ลานธรรมจักร
http://www.dhammajak.net/forums/

คิดอย่างไรกับการดูจิต (กระทู้สุมไฟ)
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=24767
หน้า 1 จากทั้งหมด 3

เจ้าของ:  Peer [ 08 ส.ค. 2009, 22:47 ]
หัวข้อกระทู้:  คิดอย่างไรกับการดูจิต (กระทู้สุมไฟ)

ที่พันทิปเขาโจมตีการดูจิตของหลวงพ่อปราโมทย์กันรุนแรง บอกว่าหลวงพ่อสงบที่เป็นลูกศิษย์หลวงตามหาบัวว่าหลวงพ่อปราโมทย์สอนผิดๆๆๆๆๆๆ

เราปฏิบัติแนวนี้มาโดยตรง เข้าไปเจอเข้า เลยเขวๆ ชักไม่มั่นใจ ภูมิธรรมเราก็ไม่ถึง บอกไม่ได้ว่าใครผิดใครถูก แล้วที่เราปฏิบัติวัดผลได้เป็นไง smiley จะพิสูจน์ด้วยตนเองก็ไม่ได้

แต่ไม่กล้าคิดเลยว่าท่านไหนสอนผิด สยองนรกกินหัวสุดๆ

เพื่อนๆ คิดว่าไง... ดูจิตแบบหลวงพ่อปราโมทย์ดีจริง หรือของปลอม...ทำไมหลวงพ่อสงบถึงว่าผิด

(อันนี้สำหรับคนที่อยากเห็นความรุนแรงของสถาณการณ์... แนะนำว่าถ้่าไม่อยากให้จิตเสีย อย่าดู)

http://www.pantip.com/cafe/religious/to ... 74560.html

เจ้าของ:  กบนอกกะลา [ 08 ส.ค. 2009, 23:16 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: คิดอย่างไรกับการดูจิต (กระทู้สุมไฟ)

คุณลองคิดดูซิ..พวกที่ว่า..นะ..สมาธิก็ไม่เป็น..ศีลก็ไม่รักษา..คอยฟังสุนัขเห่ายังดีมีประโยชน์กว่า..ฟังเจ้าพวกนี้นะครับ..

พวกนี้..พื้น ๆ ..หาธรรมมง ธรรมะอะไรจากพวกนี้..ไม่ได้หรอก..

..ศีล 5 ยังเอาไม่รอด..อวดภูมิ..ไปว่า..คน 227 ..+ อริยะ..เข้า..บอกเขาได้เลยว่า..รักษาตัวให้พ้นนรก..เถอะ..

นี้..ขนาดน้องกบฯ ..คนไกล..นะนี้..คอยดูลูกศิษย์ท่าน..ก็แล้วกัน..

เจ้าของ:  moddam [ 08 ส.ค. 2009, 23:22 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: คิดอย่างไรกับการดูจิต (กระทู้สุมไฟ)

ก็ตามแต่ใครจะปฏิบัติสายไหน

ที่จริง ตอนเริ่มต้นก็ผิดด้วยกันหมดแหละครับ ขนาดพระพุทธเจ้ายัง ทรมานร่างกายตั้ง 6 ปี และค่อยมาดำเนินทางจิต ก็ต้องผิดก่อนแล้วค่อยไปถูกทาง (เอามาจากมุตโตทัย หลวงปู่มั่น)หลวงพ่อปราโมทย์ท่าน ดำเนินมานานมากแล้วครับ ท่านได้ อนาคามี ตั้งแต่ยังไม่ได้บวช ถ้าอยากรู้ประวัติท่าน หาอ่านได้ที่หนังสือ วิมุตติปฏิปทาเล่ม 1 เลยครับ ท่านเขียนไว้เพราะหลวงพ่อพุธท่านสั่งไว้ให้เขียน เผื่อเป็นประโยชน์กับคนรุ่นหลัง

ผมเคยกราบพระอาจารย์สุจินต์ สุจิณฺโณ วัดหนองน้ำเขียว ท่านบอกว่า อย่าไปว่าหลวงพ่อปราโมทย์นะบาป ท่านไม่มี ไม่เป็นแล้ว ท่านสั่งกำชับไว้อย่างนี้ ผมก็ไม่กล้าแม้แต่จะคิดครับ

ส่วนใครถูกใครผิด ก็แล้วแต่ปัญญาเราจะพิจารณาแยกแยะเอาเองว่า จริงหรือไม่

อันนี้ผมบอกได้แค่นี้จะเชื่อหรือไม่อยู่ที่ศรัทธาครับ ผมก็ศรัทธาของผม อย่างนี้ ว่ากันไม่ได้

ส่วนใครศรัทธาอย่างที่ตนเองทำมาก็ ทำไปตามนั้น ค่อยๆ ศึกษาแล้วก็จะเข้าใจเองครับ

tongue cool

เจ้าของ:  เช่นนั้น [ 09 ส.ค. 2009, 00:11 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: คิดอย่างไรกับการดูจิต (กระทู้สุมไฟ)

เช่นนั้นก็ไม่เคยไ้ด้อ่านในเว็ปพันทิป เกี่ยวกับการดูจิต
เท่าที่ฟังจาก ยูทูป หรือ แผ่นซีดีที่ได้รับแจกมา ก็เป็นการตามดูธัมมารมณ์ พัวพันในกามสัญญา
ทำให้สักกายทิฏฐิเจริญ

ไม่มีอะไรแปลก หากจะมีผู้ศรัทธา
และไม่มีอะไรแปลกหากจะไม่มีผู้ศรัทธา

เจ้าของ:  กามโภคี [ 09 ส.ค. 2009, 01:22 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: คิดอย่างไรกับการดูจิต (กระทู้สุมไฟ)

cool

สติปัฏฐานมี ๔ อย่าง (ความหมายคือ ฐานะที่สติเข้าไปตั้งไว้ ๔ อย่าง)

๑.กาย หมายถึงอิริยาบทถทางกายทั้งหมด
๒.เวทนา หมายถึงความรู้สึก สุข ทุกข์ และ เฉย
๓.จิต หมายถึง อารมณ์ที่เกิดขึ้นในจิต
๔.ธรรม หมายถึง การรู้สภาวะกระทบทางอายตนะ ๖ (ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ)

ย่อๆพอเข้าใจก็เท่านี้ก่อน

ในทุกวิธีการปฏิบัติ ก็อ้างอิงจากสติปัฏฐานทั้งนั้น ความจริงแล้ว ไม่ควรมาคิดว่าถูกหรือไม่ เพราะ
ต่างก็นำมาจากสติปัฏฐานด้วยกันหมด ต่างแค่วิธีปฏิบัติ

การดูจิต เท่าที่ตามอ่านๆมา ก็จัดเป็นสติปัฏฐานในข้อที่ ๓ จิตตานุปัสสนา การรู้สภาวะอารมณ์ที่เกิด
ในจิต แล้วรู้ไปตามจริง โดยใจที่เป็นกลางต่ออารมณ์โดยไม่ปรุงแต่งเพิ่ม จากนั้นก็รู้สภาวะอื่นด้วย เช่น
กาย เวทนา ธรรม

ในวิธีอื่นก็คล้ายกัน บางวิธีก็ให้จับอิริยาบทไปเป็นมูลกรรมฐาน หมายถึงกรรมฐานหลัก เมื่อมีสภาวะต่างๆ
เกิดขึ้นทางอื่นเช่น เวทนา จิตธรรม ก็รู้รู้สภาวะนั้นตามจริง นัยก็คล้ายการดูจิต

ทั้งนี้ ก็แล้วแต่ว่า เราจะปฏิบัติทางไหนเหมาะกับเรา ยังตำหนิติเตียนกันไม่ได้ แต่ละวิธีมีอุบายธรรมที่ไม่
เหมือนกัน วิธีการสอนแนะก็ต่างกัน การส่งสอบอารมณ์ก็ต่างกัน วิบากกรรมก็ทำมาไม่เหมือนกัน

การจะตัดสินว่าสิ่งใดเหมาะควรหรือดีที่สุดสำหรับเรา มีตัวชีวัดอยู่ ๒ อย่างคือ
๑.เราต้องปฏิบัติในวิธีนั้นๆก่อน ให้เข้าถึงลักษณะพิเศษของลักษณะนั้นบางอย่างแล้วตัดสิน คือ
๒.วัดว่าอะไรที่ไม่ดีในใจเรา เบาบางลงแค่ไหน ลดลงเท่าไร เพราะการปฏิบัตินั้น แม้ไม่สุดทาง ผล
ก็จะมีปรากฏบ้างแล้ว อย่าตัดสินที่สภาวะอย่างเดียว ต้องตัดสินที่กิเลสเบาลงแค่ไหน เราจะรุ้ดีเลยว่า
ใช่หรือไม่ โดยไม่ต้องให้ใครมาพยากรณ์

ความสำคัญคือ ยังไม่จริงจังกับอะไรซักอย่าง แล้วไปพูดในแง่ร้าย ก็ยังไม่เหมาะ
ไม่ว่าจะรู้ทาง กาย เวทนา จิต ธรรม แต่ถ้ารู้แล้วละไม่ได้ ไม่เบาบางลง ก็คงไม่ใช่การปฏิบัติ
ที่ถูกต้อง อย่างน้อยๆที่ปฏิบัติถูกทางแล้ว จะไม่มีนั่งว่าความต่างของการปฏิบัติเลย เพราะสุดท้าย
จะลงสรุปที่สติปัฏฐานทั้งนั้น

เจ้าของ:  ชาติสยาม [ 09 ส.ค. 2009, 02:13 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: คิดอย่างไรกับการดูจิต (กระทู้สุมไฟ)

เอางี้สิ ถ้ากลัว ไม่แน่ใจ
ก็ไปแนวหลวงพ่อพระครูเกษมธรรมทัต วัดมเหยงค์
ในทางพระถือว่าท่านเป็นปราชญ์รูปหนึ่ง เปรียญ 9 ประโยค ปัญญาของท่านก็ไม่ธรรมดา
ไม่มีใครกล้าไปว่าท่านสอนผิดแน่นอน ลองปฏิบัติแนวท่านดู


แต่ผมจะบอกอะไรให้นะ ผมแอบหลอกคุณไปหาอาจารย์อื่น
แต่ที่จริงก้ต้องทำเหมือนเดิมนั่นแหละ
เพราะว่าทั้งหลวงพ่อปราโมทย์ หลวงพ่อสงบ หลวงตาบัว หลวงพ่อสุรศักดิ์ หลวงพ่อพุธ
ที่ว่ามาทั้งหมดนี้ ท่านสอนเหมือนกันหมดเลย
ศึกษาไปเถอะ เอาสักทางหนึ่ง

ต้นทางมันต่างกัน เพราะกรรมฐานแต่ละอย่างก็เหมาะกับแต่ละคน
มันเป็นเรื่องยากที่เราจะทราบว่าตัวเราเองเหมาะกับกรรมฐานแบบไหน

ถ้าเป็นสมัยพระพุทธเจ้า พระองค์จะทราบว่าเรามีอินทรีย์อย่างไร
ท่านก็จะให้กรรมฐานที่เหมาะกับอินทรีย์ของเรา
แต่สมัยเรามันยาก ที่จะมีครูอาจารย์ท่านไหนมาสืบสาวอดีตชาติให้เราว่า
มารู้มาทราบตื่นลึกหนาบางในเราว่าทำอย่างไรแล้วจะเจริญขึ้น

เราเลยต้องลองดูเอาเอง ว่าแนวไหนทำแล้วเจริญ ทำแล้วคืบหน้า
ทำแล้วเจริญ ทำแล้วคุณภาพจิตใจดีขึ้น
ก็เลยต้องลองดูหลายๆแบบ หลายๆแนว
เราต้องทดลองเอาว่าเราทำอะไรแล้วคืบ จนเจอแนวที่เหมาะกับตัวเองด้วยตัวเอง

บางคนให้มาดุจิตนะ ดุไปหลายปีไม่มีอะไรคืบ
บางคนดูจิตแป๊บๆไม่กี่เดือนก็ฉลาดเฉลียวในพฤติของจิต

ถ้าคุณติดตามการสอนของหลวงพ่อปราโมทย์มากพอ
จะทราบว่าท่านให้กรรมฐานไม่เหมืิอนกันในแต่ละคน
ไม่ใช่ว่าใครมาหาท่านแล้วท่านก็พาดูจิต

แต่ตัวท่านมาทางดุจิต ท่านจึงเป็นผู้เชี่ยวชาญในกรรมฐานแนวนี้
กระนั้นก็ตาม ก่อนท่านจะมาดูจิต ท่านเป็นนักสมาธิตัวยง
แต่ท่านทำมาตั้งนาน ไม่คืบ ก็ไปเสาะแสวงหาครูบาอาจารย์
จนไปพบหลวงปู่ดูลย์ท่านให้กรรมฐาน "ดูจิต"
แล้วท่านก็เล่าอีกว่า ลูกศิษย์แต่ละคนของหลวงปู่ดุลย์ก็ได้กรรมฐานแตกต่างกันไป
ไม่ใช่ว่าได้กรรมฐานดูจิตนะ
นี่ ครูบาอาจารย์ระดับหลวงปู่ดูลย์ี้ ท่านทราบว่าใครมีต้นทุนอย่างไร
ควรจะทำแบบไหนจึงต่อยอดไปได้



หลวงพ่อสงบก็ไม่ใช่ธรรมดา
ถ้าไม่แน่จริง หลวงตาบัวไม่ให้ท่านมาเป็นหัวหมู่กองทัพธรรมแถวภาคกลางหรอก
ผมก็ฟังท่านเทศน์เหมือนกัน แต่บอกได้ว่าท่านเข้าใจผิดเพราะภาษา
ภาษาพาไป ไม่มีอะไรหรอก


ทำไปเถอะ แนวไหนก็ทำไป
ทำแล้วเราสกปรกน้อยลงก็แปลว่าใช้ได้ เราตรวจสอบตัวเองก็พอ

ถ้าทำแล้วยังเป็นแบบคนที่พันทิพย์ที่มันมา
ยุแยงให้สงฆ์แตกกันแบบนี้ เรียกพระแบบขึ้นไอ้ขึ้นหยาบๆคาย
คนประเภทนี้ อย่าไปเชื่อมันแม้แต่คำเดียว มันจะพาลงนรกแบบด่วนพิเศษ

เจ้าของ:  กรัชกาย [ 09 ส.ค. 2009, 07:22 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: คิดอย่างไรกับการดูจิต (กระทู้สุมไฟ)

ที่นี่อีก

http://www.pantip.com/cafe/religious/to ... 27187.html

เจ้าของ:  Peer [ 09 ส.ค. 2009, 11:11 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: คิดอย่างไรกับการดูจิต (กระทู้สุมไฟ)

ไม่ใช่อะไรหรอก


แค่บางทีมันก็น่าน้อยใจ เราปฏิบัิติสุดกำลังศรัทธา สุดสติปัญญา แลพิจารณามามาก เทียบเคียงจนแน่ใจแล้ว แต่พอปฏิบัติไปได้พักหนึ่ง ก็ยิ่งมั่นใจ แต่อยู่ๆมีคนบอกว่าที่เราเรียนๆมามันผิดหมด




ความรู้สึกมันไม่เหมือนกับ ที่เราเรียนแล้วเข้าใจผิด หรือ ที่เราปฏิบัตินั้นผิด แต่มันคือเราหลงไปเรียนที่ผิดตลอด




ขอโทษทุกคนด้วย หากเอาเรื่องกวนใจมาให้ และขอขอบคุณสำหรับทุกความเห็น :b8:

เจ้าของ:  TAKSA [ 09 ส.ค. 2009, 11:30 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: คิดอย่างไรกับการดูจิต (กระทู้สุมไฟ)

Peer เขียน:
ไม่ใช่อะไรหรอก
แค่บางทีมันก็น่าน้อยใจ เราปฏิบัิติสุดกำลังศรัทธา สุดสติปัญญา แลพิจารณามามาก เทียบเคียงจนแน่ใจแล้ว แต่พอปฏิบัติไปได้พักหนึ่ง ก็ยิ่งมั่นใจ แต่อยู่ๆมีคนบอกว่าที่เราเรียนๆมามันผิดหมด
ความรู้สึกมันไม่เหมือนกับ ที่เราเรียนแล้วเข้าใจผิด หรือ ที่เราปฏิบัตินั้นผิด แต่มันคือเราหลงไปเรียนที่ผิดตลอด:

หัดเป็นตัวของตัวเองครับ ถ้ายังทำตัวเป็นคนจิตใจโลเล ผมว่าเออนะ!
หัดฝึกมีสติไว้มากๆ นี้อะไรกันครับไปหมดทั้งกายทั้งใจ แถมยังช่วย
กระจายข่าวอกุศลซะอีก อีกท่านสอนไม่ให้นำคำสอนของท่าน ไปเพื่อการ
ถกเถียงแตกแยก แต่อีกคนกลับเอาคำสอนของท่านมาว่า คุณก็เลือกเอาเอง
ว่าจะเชื่อใคร ปฏิบัติอันไหนแล้วใจเป็นสุขก็เอาอันนั้นเถอะครับ

เจ้าของ:  กรัชกาย [ 09 ส.ค. 2009, 13:27 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: คิดอย่างไรกับการดูจิต (กระทู้สุมไฟ)

Peer เขียน:
ไม่ใช่อะไรหรอก

แค่บางทีมันก็น่าน้อยใจ เราปฏิบัิติสุดกำลังศรัทธา สุดสติปัญญา แลพิจารณามามาก เทียบเคียงจนแน่ใจแล้ว แต่พอปฏิบัติไปได้พักหนึ่ง ก็ยิ่งมั่นใจ แต่อยู่ๆมีคนบอกว่าที่เราเรียนๆมามันผิดหมด

ความรู้สึกมันไม่เหมือนกับ ที่เราเรียนแล้วเข้าใจผิด หรือ ที่เราปฏิบัตินั้นผิด แต่มันคือเราหลงไปเรียนที่ผิดตลอด

ขอโทษทุกคนด้วย หากเอาเรื่องกวนใจมาให้ และขอขอบคุณสำหรับทุกความเห็น :b8:



คุณ จขกท. อย่าน้อยอกน้อยใจไปเลย หากเรามั่นใจวิธีนั้นว่าปฏิบัติแล้วดับทุกข์โทมนัสได้จริงๆ
ทุกข์ลดน้อยลงๆ จากการกระทำนั้น มีสติปัญญารู้แจ้งเข้าใจชีวิต วิธีนั้นใช้ได้ การปฏิบัติของตน
ก็น่าถูกทางแล้ว พึงระลึกไว้ว่า พระพุทธเจ้าทรงสอนเรื่องทุกข์และความดับทุกข์

แต่ถ้าปฏิบัติแล้วๆ แต่เหมือนเพิ่มทุกข์โทษให้ จิตใจเร้าร้อนกระวนกระวาย วิธีนั้นควรทบทวน พร้อมพิจารณาวิธีปฏิบัติของตนด้วย :b16:

เจ้าของ:  เอรากอน [ 09 ส.ค. 2009, 14:36 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: คิดอย่างไรกับการดูจิต (กระทู้สุมไฟ)

กรัชกาย เขียน:
[
แต่ถ้าปฏิบัติแล้วๆ แต่เหมือนเพิ่มทุกข์โทษให้ จิตใจเร้าร้อนกระวนกระวาย วิธีนั้นควรทบทวน พร้อมพิจารณาวิธีปฏิบัติของตนด้วย :b16:


ถ้าสิ่งที่เคยปฏิบัติอยู่ คนอื่นมองว่าเป็นแนวนอกคอก...แต่เรารู้สึกว่ามันรู้สึกดี... ล่ะคะ :b4: :b4:
ปฏิบัติแล้ว สุขกาย สบายใจ ไม่มีเรื่องประหลาด...

แต่ด้วยว่ามีคนอื่นทักน่ะค่ะ ก็เลยต้องปรับกระบวนท่ากลับมาในสายที่เขาว่าดีแล้ว ถูกแล้ว
แต่กลับเจอเรื่องประหลาดน่ะคะ ... :b16: :b16:

อย่างนี้จะทำไงดี...ล่ะคะ

ม้วนเสื่อกลับบ้าน...ไปหาแม่ดีกว่า.... :b32: :b32: :b32:

เจ้าของ:  กรัชกาย [ 09 ส.ค. 2009, 14:41 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: คิดอย่างไรกับการดูจิต (กระทู้สุมไฟ)

เอรากอน เขียน:
กรัชกาย เขียน:
[
แต่ถ้าปฏิบัติแล้วๆ แต่เหมือนเพิ่มทุกข์โทษให้ จิตใจเร้าร้อนกระวนกระวาย วิธีนั้นควรทบทวน พร้อมพิจารณาวิธีปฏิบัติของตนด้วย :b16:


ถ้าสิ่งที่เคยปฏิบัติอยู่ คนอื่นมองว่าเป็นแนวนอกคอก...แต่เรารู้สึกว่ามันรู้สึกดี... ล่ะคะ :b4: :b4:
ปฏิบัติแล้ว สุขกาย สบายใจ ไม่มีเรื่องประหลาด...

แต่ด้วยว่ามีคนอื่นทักน่ะค่ะ ก็เลยต้องปรับกระบวนท่ากลับมาในสายที่เขาว่าดีแล้ว ถูกแล้ว
แต่กลับเจอเรื่องประหลาดน่ะคะ ... :b16: :b16:

อย่างนี้จะทำไงดี...ล่ะคะ

ม้วนเสื่อกลับบ้าน...ไปหาแม่ดีกว่า.... :b32: :b32: :b32:


(ไม่มี) เรื่องประหลาด...

ขอคำจำกัดความ "เรื่องประหลาด" ก่อน อะไรขอรับเรื่องประหลาดๆ :b1:

เจ้าของ:  ariyachon [ 09 ส.ค. 2009, 19:47 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: คิดอย่างไรกับการดูจิต (กระทู้สุมไฟ)

มีคนชอบ ..ก็ต้องมีคนชัง
มีคนชม ..ก็ต้องมีคนด่า
เป็นธรรมดาของโลก
เพราะผู้ที่ไม่ถูกนินทา ..ไม่มีในโลก

สิ่งที่คุณทำนั้นก็คือความดี
คือบารมีอย่างหนึ่ง ที่มันจะสั่งสมข้ามภพชาติได้
ถ้ามีศีลมีธรรม ก็อย่าโลเลไปเลยครับ สิ่งภายนอกก็แค่เข้ามายั่วยุ
กิจผู้อื่นไม่สน สนแต่กิจของตนเท่านั้น

ขอให้เจริญในธรรมครับ


tongue cool

เจ้าของ:  Peer [ 09 ส.ค. 2009, 21:38 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: คิดอย่างไรกับการดูจิต (กระทู้สุมไฟ)

ขอบคุณทุกท่านจริงๆ

ทุกอย่างเกิดจากเราเองที่จิตใจโลเล พอถูกฝ่ายตรงข้ามเขากดดันมา เราก็พูดไม่ได้เต็มปากว่า "เป็นพยานหลวงพ่อ" เพราะภูมิธรรมไม่ถึง ความรู้ก็ไม่มี

คำสอนของหลวงพ่อเปลี่ยนชีวิตเรามาแล้ว แต่เพียงเรายังไม่ได้ "ธรรมะ" ก็เลยพาลโลเลไปกับคำที่ว่า ต้องมีผลการปฏิบัติ

ตราบใดที่ยังไม่ข้ามพ้นความโลเลนี้ไปได้ เราก็ไม่รู้ว่าอาจจะต้องล้มอีกหรือไม่ เพราะศรัทธาไม่แน่นแฟ้นของเราเอง


ขออภัยที่นำไฟนอกเข้ามากวนใจทุกท่าน ขออภัย T.T

เจ้าของ:  กรัชกาย [ 09 ส.ค. 2009, 21:42 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: คิดอย่างไรกับการดูจิต (กระทู้สุมไฟ)

Peer เขียน:
ขอบคุณทุกท่านจริงๆ

ทุกอย่างเกิดจากเราเองที่จิตใจโลเล พอถูกฝ่ายตรงข้ามเขากดดันมา เราก็พูดไม่ได้เต็มปากว่า "เป็นพยานหลวงพ่อ" เพราะภูมิธรรมไม่ถึง ความรู้ก็ไม่มี

คำสอนของหลวงพ่อเปลี่ยนชีวิตเรามาแล้ว แต่เพียงเรายังไม่ได้ "ธรรมะ" ก็เลยพาลโลเลไปกับคำที่ว่า ต้องมีผลการปฏิบัติ

ตราบใดที่ยังไม่ข้ามพ้นความโลเลนี้ไปได้ เราก็ไม่รู้ว่าอาจจะต้องล้มอีกหรือไม่ เพราะศรัทธาไม่แน่นแฟ้นของเราเอง

ขออภัยที่นำไฟนอกเข้ามากวนใจทุกท่าน ขออภัย T.T



คำสอนของหลวงพ่อเปลี่ยนชีวิตเรามาแล้ว

คำสอนข้อใด เปลี่ยนชีวิตในด้านไหนขอรับ :b8:

หน้า 1 จากทั้งหมด 3 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/