ลานธรรมจักร
http://www.dhammajak.net/forums/

ลักษณะ*ของจิตทางพุทธศาสนา
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=23673
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

เจ้าของ:  Bwitch [ 10 ก.ค. 2009, 15:42 ]
หัวข้อกระทู้:  ลักษณะ*ของจิตทางพุทธศาสนา

:b8: บทความนี้คัดลอกมาโดยมิได้ตัดต่อเปลี่ยนแปลงแก้ไขใดๆ ค่ะ :b8:
ทฤษฏีของจิตทางพุทธศาสนา โดยหลวงพ่อจรัญ
จิตจะเกิดขึ้นรับอารมณ์นั้น วิถีหนึ่งมี ๑๗ ขณะใหญ่ และ ๕๑ ขณะเล็ก เมื่อจิตเกิดขึ้นรับอารมณ์ ๑๗ ขณะดับลงแล้ว รูปก็จะดับ ๑ ขณะ เพราะรูปดับช้ากว่าจิตมาก เป็นอยู่เช่นนี้ตลอดไป

จิตมิใช่มันสมอง ทั้งจิตก็มิได้อาศัยอยู่ในสมอง มันสมองเป็นเพียงทางแสดงออกของจิตเท่านั้น แท้จริงจิตอยู่ภายในช่องหนึ่งของหัวใจทีสูบฉีดโลหิตไปเลี้ยงร่างกายนั้นเอง คือ หทัยวัตถุ ที่อาศัยของจิตเป็นบ่อเล็ก ๆ โตเท่าเม็ดบุนนาค และมีน้ำสีต่าง ๆ ๖ สี ประมาณ ๑ ฟายมืออันเป็นการแสดงจริตหรืออุปนิสัยของผู้นั้น ข้อนี้พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงไว้มาก ท่านผู้ใดสงสัยไปถามอาตมาได้ยินดี

ที่ตั้งที่อาศัยอยู่ของจิต (มิใช่กล้ามเนื้อหัวใจทั้งหมด) นั้นประกอบขึ้นมาได้ด้วยกำลังของกรรม กรรมที่เคยกล่าวมาแล้วว่าไม่มีรูปร่างหน้าตาตัวตนนั่นเอง ได้สร้างที่ตั้งอาศัยของจิต เรียก กัมมชรูป และกำลังของกรรมก็ปกปักษ์รักษารูปนี้ไว้ตลอดเวลาที่ยังมีชีวิตอยู่ ถ้ากรรมมิได้รักษาที่ตั้งที่อาศัยของจิตไว้แล้ว จิตก็ไม่อาจตั้งอยู่ได้ ผู้นั้นก็จะถึงแก่ความตายทันที สันนกาลตอนท้าย ๆ กัมมชรูปทำให้หทัยวัตถุ คือ รูปอันเป็นที่ตั้งอาศัยของจิตอ่อนกำลังลงเต็มที ที่ตั้งที่อาศัยหมดกำลังที่ทรงตัวอยู่ด้วยดีเหมือนกับรถไฟที่กำลังวิ่งมา ขณะที่ถึงสะพานข้ามแม่น้ำ สะพานข้าแม่น้ำชำรุดเสียแล้ว ดังนั้นรถไฟก็จะต้องชะลอฝีจักรลง มิฉะนั้นก็จะตกจากสะพานลงไป ขณะนี้ใกล้จะถึงความตายมาก คนไข้ถูกโมหะครอบคลุม ขาดสติ ความรู้สึกของคนไข้จาก ตา หู จมูก ลิ้น กาย อาจจะหมดลงและเมื่อถึงท้ายวิถีของมรณาสันนกาล กัมมชรูปก็เริ่มจะดับ คือ ตามธรรมดา กัมมชรูปย่อมจะดับ และเกิดทดแทนกันอยู่ทุกขณะจิต ครั้นแต่ถึงปฐม ภวังค์ของมรณาสันนวิถีไปจนถึงจุติ กัมมชรูปจะดับโดยไม่มีการเกิดทดแทนอีกเลย เมื่อถึงจุติติดกันนั้นก็ปฏิสนธิ ต่อจากนั้นจิตก็เป็นภวังค์

กำลังของกรรมที่ส่งให้ไปปฏิสนธินั้น สืบเนื่องมาแต่มรณาสันนกาล เช่น ได้ยินเสียงพระสวดมนต์ จิตก็รับอารมณ์สวดมนต์ในมรณาสันนกาลเป็นตัวส่งให้ไปปฏิสนธิ เพราะยังมีกำลังมากกว่า ส่วนในมรณาสันนวิถีเป็นแต่รับอารมณ์กรรม กรรมนิมิต คตินิมิต มาจากมรณาสันนกาลแล้วสืบต่อไปจนถึงจุติเท่านั้น และเพราะเหตุที่กัมมชรูปเริ่มดับโดยไม่เกิดอีกมาตั้งแต่ภวังค์ดวงที่ ๑ ในมรณาสันนวิถีจนถึงดวงที่ ๑๗ จุติ คือ ดับหรือตายจึงได้เกิดขึ้น เพราะไม่สามารถจะตั้งอยู่ได้อีกต่อไป

:b44: :b45: :b46: :b47: :b48: :b49: :b50: :b44:

มีศัพท์ธรรมะเยอะแยะ เข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้างค่ะ
เรียนเชิญกัลยาณมิตร ท่านผู้รู้ โปรดแสดงอรรถาธิบายเป็นธรรมทานนะคะ :b8:

เจ้าของ:  ขงเบ้งเทพแห่งกลยุทธ์ [ 10 ก.ค. 2009, 21:08 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ทฤษฏีของจิตทางพุทธศาสนา

Bwitch เขียน:
ทฤษฏีของจิตทางพุทธศาสนา หลวงพ่อจรัญ
จิตจะเกิดขึ้นรับอารมณ์นั้น วิถีหนึ่งมี ๑๗ ขณะใหญ่ และ ๕๑ ขณะเล็ก เมื่อจิตเกิดขึ้นรับอารมณ์ ๑๗ ขณะดับลงแล้ว รูปก็จะดับ ๑ ขณะ เพราะรูปดับช้ากว่าจิตมาก เป็นอยู่เช่นนี้ตลอดไป

จิตมิใช่มันสมอง ทั้งจิตก็มิได้อาศัยอยู่ในสมอง มันสมองเป็นเพียงทางแสดงออกของจิตเท่านั้น แท้จริง
อ้างคำพูด:
จิตอยู่ภายในช่องหนึ่งของหัวใจทีสูบฉีดโลหิตไปเลี้ยงร่างกายนั้นเอง คือ หทัยวัตถุ ที่อาศัยของจิตเป็นบ่อเล็ก ๆ โตเท่าเม็ดบุนนาค และมีน้ำสีต่าง ๆ ๖ สี ประมาณ ๑ ฟายมืออันเป็นการแสดงจริตหรืออุปนิสัยของผู้นั้น

ข้อนี้พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงไว้มาก ท่านผู้ใดสงสัยไปถามอาตมาได้ยินดี

ที่ตั้งที่อาศัยอยู่ของจิต (มิใช่กล้ามเนื้อหัวใจทั้งหมด) นั้นประกอบขึ้นมาได้ด้วยกำลังของกรรม กรรมที่เคยกล่าวมาแล้วว่าไม่มีรูปร่างหน้าตาตัวตนนั่นเอง ได้สร้างที่ตั้งอาศัยของจิต เรียก กัมมชรูป และกำลังของกรรมก็ปกปักษ์รักษารูปนี้ไว้ตลอดเวลาที่ยังมีชีวิตอยู่ ถ้ากรรมมิได้รักษาที่ตั้งที่อาศัยของจิตไว้แล้ว จิตก็ไม่อาจตั้งอยู่ได้ ผู้นั้นก็จะถึงแก่ความตายทันที สันนกาลตอนท้าย ๆ กัมมชรูปทำให้หทัยวัตถุ คือ รูปอันเป็นที่ตั้งอาศัยของจิตอ่อนกำลังลงเต็มที ที่ตั้งที่อาศัยหมดกำลังที่ทรงตัวอยู่ด้วยดีเหมือนกับรถไฟที่กำลังวิ่งมา ขณะที่ถึงสะพานข้ามแม่น้ำ สะพานข้าแม่น้ำชำรุดเสียแล้ว ดังนั้นรถไฟก็จะต้องชะลอฝีจักรลง มิฉะนั้นก็จะตกจากสะพานลงไป ขณะนี้ใกล้จะถึงความตายมาก คนไข้ถูกโมหะครอบคลุม ขาดสติ ความรู้สึกของคนไข้จาก ตา หู จมูก ลิ้น กาย อาจจะหมดลงและเมื่อถึงท้ายวิถีของมรณาสันนกาล กัมมชรูปก็เริ่มจะดับ คือ ตามธรรมดา กัมมชรูปย่อมจะดับ และเกิดทดแทนกันอยู่ทุกขณะจิต ครั้นแต่ถึงปฐม ภวังค์ของมรณาสันนวิถีไปจนถึงจุติ กัมมชรูปจะดับโดยไม่มีการเกิดทดแทนอีกเลย เมื่อถึงจุติติดกันนั้นก็ปฏิสนธิ ต่อจากนั้นจิตก็เป็นภวังค์

กำลังของกรรมที่ส่งให้ไปปฏิสนธินั้น สืบเนื่องมาแต่มรณาสันนกาล เช่น ได้ยินเสียงพระสวดมนต์ จิตก็รับอารมณ์สวดมนต์ในมรณาสันนกาลเป็นตัวส่งให้ไปปฏิสนธิ เพราะยังมีกำลังมากกว่า ส่วนในมรณาสันนวิถีเป็นแต่รับอารมณ์กรรม กรรมนิมิต คตินิมิต มาจากมรณาสันนกาลแล้วสืบต่อไปจนถึงจุติเท่านั้น และเพราะเหตุที่กัมมชรูปเริ่มดับโดยไม่เกิดอีกมาตั้งแต่ภวังค์ดวงที่ ๑ ในมรณาสันนวิถีจนถึงดวงที่ ๑๗ จุติ คือ ดับหรือตายจึงได้เกิดขึ้น เพราะไม่สามารถจะตั้งอยู่ได้อีกต่อไป

:b44: :b45: :b46: :b47: :b48: :b49: :b50: :b44:

มีศัพท์ธรรมะเยอะแยะ เข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้างค่ะ
เรียนเชิญกัลยาณมิตร ท่านผู้รู้ โปรดแสดงอรรถาธิบายเป็นธรรมทานนะคะ :b8:



อ้างคำพูด:
จิตอยู่ภายในช่องหนึ่งของหัวใจทีสูบฉีดโลหิตไปเลี้ยงร่างกายนั้นเอง คือ หทัยวัตถุ ที่อาศัยของจิตเป็นบ่อเล็ก ๆ โตเท่าเม็ดบุนนาค และมีน้ำสีต่าง ๆ ๖ สี ประมาณ ๑ ฟายมืออันเป็นการแสดงจริตหรืออุปนิสัยของผู้นั้น



อันนี้พระพุทธเจ้าไม่ได้กล่าวไว้นะงับ แต่เป็นการอธิบายของพระอรรถคาถาจารย์งับ

หลวงพ่อ ปราโมทย์ท่านกล่าวไว้เช่นนี้นะงับ

แล้วปัจจุบันแพทย์ผ่าไปแล้วก็ไม่มีน้ำ 6 สีนะงับ

เจ้าของ:  Bwitch [ 10 ก.ค. 2009, 21:13 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ทฤษฏีของจิตทางพุทธศาสนา

รูปภาพ
:b43: อนุโมทนาสาธุ รับทราบค่ะ :b43:

เจ้าของ:  Bwitch [ 10 ก.ค. 2009, 21:21 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ทฤษฏีของจิตทางพุทธศาสนา

:b8: ขอถามต่อนะคะ :b8:

จิตไม่ใช่รูป แต่เป็นนาม

หรือจะเป็นการอรรถาธิบายนาม โดยรูปธรรมเพื่อให้มองเห็นชัดเจนยิ่งขึ้น เข้าใจง่ายขึ้น

เจ้าของ:  ขงเบ้งเทพแห่งกลยุทธ์ [ 11 ก.ค. 2009, 21:50 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ทฤษฏีของจิตทางพุทธศาสนา

Bwitch เขียน:
:b8: ขอถามต่อนะคะ :b8:

จิตไม่ใช่รูป แต่เป็นนาม

หรือจะเป็นการอรรถาธิบายนาม โดยรูปธรรมเพื่อให้มองเห็นชัดเจนยิ่งขึ้น เข้าใจง่ายขึ้น



นามธรรมนะงับ


ในการปฎิบัติธรรมที่แท้จริงแล้ว คือการเข้าไป ดูความเกิดดับ ของ รูป นาม

รูป เห็นได้ง่ายๆอยู่แล้วงับ

ก็คือมหาภูตรูปทั้ง 4

ก็คือ ดิน น้ำ ไฟ ลม ทั้วไปละงับ

แต่ดินน้ำไฟลม ในอภิธรรมก็ต่างจากในที่ชาวบ้านรู้กันนะงับ



เอาง่ายๆนะงับ จิตใจ ดีชั่ว


สามารถจับต้องได้มั้ยงับ รู้ว่ามี แล้ว นิยามก็มี


แต่จับต้องไม่ได้มองไม่เห็น ก็เป็นนามละงับ นามธรรม

เจ้าของ:  Bwitch [ 11 ก.ค. 2009, 22:54 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ทฤษฏีของจิตทางพุทธศาสนา

:b8: อนุโมทนาสาธุค่ะ :b8:

เจ้าของ:  ขงเบ้งเทพแห่งกลยุทธ์ [ 12 ก.ค. 2009, 00:17 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ทฤษฏีของจิตทางพุทธศาสนา

อ้างคำพูด:
ทฤษฏีของจิตทางพุทธศาสนา


อยากจะขอให้เปลี่ยนชื่อนะงับ

คำว่าทฤษฏี แปลว่าเห็นนะงับ

แต่จิตไม่สามารถมองเห็นไปนะงับ

เพราะว่าเกิดดับต่อกันเร็วมาก

เปลี่ยนเป็น ลักษณะจิตทางพระพุทธศาสนาดีกว่านะงับ

เจ้าของ:  Bwitch [ 12 ก.ค. 2009, 20:37 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ลักษณะ*ของจิตทางพุทธศาสนา

:b8: ขออนุโมทนาค่ะ
ดิฉันแก้ไขหัวข้อกระทู้ตามคำแนะนำแล้ว ส่วนบทความด้านในขอคงไว้ตามเดิมนะคะ

เจ้าของ:  ขงเบ้งเทพแห่งกลยุทธ์ [ 14 ก.ค. 2009, 02:54 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ลักษณะ*ของจิตทางพุทธศาสนา

Bwitch เขียน:
:b8: ขออนุโมทนาค่ะ
ดิฉันแก้ไขหัวข้อกระทู้ตามคำแนะนำแล้ว ส่วนบทความด้านในขอคงไว้ตามเดิมนะคะ



สาธุงับ

หน้า 1 จากทั้งหมด 1 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/