วันเวลาปัจจุบัน 27 เม.ย. 2024, 05:35  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 8 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ก.ย. 2009, 22:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ย. 2008, 22:30
โพสต์: 222

ที่อยู่: เวียนว่ายในวัฏสงสาร (-_-!)

 ข้อมูลส่วนตัว


cool พอดีได้ยินมาว่า ผู้ประพฤติพรหมจรรย์ตายไปจะได้ไปพรหมโลก หากเขาปฏิบัติวิปัสนากรรมฐานอย่างต่ำๆ จะเริ่มที่พรมหมโลกเลยจริงหรือครับ...... :b6: :b5: :b14: :b10: งั้นจะผมต้องได้ไปพรหมโลกแน่ๆ เพราะยังพรหมจรรย์......อิอิ :b3: :b19: :b9: :b32:

.....................................................
ขอประสบความสุขทั้งทางโลกและทางธรรม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ก.ย. 2009, 13:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 ส.ค. 2009, 22:12
โพสต์: 37

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


พรหมจรรย์...หมายถึง จรรยาของพรหม อันประกอบไปด้วย เมตตา กรุณา มุฑิตา และอุเบกขา

ไม่ใด้หมายถึงผู้ที่ไม่เคยเสพเมถุนนะจ๊ะ :b11:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ก.ย. 2009, 15:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 ส.ค. 2009, 02:56
โพสต์: 290

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อวบอั๋นขั้นสุดท้าย เขียน:
cool พอดีได้ยินมาว่า ผู้ประพฤติพรหมจรรย์ตายไปจะได้ไปพรหมโลก หากเขาปฏิบัติวิปัสนากรรมฐานอย่างต่ำๆ จะเริ่มที่พรมหมโลกเลยจริงหรือครับ...... :b6: :b5: :b14: :b10: งั้นจะผมต้องได้ไปพรหมโลกแน่ๆ เพราะยังพรหมจรรย์......อิอิ :b3: :b19: :b9: :b32:



:b15: :b15: :b15: ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

:b32: :b32: :b12: นู๋เอค่ะ...

.....................................................
ข้าพเจ้าเคารพพระธรรม ที่มีอยู่ในพระพุทธเจ้า
ข้าพเจ้าเคารพพระธรรม ที่มีอยู่ในพระธรรม
ข้าพเจ้าเคารพพระธรรม ที่มีอยู่ในพระสงฆ์
ข้าพเจ้าเคารพพระธรรม ที่มีอยู่ในพระมารดาพระบิดา
ข้าพเจ้าเคารพพระธรรม ที่มีอยู่ในครูอุปัชฌาย์อาจารย์
ข้าพเจ้าเคารพพระธรรม ที่มีอยู่ในทุกสิ่งทุกอย่าง...สาธุ สาธุ สาธุ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ก.ย. 2009, 16:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 มิ.ย. 2008, 22:40
โพสต์: 1769

แนวปฏิบัติ: กินแล้วนอนพักผ่อนกายา
งานอดิเรก: ปลุกคน
สิ่งที่ชื่นชอบ: Tripitaka
ชื่อเล่น: สมสีสี
อายุ: 0
ที่อยู่: overseas

 ข้อมูลส่วนตัว


พระธรรมเทศนาของ พระราชสิทธิมุนี (โชดก ป.9)

พระอาจารย์ใหญ่ฝ่ายวิปัสสนาธุระ แสดงที่วัดยางงาม

จ. ราชบุรี 27 เม.ย 2501


ทาง 5 สาย

ทาง 5 สายนั้นคือ

1. ทางไปอบาย
2. ทางไปมนุษย์
3. ทางไปสวรรค์
4. ทางไปพรหมโลก
5. ทางไปนิพพาน

อธิบายทางสายที่ 4.

ทางสายที่ 4 คือ ทางไปพรหมโลก ทางไปพรหมโลก นั้น ได้แก่อารมณ์ 40 แบ่งเป็น 7 หมวดคือ

1. กสิณ 10 มีปฐวีกสิณ อาโปกสิน เตโชกสิน วาโยกสิน เป็นต้น
2. อสภะ 10 มีซากศพที่มีสีเขียวขึ้นพอง ซากศพทีมีหนองไหลออก ซากศพที่ขาดครึ่งตัวเป็นต้น
3. อนุสสติ 10 มี พุทธานุสสติ ธัมมานุสสติ สังฆานุสสติ สีลานุสสติ จาคานุสสติ เทวดานุสสติ เป็นต้น
4. พรหมวิหาร 4 คือ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา
5. อรูปฌาน 4 มีอากาสานัญจายตนะ เป็นต้น
6. อาหาเรปฏิกูลสัญญา พิจารณาอาหารโดยความเป็นปฏิกูล
7. จตุธาตุววัฎฐาน กำหนดธาตุทั้ง 4 คือ ดิน น้ำ ไฟ ลม

ทั้ง 40 นี้ เป็นอารมณ์ของสมถกรรมฐาน ผู้ที่เจริญกรรมฐานเหล่านี้ข้อใด ข้อหนึ่ง เช่น เพ่งดิน เพ่งน้ำ เป็นต้น จนได้บรรลุปฐมญาน ทุติยฌาน ฯลฯ เมื่อตายแล้วย่อมได้ไปเกิดในพรหมโลก ชั้นใดชั้นหนึ่ง ตามสมควรแก่ฌานของตน ถ้าผู้ใดต้องการไปเกิดในพรหมโลก ก็ต้องเจริญสมถกรรมฐานจนได้ฌานก่อน ผู้นั้นก็ได้ไปเกิดในพรหมโลกตามประสงค์

ทางสายที่ 1 และ 4 นี้ มีอยู่ก่อนพระพุทธเจ้าเกิดขึ้นในโลก ภายในพุทธศาสนาก็มี ภายนอกพุทธศาสนาก็มี เช่น อาฬารดาบส อุทกดาบส ผู้เป็นอาจารย์ของพระพุทธเจ้า เป็นต้น ได้เดินทางสายนี้มาแล้ว

ถึงแม้ว่าได้ฌานแล้วไปเกิดในพรหมโลกก็ตาม ยังไม่พ้นทุกข์ได้ ถ้าหมดบุญแล้วยังจะกลับมาสู่อบายภูมิได้อีก ดังตัวอย่างต่อไปนี้คือ

ในอดีตกาล ยังมีแม่ไก่ตัวหนึ่งไปยืนฟังพระสอนวิปัสสนากรรมฐานอยู่อย่างไม่รู้เรื่อง ในขณะนั้นมีเหยี่ยวตัวหนึ่งโฉบลงมาเอาไก่ตัวนั้นไปเป็นอาหาร เมื่อแม่ไก่ตัวนั้นตายแล้ว ได้ไปเกิดเป็นธิดาของพระเจ้าแผ่นดิน เมื่อนางอายุได้ 15 ปี นางไปถ่ายอุจจาระมีหมู่หนอนมาแย่งกันกินอุจจาระ เป็นกลุ่มๆ ก้อนๆ อยู่นางจึงเพ่งดูหนอนนั้น พร้อมทั้งบริกรรมในใจว่า "ปุฬุวกํ ปุฬุวกํ" แปลว่าหนอน หนอน ดังนี้ ไม่นานก็สามารถเกิดวิตกยกจิตขึ้นสู่กองหนอน วิจารวนรอบอยู่กองหนอน ปิติเกิดขนลุกซู่ตามร่างกาย สุขมีความสบาย เอกัคคตา มีใจดิ่งอยู่อารมณ์อันเดียว เรียกได้ว่าบรรลุปฐมฌาน เมื่อตายแล้วนางได้ไปเกิดในพรหมโลก ครั้นมาถึงศาสนาแห่งพระพุทธเจ้า นางได้จุติจากพรหมโลกมาเกิดเป็นมนุษย์ ตายจากมนุษย์ไปเกิดเป็นนางสุกร พระพุทธเจ้ากับพระอานนท์เข้าไปบิณฑบาตในบ้าน เมื่อได้ทอดทัศนาการเห็นเป็นเช่นนั้น พระพุทธองค์จึงทรงแย้มพระโอษฐ์ให้ปรากฏ พระอานนท์เถระจึงได้ทูลถามถึงเหตุนั้น พระพุทธเจ้าจึงตรัสเป็นใจความว่า "ดูกรอานนท์ ตัณหาของสรรพสัตว์นี้หยาบมาก นางสุกรนี้ เมื่อก่อนเกิดเป็นแม่ไก่ ตายจากนั้นไปเกิดเป็นธิดาของพระเจ้าแผ่นดิน ตายจากนั้นได้ไปเกิดในพรหมโลก ครั้นจุติจากพรหมโลกแล้วยังกลับมาเกิดในอบายภูมิ คือ นางสุกร เช่นนี้อีก"

ตามตัวอย่างนี้ พอชี้ให้เห็นแล้วว่า ผู้ที่ได้ฌานแล้วยังกลับไปสู่ทุคติได้อีก เพราะกิเลสยังมีอยู่ เป็นเพียงข่มไว้ชั่วครู่ชั่วคราวเท่านั้น ยังละไม่ได้เด็ดขาด จึงจำเป็นต้องกลับมาสู่อบายภูมิได้อีก ดังหลักฐานในวิภังคบาลี รับรองความข้อนี้ว่า

อุกฺขิตฺตา ปุญฺญเตเชน กามรูปคตึ คตา

ภวคฺคมฺปิจ สมฺปตฺตา ปุน คจฺฉนฺติ ทุคฺคตึ

ด้วยอำนาจแห่งบุญที่ตนทำไว้แล้ว สัตว์ทั้งหลายจึงได้ไปเกิดในพรหมโลก แม้ถึงภวัคคพรหมแล้ว ก็ยังกลับมาสู่ทุคติได้อีก ดังนี้

เพราะฉะนั้น ขอสาธุชนทั้งหลายจงอย่าพากันประมาท และนอนใจอยู่ เพียงแต่ทางสายที่ 2 ถึงที่ 4 นี้ยังไม่พ้นไปจากกิเลสและกองทุกข์ได้ ยังไม่พ้นจากอบายภูมิไปได้อย่างแน่นอน ยังมีโอกาสจะต้องย้อนกลับบ้านสู่ทุคติได้อยู่ มีประตูอบายเปิดคอยไว้ทุกเมื่อ ปิดประตูอบายยังไม่ได้อย่างเด็ดขาด จงพากันรีบถ่อรีบพายต่อๆ ไป จนกว่าจะถึงพระนิพพานโน้นเถิด จะไม่เกิดเสียใจภายหลัง ทางสายที่ 4 มีอรรถาธิบายดังบรรยายมาด้วยประการฉะนี้


.....................................................
ศีล ๕ รักษาตนไม่ให้เกิดในอบายภูมิ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ก.ย. 2009, 17:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ค. 2009, 09:26
โพสต์: 1517

แนวปฏิบัติ: วิปัสสนาภาวนา
อายุ: 39
ที่อยู่: ลำพูน

 ข้อมูลส่วนตัว


ลำดับนั้น มหาโควินทพราหมณ์ได้กล่าวกะสนังกุมารพรหมด้วยคาถาว่า

ข้าพเจ้ามีความสงสัย จึงขอถามสนังกุมารพรหม ผู้ไม่มีความ
สงสัย ในปัญหาของคนอื่น สัตว์ตั้งอยู่ในอะไร ศึกษาในอะไร จึงจะถึง
พรหมโลกอันไม่ตาย ฯ


ดูกรพราหมณ์ สัตว์ละความยึดถือว่าเป็นของเรา ในสัตว์ทั้งหลายที่
เกิดเป็นมนุษย์แล้วอยู่โดดเดี่ยว น้อมไปในกรุณา ไม่มีกลิ่นร้าย เว้น
จากเมถุน สัตว์ตั้งอยู่ในธรรมนี้ และ ศึกษาอยู่ในธรรมนี้ ย่อม
ถึงพรหมโลกอันไม่ตายได้ ฯ


ข้าแต่พรหม ในสัตว์ทั้งหลาย คนเหล่าไหนมีกลิ่น ร้าย
ข้าพเจ้าไม่ทราบคนกลิ่นร้ายเหล่านี้ ท่านนักปราชญ์ ขอจงบอก ณ ที่นี้เถิด
หมู่สัตว์อันอะไรร้อยแล้ว ย่อมเหม็นเน่าคลุ้งไปต้องไปอบาย มีพรหมโลก
อันปิดแล้ว ฯ


ความโกรธ การพูดเท็จ การโกง ความประทุษร้ายมิตร ความเป็นคน
ตระหนี่ ความเย่อหยิ่ง ความริษยา ความมักได้ ความลังเล การเบียดเบียน
ผู้อื่น ความโลภ ความ คิด ประทุษร้าย ความเมา และความหลง สัตว์ผู้
ประกอบ ในกิเลสเหล่านี้ จัดว่าไม่หมดกลิ่นร้ายต้องไปอบาย มี พรหมโลก
อันปิดแล้ว ฯ

.....................................................
"ธรรมและวินัยอันใด เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้วแก่พวกเธอ ธรรมและวินัยอันนั้น จักเป็นศาสดาของพวกเธอ โดยกาลล่วงไปแห่งเรา..."
"... ไม่เที่ยง เกิดดับ ..."


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ก.ย. 2009, 19:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 22 ก.พ. 2009, 01:02
โพสต์: 337


 ข้อมูลส่วนตัว


:b41: :b41: :b41: :b41: :b42: :b42: :b42: :b41: :b41: :b41: :b41:

cool สวัสดีครับ ขอมาร่วมแสดงความเห็น

เมื่อพูดถึงพรหมโลก ขอกล่าวถึงภพหรือภูมิ ซึ่งแบ่งได้ ๓ อย่างก่อน คือ

๑. กามภพ คือภพที่เป็นกามาวจร หมายถึงภพหรือที่อยู่ของสัตว์ประเภทที่ยังเสวยกามคุณ ๕ (อารมณ์ทางอินทรีย์) ซึ่งแยกย่อยออกเป็น ๓ ภพ คือ อบาย ๔ (นรก เปรต อสุรกาย เดรัจฉาน) มนุษย์โลก ๑ และสวรรค์ ๖
๒. รูปภพ คือภพที่เป็นรูปาวจร หมายถึงภพของสัตว์ที่ได้รูปฌาน ได้แก่ รูปพรหม ๑๖ ชั้น
๓. อรูปภพ คือภพที่เป็นอรูปาวจร หมายถึงภพของสัตว์ที่ได้อรูปฌาน ได้แก่ อรูปพรหม ๔ ชั้น


:b43: :b43: :b43:

พรหมในพรหมโลก (รูปภพและอรูปภพ) คือโอปปาติกะที่สำเร็จฌานในสมัยเป็นมนุษย์ เมื่อตายจึงได้มาเกิดในพรหมโลก ซึ่งเป็นภพที่ไม่เสพกามคุณอย่างในมนุษย์และสวรรค์ เพราะพรหมจะเป็นผู้กำจัดกามราคะได้ ยังมีโอกาสทำกุศลได้มาก แต่จะมีความสุขที่ประณีตยิ่งขึ้นไปอีก

ในขณะเป็นมนุษย์หากได้เจริญกุศลเป็นการออกจากโทษ ออกจากกาม ที่ชื่อว่าเนกขัมมะ วิกขัมภนปหาน หมายถึง ละด้วยการข่มไว้ด้วยมหัคคตกุศล เป็นกุศลขั้นรูปฌาน อรูปฌาน ละกิเลสอย่างกลาง คือ นิวรณ์ ถ้าฌานไม่เสื่อมก็จะทำให้ไปเกิดเป็นพรหม ในรูปภพ อรูปภพ ตามฌานที่เจริญได้ (ตามที่ท่าน dd และท่าน Supareak Mulpong ได้กล่าวแสดงไว้ข้างต้น)

ส่วน การประพฤติพรหมจรรย์ ก็คือการศึกษาพระเวท, การบวชซึ่งละเว้นเมถุน, การครองชีวิตที่ปราศจากเมถุน, การประพฤติธรรมอันประเสริฐ, การครองชีวิตประเสริฐตามอริยมรรคในพระพุทธศาสนา เพื่อกระทำนิพพานให้แจ้งในที่สุด

:b43: :b43: :b43:

:b6: :b6: ส่วนพรหมจรรย์ของท่านอวบอั๋นขั้นสุดท้าย (ไม่เข้าใจ :b10: ทำไมต้องมีขั้นสุดท้าย ?) ยังไม่ใช่ทางปฏิบัติที่จะได้รูปฌานหรืออรูปฌาน อิ.. อิ .. :b12: :b12: ยังไปจุติเป็นพรหมไม่ได้ครับ เป็นพรหมจรรย์ส่วนตัว :b16: :b16: ผู้ประพฤติพรหมจรรย์ในทางศาสนา หมายถึงผู้ที่มีศีล ประสงค์ออกจากกาม และประพฤติพรหมจรรย์ นั่นคือผู้ออกบวชนั่นเอง เหตุที่จะทำให้ผู้บวชในธรรมวินัยนี้ ประพฤติพรหมจรรย์อยู่ได้ไม่ยั่งยืน มี ๔ อย่าง คือ

๑. อดทนต่อคำสั่งสอนไม่ได้
๒. เห็นแก่ปากแก่ท้อง
๓. ฝันใฝ่ทะยานอยากได้กามคุณ
๔. รักผู้หญิง

เอ่อ ก็ขอแสดงความเห็นแต่เพียงเท่านี้ ขอให้ท่านอวบฯ ปฏิบัติเพื่อบรรลุธรรมที่ปรารถนาได้ในเร็ววัน

:b1: :b1: :b1:

เจริญในธรรมครับ :b8: :b8: :b8:

smiley
:b41: :b41: :b41: :b41: :b42: :b42: :b42: :b41: :b41: :b41: :b41:

.....................................................
ราตรีของผู้ตื่นอยู่นาน...โยชน์ของผู้ล้าแล้วไกล


แก้ไขล่าสุดโดย ningnong เมื่อ 04 ก.ย. 2009, 19:42, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ก.ย. 2009, 22:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3835

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


ถ้าตายไปเกิดในภูมิต่ำกว่ามนุษย์
ใจก็จะมีแต่ทุกข์ มันกรุ้มรุมแผดเผา
ทำให้ต้องดิ้นรนตลอดเวลา
โงหัวไม่ขึ้นน่ะ ว่าง่ายๆ ไม่มีโอกาสจะเข้าถึงทางสายเอกได้นะ


ถ้าตายไปเป็นภพภูมิสูง เทวดา พรหม
ก็จะเพลินอยู่ในความสุข ไม่อยากทิ้งนะ ไม่อยากตกต่ำ ไม่อยากเป็นคน
ไม่สามารถจะบรรลุมรรคผลนิพพานได้


ความเป็นมนุษยนี่ต่างหากครับ น่าปารถนาที่สุด
ตายกี่ชาติก็ควรจะตั้งใจไปเกิดเป็นคนดีกว่า
เพราะภพภูมิของคน มันสามารถเข้าถึงทางสายเอกได้
มีแต่คนเท่านั้นที่จะบรรลุมรรคผลนิิพาน

หรือถ้าจะเป็นพรหม ต้องทำให้มันได้เกิดในขั้นสุทธาวาส
จึงจะมีโอกาสต่อยอดบรรลุมรรคผลนิพพานได้

พระพุทธเจ้าถึงต้องอุบัติเป็นมนุษย์ไงครับ
เกิดเป็นคนน่ะดีที่สุดแล้ว


แก้ไขล่าสุดโดย ชาติสยาม เมื่อ 07 ก.ย. 2009, 22:49, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ก.ย. 2009, 01:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2009, 20:26
โพสต์: 1589

แนวปฏิบัติ: อรหัตตมัคค
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฎก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


[๑๔] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข้อนี้แลเป็นทุกขอริยสัจ คือ
ความเกิดก็เป็นทุกข์
ความแก่ก็เป็นทุกข์
ความเจ็บไข้ก็เป็นทุกข์
ความตายก็เป็นทุกข์
ความประจวบด้วยสิ่งที่ไม่เป็นที่รักก็เป็นทุกข์
ความพลัดพรากจากสิ่งเป็นที่รักก็เป็นทุกข์
ปรารถนาสิ่งใดไม่ได้สิ่งนั้นก็เป็นทุกข์

โดยย่นย่อ อุปาทานขันธ์ ๕ เป็นทุกข์


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 8 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 140 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร