ใช่รูปธรรม ไม่ใช่นามธรรม
และก็ไม่ใช่นิพพาน อันเป็นที่ดับสนิทของของรูปหรือนาม

แต่อนัตตาคือกฏที่ประจำอยู่กับรูป อยู่กับนาม อยู่กับทุกสรรพสิ่งในธรรมชาติ


คนไมรู้จักอนัตตา ให้ถูกต้องตรงความหมาย จึงสำคัญผิดคิดว่า อนัตตาไม่ใช่สิ่งที่มีอยู่จริง
แต่เป็นแค่เพียงสิ่งสมมุติ เท่านั้น

เพราะโดยความจริงแล้ว อนัตตาไม่ใช่สิ่งสมมุติและไม่ใช่สิ่งที่จะมาเพิกถอนกันได้
แต่ ถ้อยคำอันเป็นสมมุติบัญญัติ ซึ่งเป็นคำกล่าวจากการปรุงของจิต ที่เป็นคำว่า
อนัตตานั้นต่างหาก ที่สามารถเพิกถอนได้ และจะถูกเพิกถอนไปเมื่อจิตไม่ปรุง

สามัญญลักษณะ คือลักษณะที่มีประจำอยู่กับทุกสิ่งในธรรมชาติ
ไม่ใช่สิ่งสมมุติที่ใครจะไปเพิกถอน

ใครที่สามารถถอนสามัญญลักษณะออกจากตัวธรรมชาติได้ นั่นก็เพราะมั่วเต็มที

ไม่รู้จักทั้งสิ่งที่เรียกว่าสมมุติ
ไม่รู้จักทั้งสิ่งที่เรียกว่าสมมุติบัญญัติ
และไม่รู้จักสิ่งที่เป็นตัวกฏธรรมชาติ ซึ่งทรงตัวคู่กันอยู่กับทุกสรรพสิ่งในฐานะของตัวกฏ
ที่ไม่มีสิ่งใดจะไปเพิกถอนมันได้


การกล่าวว่าอนัตตา เป็นแค่สิ่งสมมุติ

นั่นกำลังบิดเบือนพุทธพจน์ บิดเบือนกฏธรรมชาติอย่างเต็มที่

และการกล่าวอย่างนี้ก็แสดงออกให้รู้ว่า ช่างไม่รู้จักอนัตตาเอาเสียเลย


:b42: :b42: :b42: :b42: :b42: :b42: :b42:

เจ้าของ:  สุคโต [ 21 ก.ย. 2009, 09:40 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: เรื่อง อนัตตา

:b35: :b35: :b35:
ชอบๆๆๆ คุยเรื่องแบบนี้ดิ....จะได้ถกกันอีกยาวๆ :b32: :b32:
แต่เรามาคอยดูอย่างเดียวก็พอ :b13:

เจ้าของ:  tanaphomcinta [ 21 ก.ย. 2009, 14:02 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: เรื่อง อนัตตา

mes เขียน:
นิพานสมมุติด้วยไหมครับ

ได้ข่าวว่า นิิพพาน มีลักษณะเป็นวิสังขาร อสังขตธรรม
ไม่สามารถถูกปรุงสร้างขึ้นมาได้

ส่วน"สมมุติ" ก็น่าจะเป็นสิ่งเดียวกับคำว่า "สังขาร"
(วิ.วิเศษ .แจ้ง .ต่าง)ท่านผู้เรียนมาจึงจะรู้

(เดาเอา)ถ้าจะว่าตามสมมุติที่เราท่านพูดกันอยู่นี้ ทุกสิ่งอย่างก็เป็นคำสมมุติเรียกกันพูดกันตามสามัญสำนึก แม้แต่เราจะรู้หรือไม่ก็ตาม ทุกสิ่งก็เป็นไปตามกฏของธรรมชาตินั้นเอง รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ สิ่งเหล่านี้เราก็เพียงแต่รู้ตามท่านผู้รู้นำมากล่าวไว้ให้เรารู้ตาม

ถ้าเราอยากจะรู้จริงตามที่ท่านกล่าวไว้ เราก็ต้องลงมมือปฏิบัติจนถึงขั้น จึงจะรู้จริง เอาง่ายๆ ท่านบอกว่าสังขารทั้งหลายไม่ใช้ตัวตนบุคคลเราเขา เราก็ลองนั้งสมาธิให้ได้ฌาณใด ฌาณหนึ่ง เราก็จะรู้เองว่า สังขารที่เรียกว่าของเรานี้ มันจะสามารถแยกของจากวิญญาณได้ ถ้าหากว่ามันแยกกันออกไม่ได้

หลวงพ่อหลวงตาที่ท่านนั่งสมาธิได้เป็นเวลานานๆ ดดนไม่มีการเจ็บปวดร่างกาย พอลุกจากที่นั้งท่านก็เดินไปได้สบายเหมือนไม่ได้นั่งเป้นวันเป็นคืนเลย (นั่งได้สมาธินะ) นั้นก็แสดงว่า วิญญาณกับสังขาร มันสามรถแยกออกจากกันได้ โดยไม่ได้เข้าเป็นหยึด ตัวตนบุคคลเราเขา ถ้าเราไม่ได้ปฏิบัติ ก็เหมือนกับว่า เราได้ยินว่า แกงช้างเผือก อหร่อยเหลือเกิน ยังไม่ตายต้องจะกินแกงช้างให้ได้ เราก็ยังสงสัยอยู่ดีว่า มันอหร่อยอย่างไรนะ

เมื่อเราลงมือปฏบัติตามที่ท่านบอกกล่าวจนถึงขั้นได้สมาธิขั้นใดขั้นหนึ่งแล้ว เราจะไม่ต้องมาสงสัยอยู่เลย เพราะเราได้กินแล้วแกงช้างเราจะไม่สงสัยว่ามันอหร่อยขนาดไหน ผิดตกต้องขออภัย ผิดใจต้องขอโทษนะ ฮิฮิฮิ


ไฟล์แนป:
คำอธิบาย: ดุเอาเองมันน่าจะเป็นทุกข์ขนาดไหน ไม่ใช้ตัวเราเองก็ไม่รู้ว่าจะทุกข์ทรมาณขนาดไหนจริงมะ ฮิฮิฮิ
1.jpg
1.jpg [ 15.59 KiB | เปิดดู 5099 ครั้ง ]

เจ้าของ:  เช่นนั้น [ 21 ก.ย. 2009, 14:46 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: เรื่อง อนัตตา

รู้โดยนิรุติ

รู้โดยสมมติ

พ้นสมมติ

พ้นนิรุติ

สมมติ กับ นิรุติ

เหมือนกันไม๊

หรือ พยัญชนะ เรียกนิพพาน
อรรถ โดยเนื้อหา พ้นสมมติ พ้นนิรุติ

เจ้าของ:  มหาราชันย์ [ 21 ก.ย. 2009, 18:01 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: เรื่อง อนัตตา

“ ปัญญาของผู้มีจิตไม่ตั้งมั่น ไม่รู้สัทธรรม
มีความเลื่อมใสเลื่อนลอยย่อมไม่บริบูรณ์ ”



" อนึ่ง ภัยย่อมไม่มีแก่ผู้ตื่นอยู่
ผู้มีกัมมัฏฐานมั่นคงเป็นสหาย
มีจิตไม่ขวนขวาย มีจิตไม่ถูกกำจัด
ละบุญและบาปได้แล้ว ย่อมอยู่เป็นสุขทุกเมื่อ "

เจ้าของ:  ม่านหมอก [ 21 ก.ย. 2009, 18:17 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: เรื่อง อนัตตา

บัวศกล เขียน:
ถึงแม้จะเพิกถอนสมมุติบัญญัติออกจากทุกสภาพในโลก จนไม่เหลือถ้อยคำสักคำผุดขึ้นมาจากจิตได้ แต่สภาวธรรม ภายใต้กฎธรรมชาติหนึ่ง ๆ ก็ยังเป็นสิ่งที่... :b1:
:b32:



คุณคิดว่ามีกฎอื่นอีกรึเปล่าครับ... กฎที่ทำให้สิ่งที่หลุดเข้าไปแล้วไม่สามารถกลับมาเล่าได้น่ะครับ... :b14:

คือผมก็คิดเรื่อยเปื่อยนะครับ... :b32: อย่าถือสา พอดีคำอธิบายของคุณ มันวิ่งมาชนต่อมคิดนอกคอกของผม...หง่ะ...

หน้า 1 จากทั้งหมด 2 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/