วันเวลาปัจจุบัน 27 เม.ย. 2024, 10:18  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 20 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 พ.ย. 2009, 01:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2009, 20:05
โพสต์: 60

แนวปฏิบัติ: พิจารณา......
ชื่อเล่น: ดุ๊กดิ๊กๆ
อายุ: 24
ที่อยู่: นครสวรรค์

 ข้อมูลส่วนตัว


quote]

เมื่อทราบความเป็นจริงว่า แท้จริงไม่มี"ผู้ทุกข์" ทุกข์จะเกิดได้อย่างไร
ไม่มี"ผู้บรรลุ" จะบรรลุอะไรได้อย่างไร


:b8: :b8: :b8:[/quote]

คุณเห็นได้ ขออนุโมทนาครับ
:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 พ.ย. 2009, 06:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 พ.ค. 2009, 09:34
โพสต์: 1478

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ชาติสยาม เขียน:
sabye เขียน:
สามารถเห็นแจ้งในธรรมที่พระพุทธองค์ได้ทรงตรัสไว้
และรู้ซึ้งถึงปาฏิหารย์ที่แสนจะธรรมดาของสรรพสิ่งได้
:b42: :b42: :b42:


sabye เขียน:
เห็นทุกอย่างตามความเป็นจริง หมดกิเลสตัณหา ไม่หลงเหลือตัวตนอัตตา
ไม่เหลือใครที่จะไปบรรลุธรรม ย่อมไม่มีธรรมให้บรรลุ...
ขออนุโมทนาครับ :b8: :b8: :b8:


เมื่อทราบความเป็นจริงว่า แท้จริงไม่มี"ผู้ทุกข์" ทุกข์จะเกิดได้อย่างไร
ไม่มี"ผู้บรรลุ" จะบรรลุอะไรได้อย่างไร


:b8: :b8: :b8:


อิ อิ :b16: :b16: อิ อิ

:b17: :b17: :b17: :b17:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 พ.ย. 2009, 16:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2009, 20:05
โพสต์: 60

แนวปฏิบัติ: พิจารณา......
ชื่อเล่น: ดุ๊กดิ๊กๆ
อายุ: 24
ที่อยู่: นครสวรรค์

 ข้อมูลส่วนตัว


ชาติสยาม เขียน:
sabye เขียน:
สามารถเห็นแจ้งในธรรมที่พระพุทธองค์ได้ทรงตรัสไว้
และรู้ซึ้งถึงปาฏิหารย์ที่แสนจะธรรมดาของสรรพสิ่งได้
:b42: :b42: :b42:


sabye เขียน:
เห็นทุกอย่างตามความเป็นจริง หมดกิเลสตัณหา ไม่หลงเหลือตัวตนอัตตา
ไม่เหลือใครที่จะไปบรรลุธรรม ย่อมไม่มีธรรมให้บรรลุ...
ขออนุโมทนาครับ :b8: :b8: :b8:


เมื่อทราบความเป็นจริงว่า แท้จริงไม่มี"ผู้ทุกข์" ทุกข์จะเกิดได้อย่างไร
ไม่มี"ผู้บรรลุ" จะบรรลุอะไรได้อย่างไร

:b8: :b8: :b8:


จริงๆก็อาจพูดได้อีกว่า "ไม่เหลือแม้แต่ผู้ที่บรรลุ แล้วธรรมที่ไหนเหลือให้บรรลุได้อีก"

อันอัตตาที่เราเฝ้าดูเฝ้าศึกษาไถ่ถอน แล้วบอกว่าทุกสิ่งอย่างเป็นอนัตตานั้นก็ยังไม่ชัดนัก
ผู้ที่กล่าวว่าเป็นอัตตานั้นเห็นว่าก็ยังไม่ชัด


แต่หากผู้กล่าวว่า อัตตานั้นมีแต่ไม่ควรยึดมั่นถือมั่น กลายเป็นกลับไปยึดอนัตตาเข้ามาแทน กระผมจะกล่าวว่า ที่เห็นว่าทุกสิ่งเป็นอนัตตาไม่ควรยึดมั่นถือมั่นเราก็เอาอนัตตานั้นมายึดถือเป็นอัตตาแล้ว

จะกล่าวได้ว่า นั่นคือสองฟากข้างแห่งความสุดโต่งไป

เราควรยอมรับว่า อัตตานั้นมีอยู่แต่ไม่แบกไป ดำรงค์อัตตาด้วยความเป็นอนัตตา ก็เมื่อเห็นว่าอัตตานั้นมีอยู่ อนัตตานั้นก็ไม่ควรยึดมั่นถือมั่นเช่นกัน ผู้ดำรงค์เช่นนี้ ย่อมก้าวห้วงแห่งโอฆะทั้งสองได้ ดำรงค์อยู่ในวิมุตติธรรม

กระผมขอยกคำกลอนที่แต่งไว้เพื่อตอบคำถามของท่านbuddhaที่อยู่ในอีกกระทู้หนึ่งเพื่อผู้รู้ทั้งหลายพิจารณาสั่งสอนครับ

สดับคำท่านบุดฯแล้ว ชื่นจิต
สรรพสิ่งปิดไม่มิด แท้หนอ
สมมติบัญญัติเรียก มากนาม
ในลานแห่งนี้ไซร้ มีสอง เป็นจริง

นามหนึ่งเรียกเชิดชาย กล่าวไว้
เหตุเพราะความเขลาไซร้ จึงเลิก
เมื่อแรกสมัครเข้า ใช้เวปฯ มิชาญ
เข้าระบบไม่เป็นไซร้ ช่างเขลา เบาปัญญา

แต่เหตุนี้มิพัก ให้หยุด
ผู้น้อยจึงเร่งรุด นามสอง
ด้วยเหตุอุบัติเพื่อ ช่วยสรรพ-สัตว์ นา
รวมหยาดแห่งชนไว้ ผู้ซึ่ง สภาวะธรรม

ตั้งนามสบายไว้ ครั้งสอง
หน้าที่มั่นหมายปอง ตั้งแล้ว
หลอมรวมหยาดแห่งธรรม ดุจดั่ง สมุทรนา
เป็นแรงแห่งกันไว้ ต่อสู้ มารธรรม

ผู้น้อยมิอาจเอื้อม นามพระศรีฯ
ด้วยเหตุพระผู้ที่ ทำนายไว้
ทรงขรรค์แห่งอเนก นามปัญ-ญานา
เปี่ยมคุณสูงสุดไซร้ ดำรง ดั่งดิน

ท่านถามว่าอัตตา มีหรือ
ผู้น้อยตอบซื่อๆ มีแท้
เหตุที่ท่านถามหา ไหนฤา
ศิษย์น้อยมิแบกไว้ ดำเนิน กึ่งกลาง

กล่าวถึงสองฝั่งไซร้ เซ็งจิต
เบื่อหน่ายความยึดติด เร้าหรือ
ไม่แบกแม้กระทั่ง อนัต-ตานา
จึ่งดำ-รงค์อยู่ได้ ในกระแส วิมุต ติธรรม


เมื่อรู้ธรรมอันกล่าวอนัตตา จงกระทำให้บรรลุเป้าหมายของการกล่าวธรรมนี้ของพระตถาคตเจ้า เพื่อเป็นการตอบแทนพระคุณของท่านด้วยอีกประการหนึ่ง และที่สำคัญควรกระทำตนให้เป็นแบบอย่างที่ดีแล้วทำให้ผู้อื่นบรรลุเป้าหมายนั้นๆไปด้วย

กราบขอบพระคุณทุกๆท่านที่สละเวลาอันมีค่าในการเรียนรู้ศึกษาและปฎิบัติ เข้ามาอ่านบทความอันไร้ความหมายของกระผมด้วยครับ

ขออนุโมทนาครับ
:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 พ.ย. 2009, 00:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 พ.ย. 2009, 00:03
โพสต์: 7

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงกล่าวว่า "อุตตริวิชา(ประถมญาณ,การแสดงฤทธิ์เดช)
เป็นกิเลส,เป็นหลุมพรางทำให้หลงจนคิดว่าสำเร็จแล้วบรรลุแล้วจนไม่สามารถไปถึงนิพพานได้"
และก็บัณญัติเป็นศีลของพระสงฆ์ ห้ามแสดงอุตตริวิชา
สิ่งที่เห็นในรูปอาจเป็นแค่การหักเห่ของแสงก็ได้

ศีล สมาธิ ปัญญา
คือปาฏิหารย์ที่พระตถาคตทรงแสดงไว้ดีแล้ว

.....................................................
เคยบวชตามประเพณี อนาคตจะบวชอีกทีตามศรัทธา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 พ.ย. 2009, 02:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2009, 20:05
โพสต์: 60

แนวปฏิบัติ: พิจารณา......
ชื่อเล่น: ดุ๊กดิ๊กๆ
อายุ: 24
ที่อยู่: นครสวรรค์

 ข้อมูลส่วนตัว


ความเห็นของพระคุณท่าน ความหมายยิ่งใหญ่ดังบท อิปิติโส.

การแสดงความเห็น เห็นได้เฉพาะตน ความเห็นย่อมเห็นได้เฉพาะตน มีที่มามีที่ไป ไม่ต่างกัน
ขอกราบอนุโมทนาพระคุณท่าน นำคำสั่งสอนของพระพุทธองค์มาแสดง เพื่อเป็นการชี้แนะ และเตือนสติ

ขอบพระคุณจากใจครับ

:b8: :b8: :b8:


แก้ไขล่าสุดโดย sabye เมื่อ 20 พ.ย. 2009, 06:53, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 20 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 106 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร